แชร์

บทนำ 2

ผู้เขียน: กวินทร์แก้ว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-16 23:09:48

     มือใหญ่ของอัฐพลลากปลายนิ้วลงบนกรอบรูปสีขาวอย่างอ้อยอิ่ง สายตาคมมองรูปถ่ายหญิงสาวยืนหันหลังให้กับกล้องมีเพียงใบหน้าสวยหวานเปื้อนรอยยิ้มสดใสหันมาด้านข้างให้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าที่อยู่ด้านในกรอบรูป

     อัฐพลแทบคลั่งที่ต้องมานั่งคิดถึงหญิงสาวในรูป จินตนาการระบายความใคร่เพียงคนเดียวเพื่อปลดปล่อยความอึดอัดที่กึ่งกลางกายของตัวเองทุกครั้ง อดนึกเสียดายไม่ได้หากตนไม่ตัดสินใจแอบถ่ายรูปสาวเจ้าเก็บไว้ คงสร้างความหงุดหงิดใจให้กับตัวเองไม่น้อยกว่านี้เป็นแน่

     สายตาคมละจากใบหน้าเสี้ยวด้านข้างของหญิงสาวในรูปหันไปมองที่หน้าประตูระเบียงห้องนอนที่เปิดแง่มไว้ เสียงเฮฮาสนุกสนานของหลานสาวอย่างเชอเอมดังลอดเข้ามาภายในห้องนอน ทว่าเรียกความสนใจเขาไม่ได้มากเท่าเสียงหวานใสของใครบางคนที่ดังตามเข้ามา แม้จะยังไม่เห็นใบหน้าแต่เขายังจดจำได้ดีว่ามันเป็นน้ำเสียงของใครอย่างไม่คิดลืมเลือน ทั้งที่ผ่านมาสี่เดือนแล้วเขายังจำเสียงนั้นได้ดี

     ‘ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณอา’

     น้ำเสียงหวานและรอยยิ้มสดใสยังคงติดตรึงใจเขาอยู่เสมอ ทวงท่ายังประจักษ์อยู่ในสายตาคม ผิวพรรณขาวลออตาภายในชุดเดรสขับผิวน้อยๆ

     ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานสีดำวัสดุเนื้อดีหลังโต๊ะทำงานภายในห้องนอน เดินลงบันไดบนชั้นลอยต่ำผ่านชั้นวางหนังสือสูงเกือบติดเพดานห้องกั้นกลางระหว่างโต๊ะทำงานและเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ ก้าวเดินตรงไปยังริมระเบียงห้องนอนก่อนยกมือใหญ่ขึ้นดันประตูกระจกให้เปิดกว้าง ก้าวออกไปยืนที่ระเบียงห้องล้วงมือลงภายในกระเป๋ากางเกง จ้องมองไปยังกลุ่มหญิงสาวที่กำลังสนทนากันอย่างสนุกสนาน ทั้งที่บนโต๊ะภายใต้หลังคาศาลายุโรปทรงแปดเหลี่ยมเต็มไปด้วยสมุดและกระดาษขนาดเอสี่ตั้งอยู่กลางสวนหลังบ้าน

     ทว่า แม้ภายใต้ศาลายุโรปทรงแปดเหลี่ยมนั้นจะมีหญิงสาวหน้าตาสวยหวานไม่น้อยไปกว่าหลานสาวของตัวเอง แต่มีเพียงหนึ่งคนที่เขาไม่อาจละสายตาไปไหนได้อีกเมื่อได้เจอเธออีกครั้ง

     “หนูนิด”

     ปากบางเผยอขึ้นเปล่งเสียงเรียกชื่อเล่นหนึ่งในหญิงสาวทั้งห้าคนแผ่วเบา พลันเรียวปากยกยิ้ม สายคาคมพิศวงหน้าสาวเจ้าด้วยดวงตาหมาป่าที่เจอเหยื่อแสนอร่อยอยู่ตรงหน้าเตรียมทะยานตัวพุ่งตะครุบเหยื่อให้อยู่ในอุ้งมือโดยไวในเวลาอันเหมาะสมเพื่อไม่ให้เหยื่อหลุดจากกรงเล็บไปได้อีกแล้ว

