แชร์

Chapter 6

ผู้เขียน: อัญญาณี
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-13 15:04:58

 

            “ขอบคุณมากค่ะ แต่ทรายกลัวว่าจะมีกลิ่นอาหารติดเสื้อพี่เฮิร์ป”

            “จะกลัวอะไรกับอีกแค่กลิ่นติดเสื้อผ้า เสื้อผ้าที่พี่ใส่ไม่ได้ใส่ครั้งเดียวตลอดเดือนซะเมื่อไหร่ กลับถึงบ้านก็ถอดซักแล้ว” เขาไม่คิดว่าเรื่องกลิ่นอาหารเป็นปัญหาใหญ่ “ทรายจะให้พี่ทำอะไรบอกมาเลย พี่ทำได้ ตอนคุณแม่กับคุณยายเข้าครัว พี่ก็เคยเข้าไปช่วย”

            “ถ้างั้นพี่เฮิร์ปหั่นผักให้ทรายแล้วกันค่ะ หั่นแบบนี้นะคะ” ผักในกะละมังมีหลายชนิด พราวฟ้าหยิบมาทีละชนิดแล้วหั่นให้เขาดูเป็นตัวอย่าง “พี่เฮิร์ปทำได้ใช่ไหมคะ”

            “สบายมาก พี่จะโชว์การหั่นผักให้ทรายดู”

            “ก่อนทำ ทรายว่าพี่เฮิร์ปใส่ผ้ากันเปื้อนก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวทรายหยิบให้” พราวฟ้าเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนที่แขวนไว้ใกล้กับตู้เย็น จากนั้นจึงเดินมาหายุรนันท์ “นี่ค่ะผ้ากันเปื้อน”

            “ใส่ให้หน่อยสิ” พราวฟ้ายิ้ม ไม่ขัดข้องกับคำร้องขอ เธอก้าวเข้ามาหายุรนันท์อีกหนึ่งเก้า ความที่เขาตัวสูงกว่า เขาจึงก้มศีรษะให้เธอสวมผ้ากันเปื้อนให้ ขณะที่ยุรนันท์ก้มศีรษะ ดวงหน้าพราวฟ้าอยู่ในระยะใกล้ รอยยิ้มเธอสดใสมาก เมื่อเห็นเขารู้สึกราวกับว่า เธอดึงหัวใจออกจากอกอย่างไรอย่างนั้น ยุรนันท์รีบดึงสติกลับมา เป็นจังหวะที่เธอเดินไปทางด้านหลังเขาเพื่อผูกสายผ้ากันเปื้อน

            ‘เป็นอะไรวะ ทำไมรู้สึกอย่างนี้’ ยุรนันท์ถามตัวเอง แต่ก็หาคำตอบไม่ได้

            “เสร็จแล้วค่ะ”

            “ขอบใจนะ” ยุรนันท์ยิ้มให้พราวฟ้า “พี่เริ่มหั่นผักดีกว่า เดี๋ยวแม่ครัวจะหาว่าพี่ทำช้า”

            พราวฟ้ายิ้ม ก่อนเดินไปล้างปลาหมึกเพื่อทำแกงจืดหมูสับยัดไส้ปลาหมึก ขณะที่เธอยืนทำอาหาร ยุรนันท์ที่นั่งหั่นผักลอบมองแม่ครัวสาวเนืองๆ มองไปยิ้มไปไม่รู้ตัวจนเกือบถูกมีดบาด จนต้องก้มหน้ามองดูผักที่ตนหั่น

            สี่สิบห้านาทีที่อยู่ในครัวกับพราวฟ้า ยุรนันท์ทำตัวไม่เกะกะ หั่นผักเสร็จก็นั่งมองพราวฟ้าทำอาหาร ตอนแรกก็คิดว่า เป็นเรื่องน่าเบื่อที่ต้องอยู่ในครัวนานๆ แต่เปล่าเลย เขากลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เท้าคางนั่งมองพราวฟ้า มองไปยิ้มไปคนเดียว

อีกหนึ่งเรื่องที่ยุรนันท์เห็นและรู้สึกได้ นั่นคือความสุขบนดวงหน้าแม่ครัวคนสวย พราวฟ้าเหมือนอยู่ในโลกของตัวเอง โลกที่ไม่มีใครมาทำร้าย ไม่มีใครดุด่า ไม่มีใครส่งสายตารังเกียจให้ต้องเจ็บช้ำ เธอจึงทำสิ่งตรงหน้าอย่างมีความสุข คนที่มองพลอยสุขตามไปด้วย ยุรนันท์นึกยังไงมิทราบได้ เขาหยิบมือถือแล้วถ่ายรูปขณะพราวฟ้าทำอาหารไว้หลายภาพ

“ทรายยิ้มหน่อย” ยุรนันท์บอกแม่ครัวสาวสวยที่ฉีกยิ้มตามคำบอก ไม่เพียงแค่ถ่ายรูป เขายังอัดคลิปวิดีโอไว้ด้วย

