เช้าวันรุ่งขึ้นกันต์นทีก็รีบตื่นนอนเพื่อที่จะไปรับหญิงสาวที่หน้าโรงแรม
KNT : ตื่นยังคุณ อีกยี่สิบนาทีถึงนะ
Chanya : ………..ไม่ตอบ..................
ตื้ดดด ตื้ดดดด ตื้ดดดดดดดด
“ฮัลโหล!!! ตื่นรึยัง นี้มันเก้าโมงกว่าแล้วนะคุณ”
ชัญญ่าสะดุ้งตื่นจากเสียงโทรศัพท์ เธอลืมตั้งนาฬิกาปลุก แย่แล้วววว
“ตะ ตะ ตื่นแล้วค่ะ ขอเวลาสิบนาทีนะคะ คุณนั่งรอข้างล่างเลยนะ แค่นี้นะคะฉันรีบ” ชัญญ่ารีบกระโดดออกจากเตียงถอดเสื้อผ้าแล้ววิ่งเข้าไปอาบน้ำไวอย่างกะเดอะฟาส
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“นี้มันเลย สิบนาทีมานานมากแล้วนะคุณ เปิดประตูหน่อย” ไม่รู้ว่าเขารีบอยากจะเห็นใบหน้าสวยๆของเธอหรือนึกอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ขึ้นมาเคาะประตูห้องของเธออย่างวิสาสะ
“โอ้ยคุณ! จะรีบไปไหนฉันแต่งตัวอยู่ยังไม่เรียบร้อย” เสียงหวานตะโกนตอบโต้เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอยู่หลายทีจนนึกรำคาญ
“คนอะไร...ไม่รู้จักเกรงใจคนอื่นเอาซะเลย” ถึงปากจะบ่นแต่ก็รีบเปิดประตูห้องน้ำออกมา
ปัง ปัง ปัง
กันต์นทีเคาะประตูเสียงดัง
“จะเปิดประตูให้ผมเข้าไปดีๆมั้ยครับ”
“ไม่เปิด ถ้าคุณอยากเข้ามา ก็ไปหาคีย์การ์ดเข้ามาเองแล้วกัน ฉันแต่งตัวอยู่ แล้วก็จะไม่รีบด้วย ไม่ต้องมาเร่ง!!!!” จากที่ตอนแรกว่าจะรีบแต่งตัว ชัญญ่าก็นึกอยากแกล้งกลับ รีบนักก็รอไปเลยรอไปนานๆๆ
“หึ” กันต์นทีสบถในลำคอ
“นึกว่าจะแน่...” หญิงสาวเอ่ยพึมพำด้วยความสะใจ ป่านนี้คนตัวโตคงเดินหน้ามุ่ยไปรอที่ล็อบบี้ข้างล่างแล้วแหละ
ผ่านไปราวห้านาที
ติ๊ดดดด เสียงคีย์การ์ดประตูห้องของเธอก็ดังขึ้น ร่างบางรีบหันไปทางประตูก็พบว่ากันต์นทีกำลังเดินเข้ามา สายตาคมจ้องมองเธออย่างผู้ชนะ มือหนาชูคีย์การ์ดขึ้นมาอวดคนตัวเล็กก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างสะใจ
“คะ....คุณไปเอาคีย์การ์ดมาได้ยังไง” เขาไม่ตอบแต่กลับยืนจ้องมองหญิงสาวหน้านิ่งไม่พูดไม่จา เธอจ้องมองตามสายตานิ่งคู่นั้น ปรากฏว่า....
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด มองอะไร คนบ้า ไอ้คนลามก ฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก ไอ้บ้า!!!” มือเล็กยกขึ้นตีที่ร่างสูงไม่ยั้งเมื่อเธอเห็นว่าเขาจ้องมาที่เรือนร่างของเธอ ที่ขณะนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบร่าง
“โอ้ย!! คุณ เดี๋ยวใจเย็นสิ ก็คุณท้าผมเอง ทำไม่ตอนนี้ถึงอาละวาดละ” ไม่เพียงแค่พูด มือหนารีบคว้าสองมือเล็กที่ฟาดเขาไม่ยั้งเมื่อครู่ยกขึ้นเหนือศีรษะ ชัญญ่าพยายามดิ้นสุดแรงแต่ไม่เป็นผล ตอนนี้เขาดันร่างเธอชิดติดกำแพงเสียแล้ว
“ฉันจะแจ้งความ ฉันจะฟ้องโรงแรมที่ให้คนนอกอย่างคุณได้คีย์การ์ดมาเปิดห้องฉันโดยพลการ” เสียเปรียบเขาอยู่แท้ๆแต่ปากเล็กก็พ้นคำขู่ใส่เขาไม่หยุด คนที่โตกว่าส่ายหน้าให้กับความคิดของหญิงสาว เขาเป็นคนนอกที่ไหน เป็นเจ้าของที่นี่ต่างหากถึงแม้ว่าวันนี้จะแอบทำผิดกฎโรงแรมใช้อำนาจในทางที่ผิดแต่มันก็คุ้มไม่น้อยที่ได้แกล้งคนตัวเล็ก
“แล้วจะจ้องอะไรนักหนาหันหลังกลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ฮ่าๆๆ ก็มองให้รู้ไง ว่ามีอะไรน่ามองมั้ย แต่ดูแล้วไม่มีอะไรเลย นึกว่าคุยอยู่กับไม้กระดาน” กันต์นทีเอ่ยแซวหญิงสาวอย่างอารมณ์ดีสายตาคมตั้งใจไล่มองเรือนร่างขาวเนียน แต่ที่บอกว่าไม้กระดานนั้นเขาโกหกเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดเตลิดไปมากกว่านี้ ยิ่งตอนนี้จมูกของเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากครีมอาบน้ำ มันยิ่งกระตุ้นอารมณ์ความเป็นชายของเขาได้ดีนัก แต่....อดทนไว้ก่อน
“ปล่อยค่ะ ฉันจะรีบแต่งตัว” กันต์นทีจำใจต้องปล่อยเธอ อย่างนึกเสียดาย นี่ถ้าเป็นคนอื่นอยู่ในสภาพยั่วยวนต่อหน้าขนาดนี้ เขาคงจัดการจับแทะจนร้องไม่ออกไปนานแล้ว