     อัฐพลมองวงหน้าหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนหมุนตัวก้าวเท้าเดินกลับเข้ามาภายในห้องนอนตรงไปยังประตูห้องเพื่อลงไปยังชั้นล่างทานมื้อกลางวันที่ห้องทานอาหาร เฉกเช่นเดียวกับกลุ่มหญิงสาวที่ร้องโอดครวญด้วยความหิวดังลอยมาไกลๆ

     “ยายเอม ฉันหิวแล้วอ่ะ พักเรื่องรายงานก่อนได้มั้ย พวกแกหิวกันหรือยัง” วาสนาวางปากกาในมือลงร้องขึ้นด้วยความหิวพลางมองไปหาคนอื่นเพื่อหาแรงหนุน

     “ฉันก็หิวแล้วนะเอม” ขนิษฐาพูดขึ้นสั้นๆ พลางพยักหน้า

     เพียงประโยคสั้นๆ ของเธอกลับทำให้ร่างสูงของอัฐพลไม่รั้งรอฟังคนอื่นอีกต่อไป เขาก้าวเดินหายเข้าไปด้านในโดยไม่มีใครรู้ว่าถูกคุณอาของเพื่อนมองลงมาที่พวกตนและหายกลับเข้าไปในห้องอย่างเงียบเฉียบ ทว่าไม่ใช่กับขนิษฐาที่เจ้าตัวรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองมาจึงหันไปยังทิศทางที่สัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้ แต่ก็พบเพียงแผ่นหลังกว้างของคนร่างสูงที่กำลังเดินหายกลับเข้าไปด้านใน ซึ่งเธอก็ไม่ทราบว่าเป็นห้องของใครก่อนจะรีบลุกพลางหาของหนักมาวางทับกระดาษเมื่อเชอเอมเอ่ยเร่งเรียกให้ตามเข้าไปด้านใน

     เมื่อทั้งห้าสาวเดินเข้ามายังห้องทานอาหารก็พบกับชายร่างสูงนั่งอยู่หัวโต๊ะกำลังทานมื้อกลางวันอยู่เพียงคนเดียว ครั้งแรกที่ทั้งสามสาวเพื่อนของเชอเอมเห็นก็ต่างพากันยกยิ้มกรุ้มกริ่มมองชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูสมาร์ตแต่เย็นชา เว้นก็แต่ขนิษฐาที่รู้สึกคุ้นใบหน้าของเขาคล้ายเคยเจอที่ไหนแต่ก็นึกไม่ออกแกมฉงนว่าคนตรงหน้าเป็นใคร หากจะเป็นพี่ชายก็คงไม่ใช่เพราะเพื่อนของตนไม่มีพี่ชายแท้ๆ ส่วนพ่อของเพื่อนก็ทำความรู้จักกันตั้งแต่ย่างกายเข้ามาที่นี่เมื่อเช้า

     ดูยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้ เขาเป็นใครกันนะ...

     แต่ก่อนที่ขนิษฐาจะฉงนใคร่รู้หาคำตอบไปมากกว่านี้ เชอเอมก็ไขข้อข้องใจให้กับสาวๆ ทั้งสี่ด้วยการก้าวเดินไปหาชายร่างสูงที่เงยใบหน้าขึ้นมามองพลางวางช้อนลงก่อนจะวางมือลงบนบ่ากว้างทั้งสองก่อนเอ่ยปากแนะนำให้เพื่อนทั้งสี่รู้จักผู้เป็นอาของตนอย่างเต็มใจนำเสนอรายงานอย่างไรอย่างนั้น

     “เห็นหนุ่มหล่อที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณอาของฉันเอง อาอัฐ...อัฐพลรองประธานบริษัทที่เป็นหนุ่มเนื้อหอมสุดๆ เลยล่ะ โดยเฉพาะสาวๆ นางแบบ”

     “แนะนำอาให้เพื่อนรู้จักแบบนี้ อาก็ดูแย่ในสายตาเพื่อนของเอมน่ะสิ” อัฐพลพูดขึ้นเสียงทุ้มละมุนจนเพื่อนของเชอเอมทั้งสามสาวยืนส่งยิ้มกว้างอย่างหุบไม่มิดเมื่ออาของเพื่อนแกล้งเย้ากลับหลานสาวด้วยท่าทางอ่อนโยน ก่อนจะหันกลับมามองที่เพื่อนของหลานสาวพร้อมรอยยิ้มอย่างที่ไม่มีใครรู้เลยว่ารอยยิ้มของเขาถูกส่งไปให้ขนิษฐาที่ยืนยิ้มให้เพื่อนทั้งสามอยู่ด้านหลัง

