“อา...อา...” ที่รักส่งเสียงออกมาพร้อมกับชี้นิ้วน้อย ๆ ของเธอไปตรงทางแยกด้านขวามือ
หลังแยกจากสมร วรรณารีได้เข็นซาเล้งเลี้ยวไปทางซอยด้านซ้ายเพื่อกลับบ้าน แต่ไม่นึกเลยว่าลูกสาวเธอจะส่งเสียงประท้วงและชี้นิ้วไปยังทิศตรงกันข้ามแทน
วรรณารียิ้มและมองลูกอย่างขบขันในความรู้มากของเธอ “วันนี้เราออกมานานแล้วนะลูก ใกล้เที่ยงแล้ว ตะวันแรง แม่ว่าเรากลับบ้านกันดีกว่า แม่กลัวหนูจะไม่สบายเอา”
“อืออ...” เด็กหญิงยังคงชี้นิ้วไปอย่างขัดขืน รอบดวงตาเริ่มแดงและมีน้ำเปียก ๆ เอ่อขึ้นมาแบบปริ่ม ๆ เรียกได้ว่าหากโดนขัดใจเพิ่มอีกเพียงนิดเด็กหญิงก็พร้อมจะแผดเสียงและน้ำตาร่วงเผาะออกมาได้ในทันที
“เอาล่ะ แม่จะพาหนูเดินเล่นอีกหน่อยก็ได้ แต่อีกแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นนะ หลังจากนั้นเราต้องกลับบ้านกันทันที ตกลงไหม” วรรณารีพูดเหมือนกำลังคุยกับเด็กที่รู้ความแล้ว
“อะ...” แต่เด็กหญิงกลับตอบตกลงเหมือนฟังเข้าใจเสียอย่างนั้นทำเอาคนเป็นแม่อดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้
“อูว...อู...” ทันใดนั้นเอง ที่รักที่นอนเอียงหน้ามองลอดซี่กรงของรถซาเล้งมาตลอดทางก็ส่งเสียงออกมาดัง ๆ พร้อมชี้มือไปยังประตูรั้วของบ้านทรงยุโรปหลังหนึ่ง
“อูว...” เธอชี้ไปที่ตรงนั้นไม่หยุดพร้อมกับเหลียวหน้ามองแม่อยู่หลายรอบ
“บ้านคนอื่นนะลูก เราเข้าไปไม่ได้เดี๋ยวโดนจับ” วรรณารีพูดกับลูกเบา ๆ
“อ๊ะ...” ที่รักไม่ยอมแพ้ ส่งเสียงดังขึ้นไปอีก
และเสียงอันดังของเด็กทารกกับท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของคนเป็นแม่ก็ไปสะดุดตาชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งที่กำลังเปิดประตูบ้านออกมาพอดี ฝ่ายหญิงเป็นคนไทยส่วนฝ่ายชายเป็นชาวตะวันตก
หญิงคนนั้นยืนมองวรรณารีอยู่ชั่วครู่ก่อนจะยิ้มและกวักมือเรียกเธอให้เดินเข้ามาใกล้
“น้องรับซื้อของเก่าอยู่ใช่ไหม” ที่หญิงวัยกลางคนคนนั้นตะโกนถามออกมาอย่างมั่นใจเพราะเห็นป้ายประกาศรับซื้อของเก่าที่ติดอยู่ข้างซาเล้งนั่นเอง
“ใช่ค่ะ พี่จะขายอะไรคะ” วรรณารีตอบกลับพร้อมกับเข็นรถเดินเข้าไปใกล้หญิงชายคู่นั้น
