Masukชายหนุ่มดึงนิ้วตัวเองออกจากโพรงถ้ำคับแคบก่อนจะย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่พอดีหว่างขาของหญิงสาวพลางใช้มือดึงบิกินีออกจากข้อเท้าของเธอ ดันขาเรียวให้พาดกับบ่า ถกปลายเดรสของเธอขึ้นไปถึงเอวก่อนจะดันสะโพกของเธอขึ้นเล็กน้อยพลางก้มใบหน้าลงเพื่อลิ้มลองความหวานจากการพรมจูบ
ค่อยๆ ลากไล้เรียวปากไปจนถึงจุดกึ่งกลางก่อนใช้ลิ้นอุ่นกระหวัดโลมเลีย ดูดคลึงกรีบแคมสลับจุดเสียวซ่านลิ้มลองความหวานจากหญิงสาวที่ปลดปล่อยออกมา ลิ้นอุ่นกระหวัดลิ้มลองความหวานไม่นานนักร่างบางกระตุกเกร็งพร้อมกับเสียงครางหวานออกมาอีกครั้งปลุกเร้าให้ชายหนุ่มไม่คิดรีรอ เมื่อร่างกายสาวเจ้าพร้อมแล้วที่เขาจะลิ้มลองมากกว่าความหวาน เขาจึงผละใบหน้าออกจากหว่างขาของเธอพลางลุกขึ้นยืนจับเธอพลิกให้หันหน้าเข้าหากำแพงห้องน้ำ
“เอามือยันกำแพงไว้หนูนิด อาสัญญาจะทะนุถนอมหนูนิด…ให้หนูมีความสุข”
เขาดันสะโพกหญิงสาวประชิดกับความเป็นชายของตัวเองที่ตุงออกมา ถูมันเบาๆ เพื่อกระตุ้นอารมณ์ของเธอให้โอนอ่อนมากขึ้น แม้เธอจะทำตามที่เขาบอกทุกขั้นตอนก็ตาม ร่างกายของเธอพร้อมมากแค่ไหนแต่สาวเจ้าก็ยังมีการขัดขืนอยู่เล็กน้อยเพื่อพยายามมองหน้าของเขาให้ชัดมากขึ้นเพราะความรู้สึกคุ้นเคยกับน้ำเสียง
“อือ...คุณอา คุณอา...อ๊า...คุณอาของเอมเหรอคะ” หญิงสาวพึมพำเสียงกระเส่าเมื่อคุ้นเคยกับน้ำเสียง ทว่าคำพูดของเธอทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเธอรับรู้เสียทีว่าเป็นเขา แต่สิ่งที่ทำให้เขาขัดใจก็ตรงที่เธอจำได้ว่าตนเป็นอาของเชอเอม
“อาของหนูนิด พูดสิครับ อาของหนูนิด” อัฐพลโน้มตัวไปแนบลงบนตัวขนิษฐา เคลื่อนใบหน้าประชิดศีรษะก่อนจะกระซิบบอกร่างบางที่เริ่มเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่หว่างขาอีกครั้ง
“อา...อื๊อ อาของหนูนิด อ๊า...”
ขนิษฐาเคลิบเคลิ้ม รู้สึกซาบซ่านไปทั่วกาย โอนอ่อนพูดตามที่ชายหนุ่มต้องการอย่างไม่ติดขัด มือเล็กยันกำแพงไว้เพียงข้างเดียว อีกมือวางลงบนแขนแกร่งข้างที่กำลังลูบร่องเนื้อนุ่มของเธอจนน้ำหวานไหลออกมาชุ่ม เผยความพร้อมอย่างเต็มที่ รอเพียงชายหนุ่มมอบความเป็นชายให้แก่เธอจนแถบจะรอไม่ไหว
ทว่า ภายใต้จิตสำนึกของหญิงสาวก็อยากจะผลักชายหนุ่มให้ออกจากตัว แต่ความปรารถนาที่เธอมีทำให้ยอมรับว่ามันสามารถเอาชนะจิตใต้สำนึกให้แพ้ไป เหลือเพียงความปรารถนาที่มันเอ่อล้นยินยอมให้อาของเพื่อนสัมผัสเรือนร่างของตนอย่างไม่รังเกียจ ยินยอมให้เขาได้ครอบครองร่างกายของเธอเป็นคนแรกอย่างไม่ลังเล
“หนูพร้อมแล้วจริงๆ อาสัญญา อาจะทำให้หนูนิดมีความสุขที่สุดในคืนนี้” อัฐพลกระซิบบอกเสียงกระเส่า ก่อนจะรูดซิปกางเกงออกดันมันลงไปที่ต้นขาพร้อมกับกางเกงใน
ทันทีที่เขาถอดกางเกงออกก็เผยความใหญ่โตของท่อนเนื้อที่เด้งออกมาชนกับร่องเนื้อนุ่มจนหญิงสาวครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน มุมปากยกขึ้นอย่างพอใจที่เธอชอบและไม่คิดปฏิเสธ หนำซ้ำยังเด้งสะโพกสวนกลับมาอย่างเชื่องช้า ต้องการบอกว่าเธอพร้อมและแถบรอเขาไม่ไหว
“อื๊อ...”