“หยุดยิ้มเลยนะคะอาอัฐ เพื่อนหนูมันจะหลงเสน่ห์เอาได้ มาๆ มานั่งกินข้าวไปพร้อมกับอาอัฐเลยแล้วกัน อาอัฐไม่ถือใช่มั้ยคะ” เชอเอมทำท่ายกมือขึ้นมาแบออกเพื่อปิดรอยยิ้มอยู่ระดับปากขอผู้เป็นอาแต่ไม่ได้ปิดแนบไว้อย่างรักษามารยาทระหว่างหลานกับอาพลางกวักมือเรียกเพื่อนให้เดินมานั่งลงประจำที่เพื่อทานมื้อกลางวัน ก่อนจะแกล้งย่นจมูกใส่เมื่ออัฐพลแกล้งเย้ากลับมาพลางให้คำตอบกลับไป หันไปพูดกับเพื่อนๆ ในท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มนึกสนุกเมื่อได้เห็นเพื่อนๆ ตื่นเต้นที่ได้เจอกับอาของตน

“อาไม่ถือ จะถือก็ตรงที่เอมไม่แนะนำเพื่อนให้อาได้รู้จักเสียที”

“แบบนี้ก็ต้องแนะนำกันเองค่ะ สาวๆ เชิญแนะนำกันเองเลยนะจ๊ะ แต่ห้ามจีบนะ ฉันหวง”

“แหม...หนูชื่อว่านค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณอา” วาสนาทำเสียงขึ้นจมูกใส่เชอเอมด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเองเป็นคนแรกพลางเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเชอเอมซึ่งอยู่ข้างอัฐพลทางด้านขวา

“ส่วนหนูชื่อเจนนี่ค่ะ วันนี้ขอฝากท้องที่บ้านด้วยนะคะ” เจนจิราเป็นคนถัดไปก่อนจะเดินมานั่งลงข้างวาสนา

“น้ำหวานค่ะ” อังคนาแนะนำตัวสั้นๆ พลางเดินตามเจนจิรามานั่งลง

เมื่อเพื่อนทั้งสามแนะนำตัวจนครบและเดินไปนั่งกันเรียบร้อย ขนิษฐาจึงตัดสินใจเดินอ้อมท้ายโต๊ะอาหารมานั่งลงข้างเชอเอมก่อนจะแนะนำตัวเองออกไปไม่ให้เสียมารยาท เพราะอาของเพื่อนกำลังจ้องมาที่เธอด้วยรอยยิ้มอย่างรอคอยให้ตนพูดออกไป

“หนูนิดค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณอา” ขนิษฐาส่งยิ้มบางอย่างมีมารยาทก่อนจะหลุบตาลงหลบสายตาคมของอาเพื่อนที่มองมายังตนด้วยความรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่ก็อดลอบมองไม่ได้ด้วยความคุ้นใบหน้าหล่อคมของคุณอาเพื่อน

“ยินดีที่ได้รู้จัก...หนูนิด”

อัฐพลส่งยิ้มให้กับทุกคนก่อนจะดึงสายตากลับมาที่ขนิษฐาพลางเปรยเรียกชื่อเล่นหญิงสาวราวกับคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นัยน์ตาฉายแววลุ่มลึกอย่างที่คนมองก็ไม่เข้าใจ แต่ทว่าไม่มีใครสังเกตเห็นความแปลกที่เกิดขึ้นจากคำพูดของเขายกเว้นคนถูกเรียกชื่ออย่างสาวเจ้าที่หลุบตาลงอีกครั้งพลางเสมองไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันกลับมาสนใจจานอาหารที่เด็กในบ้านนำมาเสิร์ฟ จัดการทานมันลงท้องโดยไม่ร่วมวงสนทนากับเพื่อนๆ ที่เกิดคำถามมากมายส่งให้กับคุณอาของเพื่อน