“ขายอะไรกันล่ะ พี่ยกให้ฟรี กระสอบฟางสองกระสอบนี้แหละ เป็นพวกเอกสารเก่ากับใบแจ้งหนี้ น้องยกไปได้เลย” เธอชี้ไปยังกระสอบฟางสีขาวใบใหญ่สองใบที่จุกระดาษข้างในแบบอัดแน่น ดู ๆ แล้วน่าจะหนักประมาณสิบกิโลกรัมได้
“ไม่ดีมั้งคะพี่ ของซื้อของขาย ให้ฉันคิดเงินให้ดีกว่าค่ะ แต่คงได้ไม่เยอะมากนะ ตอนนี้กระดาษโลละไม่ถึงสามบาท”
ฝ่ายเจ้าของบ้านโบกมือปฏิเสธ “ของพวกนี้พี่ตั้งใจจะทิ้งพอดี ดีเสียอีกที่น้องมาแถวนี้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาแบกขึ้นรถไปหาที่ทิ้ง พี่กับแฟนกำลังจะไปขึ้นเครื่องกลับต่างประเทศด้วย แค่นี้ก็สายแล้ว” ท่าทางการพูดอย่างเร่งรีบของเธอทำให้วรรณารีไม่คิดจะพูดปฏิเสธเพื่อหน่วงเวลาคู่สามีภรรยาอีก เธอจึงได้แต่ยิ้มรับและยกมือไหว้ขอบคุณก่อนยกกระสอบฟางใส่ในซาเล้งและเข็นเดินออกจากบ้านนั้นมาอย่างอารมณ์ดี
“จิ๊ดริดเป็นดาวนำโชคของแม่แท้ ๆ ถ้าลูกไม่ให้เดินมาทางนี้แม่คงไม่ได้ของฟรีแบบนี้หรอก” วรรณารีเอ่ยชมเชยลูกยกใหญ่ ขณะที่ฝ่ายลูกสาวนั้นได้แต่นอนยิ้มอย่างพอใจ ถ้าใครอื่นมาเห็นอาจถูกมองว่าดูคล้ายไม่ใช่เด็กวัยสามเดือนเอาเสียเลย
เมื่อกลับถึงบ้าน เธอจัดแจงทำความสะอาดเนื้อตัวให้ลูกและป้อนนมจนที่รักนอนหลับสนิท หลังจากนั้นก็เข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารมื้อเย็นสำหรับตัวเองและสาย
พอจัดการในครัวเรียบร้อยแล้ว วรรณารีได้เดินมาหน้าบ้านเพื่อจัดการกับกระดาษที่ได้มาฟรี ๆ ในวันนี้ เมื่อเปิดดูก็พบว่าส่วนมากจะเป็นซองจดหมายที่ด้านในเป็นใบแจ้งหนี้ของบัตรเครดิตและใบแจ้งค่าบริการประเภทต่าง ๆ เธอจึงเทซองจดหมายเหล่านั้นออกมากองข้างนอกเพื่อเตรียมคัดแยก ตรงส่วนเอกสารด้านในนั้นแค่แยกเอกสารสีและเอกสารขาวดำไว้เป็นกอง ๆ เพราะราคารับซื้อต่างกัน แต่สำหรับซองเปล่าด้านนอกจำเป็นต้องตัดพลาสติกสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ตรงหน้าซองทิ้งก่อนจะไปรวมขายเป็นกระดาษ ไม่อย่างนั้นร้านรับซื้อของเก่าจะคัดทิ้ง
อย่าเห็นว่าเป็นแค่ซองเปล่าที่มีน้ำหนักเบา เพราะถ้านำซองพวกนี้มารวม ๆ กันก็ได้น้ำหนักหลายกิโลกรัม ได้เงินเพิ่มมาอีกหลายบาท สำหรับวรรณารีแล้วเงินแค่ยี่สิบห้าสตางค์ก็มีค่าสำหรับเธอ
วรรณารีนั่งลงและหยิบซองจดหมายแต่ละซองขึ้นมาเพื่อนำเอกสารด้านในออก บางซองก็มีการเปิดอ่านแล้ว บางซองก็ยังคงปิดผนึกอย่างแน่นหนา
“เอ๊ะ!”
