แม้จะรู้สึกโกรธและเกลียดผู้เป็นบิดามากแต่ริณเรณูก็ยังคงรอโทรศัพท์อยู่ตอนนี้เวลาเพราะอยากจะให้คุยกับเขาเรื่องมารดาและอยากขอร้องให้เขามาเยี่ยมมารดาสักครั้งแต่ผ่านมาสองวันแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะโทรกลับมาเลย
ความหวังที่อยากให้มารดามีความสุขสักครั้งก่อนจากไปมันดูจะเป็นได้ไม่ได้อีกแล้ว เด็กสาวนั่งมองเบอร์โทรศัพท์อยู่นานก่อนจะตัดสินใจบล็อกเพราะคิดว่าสิ่งที่ตนเองได้ยินในเย็นวันนั้นมันน่าจะเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจของคนที่เธอเคยเรียกว่าพ่อจริงๆ
นับจากนี้ริณเรณูจะไม่พูดจะไม่คิดถึงเขาอีกและนับว่ายังโชคดีที่เธอไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้มารดาฟังเพราะถ้ามารดารู้ก็คงจะตั้งหน้าตั้งตารออย่างแน่นอน
ตอนนี้อาการของคุณเรณูเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ เธอแทบจะไม่มีแรงคุยกับลูกสาวเลย
ในแต่ละวันในทุกครั้งที่ริณเรณูไปเยี่ยมมารดาของเธอจะยิ้มให้กับลูกสาวแต่บทสนทนานั้นเริ่มสั้นลงเรื่อย ริณเรณูเองก็กำลังทำใจว่ามารดาคงจะอยู่กับเธอได้อีกไม่นาน
ริณเรณูกำลังพยายามลืมเรื่องของบิดาเพราะมีสิ่งที่สำคัญสำหรับเธอมากกว่าผู้ชายคนนั้น เด็กสาวต้องให้เวลากับมารดามากที่สุด เธอไปเยี่ยมมารดาตั้งแต่เช้าก่อนไปเรียนและหลังเลิกเรียนก็รีบกลับมาหาท่านและอยู่กับท่านจนกระทั่งดึก ก่อนจะกลับมานอนที่บ้าน อันที่จริงเธอก็อยากนอนเฝ้ามารดาที่โรงพยาบาลแต่แผนกที่มารดาเธอนอนอยู่นั้นก็ไม่อนุญาตให้ญาตินอนเฝ้า เด็กสาวจึงทำได้เพียงอยู่กับท่านจนกระทั่งหมดเวลาเยี่ยม
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เธอเลิกเรียนแล้วก็รีบกลับไปหามารดาทันที
“แม่คะ หนูสอบเสร็จแล้วนะคะ พรุ่งนี้ก็ปิดเทอมแล้วค่ะ ต่อไปนี้ช่วงกลางวันหนูจะมาอยู่กับแม่ได้ตลอดเลยนะคะ”
“แล้วทำข้อสอบได้ไหมล่ะลูก”
“ได้สิคะ”
“ลูกสาวแม่เก่งมากๆ”
“หนูคิดว่าเทอมนี้หนูน่าจะได้เกรดสี่ทุกวิชานะคะแม่” เธอพูดกับมารดาด้วยความภูมิใจเพราะเธอเป็นเด็กขยันตั้งใจเรียนและส่งงานตามกำหนดตลอด อีกทั้งคะแนนเก็บที่ผ่านมาก็อยู่ในเกณฑ์ดีเธอทำคะแนนปลายภาคอีกแค่ครึ่งเดียวเกรดสี่ก็จะมาอยู่ในมือ
“หนูอยากได้อะไรเป็นของขวัญล่ะ”
“หนูยังคิดไม่ออกเลยค่ะแม่” ริณเรณูอยากจะบอกมารดามากเหลือเกินว่าของขวัญที่เธออยากได้คือเวลาที่มารดาจะอยู่กับเธอไปอีกนาน แต่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยตอนนี้
“เอาเป็นโทรศัพท์เครื่องใหม่ดีไหมแม่เห็นโทรศัพท์ของหนูมันเก่ามากๆ”