ทว่า แม้ปากบางจะเปิดขึ้นตอบคำถามพลางยกยิ้มแต่สายตาคมคอยลอบมองใบหน้าด้านข้างของขนิษฐาที่ก้มหน้าก้มตาทานมื้อกลางวันอย่างไม่คิดเงยหน้าขึ้นมามองหรือร่วมวงกับเพื่อนๆ ของเธอ ถึงแม้จะมีบ้างที่สาวเจ้าหันมาตอบคำถามเชอเอมยามที่ถูกถามและทุกครั้งที่หันกลับมาตอบก็ต้องสบนัยน์ตาลุ่มลึกของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ พลันรอยยิ้มพราวเสน่ห์ก็ถูกส่งให้กับเธอทุกครั้ง

บังเอิญเสียจริง เธอไม่เพียงเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกับเชอเอมแต่ยังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันเสียนั่น

ชายหนุ่มนึกขันกับความบังเอิญในใจพลางมองหญิงสาวที่รีบหันหน้าหนีเมื่อสบสายตาเขาอีกครั้ง รอยยิ้มขันจึงปรากฏขึ้นจางๆ เมื่อเห็นสาวเจ้าแอบยกมือขึ้นมาตบเบาๆ ที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง

ใจเต้นหรือ...สาวน้อย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณอาเพื่อน   ตอนพิเศษ

    แสงแดดยามสายของวันสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนปลุกให้เชอเอมตื่นจากภวังค์เมื่อแสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องกระทบลงบนเปลือกตา หญิงสาวยกมือขึ้นมาบังแสงแดดพลางขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดใจก่อนเปลี่ยนมากุมขมับฉับพลันเมื่ออาการปวดศีรษะแล่นปราดขึ้นมาจนต้องร้องโอดครวญออกมาก่อนพลิกตัวนอนตะแคงข้างกุมขมับ “ปวดหัวชะมัด ไม่น่าดื่มเข้าไปเยอะเลยเรา” เสียงหวานบ่นอุบกับตนเองก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งอย่างยากลำบากเมื่ออาการปวดศีรษะยิ่งทวีคูณขึ้น แต่แล้วความรู้สึกเย็นวาบทั่วทั้งตัวส่วนบนก็ทำให้หญิงสาวชะงัก อาการปวดศีรษะทุเลาลงลืมตาขึ้นด้วยความฉงนก่อนมองไปรอบๆ จึงพบว่าตนไม่ได้นอนอยู่ในห้องนอนตัวเอง แต่แล้วสายตาไปสะดุดลงที่กรอบรูปหัวเตียงของอัฐพลจึงรับรู้ได้ว่าตนค้างคืนที่ห้องของผู้เป็นอา ทว่า ขณะที่เชอเอมกำลังเรียบเรียงสติและความทรงจำเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อคืนก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีแขนหนักๆ ของใครบางคนมาพาดลงบนหน้าตักของตัวเอง หญิงสาวจึงก้มลงมองแขนแกร่งที่อยู่บนตักแต่ไม่เท่ากับความน่าตกใจที่ได้พบว่าตัวเองกำลังเปลือยเปล่า เธอรีบปัดแขนแกร่งออกจากตักพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาห่อ

  • คุณอาเพื่อน   บทส่งท้าย

    เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่งไพเราะรับเข้ากับเสียงลมและเสียงธรรมชาติชวนให้ขนิษฐาที่นั่งอยู่บนผ้าปูริมชายหาดระบายยิ้มรับสายลมอย่างมีความสุขพลางหลับตาพริ้มสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ยิ่งเพิ่มรอยยิ้มยิ้มให้กว้างขึ้นเมื่อเวลานี้เธอสามารถยิ้มได้อย่างไม่ติดขีดใดๆ ได้อีกเมื่อความสุขที่แท้จริงได้ก่อเกิดขึ้นในชีวิตของเธอแล้ว เมื่อเสียงหัวเราะใสอย่างสนุกสนานของลูกชายวัยห้าขวบที่กำลังวิ่งหยอกล้อกับผู้เป็นพ่ออยู่เบื้องหน้า ขนิษฐาเปิดเปลือกตาขึ้นมามองภาพอัฐพลกำลังวิ่งไล่จับลูกชายก่อนจะจับได้พลางยกขึ้นจากพื้นทรายเพื่อเล่นให้ลูกชายรู้สึกหวาดเสียวอย่างสนุกสนานและชอบใจ มือเล็กที่เท้ากับพื้นยกขึ้นมาเพียงหนึ่งข้างเพื่อลูบวนเบาๆ ที่หน้าท้องนูนของตนที่มีอายุครรภ์ในหกเดือน หญิงสาวมองสามีและลูกชายอย่างมีความสุขอย่างเต็มความรู้สึกหลังเหตุการณ์มากมายผ่านพ้นไป พลันฉุกคิดถึงตนเองที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลอีกครั้งแม้จะพบว่าลูกของหญิงสาวปลอดภัยแต่ก็ควรระวังไม่ให้ออกแรงด้วยเพราะเจอเหตุการณ์และการกระทบกระเทือนมา จนคนเป็นพ่อลูกชายวัยห้าขวบกังวลจนเธอแทบทำอะไรเองไม่ได้จัดการให้ทุกอย่างจนแพทย์สั่งให้กลั