หลังจากคัดแยกซองจดหมายมาได้สักระยะ เธอก็เห็นความผิดปกติในซองล่าสุดที่หยิบมาเปิด ซองจดหมายนี้ได้ผ่านการเปิดจากเจ้าของมาแล้วแต่ด้านในก็ยังคงมีเอกสารอัดแน่นจนโป่งนูน และเมื่อเปิดดูเธอก็รู้สาเหตุที่ทำให้ซองจดหมายโป่งนูนผิดปกติ
วรรณารีดึงกระดาษสีเทาและสีม่วงที่มีอย่างละสองใบออกมาจากซองจดหมายมือไม้สั่น แล้วค่อย ๆ คลี่กระดาษที่พับทบอยู่ให้ตึง กระดาษนี้มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าความยาวประมาณฝ่ามือคน เป็นกระดาษที่ทุกคนใฝ่หา แม้บางครั้งจะต้องบาดเจ็บหรือตายเพราะมันแต่ทุกคนก็ยอมที่จะได้มันมา เพราะเจ้ากระดาษทั้งสี่ใบนี้คือธนบัตรที่สามารถจับจ่ายใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
วรรณารีนำธนบัตรจำนวนสามพันบาทมาตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่าไม่ใช่ของปลอม หญิงสาวใจเต้นตึกตักไม่หยุดที่จู่ ๆ เงินสามพันบาทก็ลอยเข้ามาอยู่ในมืออย่างไม่คาดฝันแบบนี้
เงินสามพันบาทที่อยู่ในซองน่าจะเป็นค่าบริการตามหน้าบิลที่เจ้าของเดิมเตรียมไว้จ่ายแต่ลืมเสียก่อนเพราะเลขที่ระบุค่าบริการตรงกับธนบัตรที่แนบไว้พอดี เวลานี้วรรณารีจึงได้แต่กล่าวขอโทษและขอบคุณเจ้าของเดิมในใจเท่านั้น
หลังจากนั้น เธอก็แกะดูซองใบแจ้งหนี้อื่น ๆ อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีการแนบธนบัตรลักษณะนี้ไว้อีกสิบกว่าซอง นับทั้งหมดแล้ววันนี้เธอได้เงินจากสวรรค์ทั้งสิ้นเกือบสี่หมื่นบาท ถึงจะดูว่าเป็นจำนวนน้อยในสายตาคนอื่น แต่สำหรับวรรณารีแล้ว เงินก้อนนี้เป็นเงินก้อนใหญ่สุดที่เธอได้จับในช่วงนี้
“ลูกสาวแม่ นางฟ้าน้อยของแม่ ขอบใจลูกมากนะจ๊ะที่พาแม่ไปเจอโชคในวันนี้” คืนนั้นวรรณารีได้แต่พูดขอบคุณลูกสาวตัวน้อยของเธอไม่หยุด ขณะที่ที่รักก็เอาแต่หัวเราะคิกคักชอบใจไม่หยุดเช่นกัน
ดูเหมือนว่าโชคดีที่ลูกสาวตัวน้อยของเธอมอบให้จะไม่หยุดแค่ครั้งเดียว
เมื่อไปถึงที่ดินดังกล่าวก็เป็นอย่างที่พีรายุคาดไว้ พื้นที่แถบนี้เป็นบริเวณที่พัฒนาต่อได้ยากเพราะเป็นแถบสวนและไร่ของชาวบ้าน รวมถึงเป็นเขตที่นิยมค้าขายของเก่ากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีร้านค้าของเก่าอยู่ถึงสิบกว่าร้านบริเวณนี้ คงจะหานักธุรกิจเข้ามาพัฒนาที่ดินแถบนี้ให้เจริญได้ยากแต่ถึงกระนั้น พีรายุก็ตกลงที่จะซื้อไว้เพราะจินดาราอยากได้นักหนา โดยจะนัดโอนกันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า“จิ๊ดริดของเก่า” พีรายุพึมพำออกมาอย่างต้องมนต์สะกด“ชื่อแปลกจัง ดูตล๊กตลก ว่าไหมคะพี” จินดาราเบะปากให้กับร้านรับซื้อของเก่าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างทางระหว่างนั่งรถกลับจากดูที่ดินพีรายุยังคงนิ่งเงียบ เขามองดูป้ายร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเหม่อลอย“วรรณ” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเสียงเบา“คุณว่าอะไรนะคะ” จินดาราเอียงหน้ามาถาม“วรรณ!” พีรายุตะโกนเสียงดังลั่นรถก่อนหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทางอย่างกะทันหัน และพยายามเปิดประตูรถเพื่อจะเดินข้ามไปอีกฝั่งให้ได้“คุณจะทำอะไรคะ!” จินดาราพยายามยื้อแขนชายหนุ่มเอาไว้ไม่ให้เขาเปิดประตูออกไปได้ ขณะที่สีหน้าของเธอเผยถ