ชัญญ่ารีบวิ่งไปหาเสื้อผ้าแล้วเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำ เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว เธอก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาก็พบว่ากันต์นที เผลอหลับอยู่บนเตียง
“เอ๋..แกล้งหลับรึป่าวนะ”
จิ้มๆๆ
เธอใช้นิ้วชี้จิ้มที่ข้างแก้มชายหนุ่มเบาๆ ถ้าไม่ติดที่เขาไว้หนวดและเคราบางๆ หน้าใสมากเลยนะเนี่ย ผู้ชายอะไรผิวดีกว่าเธอที่เป็นผู้หญิงแท้ๆเสียอีก จะว่าไปแล้วเขาก็มีบุคลิกที่กร้าวใจดีเหมือนกันนะ หญิงสาวรีบส่ายหัวสะบัดไล่ความคิดก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
“อื้มมม ....” ชายหนุ่มปัดมือเล็กที่ก่อกวนอยู่ที่ใบหน้า
“แล้วทำเป็นมาเร่งเรา รีบแทบตายสุดท้ายมาหลับให้เราดูเนี่ยนะ สงสัยเมื่อวานคงเหนื่อยแหละเนอะ” ชัญญ่าหลับตาหยีใส่คนหลับอย่างหมั่นไส้ แต่พอเธอกำลังจะเตรียมลุกขึ้น ชายหนุ่มกลับคว้ามาเธอมากอดไว้ ทำให้ร่างบางลงไปปะทะกับอกแกร่ง แขนทั้งสองข้างของเขาก็กอดรัดเธอไว้แน่น
“คุณ ปล่อย นะ”
“หลับอยู่ ปล่อยไม่ได้ ผมหอมจัง หื้ม” ชายหนุ่มสูดดมกลิ่นกายสาวเข้าอย่างเต็มปอดเขาขอตักตวงเวลาแห่งความสุขนี้ ซักแป้บนะ ขอเวลาไม่นาน
“คุณ ฉัน หายใจไม่ออก อึดอัด” เธอพยายามดันอกแกร่งออก ดิ้นไปดิ้นมา จนคนตัวโตอยากแกล้ง เขากระชับกอดให้แน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม อกอวบเริ่มเบียดเสียดเข้ากับอกกว้างจนคนตัวโตเริ่มชักจะทนไม่ไหว
“ยิ่งคุณดิ้น ผมยิ่งจะทนไม่ไหวละนะ ผมขอให้คุณนิ่งๆได้ไหม แค่ห้านาที” ได้ยินดังนั้นหญิงสาวก็หยุดดิ้นและนอนนิ่งๆให้ชายหนุ่มนอนกอด กันต์นทีแอบยิ้มอย่างพอใจเขากอดกระชับร่างบางของเธอแนบอกแกร่งและหลับตาลง ลมหายใจเริ่มแผ่วเบาจนร่างบางนอนเกร็งตัว ไม่กล้าดิ้นไปไหนเพราะกลัวจะรบกวนเขาที่หลับไปแล้วจริงๆ
เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงกันต์นทีก็ลืมตาตื่น เขาเผลอแอบยิ้มที่เห็นหญิงสาวยังอยู่ในอ้อมกอดของเขาไม่หนีไปไหน
“นึกว่าจะงอนผมจนหนีไปเที่ยวคนเดียวซะอีก” ชายหนุ่มขยี้ผมหญิงสาวเบาๆด้วยความเอ็นดู
“ก็ว่าจะแอบย่องหนีไปอยู่นะคะ แต่ตอนนี้ตะคริวจะกินฉันทั้งร่างอยู่แล้ว รู้มั้ยว่าฉันต้องเกร็งแค่ไหนเพราะไม่อยากรบกวนคุณ”
“ขอบคุณนะครับ” กันต์นทียิ้มกว้างให้หญิงสาวและเขาก็อดไม่ได้ที่จะฝากจูบที่หน้าผากนูนสวยของเธอ แล้วเขาก็ต้องยอมปล่อยเธอให้ได้เป็นอิสระ
“หิวมั้ย” ชัญญ่าพยักหน้าตอบเธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขาด้วยซ้ำใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เพราะทั้งชีวิตนี้เธอไม่เคยได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้มาก่อน
“ไปกัน เดี๋ยวผมพาไปกินก๋วยเตี๋ยวท่าบ่อเจ้าเด็ดก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อไปที่วัดเลย”
หลังจากที่ชายหนุ่มและหญิงสาวแวะทานอาหารกลางวันที่เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าดังที่อำเภอ ท่าบ่อ วันนี้กันต์นทีเองก็เป็นเจ้ามือตามที่ให้สัญญากับหญิงสาวไว้เมื่อคืน เมื่อเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็ใช้เวลาเดินทางอีกร่วมหนึ่งชั่วโมง จนมาถึง “วัดถ้ำเพียงเถียร” หรือหลายคนจะรู้จักวัดนี้ในชื่อว่า “วัดถ้ำศรีโขง”
“แนะนำนักท่องเที่ยวทุกคนจุดธูปไหว้พ่อปู่อนันตนาคราช และแม่ย่าเกตุสรวง ก่อนเพื่อความเป็นสิริมงคลกันได้ที่บริเวณหน้าถ้ำเลยนะครับ” ไกด์นำทางได้บอกแนะนำนักท่องเที่ยวซึ่งเราสามารถให้ค่าบริการไกด์นำทางตามกำลังศรัทธาเพราะถ้าได้เดินทางมาถึงวัดแล้วเราควรจะได้ลงไปในถ้ำเพื่อสัมผัสถึงความงามจากธรรมชาติและได้ศึกษาตำนานความเชื่อในเรื่องพญานาคด้วย
หลังจากที่หนุ่มสาวทั้งสองได้จุดธูปขอพรจากองค์ปู่องค์ย่าแล้วก็ได้พากันเดินมาเตรียมตัวลงไปในถ้ำเพื่อสำรวจความสวยงามภายในถ้ำ