“แต่มันยังใช้ได้อยู่เลยค่ะ แล้วโทรศัพท์ก็มีไว้แค่โทรเข้าโทรออกกับเล่นไลน์นิดหน่อยเก่าๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะจะได้ไม่ต้องระมัดระวังเวลาใช้งานมาก”
“แต่แม่ว่ามันเก่ามากจริงๆ นะดูสิหน้าจอแตกลายไปหมดแล้ว หนูไปดูเครื่องใหม่มานะว่าอยากจะได้ยี่ห้ออะไรเดี๋ยวแม่จะซื้อให้เอง”
“เอาไว้หนูขอคิดดูก่อนนะคะ ตอนนี้หนูยังไม่รู้ว่าอยากได้อะไร”
“แม่แล้วแต่หนูเลยถ้าหนูไม่เอาโทรศัพท์อยากจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ได้นะลูกครั้งนี้แม่จะตามใจหนูทุกอย่าง บางทีการให้ของขวัญหนูครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้” คุณเรณูพูดขณะที่ลมหายใจของเธอนั้นหอบเหนื่อยเหมือนกับคนที่ทำงานหนักมากๆทั้งที่ตลอดทั้งวันเธอก็นอนอยู่บนเตียงแค่นั้น
“แม่ขาอย่าพูดแบบนั้นสิคะ หนูใจคอไม่ดีเลย ตอนนี้หนูก็เรียนจบม. 4 เองนะอีกตั้งสองปีกว่าหนูจะสอบเข้าม.6 และสอบเข้ามหาวิทยาลัย หนูอยากให้แม่อยู่ให้กำลังใจหนูก่อน”
“แม่ก็อยากจะอยู่ให้กำลังใจหนูนะ แต่แม่ก็รู้ตัวเองดี ไม่ว่าแม่จะอยู่ตรงนี้หรือเปล่าแต่แม่ก็จะคอยมองดูความสำเร็จของหนูอยู่ไกลๆ หนูสัญญากับแม่ได้ไหมว่าหนูจะเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน”
“ค่ะแม่หนูจะตั้งใจเรียนและเป็นคุณครูให้ได้อย่างที่หนูบอกกับแม้ไว้ หนูสัญญาว่าไม่ทำให้แม่ผิดหวังค่ะ”
“ดีมากจะลูก วันนี้แม่ว่าหนูกลับไปพักผ่อนได้แล้วนะพรุ่งนี้ค่อยมาหาแม่”
“ได้ค่ะ แม่อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวหนูจะซื้อมาฝาก”
“ไม่ต้องลำบากหรอกจ้ะพรุ่งนี้ปิดเทอมวันแรกใช่ไหม”
“ใช่ค่ะแม่”
“หนูตื่นสายสักหน่อยก็ได้นะไม่ต้องรีบมาตั้งแต่เช้าหรอกเพราะวันเสาร์คุณหมอเขาจะเข้ามาตรวจช่วงสายๆ”
“ก็ได้ค่ะแม่ หนูจะมาให้ทันเวลาที่คุณหมอลงตรวจนะคะ”
“ขี่รถกลับดีๆ นะลูกอย่าขี่เร็ว ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวกว่าก็ดูดีๆ ก่อน แม่รักหนูนะลูก” แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่เรณูก็ยังคงบอกรักลูกสาวเหมือนกันทุกวันเพราะไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะมีโอกาสได้บอกรักริณเรณูอีกไหม
“ค่ะ หนูรักแม่นะคะ รักมากที่สุดเลยค่ะ” ริณเรณูกอดมารดาแล้วหอมไปที่แก้มทั้งสองข้างก่อนเดินออกมาจาก
เมื่อหันหลังให้กับมารดาแล้วเด็กสาวก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่เธอร้องไห้อย่างไม่อายใคร แม้จะเดินผ่านผู้คนอีกมากมายแต่เธอก็ไม่อาจจะหยุดร้องได้