ที่อาคารสำนักงานของบริษัทเทพสถิต บริษัทจัดหาวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นอาคารสูงสิบชั้น มีพนักงานกว่าสามร้อยคน แต่ส่วนมากกลับทำงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย แววตาแทบจะหาความสุขไม่ได้ แม้บริษัทนี้จะดูก้าวหน้ายิ่งกว่ารุ่นพ่อของเจ้าของบริษัท รวมถึงสวัสดิการและเงินเดือนที่สูงกว่าที่ทำงานอื่นก็ตาม“นี่เธอ คุณจินดาราอยากกินเค้กมะพร้าวของร้านมิวกี้ เธอไปซื้อมาหน่อย” ชยากร ผู้ช่วยฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเดินมาเคาะนิ้วที่โต๊ะประชาสัมพันธ์และสั่งพนักงานประชาสัมพันธ์ที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าบริษัทเสียงแข็ง“แม่บ้านก็มี ไปให้พวกเธอซื้อสิคะ” ชไมพร หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“พวกแม่บ้านทั้งเล็บทั้งมือดำปี๋ จะให้ไปหยิบของกินของคุณจินได้ยังไง พวกเธอนั่นแหละออกไป ร้านอยู่เลยจากนี่แค่สองป้ายรถเมล์เอง ไม่ทันเหนื่อยหรอก”“มันไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรานะคะ เรายังมีงานที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อนเลิกงาน” ชไมพรยังคงเสียงแข็งชยากรหรี่ตามองเธอ “เธอก็รู้ใช่ไหมว่าคุณจินดาราเป็นใคร แล้วคุณพีรายุรักเธอมากแค่ไหน พวกเธออยากถูกไล่ออกจากงานก่อนสี่โมงเย็น
หลังจากที่กล่อมที่รักให้นอนหลับไปแล้ว ทั้งคู่ได้พากันไปนั่งหารือเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เพิ่งได้มาใหม่“ป้าคะ มันไม่เป็นไรจริง ๆ หรือที่จะไม่ติดต่อบอกเจ้าของที่ดินคนเดิมว่าเราเจอของมีค่าแบบนี้”สายส่ายหน้าพร้อมค้อนขวับให้หนึ่งที “เธอนี่กังวลอะไรไม่เข้าท่า”“ป้าเชื่อว่าเจ้าของเดิมคงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน หรือแม้แต่พ่อของเขาซึ่งเป็นเจ้าของคนก่อนก็ไม่น่าจะรู้ ถ้ารู้คงบอกลูกเขาไปนานแล้วว่ามีสมบัติซ่อนอยู่ข้างใน ป้าซื้อที่ดินนี้มายี่สิบปีก็ไม่เห็นมีใครมาตามหาตู้นี้สักคน ป้าถือว่านี่เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมที่เราควรจะได้”เมื่อเห็นท่าทีที่ยังสับสนของวรรณารี สายก็ยิ้ม ๆ และพูดต่อ “ป้าจะบอกอะไรให้นะวรรณ วิธีที่เราจะอยู่ในสังคมนี้อย่างมีความสุข นอกจากไม่ไปรังแกใครแล้ว ต้องไม่เป็นคนดีจนเกินงามด้วย อะไรที่เป็นสิทธิ์และโอกาสของเรา เราก็ควรฉกฉวยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นอาจต้องมานั่งเสียดายเหมือนชีวิตของป้า” สายนิ่งไปสักระยะแล้วจึงพูดต่อ “แต่อะไรที่ไม่ใช่ของเราก็ควรปล่อยมือไป อย่าพยายามยื้อให้เหนื่อย”“อีกอย่าง โชคครั้งนี้ถ้าจิ๊ดริดไม่เป็นคนบอก เราทั้งคู่ก็ไม