ซึ่งก่อนที่เราจะได้ลงไปจะมีเจ้าหน้าที่มาเล่าประวัติเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ซึ่งมีประวัติว่าที่แห่งนี้คือทางที่พญานาคใช้เดินทางระหว่างเมืองบาดาลและเมืองมนุษย์
“คุณ ฉันกลัว ข้างล่างนี้น่ากลัวมั้ยอ่า” เสียงเล็กเอ่ยถามคนข้างๆด้วยความกังวลเพราะเธอเห็นทางเข้าถ้ำแล้วก็รู้สึกอึดอัดแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“มีผมอยู่ทั้งคน สบายใจได้ แต่อาจจะมืดและชื้นหน่อยนะแต่ก็ยังพอมีแสงไฟตลอดทาง คุณไม่ต้องกลัว ไปกันเถอะ เขาให้ถอดรองเท้าไว้ข้างนอกนะ” ที่บริเวณปากถ้ำจะมีบันไดลิงให้นักท่องเที่ยวได้นำตัวลงไปทีละคนเพราะทางค่อนข้างแคบ
กันต์นทีส่งตัวชัญญ่าลงไปก่อนเพื่อที่เธอจะได้เดินตามหลังเจ้าหน้าที่ส่วนเขาจะตามลงไปทีหลัง เป็นอย่างที่เขาบอกตลอดระยะทางที่เดินนั้นจะเป็นทางแคบๆ สลับกับเพดานที่ต่ำ บางช่วงถึงขั้นต้องมุดข้ามไปเลยก็มี แต่เสน่ห์ของที่นี่นั่นก็คือแสงสีจากหลอดไฟนีออนที่ส่องสว่างเป็นประกายกระทบกับก้อนหิน มองดูแล้วสวยงามและน่าค้นหาเป็นอย่างยิ่ง
จนกระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงห้องโถงของถ้ำที่แบ่งออกตามลักษณะหินงอกหินย้อยได้แปดห้อง ขณะที่ชัญญ่ากำลังจะเก็บบันทึกภาพถ่ายนั้น เธอก็ได้เหลือบมองไปเห็นป้ายห้องที่เขียนว่าห้องธิดาพญานาค เธอเดินเข้าไปตามป้ายคนเดียวโดยที่กันต์นทียังไม่ทันได้รู้ตัวเพราะตอนนั้นเองเขาก็กำลังทำสมาธิตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากองค์ปู่พญานาคอยู่เช่นกัน
เธอเดินลึกเข้ามาเรื่อยๆจนรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก จนกระทั่งเธอมาพบกับกำไลข้อมือที่ชาวบ้านคาดว่าจะเป็นของธิดาพญานาคที่เชื่อกันว่ากำไลชิ้นนี้ผ่านพิธีสำคัญมาแล้วในอดีตกาล เห็นดังนั้นแล้วเธอก็โฟกัสเลนส์กล้องเพื่อที่จับภาพ
พรึ่บบบบ!!!!
อยู่ดีๆเธอก็หมดสติล้มลงกับพื้นที่มีแอ่งน้ำขังเสียงดัง จนนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เริ่มมองหาต้นตอของเสียง
..............................................................................................
“พี่ๆอย่าไปฟ้องท่านพ่อนะ ว่าข้าแอบขึ้นมาเมืองมนุษย์ ข้าขอเที่ยวเล่นแป้บเดียว นะๆๆ”
“แต่พระธิดาต้องเตรียมตัวเข้าพิธีนะเพคะ นี้ก็จวนจะถึงวันแล้วกลับไปเตรียมตัวเข้าพิธีดีกว่านะเพคะ อีกอย่างช่วงนี้ในนาคพิภพเรามีแจ้งเตือนเกี่ยวกับมนุษย์จิตอกุศลล่าจับนาคด้วยนะเพคะ
“ข้ารู้แล้วน่า ไม่ต้องย้ำ ข้าไปละนะ จะกลับมาให้ทันวันงาน” ชนารดี ธิดานาคาแห่งเมืองบาดาลผู้มีนิสัยซุกซนได้แปลงกายเป็นมนุษย์และเที่ยวเล่นตามใจปรารถนาเธอเป็นพระธิดาองค์สุดท้ายที่พระบิดาตามใจเพราะความแก่นแก้วแสนซนนั่นเอง เธอรักอิสระต่างจากธิดานาคตนอื่นที่เรียบร้อยตามแบบฉบับธิดานาค แค่ขอได้มาเที่ยวเล่นเห็นโลกมนุษย์ซักครั้ง สัญญาว่าถ้ากลับไปแต่งงานกับท่านพี่แล้วเธอจะไม่ดื้อไม่ซนเลย
..............................................................................................
“ ชัญญ่า ชัญญ่า ตื่นสิ ได้ยินพี่มั้ย” กันต์นทีปลุกหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยความร้อนใจ โชคดีที่เจ้าหน้าที่มีความพร้อมความชำนาญเมื่อทุกคนเห็นว่าเธอเป็นลมหมดสติก็สามารถพาเธอมานอนที่เปลฉุกเฉินที่บริเวรโถงใหญ่ของถ้ำที่อากาศถ่ายเทได้ดี เมื่อวัดชีพจรแล้วยังเต้นปกติทุกคนก็หายห่วงเพียงแค่ตอนนี้ต้องรอให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมาก่อน
“เฮือก!! ชนารดี เมื่อกี้ ฉันได้ยิน.....เอ่อ..ไม่มีอะไร” ชัชชญาฟื้นขึ้นจากการเป็นลมเธอจำได้ว่าเธอได้ยินเสียงพูดของผู้หญิงที่ชื่อชนารดี เหมือนว่าเธอจะเป็นธิดานาคผู้เป็นเจ้าของกำไลที่เธอกำลังจะถ่ายภาพ แต่เสียดายที่เธอเห็นภาพไม่ชัด.......