เมื่อเดินมาถึงรถจักรยานยนต์ของตัวเองที่จอดอยู่ริณเรณูก็ไม่มีแรงที่จะขับออกมา หญิงสาวรู้สึกว่าวันนี้อาการของแม่มันแย่ลงกว่าทุกๆ วันการคุยกับเธอแค่ไม่กี่ประโยคแต่มารดาของเธอดูเหนื่อยกว่าทุกครั้ง พรุ่งนี้ถ้าเจอกับคุณหมอเธอจะลองปรึกษาท่านดูว่ามีทางไหนที่จะทำให้ที่จะยื้อชีวิตมารดาของเธออยู่ได้นานกว่านี้ได้หรือเปล่า
ริณเรณูขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่บ้านและอาบน้ำเข้านอนแต่ก็ยังไม่สามารถข่มตานอนได้ เธออยากปรึกษาเรื่องนี้กับใครสักคน อยากระบายความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ในหัวใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดกับใครเพราะสุนิสาเพื่อนของเธอก็มีปัญหาเรื่องที่บิดามารดาทะเลาะกันเด็กสาวจึงไม่อยากเอาปัญญาของตัวเองไปเพิ่มให้เพื่อน
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและอยากจะโทรศัพท์ไปคุยกับรามัญแต่ก็รู้สึกเกรงใจมากๆ เขากับเธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลยแล้วเขาจะรับฟังปัญหาของเธอไหม กันขนาดคนที่เป็นพ่อยังไม่สนใจแม้แต่จะโทรมาหาหรือมาเยี่ยมเลย
หญิงสาวนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์ไปหารามัญเพราะเธอไม่อาจจะทนอยู่กับความรู้สึกกลัวโดดเดี่ยวในตอนนี้ได้เลย
ริณเรณูรอสายอยู่นานแต่ปลายสายก็ไม่มีก็ไม่มีคนรับ เธอวางโทรศัพท์ลงด้วยหัวใจที่อ่อนล้าเต็มที เขาเป็นคนบอกเธอเองว่ามีปัญหาให้โทรหาเขาแต่พอเธอโทรไปจริงๆ เขากลับไม่ยอมรับสาย
นาฬิกาบนจอโทรศัพท์บอกเวลาสามทุ่มและเธอคิดว่าเวลานี้เขาคงยังไม่เข้านอน แต่ที่ไม่รับโทรศัพท์เธอก็อาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอ
เขาไม่ผิดอะไรเพราะไม่ใช่คนในครอบครัวไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่ญาติพี่น้องที่ไหนเด็กสาวน้ำคลอเมื่อคิดว่าจากนี้ไปเธอก็คงไม่มีใครเป็นที่พึ่งอีกต่อไปแล้ว
ที่ผ่านมาเด็กสาวคิดว่าตนเองเข้มแข็งมาตลอดและสามารถอยู่คนเดียวได้แต่พอมาวันนี้วันที่เธอเห็นว่ามารดากำลังจะจากเธอไปจริงๆ ความเข้มแข็งมันก็ไม่หลงเหลือ ตอนนี้ริณเรณูรู้สึกอ่อนแอและกำลังต้องการใครสักคนเป็นที่พึ่งแต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะหาใครคนนั้นได้จากที่ไหน
ระยะเวลาที่คบกันนานถึงสามปีทำให้ริณเรณูและรามัญเรียนรู้กันมากขึ้นครอบครัวของหญิงสาวยอมรับชายหนุ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครัวด้วยความเต็มใจแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงงานแต่งงานของทั้งสองถูกจัดขึ้นที่บ้านของคุณย่านารีโดยช่วงเช้าเป็นพิธีตักบาตรและพิธีหมั้นส่วนตอนเย็นก็มีการฉลองมงคลสมรสที่โรงแรมหรูเมื่อพิธีการและงานเลี้ยงจบลงตอนนี้คู่บ่าวก็อยู่กันตามลำพังในห้องของโรงแรม“วันนี้หนูริณของอาสวยที่สุดเลยนะครับ” รามัญมองเจ้าสาวที่สวมชุดแต่งงานสีขาวด้วยความภูมิใจ“แล้ววันอื่นหนูไม่สวยเหรอคะอาราม” หญิงสาวพูดแล้วคล้องแขนไปบนลำคอของเขาแล้วส่งสายตาอ้อนเหมือนที่ชอบทำเป็นประจำ“หนูริณของอาสวยทุกวันนั่นแหละแต่ที่อาบอกว่าวันนี้สวยที่สุดก็คงจะเป็นชุดเจ้าสาวที่หนูใส่อยู่”“อารามของหนูก็หล่อที่สุดเหมือนกันค่ะ ยิ่งใส่ชุดเจ้าบ่าวแบบนี้ก็หล่อมาก เพื่อนของหนูชมกันใหญ่เลยว่าอารามหล่อ”“แล้วพวกเขาว่าอะไรไหมที่หนูริณแต่งงานกับคนอายุมากกว่าแบบอา”“ไม่เลยพวกเขาดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าอารามอายุเท่าไหร่อารามของหนูดูเป็นวัยรุ่นอยู่เลยค่ะ”“หนูริณช่างพูดแบบนี้มันทำให้หัวใจคนแก่อย่างอาเต้นแรงทุกครั้งเวลาอยู่ใกล้หนูเล่นเลยนะ
“เจ็บแผลมากไหมคะคุณย่า” ริณเรณูถามคุณย่านารีหลังจากที่ทุกคนออกไปจากห้องพักผู้ป่วยแล้ว“ตอนนี้ไม่เจ็บเท่าไหร่จ้ะ น่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาชา”“ถ้าคุณย่าเจ็บแผลหรือปวดแผลต้องรีบบอกหนูนะคะหนูจะได้กดออดเรียกพยาบาลให้เข้ามาดู”“จ้ะลูก หนูริณเพิ่งกลับจากคอนโดยังไม่ได้เอาของเก็บก็ต้องมานอนเฝ้าย่าที่โรงพยาบาลแล้ว เหนื่อยไหมลูก”“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ หนูเต็มใจจะอยู่เฝ้าคุณย่า คุณย่าคะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันเป็นความจริงใช่ไหม”“ใช่จ้ะมันเป็นความจริงทั้งหมดที่ย่าก็เพิ่งรู้มาได้ไม่นาน หนูโกรธไหมที่คุณศิตาเขาทำแบบนั้นจนทำให้หนูกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อ”“หนูยอมรับนะคะว่าโกรธมากเลยค่ะแต่หนูก็คิดว่ามันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะคุณย่า ถึงแต่ก่อนหนูกับแม่จะถูกทอดทิ้งเพราะความเข้าใจผิดแต่ตอนนี้แต่ตอนที่หนูไม่เหลือใครคุณพ่อกับคุณย่าก็รับหนูมาอยู่ด้วยมันทำให้ หนูรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากอย่างน้อยก็ยังมีครอบครัวหนู”“เป็นคนจิตใจดีมากเลยนะลูกย่าก็นึกเสียดายถ้าหากแม่ของหนูได้มาเป็นสะใภ้คงย่ามันคงดีมากๆ”“หนูคิดว่าตอนนี้แม่กำลังมองดูอยู่ข้างบนและคงมีความสุขมากที่รู้ว่าเรื่องทุกอย่างในอดีตมันเกิดจากความการเข้าใจผิด