เธอร้องครางอย่างประท้วงเพื่อให้เขาทำให้เธอมีความสุขอย่างที่ได้บอกไว้
ชายหนุ่มยกยิ้มหวานก่อนจะละมือจากร่องสวาทมาจับความเป็นชายของตัวเองที่ใหญ่โตถูกับร่องเนื้อนุ่มอยู่สองสามครั้งก่อนจะค่อยๆ ดันความเป็นชายที่ขยับขยายขึ้นพร้อมความแข็งที่เตรียมสัมผัสความอ่อนนุ่มของหญิงสาว เพียงเขาดัน ‘ของ’ ของเขาเข้าไปเพียงส่วนปลายก็สัมผัสได้ถึงความคับแน่นที่ ‘ไม่เคย’ มาก่อน พลันเขาก็ชะงักมองสาวเจ้าพลางขมวดคิ้ว
“หนูยังไม่เคย!?”
“อะ อืม...จะ เจ็บ”
เสียงกระเส่าด้วยความเจ็บปะปนความซาบซ่านไปทั่วกายจนทำให้หัวใจรู้สึกสะท้านดังขึ้นคล้ายจะบอกให้ชายหนุ่มหยุดทุกอย่าง แต่ทว่าเธอไม่ได้ต้องการเช่นนั้นเมื่อความอ่อนนุ่มของเธอตอดรัดความใหญ่โตของเขาจนเจ้าของมันแถบทนไม่ไหว ค่อยๆ ดันความเป็นชายที่ขยับขยายใหญ่ไปจนมิดลำ เขานิ่งค้างให้เธอได้ปรับสภาพจากความเจ็บเป็นความเสียวซ่านแทนและไม่ใช่เพียงเขาที่ต้องการให้เธอคลายความเจ็บที่หว่างขา แต่เพื่อตนด้วยที่ปวดหนึบกับความคับแน่น
แม้จะนิ่งค้างให้คลายความปวดหนึบแต่มือใหญ่ไม่ปล่อยให้ว่าง ยังคงทำหน้าที่ปลุกเร้าอารมณ์หญิงสาวให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น มือใหญ่ลูบไล้บั้นท้ายกลมกลึงของเธอก่อนจะสอดมือเข้าภายใต้ชุดเดรสจนชุดเลิกขึ้นสูงเพื่อเคลื่อนมือขึ้นไปกอบกุมทรวงอก เขาจัดการที่ปิดจุกออกอย่างง่ายดายก่อนจะนวดคลึงความอวบอิ่มพลางใช้นิ้วเกี่ยยอดปทุมถันที่ชูชัน
“อ๊า...อา อาอัฐ...” หญิงสาวครางกระเส่าพลางพิงกำแพงห้องน้ำ ยกสะโพกรับความอุ่นวาบและความวาบหวามที่แปลกใหม่ ความซาบซ่านที่แผ่ไปทั่วเรือนร่างให้ร้อนรุ่ม สั่นสะท้านจนขาแถบยืนไม่ไหว
ชายหนุ่มไม่รีรออีกต่อไปเมื่อร่างกายหญิงสาวพร้อมรับเต็มที่ เขาจึงค่อยๆ ขยับความเป็นชายอย่างเชื่องช้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป มือยังคงลูบไล้ บีบคลึงให้เธอซาบซ่านแทนที่ความเจ็บปวดที่ถูกเสียดสีเป็นครั้งแรก เสียงครวญครางหวานยังคงดังขึ้นทุกครั้งที่เขาขยับสะโพก เฉกเช่นเดียวกับเธอที่สวนสะโพกกลับอย่างไม่ประสีประสากับการสอดใส่ครั้งแรก แถมยัง ‘สด’ เสียด้วย
เสียงครางหวานยังคงดังขึ้นทุกครั้งที่การกระแทกกระทั้นแรงขึ้น เร่าร้อนขึ้น สลับช้าบ้างเร็วบ้างทุกครั้งที่ร่างของหญิงสาวกระตุกเมื่อถึงจุดสูงสุดของความเสียวซ่าน บทรักที่แสนเร่าร้อนและหวานล้ำยังคงดำเนินต่อไปไม่สนใจผู้คนที่แวะเวียนมาใช้ห้องน้ำ
เมื่อชายหนุ่มได้กลายเป็นคนแรกของเธอในคืนนี้และความรู้สึกแปลกใหม่อย่างไม่เคยพบมาก่อนหรือสัมผัสมาก่อน ทำให้ทั้งเขาและเธอจมลงสู่ทุ่งดอกไม้ที่เต็มไปด้วยความหวานล้ำ ร้อนแรงจากพระอาทิตย์ที่สาดส่องและความสุขสมจนหัวใจสั่นสะท้าน ความซาบซ่านแผ่ทั่วยามทุกครั้งที่ทั้งสองขยับร่างกายรับกันไปสวนกันมาจนเวลาล่วงเลยไปนานอย่างไม่รู้จบ