“ชัญญ่าฟื้นแล้วว” กันต์นทีร้องขึ้นเสียงหลงเขาดีใจมากที่เธอไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้
“พี่เป็นห่วงแทบแย่ นึกว่าจะเป็นข่าวซะแล้วที่พายูทูปเบอร์สาวมาขิตที่นี้” ด้วยความดีใจกันต์นทีเผลอเปลี่ยนสรรพนามอย่างลืมตัว
“บ้า นั่นปากเหรอ ไม่คุยด้วยแล้ว” ชัญญ่าแขวะใส่กันต์นทีที่เล่นไม่รู้เวล่ำเวลา
“เมื่อกี้คุณว่าคุณเห็น ใครนะ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอเอ่ยถึงใครอีกคน
“อาจจะแค่ฝันไปไม่มีอะไรหรอกคุณ พาฉันออกจากถ้ำเถอะ ไม่ค่อยจะไหวละ”
หลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นมาจากถ้ำแล้ว กันต์นทีก็เห็นใบหน้าหญิงสาวเคร่งเครียดจนอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
“คุณเป็นอะไรสีหน้าดูไม่ดีตั้งแต่อยู่ข้างล่างแล้วนะ”
“คุณว่าเรื่องเล่าตามสถานที่ ที่คนเขาว่าศักดิ์สิทธิ์ เป็นเรื่องจริง..หรือว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา เพื่อสร้างสตอรี่อ่ะ”
“นี่คุณ เรื่องแบบนี้มันต้องสัมผัสด้วยตัวเอง เวลาคุณไปเที่ยวตามป่าเขาลำเนาไพรคุณไม่ไหว้ขอเจ้าที่บ้างรึไง”
“ก็ไหว้ตามที่เขาบอกให้ไหว้นะ แต่ฉันไม่เคยลบลู่เลย สาบาน” ชัญญ่าชูสองนิ้วรีบเอ่ยเหมือนจะแก้ตัว
“น่าเชื่อตายแหละ ต่อไปถ้าคุณไปเที่ยวไหนผมขอให้คุณโดนผีอำ น่าหมั่นไส้ หึหึ”
“ไม่เอาดิคุณ แค่นี้ฉันก็ขนลุกจะแย่แล้ว”
“ผมบอกแล้วไงเรื่องแบบนี้ต้องสัมผัสด้วยตัวเอง ขนาดผมยังสัมผัสได้เลยว่าคุณคือพรหมลิขิตของผม คุณว่าเราสองคนพอจะเป็นเนื้อคู่กันได้ป่ะ”
“คู่กัดสิไม่ว่า ไปกันต่อค่ะคุณไกด์ จะพานักท่องเที่ยวไปไหนต่อดีค่า ขอแบบ..ชิวๆ สวยๆ นะคะ” พูดจบชัญญ่าก็รีบเดินนำหน้าไปรอเขาที่รถ
กันต์นทีเลือกที่จะพาหญิงสาวขับรถเล่นต่อเพื่อเดินทางไปที่ “ไร่สันติสุข” ค่าเฟ่กึ่งร้านอาหารที่ตั้งอยู่กลางเขาในอำเภอสังคม ที่รายล้อมไปด้วยไร่สับปะรดและสวนเงาะ ผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัด ชัญญ่าชะเง้อมองตามไหล่ทางตลอดการนั่งรถ
ภาพตรงหน้ามันสวยมากจนทำให้เธอลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในถ้ำเมื่อครู่ ภาพของแม่น้ำโขงที่ไหลยาวผ่านบ้านเรือนของผู้คนในชนบทของทั้งไทยและลาวมันหาดูได้ยากมากในเมืองหลวง แม่น้ำโขงเสมือนหัวใจของคนที่นี่จริงๆ แม่น้ำสายนี้มีเรื่องราวมากมายให้น่าค้นหายิ่งนัก ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งทำให้เธอหลงรักและประทับใจเหลือเกิน
เมื่อมาถึงที่ไร่สันติสุข ชัญญ่าก็รีบกระโดดลงจากรถยังกะลูกลิง เธอตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้มาสถานที่ใหม่ๆ ก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอก็ตอนนี้เธอเป็นยูทูปเบอร์สายท่องเที่ยวดาวรุ่งเลยนะ
“คุณ ที่นี่สวยมากกกกกกก ไม่น่าเชื่อว่าหนองคายจะมีสถานที่แบบนี้ด้วย ถูกใจสุดๆ” ชัญญ่าพูดพร้อมกับถ่ายรูปรัวๆ
“ดีใจอะไรขนาดนั้น เต้นเป็นลิงเลยนะ คุณจะสั่งเครื่องดื่มเลยมั้ย” ชัญญ่าพยักหน้ารัวๆพร้อมทำตาปริบๆ
“งื้มๆๆๆ ของฉันเอาเป็นมัทฉะลาเต้หวานร้อยนะคะแล้วก็ขอบานอฟฟี่ อันนึงด้วยได้ไหม”
“ได้สิ เอาตามนี้เลยนะครับส่วนของผมขอเป็น อเมริกาโน่ ไม่ใส่ไซรัป ไม่หวานเลยนะครับ”
“อูยยยย กาแฟของคนเข้มๆ เป็นแบบนี้นี่เอง ฉันขอไปถ่ายรูปต่อก่อนนะคุณ คุณไปนั่งรอฉันที่โต๊ะเลยนะคะ” คนร่าเริงเอ่ยแซวแถมยิ้มตาหยีใส่ กันต์นทีพยักหน้ารับ เขาไม่ว่าอะไรเธอเลย กลับกันเขากลับมีความสุขมากกว่าที่เห็นเธอมีความสุขและเขาเองก็ไม่อยากไปรบกวนเวลาการทำงานของเธอ ที่ดูเหมือนจะงานบ้างไม่งานบ้างตัวเขาเองก็งงอยู่เหมือนกัน ==”
เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ค่าเฟ่ก็จะมีนักท่องเที่ยวมาเยอะเป็นพิเศษ ทุกคนก็จะสลับกันวนถ่ายรูปตามจุดที่ค่าเฟ่จัดมุมไว้ให้ถ่าย ชัญญ่าเองก็รอถ่ายรูปมุมยอดฮิตที่ทุกคนต้องได้เช็คอิน
“คุณที คุณๆๆๆๆ มานี่ เร็ววว ถ่ายรูปกัน” กันต์นทีอ่านปากของหญิงสาวแล้วชี้มือมาทางตัวเอง แล้วยกมือปฏิเสธทันที เขาไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเท่าไหร่ ชัญญ่าเห็นดังนั้นก็วิ่งออกจากจุดถ่ายรูปแล้วมาออดอ้อนชายหนุ่มที่โต๊ะ
“คุณ ถ่ายรูปกัน นะๆๆๆ ถ้าคุณไม่ถ่ายงั้นช่วยไปถ่ายรูปให้ฉันหน่อยก็ได้ ฉันอยากถ่ายรูปกับหุบเขาตรงโน้น” ชัญญ่าเอ่ยชวนจนชายหนุ่มยอมใจอ่อนมาเป็นตากล้องจำเป็นให้
“ถ่ายสวยๆนะคุณ ขอ สวยๆ ขาเรียวๆ สูง ร้อยแปดสิบ เลยนะคุณ” ชัญญ่าเอ่ยถามติดตลก
“ถ้าจะเอาขนาดนั้น ให้ช่างภาพระดับฮอลลีวูด มาถ่ายให้เลยมั้ยคร้าบ สูงถึงร้อยหกสิบ มั้ยก่อน”
ขณะที่กันต์นทีกำลังโฟกัสกับเลนส์กล้องในมือถือของชัชชญาอยู่นั้น ก็มีข้อความไลน์แจ้งเตือน
(charan : เที่ยวไหนอีกแล้วนะ พี่เพิ่งถึงไทย คิดถึงจัง ) กันต์นทีเห็นข้อความดังกล่าวก็หงุดหงิดมากแต่เขายังต้องข่มอารมณ์เอาไว้ไม่ให้ชัญญ่าสังเกตุเห็น
“ถ่ายรูปกันคุณ”
“อะไรกัน ตอนชวนทำเป็นไม่สนใจ วิวสวยช่ะมะล้า” ไม่รอช้าชายหนุ่มกับเดินเข้ามาหญิงสาวที่จุดถ่ายรูป กดปุ่มกล้องให้หันหน้ามาโหมดเซลล์ฟี่ แล้วแชะภาพคู่ของเธอและเขาครั้งแรก
ตู้ดดดด ตู้ดดดดด
(พี่รัณ กำลังโทรเข้า)
“เอ๊ะ สายเข้าของฉันหรือของคุณ ขอฉันรับโทรศัพท์แป้บนะ” ชัญญ่าได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็รีบวิ่งแจ้นเข้ามาทันทีก่อนที่จะเดินถือโทรศัพท์ไปคุย เธอเดินห่างจากเขาออกไปอีกฝั่ง ไม่รู้คุยอะไรกันนักหนาแต่เขาเห็นเธอยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขจนเขาแอบน้อยใจไม่ได้
“คุณ วิวนู้นก็สวยถ่ายอีกสิ” กันต์นทีชี้ให้หญิงสาวดูวิวน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“หู้ยยยยยย ก้อนเมฆสวยมากคุณ คุณก็เทสดีเหมือนกันนะเนี่ย มุมนี้ใช่ได้ๆ” พูดจบชัญญ่าก็เดินมาแตะไหล่กว้างของเขาเบาๆพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“เมื่อกี้แฟนโทรมาเหรอ” กันต์นทีเอ่ยถามอย่างเซงๆ
“ไม่บอกหรอก”
“หึ ร้ายไม่เบาเลยนะตัวแค่นี้” เขาบ่นพึมพำในใจเห็นทีว่าเขาจะใจเย็นต่อไปอีกไม่ได้แล้วสิ
“อุ้ย พี่ชัญญ่า ช่อง ชญา..มานี่ ใช่มั้ยคะ ใช่จริงๆด้วย หูยตัวจริงสวยมากกกกก หนูเป็นFCพี่นะคะ ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยค่ะ รบกวนแฟนพี่ชัญญ่าถ่ายรูปให้หน่อยนะคะ” เสียงของFCชัญญ่าขอถ่ายรูป
“เอ่อออ ม่ายช่ายแฟนค่ะ ตากล้องค่ะ”
“ตากล้องงานดีมากแม่ หนูเชียร์นะคะ อิอิ” แฟนคลับคนดังกล่าวก็วิ่งเอามือถือมาให้กันต์นทีถ่ายรูปให้ ซึ่งเขาก็ถ่ายให้ด้วยความเต็มใจแต่มันขัดใจกับคำว่าตากล้องของชัญญ่ามากกว่าหงุดหงิดโว้ยยย
เมื่อถ่ายรูปกันจนเหนื่อยแล้วทั้งสองก็กลับมานั่งดื่มกาแฟและขนมที่สั่งไว้ กันต์นทีรู้ดีว่าหญิงสาวต้องถ่ายรูปจนเหนื่อยเลยจัดการสั่งอาหารจากทางคาเฟ่ไว้รอส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารพื้นเมืองของหนองคาย เช่นแหนมเนือง ขนมปากหม้อญวน แต่มันมีอยู่เมนูหนึ่งที่ชัญญาทำใจลองไม่ค่อยได้นั้นก็คือ เมนู
“ไส้กรอกเลือด หรือคนอีสานเรียกว่าโหย่ย”
“คุณอันนี้ฉันไม่น่าไหวอ่ะ”
“ลองดูคุณ ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงหนองคายนะ เนี่ยๆ มันน่าตาเหมือนซุนแดของเกาหลีแหละ แต่ผมว่าของเราอร่อยกว่าเยอะเลย แค่นี้เองไม่สมกับเป็นคุณเลยนะ..แค่นี้ก็กลัวซะแล้ว” หืมม พูดแบบนี้มันหยามเกียรติกันชัดๆ