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 35/2

    “นี คุณหยุดเถอะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา” จิระภัทรพูดเตือนสติบ้าง“ไม่ต้องพูด คุณบอกฉันว่าเป็นศัตรูกับอัฐไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ดูสนิทสนมกันล่ะคะ” เสาวนีหันมาพูดพลางเล็งปืนออกมาที่ทุกคน“ผมเป็นคนส่งเพื่อนผมเข้าหาคุณเอง ผมผิดเอง...นี ผมขอโทษ คุณยังมีโอกาสที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นนะ” อัฐพลตอบพลางขยับเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ พร้อมจิระภัทรอย่ารู้กันดีเมื่อเห็นเสาวนีไม่ทันตั้งตัวเซนโซก้าซึ่งเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองกำลังเข้ารวบตัวเสาวนีจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังเผลอ เขาจึงคิดเข้าไปช่วยน้องสาวแต่แล้วความเคลื่อนไหวของเขากลับทำให้เสาวนีจับได้จึงบันดาลโทสะออกมา“หยุดนะ! อย่าคิดเข้ามาแม้แต่คนเดียว ฉันยิงนังนี้กับลูกในท้องแน่” เสาวนีตวาดลั่นพลางเล็งปืนสะเปะสะปะไปมาในจังหวะนั้นเองที่อัฐพลตัดสินใจชำเลืองตามองจิระภัทรพลางพยักหน้าอย่างรู้กันก่อนก้าวเท้าเข้าไปล็อกตัวหญิงสาวทันทีให้ออกห่างจากขนิษฐาอย่างไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวจนสำเร็จ ทว่าปืนกลับลั่นขึ้นหนึ่งนัดสร้างความตกใจแก่ทุกคน ต่างพากันมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองที่กกำลังกอดรัดหญิงสาวเพียงคนเดียวล้มลงไปนอนกับพื้นปัง!ทุกคนให้ความสนใจที่คนทั้งสามโดนไม่ทันสังเกตขนิษฐ

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 35/1

    “คุณแค่จะใช่เธอเป็นตัวประกันต่อกรกับมันหมอนั่นไม่ใช่เหรอนี” “ใช่ค่ะ แต่บังเอิญมันท้องฉันเลยต้องทำหลักประกันให้ไม่มีข้อบกพร่องยังไงล่ะคะ คนอย่างอัฐไม่มีทางปล่อยให้ลุกในท้องนังเด็กนั่นเป็นอะไรแน่...หลักประกันชิ้นดีเลยนะคะ” “แต่นั่นเด็กนะนี เด็กทียังไม่...” “เด็กแล้วยังไงล่ะคะ เจตน์ ความจริงตอนนี้คุณไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว หน้าที่ของคุณแค่ทำให้ไฟที่งานดับและพาตัวมันมาให้ฉันที่นี่เท่านั้น!” เสียงคนกำลังมีปากเสียงกันปลุกให้ขนิษฐารู้สึกตัวตื่น ไม่เพียงเสียงผู้คนแต่ยังมีลมเย็นที่ปะทะผิวกายจึงทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวจนเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันพลางค่อยๆ ไล่เรียงความทรงจำหลังไฟดับสาวเจ้าผละออกจากอัฐพลพลางหันมองซ้ายขวาท่ามกลางความมืดด้วยความตกใจก่อนจะรู้สึกมีคนเข้ามาประชิดจากด้านหลังพร้อมกับใช้บางอย่างประกบลงที่จมูกและปากของตนก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป จนกระทั่งตอนนี้ เธอเปิดเปลือกตาขึ้นจึงพบว่าตนกำลังถูกมัดกับเสาบางอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคือเสาอะไรและไม่เพียงรู้ว่าตนถูกมัดติดเอาไว้แน่น แต่ยังรับรู้ว่าตนกำลังอยู่บนดาดฟ้าของบริษั