เฉกเช่นเดียวกับเสียงครางกระเส่าทุกครั้งที่ร่างกายขยับเขยื้อนด้วยท่วงท่าเร่งร้อน ร่องเนื้อนุ่มถูกกระแทกอย่างร้อนแรงทว่ายังคับแน่นตอดรัดความเป็นชายของร่างสูง มือใหญ่ยังคงรัดเอวบางพลางกดกระแทกจนมิดลำทุกครั้งอย่างหนักหน่วง
เน้นย้ำและร้อนแรง...
เรือนร่างทั้งสองแนบชิดไม่ห่างการไปกับค่ำคืนที่แสนยาวใกล้ ความร้อนระอุของกายที่แผ่ซ่านให้กันและกันยากที่จะถอดถอนความปรารถนาของคำคืนนี้ได้
เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เธอหลุดมือไปได้
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดพลาดและเขาตั้งใจที่จะใช้เรื่องนี้กผูกมัดตัวเธอกับเขาให้ดิ้นไม่หลุดและไม่มีหมาตัวไหนมาคาบไปได้
เป็นอันขาด!
แสงแดดยามสายของวันสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนปลุกให้เชอเอมตื่นจากภวังค์เมื่อแสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องกระทบลงบนเปลือกตา หญิงสาวยกมือขึ้นมาบังแสงแดดพลางขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดใจก่อนเปลี่ยนมากุมขมับฉับพลันเมื่ออาการปวดศีรษะแล่นปราดขึ้นมาจนต้องร้องโอดครวญออกมาก่อนพลิกตัวนอนตะแคงข้างกุมขมับ “ปวดหัวชะมัด ไม่น่าดื่มเข้าไปเยอะเลยเรา” เสียงหวานบ่นอุบกับตนเองก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งอย่างยากลำบากเมื่ออาการปวดศีรษะยิ่งทวีคูณขึ้น แต่แล้วความรู้สึกเย็นวาบทั่วทั้งตัวส่วนบนก็ทำให้หญิงสาวชะงัก อาการปวดศีรษะทุเลาลงลืมตาขึ้นด้วยความฉงนก่อนมองไปรอบๆ จึงพบว่าตนไม่ได้นอนอยู่ในห้องนอนตัวเอง แต่แล้วสายตาไปสะดุดลงที่กรอบรูปหัวเตียงของอัฐพลจึงรับรู้ได้ว่าตนค้างคืนที่ห้องของผู้เป็นอา ทว่า ขณะที่เชอเอมกำลังเรียบเรียงสติและความทรงจำเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อคืนก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีแขนหนักๆ ของใครบางคนมาพาดลงบนหน้าตักของตัวเอง หญิงสาวจึงก้มลงมองแขนแกร่งที่อยู่บนตักแต่ไม่เท่ากับความน่าตกใจที่ได้พบว่าตัวเองกำลังเปลือยเปล่า เธอรีบปัดแขนแกร่งออกจากตักพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาห่อ
เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่งไพเราะรับเข้ากับเสียงลมและเสียงธรรมชาติชวนให้ขนิษฐาที่นั่งอยู่บนผ้าปูริมชายหาดระบายยิ้มรับสายลมอย่างมีความสุขพลางหลับตาพริ้มสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ยิ่งเพิ่มรอยยิ้มยิ้มให้กว้างขึ้นเมื่อเวลานี้เธอสามารถยิ้มได้อย่างไม่ติดขีดใดๆ ได้อีกเมื่อความสุขที่แท้จริงได้ก่อเกิดขึ้นในชีวิตของเธอแล้ว เมื่อเสียงหัวเราะใสอย่างสนุกสนานของลูกชายวัยห้าขวบที่กำลังวิ่งหยอกล้อกับผู้เป็นพ่ออยู่เบื้องหน้า ขนิษฐาเปิดเปลือกตาขึ้นมามองภาพอัฐพลกำลังวิ่งไล่จับลูกชายก่อนจะจับได้พลางยกขึ้นจากพื้นทรายเพื่อเล่นให้ลูกชายรู้สึกหวาดเสียวอย่างสนุกสนานและชอบใจ มือเล็กที่เท้ากับพื้นยกขึ้นมาเพียงหนึ่งข้างเพื่อลูบวนเบาๆ ที่หน้าท้องนูนของตนที่มีอายุครรภ์ในหกเดือน หญิงสาวมองสามีและลูกชายอย่างมีความสุขอย่างเต็มความรู้สึกหลังเหตุการณ์มากมายผ่านพ้นไป พลันฉุกคิดถึงตนเองที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลอีกครั้งแม้จะพบว่าลูกของหญิงสาวปลอดภัยแต่ก็ควรระวังไม่ให้ออกแรงด้วยเพราะเจอเหตุการณ์และการกระทบกระเทือนมา จนคนเป็นพ่อลูกชายวัยห้าขวบกังวลจนเธอแทบทำอะไรเองไม่ได้จัดการให้ทุกอย่างจนแพทย์สั่งให้กลั