“ลองดูก็ได้” ว่าแล้วหญิงสาวก็จับตะเกียบคีบโหย่ยมาหนึ่งชิ้นแล้วเอาเข้าปาก เธอเคียวตุ้ยๆหนึบหนับในปาก กรอกตาไปมาซ้ายขวา แปลกใจในรสชาติ เธอก็บอกไม่ถูกเหมือนกันจนคนที่ลุ้นอยู่อดถามไม่ได้
“หึ้ยยย คืออะไร เป็นไงมั้ง ชอบหรือไม่ชอบ” ชายหนุ่มถามด้วยความเอ็นดูแต่หญิงสาวยังไม่มีคำตอบให้จนชายหนุ่มต้องลองชิมด้วยตัวเอง
“แบร่!!!! หมดแล้วคุณ มันอร่อยมากค่ะ อันนี้ดีเลยเรียกว่าอะไรนะคะ” หญิงสาวอ้าปากกว้างแลบลิ้นให้ชายหนุ่มดูหลักฐานความอร่อย
“นี่คุณแกล้ง อำผมเหรอ เดี๋ยวเถอะ ที่นี้เขาเรียกว่า โหย่ย ไว้มีโอกาสจะมาไปกินร้านต้นตำรับ”
หญิงสาวนิ่งเงียบไปไม่ตอบ โอกาสหน้างั้นเหรอ คงไม่มีแล้วละ พรุ่งนี้เธอก็กลับแล้ว อีกอย่างเธอกับเขาก็แค่คนบังเอิญเจอ เขาเป็นใครมาจากไหนเธอยังไม่รู้เลย แต่ตัวเธอเองก็ยอมรับว่าแค่หนึ่งวันที่ได้เที่ยวกับเขามันดีมากจริงๆ เธอจะเก็บเขาไว้ในความทรงจำส่วนที่ดีของเธอละกัน
หลังจากที่เที่ยวกันมาทั้งวันกันต์นทีก็ขับรถมาส่งหญิงสาวที่หน้าโรงแรมไม่ได้ขอขึ้นไปกินข้าวเหมือนวานเพราะตัวเขาเองก็อยากให้ชัญญ่ามีเวลาส่วนตัวเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพ ซึ่งเขาเองก็อาสาที่จะไปส่งเธอด้วยตัวเองที่สนามบินอุดร
“พรุ่งนี้คุณกลับกี่โมง”
“บินสองทุ่มค่ะ”
“ว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ คุณว่าจริงมั้ย”ดวงตาคมเปล่งประกายแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกเสียดายที่การบังเอิญพบกันครั้งนี้เขาไม่ได้เป็นคนกำหนด
“จริงค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างตลอดสองวันนี้นะคะ” หญิงสาวยิ้มตอบรับเธอไม่ได้พูดเพื่อเอาใจเขาแต่เธอพูดมันตามความรู้สึก
“แล้วถ้าวันนึงเราได้เจอกันอีกครั้ง คุณจะยังอยากไปเที่ยวกับผมอีกมั้ย”
“ถ้าคุณเป็นเจ้ามือ ฉันอาจจะพิจารณานะคะ” หญิงสาวเอ่ยติดตลกจนทำให้คนที่รอฟังคำตอบนั้นกลั้นขำแทบไม่อยู่
“โอเค..งั้น พรุ่งนี้หกโมงเย็นผมมารับนะ ไม่ต้องเกรงใจผมเต็มใจ วันนี้คุณพักผ่อนเถอะ” หญิงสาวพยักหน้าและเปิดประตูลงรถ ส่วนเขาเองก็เอารถเขาไปจอดที่โรงจอดรถผู้บริหารหลังโรงแรมและขึ้นไปที่ห้องพักส่วนตัวของเขาเช่นกัน ชายหนุ่มนั่งนึกคิดว่าจริงๆแล้วเขาเองก็ไม่ได้อยากปกปิดฐานะกับเธอ เขาไม่คิดว่าจะเจอเธอโดยบังเอิญด้วยซ้ำเพราะเขาเองก็วางแผนที่จะได้ทำความรู้จักกับเธอ โดยให้เมธัส พยายามดีลงานให้เธอมาช่วยโปรโมทโรงแรมให้ แต่ในเมื่อพรหมลิขิตดันทำงานก่อนเวลา เขาเลยต้องเล่นตามน้ำไปก่อน นั่งครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนคืนตัวเขาจึงตัดสินใจเข้านอนโดยที่ภาพในสมองยังคงเป็นรอยยิ้มพิมพ์ใจของเธอที่เขาฝันถึงอยู่ทุกคืน
เช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวายในเมืองหลวง วันนี้ทีมงานของชัญญ่าไลฟ์ก็กำลังวุ่นวายเตรียมตัวพรีเซนต์เสนอแผนสตอรี่บอร์ดและไทม์ไลน์ในการโปรโมทโรงแรมในเครืออัศวนันท์ที่เหลืออีกห้าแห่ง เมธัสหัวหน้าการตลาดของโรงแรมนัดหมายสถานที่เป็น โรงแรมธารธารา โรงแรมสุดหรูระดับห้าดาว โลเคชั่นติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ออกแบบสะท้อนถึงความเรียบง่ายแต่หรูหราตกแต่งสไตล์ไทยร่วมสมัยดูแล้วเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในยุครัตนโกสินธุ์ตอนปลายเลยก็ว่าได้ ซึ่งโรงแรมนี้คือหนึ่งในสองของโรงแรมในเครือบริษัทที่มีในกรุงเทพ อีกที่จะเป็นโลเคชั่นใจกลางทองหล่อที่เจ้านายหนุ่มสุดหล่อใช้เปิดผับข้างล่างไปด้วย“สวัสดีครับคุณชัญญ่า นี้คงเป็นคุณมินนี่ใช่มั้ยครับ คุยงานผ่านโทรศัพท์มาตลอดวันนี้เพิ่งได้เห็นตัวจริง ยินดีที่ได้พบกันนะครับ” เมธัสกล่าวตอนรับทีมงานชัญญ่าไลฟ์อย่างเป็นกันเอง“สวัสดีค่ะคุณเมธัส ยินดีที่ได้พบเช่นกันค่ะ” มินนี่เอ่ยทักทายกลับอย่างเป็นทางการเพราะดูแล้วเขาน่าจะมีอายุมากกว่าเธอราวห้าหกปีเห็นจะได้“เรียกผมว่า เมธ เฉยๆก็ได้ครับมินนี่” เมธัสยิ้มส่งให้หญิงสาวตัวเล็กข้างหน้า“เดี๋ยวเชิญทีมงานคุณชัญญ่าขึ้นไปเตรียมตัวที่ห้องประชุม
ความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศตกกระทบลงสู่ผิวบอบบางจนทำให้เธอรู้สึกตัว“อื้อ...หนาวจัง”เธอหลับตาพริ้มขณะที่มือเล็กพยายามควานคว้าหาผ้าห่มอย่างที่เธอชอบทำเป็นประจำ มือเล็กสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากวัตถุประหลาดที่พาดผ่านกลางลำตัว“อ๊ะ!!!..” เปลือกตาที่ปิดสนิทไปก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมงก่อน ค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ ภาพตรงหน้าที่ได้เห็นมันเป็นหลักฐานชั้นดีตอกย้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่แค่ฝันแต่มันดันเป็นความจริง......“คุณที......ทำไมถึง...” เธอถามตัวเองในใจไม่กล้าแม้จะปริปากมือเล็กยกขึ้นมาปิดเสียงกลั้น ก่อนจะย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา เมื่อเธอดันเผลอไปมีสัมพันธ์สวาทกับผู้ชายที่เธอบังเอิญเจอที่สนามบินวันนั้นและเมื่อคืนก็...บังเอิญมีอะไรกับเขา เธอมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆแกะแขนของเขาที่กอดรัดเธอไว้แน่นทั้งคืน ร่างเล็กค่อยๆลุกออกจากเตียงนอนแล้วค่อยๆย่องเบาๆ ไล่เก็บเสื้อผ้าของเธอที่ตกกระจายตามพื้นขึ้นทีละชิ้นๆ ก่อนจะวิ่งหายไปในห้องน้ำเพื่อรีบจัดการตัวเองทันที ไม่นานเธอก็ออกมาในสภาพพร้อมเดินทาง ก่อนไปเธอหยิบเอาเสื้อสูทที่เขาสวมใส่เมื่อวานมาคลุมทับเพื่อปกปิดร
“คุณว่าไงนะ นี่ผิดหวังมากขนาดแกล้งจำกันไม่ได้เลยเหรอชัญญ่า” กันต์นทีตอบเธอเสียงเรียบต่ำ เขาจ้องมองใบหน้าสวยแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดวงตากลมโตสีดำหยาดเยิ้ม ริมฝีบางอวบอิ่มสีแดงสั่นระเรื่อ มันทำให้เขาอดทนต่อไปอีกไม่ไหว เขาเอียงใบหน้าหล่อเหลาปรับองศาแล้วก้มลงประกบปากหยักได้รูปของเขาบนริมฝีปากอวบอิ่มนุ่มนิ่มที่สั่นระริกของเธอทันที ริมฝีปากหนาบดเบียดเคล้าคลึงกลีบปากอวบของเธออย่างเชื่องช้าเนิบนาบ จนคนตัวบางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำรุนแรงจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ กันต์นทียกยิ้มสายตาเฉียบมองสาวน้อยที่ตัวกำลังสั่นเทาอย่างผู้ชนะ ลิ้นสากไล้เลียริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะค่อยๆสอดแทรกลิ้นหนาเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปากของเธอ เขาค่อยๆไล้เลียลิ้นน้อยๆของเธอจนมันค่อยๆแลบออกมาทีละน้อยให้เขาได้เกี่ยวกระหวัดดูดดึงอย่างเอาแต่ใจ“อื้อ คุณ พะ พอ ก่อน ฉันร้อน ช่วยฉัน..” หญิงสาวเผลอส่งเสียงครางหวานหูก่อนจะเอ่ยห้ามชายหนุ่ยเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นร้อนลุ่มดังไฟแผดเผาแบบที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน เขาค่อยๆถอนริมฝีปากออกมามามองใบหน้าหวานที่แดงซ่านของเธออย่างเสียดาย เขารู้ดีว่าต้องจัดการกับเธออย่างไรเพื่อท