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 34/5

    “สาวน้อยของแม่ ยังไม่ได้มีแค่คำอวยพรจากพ่อแต่ยังมีจากแม่ด้วยนะ...แม่ไม่มีคำพูดอวยพรอะไรมากมายแต่แม่จะขอให้ลูกพบกับสิ่งล้ำค่าอีกชิ้นที่กำลังมีหัวใจดวงน้อยในท้องของหนู ต่อจากนี้ก็เป็นข่าวดีที่จะบอกว่าแม่จะอยู่ที่ไทยจนกว่าหลานแม่จะคลอด” เขมมิกามองสามีและลูกสาวด้วยรอยยิ้มก่อนพูดออกไป ยื่นมือไปลูบศีรษะลูกสาวด้วยความรัก“มาพูดกันแบบนี้ ทำให้หนูไม่อยากให้พ่อกับแม่กลับกันเลยนะคะ” ขนิษฐาพูดขึ้นอย่างออดอ้อนเมื่อได้รับความรักจากพ่อและแม่ของตนท่านทั้งสองส่งยิ้มให้กับลูกสาวก่อนจะหันไปมองทางประตูห้องเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น ขนิษฐาอาสาเดินไปดูบุคคลที่มาเยือนในเวลา พลันฉุกคิดได้ว่าอาจเป็นเซนโซก้าที่กลับจากฮ่องคนแต่แล้วก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปหากเป็นพี่ชายก็คงไม่กดกริ่งเช่นนี้ทั้งที่เธอเคยบอกพร้อมยื่นกุญแจห้องสำรองเอาไว้แล้วก่อนอีกฝ่ายเดินทาง แต่แล้วเมื่อหญิงสาวเปิดประตูจึงพบกับอัฐพลที่กำลังยืนถือกล่องสีดำกำมะหยี่พร้อมรอยยิ้มทันทีที่เห็นเธอ“คุณอาไม่ได้เข้าบริษัทไปเตรียมงานเหรอคะ” สาวเจ้าถามหลังหันกลับมาจากหันไปมองพ่อและแม่ของตน“ไปมาแล้วและกลับมาเพื่อเอาสร้อยข้อมือมาให้หนูนิดใส่กับชุด” ชายหนุ่มตอบพล

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 34/4

    ขนิษฐานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นแม่และพ่อขงอตนด้วยความรู้สึกผิดหลังเล่าทุกอย่างให้พวกท่านได้รับรู้ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่ตนกำลังตั้งครรภ์ลูกของอัฐพล ปฏิกิริยาตกใจแกมนิ่งอึ้งของท่านทั้งสองไม่ได้ผิดคาดไปจากที่ครุ่นคิดเอาไว้ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องผิดอย่างไม่น่าให้อภัยในฐานะลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว “หนูขอโทษพ่อกับแม่นะคะกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น” หญิงสาวกระพุ่มมือขึ้นมาก้มลงกราบลงที่ตักผู้เป็นพ่อก่อนก้มลงกราบผู้เป็นแม่ตาม ผละออกห่างมองพวกท่านทั้งสองอีกครั้ง สาวเจ้ารู้ตัวเองว่าตนทำผิดและทำตัวให้พวกท่านทั้งสองผิดหวังในตัวเธอโดยเฉพาะกับผู้เป็นแม่ที่แสดงสีหน้าราบเรียบจนเธอดูไม่ออกว่าทันกำลังคิดหรือกำลังรู้สึกเช่นไร ต่างจากผู้เป็นพ่อที่แม้จะแสดงสีหน้าตกใจแกมเสียใจอยู่น้อยๆ แต่ท่านยังมีสีหน้าให้พอเดาออกว่ากำลังรู้สึกเช่นไร “พ่อผิดหวังในตัวลูกที่มีความคิดอะไรก็ไม่รู้ไม่ยอมบอกเขาเสียที” ซานเซสชำเลืองมองภรรยาที่รักก่อนพ่นลมหายใจออกมาเพื่อรวบรวมสติให้มั่นก่อนตัดสินใจพูดออกมาเมื่อภรรยาเอาแต่นั่งนิ่งมองหน้าลูกสาว ด้วยเพราะตนนึกเป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status