“นี คุณหยุดเถอะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา” จิระภัทรพูดเตือนสติบ้าง“ไม่ต้องพูด คุณบอกฉันว่าเป็นศัตรูกับอัฐไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ดูสนิทสนมกันล่ะคะ” เสาวนีหันมาพูดพลางเล็งปืนออกมาที่ทุกคน“ผมเป็นคนส่งเพื่อนผมเข้าหาคุณเอง ผมผิดเอง...นี ผมขอโทษ คุณยังมีโอกาสที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นนะ” อัฐพลตอบพลางขยับเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ พร้อมจิระภัทรอย่ารู้กันดีเมื่อเห็นเสาวนีไม่ทันตั้งตัวเซนโซก้าซึ่งเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองกำลังเข้ารวบตัวเสาวนีจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังเผลอ เขาจึงคิดเข้าไปช่วยน้องสาวแต่แล้วความเคลื่อนไหวของเขากลับทำให้เสาวนีจับได้จึงบันดาลโทสะออกมา“หยุดนะ! อย่าคิดเข้ามาแม้แต่คนเดียว ฉันยิงนังนี้กับลูกในท้องแน่” เสาวนีตวาดลั่นพลางเล็งปืนสะเปะสะปะไปมาในจังหวะนั้นเองที่อัฐพลตัดสินใจชำเลืองตามองจิระภัทรพลางพยักหน้าอย่างรู้กันก่อนก้าวเท้าเข้าไปล็อกตัวหญิงสาวทันทีให้ออกห่างจากขนิษฐาอย่างไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวจนสำเร็จ ทว่าปืนกลับลั่นขึ้นหนึ่งนัดสร้างความตกใจแก่ทุกคน ต่างพากันมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองที่กกำลังกอดรัดหญิงสาวเพียงคนเดียวล้มลงไปนอนกับพื้นปัง!ทุกคนให้ความสนใจที่คนทั้งสามโดนไม่ทันสังเกตขนิษฐ
“คุณแค่จะใช่เธอเป็นตัวประกันต่อกรกับมันหมอนั่นไม่ใช่เหรอนี” “ใช่ค่ะ แต่บังเอิญมันท้องฉันเลยต้องทำหลักประกันให้ไม่มีข้อบกพร่องยังไงล่ะคะ คนอย่างอัฐไม่มีทางปล่อยให้ลุกในท้องนังเด็กนั่นเป็นอะไรแน่...หลักประกันชิ้นดีเลยนะคะ” “แต่นั่นเด็กนะนี เด็กทียังไม่...” “เด็กแล้วยังไงล่ะคะ เจตน์ ความจริงตอนนี้คุณไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว หน้าที่ของคุณแค่ทำให้ไฟที่งานดับและพาตัวมันมาให้ฉันที่นี่เท่านั้น!” เสียงคนกำลังมีปากเสียงกันปลุกให้ขนิษฐารู้สึกตัวตื่น ไม่เพียงเสียงผู้คนแต่ยังมีลมเย็นที่ปะทะผิวกายจึงทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวจนเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันพลางค่อยๆ ไล่เรียงความทรงจำหลังไฟดับสาวเจ้าผละออกจากอัฐพลพลางหันมองซ้ายขวาท่ามกลางความมืดด้วยความตกใจก่อนจะรู้สึกมีคนเข้ามาประชิดจากด้านหลังพร้อมกับใช้บางอย่างประกบลงที่จมูกและปากของตนก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป จนกระทั่งตอนนี้ เธอเปิดเปลือกตาขึ้นจึงพบว่าตนกำลังถูกมัดกับเสาบางอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคือเสาอะไรและไม่เพียงรู้ว่าตนถูกมัดติดเอาไว้แน่น แต่ยังรับรู้ว่าตนกำลังอยู่บนดาดฟ้าของบริษั