“ทรายทำกับข้าวเสร็จแล้ว จัดก๋วยเตี๋ยวลุยสวนใส่กล่องให้พี่เฮิร์ปแล้วนะคะ” พราวฟ้าบอกยุรนันท์ “พี่เฮิร์ปเหนื่อยไหมคะ ทรายจะเอาน้ำตะไคร้ใบเตยมาให้ดื่ม จะได้สดชื่น”

“น้ำตะไคร้ใบเตยหรอ” เขาทวนชื่อเครื่องดื่มที่ไม่เคยลิ้มลอง “ลองดูก็ได้”

“รอแปปนะคะ” พราวฟ้าเดินไปที่ตู้เย็น เธอหยิบเหยือกแก้วใบใหญ่ออกมา  เตรียมน้ำแข็งใส่แก้วแล้วรินน้ำสีสันสวยลงในแก้วจนเกือบเต็ม จากนั้นก็นำไปให้ยุรนันท์ “พี่เฮิร์ปลองชิมดูค่ะ กลิ่นจากตะไคร้และใบเตย มีความหวานหน่อยๆ ของน้ำเชื่อม ดื่มแล้วสดชื่น แถมยังมีประโยชน์ต่อร่างกายค่ะ”

ยุรนันท์มองเครื่องดื่มในแก้ว ก่อนจับแก้วและยกขึ้นจิบ คล้ายกับชิมรสชาติก่อน

“อืม...อร่อย” เมื่อรู้รสชาติ เขาดื่มเกือบครึ่งแก้ว “หอมด้วย หอมทั้งตะไคร้และใบเตย”

“คุณย่าชอบค่ะ ถ้าใส่มะนาวลงไปด้วยจะอร่อยกว่านี้อีก หวานอมเปรี้ยว ดื่มตอนกินข้าวเจริญอาหารดีด้วยนะคะ” พราวฟ้าพูดต่อ

“งั้นตอนกินข้าว พี่ขอใส่มะนาวนะ อยากชิมดู” ยุรนันท์พูดจบก็กระดกดื่มน้ำไปหมดแก้ว “สงสัยเที่ยงนี้พี่กินข้าวพุงกางแน่ๆ”

พราวฟ้ารู้จักยุรนันท์มาเกือบสามปี ทุกครั้งที่เจอทั้งสองพูดคุยกันไม่กี่ประโยค บางครั้งยุรนันท์ไม่ได้สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ ทำราวกับว่าเป็นคนรู้จักที่แปลกหน้าก็ว่าได้ ทว่าวันนี้ทั้งคู่พูดคุยกันมากขึ้น ต่างกับทุกครั้งอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะกับยุรนันท์ ความใกล้ชิดและพูดคุยกับพราวฟ้าไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงมานี้ ทำให้ความคิดและความรู้สึกที่มีต่อเธอเปลี่ยนไป

กับข้าวง่ายๆ เพียงแค่สามอย่าง ข้าวผัดปลาสลิด แกงจืดปลาหมึกยัดไส้หมูสับ และก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แต่สำหรับยุรนันท์ คืออาหารที่อร่อยที่สุดในรอบหลายเดือน รสมือของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แม้อาหารชนิดเดียวกัน เขากินอาหารสามอย่างนี้หลายครั้งหลายหน ทว่าครั้งนี้ลิ้นเขารับรสแล้วต้องยกนิ้วให้

            เป็นไปตามคาด พราวฟ้าไม่ยอมไปซื้อเสื้อผ้าตามคำสั่งบุหงัน โดยให้เหตุผลว่า เย็นนี้ปรินทร์จะพาเธอไปซื้อเสื้อผ้าและกระเป๋า จึงไม่จำเป็นต้องไปซื้อก่อนให้สิ้นเปลืองเงิน แล้วยังพูดอีกว่า หากตนไปกับยุรนันท์ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนอาจเสียไม่ถึงมือคุณยายนวลผ่อง เพราะกว่ายุรนันท์จะกลับบ้านก็อีกหลายชั่วโมง ที่สำคัญที่สุด พราวฟ้าเกรงใจยุรนันท์