หลังจากวรรณารีง้างฝากล่องลึกลับนี้ขึ้นมา หญิงสาวก็เบิกตากว้างกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า หัวใจเต้นแรงราวกับจะกระโดดออกมานอกร่าง มือและเท้าเย็นเฉียบเหมือนกับไปแช่น้ำแข็งมานานนับชั่วโมงตอนนี้แสงประกายสีทองจากสิ่งของภายในกล่องได้ทำให้ดวงตาเธอพร่ามัวจนต้องกะพริบถี่ ๆ เพื่อหวังจะเห็นภาพตรงหน้าให้ชัดขึ้นทองแท่งจำนวนมากวางเรียงกันในกล่องแบบเต็มพื้นที่!หญิงสาวใช้มืออันสั่นระริกลากผ่านทองแท่งเหล่านั้นอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน หากเธอสัมผัสแรงไปกลัวว่าจะต้องตื่นจากความฝันอันแสนดีนี้เสียก่อนวรรณารีเหลียวมองไปรอบตัวอย่างระแวดระวังก่อนจะรีบปิดฝากล่องลงตามเดิมและกดปุ่มกลม ๆ เล็ก ๆ นี้อีกครั้ง ฝากล่องได้เลื่อนเข้าหากันจนปิดสนิทกลายสภาพเป็นชั้นหนังสือธรรมดาทั่วไปอีกครั้งเมื่อเห็นว่ากล่องปิดสนิทดีแล้วเธอก็รีบเข้าไปในตัวบ้านและวิ่งตรงไปยังห้องนอนของสายทันทีหลังจากนั้นไม่นาน วรรณารีก็เดินนำออกมาหน้าตาตื่น ตามด้วยสายที่มีสีหน้าแบบเดียวกัน และปิดท้ายด้วยเด็กน้อยร่างอ้วนที่วิ่งตามมาห่าง ๆ ด้วยขาอันสั้นของเธอ
วรรณารีและสายรอจนกระแต พี่เลี้ยงของที่รักกลับไปพักผ่อนยังบ้านพักคนงานที่สร้างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนจึงพากันมายืนเมียง ๆ มอง ๆ รอบตู้ไม้อย่างสนอกสนใจแต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนตู้ไม้ก็คือตู้ไม้ ไม่เห็นมีอะไรพิเศษตรงจุดไหน เป็นเพียงตู้ไม้ที่มีชั้นสำหรับวางหนังสือทั้งสามชั้นหนากว่าตู้ปกติทั่วไปเท่านั้น คาดว่าที่ทำให้หนาก็เพื่อรองรับหนังสือซึ่งมีน้ำหนักมากนั่นเอง“ตู้ใบนี้ดีจริงหรือลูก” วรรณารีอดถามออกมาไม่ได้ที่รักพยักหน้าแรง ๆ ติดกันหลายทีจนไขมันตรงแก้มกลม ๆ สั่นกระเพื่อมไปมา มือวรรณารีคันยุบยิบอยากจะบีบแก้มนุ่ม ๆ นั้นใจแทบขาดแต่ก็ต้องยั้งใจเอาไว้วรรณารีและสายพากันเดินวนดูอีกสองรอบก็เหมือนจะไร้ผล“ป้าว่าเรื่องดีที่จิ๊ดริดบอกอาจจะไม่เกิดขึ้นทันทีก็ได้ กลับเข้าบ้านกันดีกว่ายุงเริ่มชุมแล้ว”วรรณารีพยักหน้าเห็นด้วย เธอให้สายพาที่รักเข้าไปก่อน ส่วนตัวเองจะขอทำความสะอาดคราบฝุ่นให้หมดเพราะรู้สึกไม่สบายใจกลัวจะมีแมลงมีพิษหลงเหลืออยู่จนทำอันตรายต่อคนในบ้านได้ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็เช็ดทำความสะอาดภายนอกจนเอี่ยมอ่อง แล้วความสวยง
สำหรับที่ดินที่ได้มาใหม่สด ๆ ร้อน ๆ วรรณารีตั้งใจจะทำเช่นเดิมคือนำที่ดินไปจำนองกับทางธนาคารเพื่อเอาเงินก้อนมาลงทุน แต่ไม่ทันได้ไปติดต่อธนาคารก็มีเรื่องมหัศจรรย์พันลึกเกิดขึ้นในชีวิตวรรณารีเสียก่อน“ป้าโทรหาบริษัทปรับปรุงสวนทำไมคะ” เมื่อได้ยินสายโทรคุยกับบริษัทปรับปรุงสวน วรรณารีจึงถามด้วยความแปลกใจเพราะตามปกติสายเป็นคนเก็บตัวไม่ชอบติดต่อหรือพบใครง่าย ๆ“ฉันก็อยากปรับปรุงที่ดินอีกสี่ไร่ของฉันบ้างสิ ฉันจะปรับปรุงให้เป็นที่วิ่งเล่นของจิ๊ดริด”“ป้าคะ อย่าเปลืองเงินเลยค่ะ” วรรณารีบอกด้วยสีหน้าเป็นทุกข์“ก็นี่มันเงินฉัน ที่ดินฉัน เธอจะมาห้ามอะไร” สายมองตาขวาง“แต่วรรณเกรงใจ”“แล้วมาขัดขวางความสุขของฉันแบบนี้ไม่คิดจะเกรงใจบ้างหรือไง?”“ป้าคะ...” วรรณารีเอ่ยเสียงอ่อยสายถอนหายใจยาว “คิดเสียว่าเห็นแก่ความสุขของคนที่เพิ่งเคยมีครอบครัวและเคยมีหลานแบบฉันเถอะนะแม่วรรณ อย่าห้ามอะไรฉันเลย เงินทองฉันมันท่วมบัญชีไปหมดแล้ว สวรรค์เลยเมตตาให้ฉันได้ใช้ก่อนตาย”“ป้ายังไม่แก่เลยนะคะ”“แต่กำลังจะแก่มากขึ้นถ้าเจอคนขัดคอบ่