“สาวน้อยของแม่ ยังไม่ได้มีแค่คำอวยพรจากพ่อแต่ยังมีจากแม่ด้วยนะ...แม่ไม่มีคำพูดอวยพรอะไรมากมายแต่แม่จะขอให้ลูกพบกับสิ่งล้ำค่าอีกชิ้นที่กำลังมีหัวใจดวงน้อยในท้องของหนู ต่อจากนี้ก็เป็นข่าวดีที่จะบอกว่าแม่จะอยู่ที่ไทยจนกว่าหลานแม่จะคลอด” เขมมิกามองสามีและลูกสาวด้วยรอยยิ้มก่อนพูดออกไป ยื่นมือไปลูบศีรษะลูกสาวด้วยความรัก“มาพูดกันแบบนี้ ทำให้หนูไม่อยากให้พ่อกับแม่กลับกันเลยนะคะ” ขนิษฐาพูดขึ้นอย่างออดอ้อนเมื่อได้รับความรักจากพ่อและแม่ของตนท่านทั้งสองส่งยิ้มให้กับลูกสาวก่อนจะหันไปมองทางประตูห้องเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น ขนิษฐาอาสาเดินไปดูบุคคลที่มาเยือนในเวลา พลันฉุกคิดได้ว่าอาจเป็นเซนโซก้าที่กลับจากฮ่องคนแต่แล้วก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปหากเป็นพี่ชายก็คงไม่กดกริ่งเช่นนี้ทั้งที่เธอเคยบอกพร้อมยื่นกุญแจห้องสำรองเอาไว้แล้วก่อนอีกฝ่ายเดินทาง แต่แล้วเมื่อหญิงสาวเปิดประตูจึงพบกับอัฐพลที่กำลังยืนถือกล่องสีดำกำมะหยี่พร้อมรอยยิ้มทันทีที่เห็นเธอ“คุณอาไม่ได้เข้าบริษัทไปเตรียมงานเหรอคะ” สาวเจ้าถามหลังหันกลับมาจากหันไปมองพ่อและแม่ของตน“ไปมาแล้วและกลับมาเพื่อเอาสร้อยข้อมือมาให้หนูนิดใส่กับชุด” ชายหนุ่มตอบพล
ขนิษฐานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นแม่และพ่อขงอตนด้วยความรู้สึกผิดหลังเล่าทุกอย่างให้พวกท่านได้รับรู้ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่ตนกำลังตั้งครรภ์ลูกของอัฐพล ปฏิกิริยาตกใจแกมนิ่งอึ้งของท่านทั้งสองไม่ได้ผิดคาดไปจากที่ครุ่นคิดเอาไว้ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องผิดอย่างไม่น่าให้อภัยในฐานะลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว “หนูขอโทษพ่อกับแม่นะคะกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น” หญิงสาวกระพุ่มมือขึ้นมาก้มลงกราบลงที่ตักผู้เป็นพ่อก่อนก้มลงกราบผู้เป็นแม่ตาม ผละออกห่างมองพวกท่านทั้งสองอีกครั้ง สาวเจ้ารู้ตัวเองว่าตนทำผิดและทำตัวให้พวกท่านทั้งสองผิดหวังในตัวเธอโดยเฉพาะกับผู้เป็นแม่ที่แสดงสีหน้าราบเรียบจนเธอดูไม่ออกว่าทันกำลังคิดหรือกำลังรู้สึกเช่นไร ต่างจากผู้เป็นพ่อที่แม้จะแสดงสีหน้าตกใจแกมเสียใจอยู่น้อยๆ แต่ท่านยังมีสีหน้าให้พอเดาออกว่ากำลังรู้สึกเช่นไร “พ่อผิดหวังในตัวลูกที่มีความคิดอะไรก็ไม่รู้ไม่ยอมบอกเขาเสียที” ซานเซสชำเลืองมองภรรยาที่รักก่อนพ่นลมหายใจออกมาเพื่อรวบรวมสติให้มั่นก่อนตัดสินใจพูดออกมาเมื่อภรรยาเอาแต่นั่งนิ่งมองหน้าลูกสาว ด้วยเพราะตนนึกเป