@the crystal Club พับหรูย่านทองหล่อ“วู้ๆๆๆๆๆๆๆ เจ๊ของเรามาแล้วว โหหหห เจ๊เราวันนี้อย่างสุด แซ่บมากจนจำแทบไม่ได้เลยนะเนี่ย” เมื่อชัญญ่าเดินมาถึงโต๊ะที่จองไว้เธอก็โดนน้องๆในออฟฟิศโห่แซว เธอส่ายศีรษะเบาๆ อย่างเขินอาย ถึงแม้ว่าชีวิตส่วนใหญ่เธอจะเที่ยวแต่ป่าเขาลำเนาไพร แต่อายุขนาดนี้เธอก็ผ่านการเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนฝูงอยู่หลายครั้ง วันนี้เธอเลือกใส่ชุดเดรสสายเดี่ยวสั้นสีเงินเมทัลลิค เนื้อผ้าซาตินแนบตัวจนเผยให้เห็นแทบทุกสัดส่วน เธอมัดผมห้างม้าสูงเผยให้เห็นช่วงไหล่และเนินอกอวบ ที่มีกลิสเตอร์ระยิบระยับสีทองขับกับผิวสวยของเธอดูแล้วเซ็กซี่ไปทางสายฝ. วันนี้เธอแต่งหน้าจัดทาปากด้วยลิปสติกสีแดงกระเป๋าถือสีดำที่แมตซ์เข้ากันกับร้องเท้าส้นสูงสีดำยี่ห้อแพง“อ๊ะ...วันนี้ก็ให้เจ๊นิดนึงโน๊ะ....นี่ใครเจ๊เอง เจ้าภาพก็ต้องเลิศสุดสิ วันนี้เต็มที่เลยนะทุกคน งบบริษัทจ้า เดี๋ยวมินนี่ช่วยจัดการค่าใช้จ่ายวันนี้ให้ด้วยนะ”“รับทราบค่ะบอสส” มินนี่ผู้เป็นทุกอย่างของออฟฟิศรับนโยบายทันที เวลาล่วงเลยผ่านไปทุกคนต่างกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะเพลง EDM อย่างสนุกสนาน ชัชชญาเองก็เริ่มมึนกับแอลกอฮอล์แล้วบ้าง แต่ก็ก
เมื่อใกล้ถึงเวลานัด ชัชชญาก็ตรวจเช็คสิ่งของให้เรียบร้อยเพื่อรอเดินทางไปสนามบินอุดรโดยที่มีกันต์นทีอาสาไปส่ง เธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจจากเขา แต่กลับกลายเป็นอุ่นใจมากด้วยซ้ำที่มีคนรู้จักเดินทางไปด้วย แต่แล้วเมื่อเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนเวลานัด ก็มีเสียงข้อความทักเข้ามาKNT : วันนี้ผมไปส่งคุณไม่ได้แล้วนะ พอดีมีธุระด่วน แต่ผมโทรนัดรถของโรงแรมให้คุณแล้วสบายใจได้ ค่าใช้จ่ายผมจัดการไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เดินทางปลอดภัยครับ ไว้ผมจะติดต่อกลับไป...Chanya : ขอบคุณค่ะ เธอตอบกลับชายหนุ่มสั้นๆและไม่ได้มีคำถามต่อว่าเขาติดธุระอะไรจึงมาส่งเธอไม่ได้ ในเมื่อทั้งเธอและเขาเป็นเพียงแค่คนบังเอิญรู้จักเธอก็ไม่จำเป็นต้องเร้าหรือเขา เธอรู้สึกขอบคุณเขาอย่างใจจริง จากนั้นเธอก็เตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพ แต่พอเมื่อนึกถึงคำว่า ไว้ผมจะติดต่อกลับไป ทำไมจู่ๆเธอก็รู้สึกกำลังชาวาบที่ใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก หรือเธอเองกำลังหวังอะไรจากเขากันแน่ แต่ช่างมันเถอะ เธอได้แต่บอกตัวเองว่าให้คิดถึงงานที่รออยู่ข้างหน้า เธอก็บอกกับตัวเองให้ฮึดสู้ในใจ เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการให้สำเร็จเพราะเรื่องปากท้องสำคัญกว่าหัวใจ @ชัญญ
เช้าวันรุ่งขึ้นกันต์นทีก็รีบตื่นนอนเพื่อที่จะไปรับหญิงสาวที่หน้าโรงแรมKNT : ตื่นยังคุณ อีกยี่สิบนาทีถึงนะChanya : ………..ไม่ตอบ..................ตื้ดดด ตื้ดดดด ตื้ดดดดดดดด“ฮัลโหล!!! ตื่นรึยัง นี้มันเก้าโมงกว่าแล้วนะคุณ”ชัญญ่าสะดุ้งตื่นจากเสียงโทรศัพท์ เธอลืมตั้งนาฬิกาปลุก แย่แล้วววว“ตะ ตะ ตื่นแล้วค่ะ ขอเวลาสิบนาทีนะคะ คุณนั่งรอข้างล่างเลยนะ แค่นี้นะคะฉันรีบ” ชัญญ่ารีบกระโดดออกจากเตียงถอดเสื้อผ้าแล้ววิ่งเข้าไปอาบน้ำไวอย่างกะเดอะฟาสก๊อก ก๊อก ก๊อก“นี้มันเลย สิบนาทีมานานมากแล้วนะคุณ เปิดประตูหน่อย” ไม่รู้ว่าเขารีบอยากจะเห็นใบหน้าสวยๆของเธอหรือนึกอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ขึ้นมาเคาะประตูห้องของเธออย่างวิสาสะ“โอ้ยคุณ! จะรีบไปไหนฉันแต่งตัวอยู่ยังไม่เรียบร้อย” เสียงหวานตะโกนตอบโต้เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอยู่หลายทีจนนึกรำคาญ“คนอะไร...ไม่รู้จักเกรงใจคนอื่นเอาซะเลย” ถึงปากจะบ่นแต่ก็รีบเปิดประตูห้องน้ำออกมาปัง ปัง ปัง กันต์นทีเคาะประตูเสียงดัง“จะเปิดประตูให้ผมเข้าไปดีๆมั้ยครับ”“ไม่เปิด ถ้าคุณอยากเข้ามา ก็ไปหาคีย์การ์ดเข้ามาเองแล้วกัน ฉันแต่งตัวอยู่ แล้วก็จะไม่รีบด้วย ไม่ต้องมาเร่ง!!!!”