คุณย่านารีนั่งพิงหัวเตียงอยู่ในห้องพักวีไอพีของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งบนศีรษะมีผ้าพันแผลสีขาวขนาดเกือบสามนิ้วติดอยู่ขณะที่รอบเตียงรายล้อมไปด้วยลูกหลานครบทุกคนสีหน้าของผู้สูงไว้ดูเครียดถึงแม้คุณหมอจะแจ้งว่าศีรษะมีเพียงแค่บาดแผลและไม่ได้มีอาการอะไรอื่นแต่ความเครียดของเธอก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยเพราะตอนนี้เธอกำลังเป็นกังวลและเป็นห่วงหลานสาวที่เพิ่งรับมาอยู่ด้วยเพียงหนึ่งปีอย่างริณเรณูเป็นอย่างมาก“คุณย่าคะริต้าขอโทษนะคะ ริต้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณย่าเลยแต่คุณย่ามาพูดแบบนั้นกับริต้าเองริต้าก็เลยโมโหและดึงแขนคุณย่าแรงไปหน่อยค่ะ” รวิตายกมือไว้คุณย่านารีแต่ท่าทางของเธอก็เหมือนไม่สำนึกผิดอะไรเลย“ริต้าพ่อว่าหนูไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะ ยิ่งพูดมันก็จะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง” คุณนครินทร์ดุลูกสาวหญิงสาวหันมามองผู้เป็นบิดาด้วยสีหน้าไม่พอใจเพราะน้อยครั้งมากที่เธอจะถูกบิดาดุและครั้งนี้ก็ไม่ใช่เป็นการดุตามลำพังแต่เธอถูกดุต่อหน้าทุกคนในครอบครัว“ก็มันจริงนี่คะคุณพ่อ จู่ๆ คุณย่าก็มาพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ริต้าจะไม่ใช่ลูกของคุณพ่อจะไม่ใช่หลานของคุณย่าได้ยังไง คุณย่าคงจะหลงยัยริณมากเกินไปจนมองไม่เห็นหัวริต้าแล้วล่
“นั่นสิคะคุณแม่ให้ริต้าเขาไปอยู่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยไหมจะได้ไม่เหนื่อยกับการเดินทางมาก” ศิตาพูดเสริมให้กับลูกสาว“แต่คอนโดแถวนั้นราคาสูงมากเลยนะ ย่าว่ามันจะสิ้นเปลืองไปเปล่าๆ อีกอย่างมหาวิทยาลัยของหนูกับที่บ้านก็ไม่ได้ไกลกันมากขนาดนั้น ถ้าเหนื่อยกับการขับรถจริงๆ ให้ลุงสนั่นคอยขับรับส่งไหม”“ไม่ค่ะคุณย่าริต้าอยากได้คอนโดริต้าไปดูมาแล้วราคาแค่เก้าล้านเองนะคะ”“ตั้งเก้าล้านย่าว่ามันแพงไปและมันไม่จำเป็นเลยนะริต้า หนูขับรถจากบ้านไปถึงมหาวิทยาลัยไม่ถึงยี่สิบนาทีเองนะ”“ไม่แพงหรอกค่ะคุณย่าซื้อให้หนูนะคะ หนูสัญญาเลยว่าจะตั้งใจเรียน” รวิตาอยากออกไปอยู่คอนโดเพราะอยากใช้ชีวิตอย่างอิสระและไม่ต้องรีบกลับบ้านเหมือนกันที่ผ่านมา“คุณย่าครับผมว่าต่อให้คุณย่าซื้อคอนโดราคายี่สิบล้านให้พี่ริต้า พี่เขาก็คงเรียนดีไม่ได้ครึ่งของพี่ริณหรอกครับ” มาวินพูดแทงใจดำของพี่สาวยังจังเขารู้ว่าที่ริต้าอยากย้ายไปอยู่คอนโดเพราะเธออยากจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนมากกว่า“นี่นายมาวินนายได้ไปเรียนต่างประเทศใช้เงินตั้งมากและได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระพี่ขอแค่คอนโดแค่นี้นายจะมาขัดทำไม” รวิตามองน้องชายด้วยสายตาขุ่นเคือง“ก็ผมสงสารคุณย่านี่คร
ความรู้สึกที่ตื่นมาในตอนเช้าแล้วมีคนนอนอยู่ข้างๆ มันเป็นความรู้สึกที่ริณเรณูโหยหามาตลอดหลายปี แต่ก่อนเธอกับมารดาก็นอนด้วยกันแบบนี้ จนกระทั่งมารดาป่วยและเข้าไปนอนในพยาบาล จากนั้นหญิงสาวก็นอนคนเดียวมาตลอดและพอวันนี้ได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของรามัญก็ทำให้เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ริณเรณูอยากให้มันเป็นแบบนี้ทุกวันหญิงสาวพกอดเขาแน่นขึ้นแล้วซุกใบหน้ากับแผงอกของชายหนุ่มเหมือนกับลูกแมวน้อยทำให้คนที่ตื่นมานานแล้วยิ้มกับท่าทางของเธอ“ตื่นแล้วเหรอ”“ยังคะ”“คนหลับที่ไหนจะตอบได้” รามัญพูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเขาไม่เคยนอนกับใครจนถึงเช้าแบบนี้เลยสักครั้ง“ก็หนูยังไม่อยากตื่น เมื่อคืนหนูไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะ”“ให้อาทบทวนให้ไหมว่าใช่ฝันหรือเปล่า”“ไม่ดีกว่าคะ แค่นี้หนูก็ไม่มีแรงลุกไปไหนแล้ว อารามคะอาเสียใจไหมกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน” หญิงสาวถามโดยว่าลืมคิดไปว่าคนที่น่าจะถามคำถามนี้น่าจะเป็นฝ่ายชายมากกว่า“หนูริณลืมอะไรไปหรือเปล่า อาต่างหากที่จะต้องถามเรื่องนี้กับหนู หนูเสียใจหรือเปล่า”“หนูก็บอกอาแล้วนะคะว่าหนูไม่เสียใจเลยค่ะก็หนูรักอา”“อาก็รักหนูนะ แต่เราจะทำเรื่องแบบนี้กันอีกไม่ได้”“ทำไมเหรอค
“หนูริณของอาหัวไวมากจูบเป็นแล้ว”“ดีมั้ยคะอาราม”“ดีที่สุดเลย”“ถ้าอารามอยากให้หนูจูบเก่งอารามต้องสอนหนูนะคะ”หญิงสาวพูดออกไปตามอารมณ์และความรู้สึกเพราะเธออยากให้เขามีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น“แน่ใจนะหนูริณว่าจะยอมเป็นของอาจริงๆ”รามัญถามหญิงสาวอีกครั้ง แม้รู้ว่าถ้าหากริณเรณูเปลี่ยนใจตนเองจะต้องจะทรมานมากแน่ไหน แต่ก็ไม่อยากจะหักหาญน้ำใจของคนที่ตัวเองรักเหมือนกัน แม้เขาจะไม่เคยบอกเธอว่าเขาเองก็รักเธอแต่คิดว่าหญิงสาวก็น่าจะเข้าใจดีเพราะถ้าหากเขาไม่รักไม่ได้รู้สึกอะไรก็คงไม่ตามดูแลเธอมาตลอดหลายปีแบบนี้“หนูไม่เสียใจค่ะอาราม” หญิงสาวยืนยันอย่างหนักแน่น“อาจะทำให้ครั้งแรกของเรามีแต่ความสุข”เขากระซิบข้างหูก่อนที่ปลายลิ้นร้อนจะลากไล้ไปตามหน้าอกอิ่มดูดดุนยอดถันกระตุ้นอารมณ์ของหญิงสาว รามัญตวัดปลายลิ้นรัวลงบนยอดถันสลับกับดูดเข้าปากจนแก้มตอบ เมื่อเห็นหญิงสาวแอ่นโค้งหน้าอกอิ่มเข้าหาเขาก็เข้าใจว่าเธอต้องการให้ตนเองทำแบบไหนฝ่ามือร้อนบีบขย้ำอย่างหนักหน่วง ปากร้อนก็ลากไล้สลับไปมาทั้งสองข้างจนเปียกชุ่ม มืออีกข้างลากต่ำลงมายังเอวนวดเฟ้นสะโพกกลมกลึง ปลายนิ้วจะไล้เข้าหาเนินเนื้อเบื่องล่างอีกครั้ง“อ๊ะ