            “แกนี่ข้ออ้างเยอะจริงๆ” บุหงันระอาใจไม่น้อย คนอยากเสียเงินแต่ไม่เคยได้เสียสักที

            “พี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องสิ้นเปลืองนะ มันคือน้ำใจที่คุณย่าหยิบยื่นให้ทราย ท่านมีเมตตากับทราย พี่ว่าทรายควรรับไว้ อย่างน้อยๆ ครั้งหนึ่งก็ยังดี คุณย่าจะได้ไม่เซ้าซี้ให้ทรายไปซื้อเสื้อผ้าอีก ท่านจะได้สบายตาสบายใจด้วยที่เห็นทรายใส่ชุดสวยๆ” ยุรนันท์หาเหตุผลมากลบความเกรงใจพราวฟ้า “ส่วนเรื่องก๋วยเตี๋ยวลุยสวยที่ทรายเป็นกังวลว่าจะเสีย ยุคสมัยนี้การขนส่งแบบเร่งด่วนมีไม่ใช่น้อย พี่จ้างไลน์แมนไปส่งที่บ้านก็ได้ หรือไม่ก็ให้ลุงสมขับรถเอาไปให้คุณยายพี่ที่บ้าน เห็นไหมว่ามันไม่เป็นปัญหาสักนิดเดียว ส่วนเรื่องที่ทรายเกรงใจพี่ ข้อนี้ตัดไปได้เลย พี่ไม่ได้ลำบากกับการพาทรายไปซื้อเสื้อผ้า ซื้อเสร็จพี่ก็จะพาทรายไปส่งที่บริษัทโดม เพราะเป็นทางผ่านของพี่พอดี เห็นไหมว่าทุกอย่างลงตัว ทรายก็อย่าปฏิเสธน้ำใจของคุณย่าและพี่เลยนะ”

            เจอประโยคนี้เข้าไป พราวฟ้าหาเหตุผลมากล่าวอ้างได้ยาก เธอรู้ดีว่าบุหงันหวังดีกับตน แต่ความเกรงใจและกลัวว่าอรุณจะคิดว่า ตนมากอบโกยเงินทองจากบุหงันและปรินทร์ เธอจึงปฏิเสธเรื่อยมา

            “ค่ะ ทรายตามใจคุณย่าค่ะ” บุหงันยิ้มได้ หยิบเงินที่เตรียมไว้ส่งให้ยุรนันท์

            “ผมขอตัวกลับเลยนะครับคุณย่า” ยุรนันท์ยกมือไหว้บุหงัน พราวฟ้ายกมือไหว้ย่าของสามีเช่นกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินออกไปจากบ้าน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ดั่งทรายต้องลม   Chapter 41

    Chapter 41“แล้วเธอไม่นึกถึงใจโดมบ้างหรือไง โดมเป็นลูกเธอนะ เธอทนเห็นลูกชายเจ็บปวด เสียใจอย่างนี้ได้เหรอ ใจเธอแข็งมากเลยนะอรุณ” บุหงันเสียงเรียบ “บ้านหลังนี้เมื่อก่อนมีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะและมีความสุข แต่เธอดูตอนนี้สิว่า มันมีที่ฉันพูดไหม ไม่เลย ไม่มีเลย ทุกคนไปตามทางของตัวเอง ไม่มีจุดศูนย์รวมเหมือนก่อน เธอไม่คิดหรือว่า มันเป็นความผิดของเธอ ผิดที่เธอยึดมั่นถือมั่นในความคิดตัวเอง ไม่เปิดใจยอมรับทราย”“อย่างที่เคยบอกคุณแม่ไปค่ะว่า เวลาจะทำให้โดมดีขึ้นเอง” อรุณตอบเหมือนไม่แคร์ความรู้สึกใครทั้งนั้น “คุณแม่พูดเหมือนอรุณผิด อรุณจะผิดได้ไงคะ ในเมื่ออรุณอยู่บ้านหลังนี้มาก่อนมัน มันซะอีกที่เข้ามาทำลายความสุขของอรุณ ทำให้อรุณเกลียดมัน เรื่องมันเป็นแบบนี้ ความผิดก็ต้องอยู่ที่มัน ไม่ใช่อรุณ”“เธอนี่ทิฐิแรงมากเลยนะ ฉันไม่คิดเลยว่า เธอจะเป็นคนแบบนี้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่า เวลาจะทำให้โดมดีขึ้น เพราะเวลาก็เยียวยาบางเรื่องไม่ได้” บุหงันคร้านจะพูดอะไรต่อ อรุณถลำลึกยากเกินเยียวยา ความเกลียดชังในจิตใจบดบังความถูกผิด และสามัญสำนึกของคำว่าแม่ “ระวังนะอรุณ ระวังความเกลียดชัง ความไม่นึกถึงใครจะย้อนเข้าหาตัวเธอ

  • ดั่งทรายต้องลม   Chapter 40

    Chapter 40หนึ่งปีต่อมา บ้านศรุตจันทร์ที่เคยมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเวลานี้แทบไม่มีเลย กลับมีแต่ความห่างเหินจนเรียกไม่ได้ว่าเป็นครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างปุริมกับอรุณที่ดูเหมือนว่าปกติ แต่ไม่มีใครรู้ว่า ปุริมเบื่อหน่ายอรุณมาก ที่นับวันจะยิ่งเอาแต่ใจ ยึดความคิดตัวเองเป็นหลักโดยไม่สนใจความรู้สึกของใคร แม้แต่ลูกชายตัวเอง อรุณรู้ทั้งรู้ว่า ปรินทร์รักและตามหาพราวฟ้ามาตลอดหนึ่งปีหกเดือน รู้ว่าปรินทร์ไม่มีวันเปลี่ยนใจรักใคร หรือปลงใจกับหญิงสาวคนใด ทว่าอรุณก็ยังหาลูกคุณหญิงคุณนายหรือลูกหลานคนมีชื่อเสียงมาทำความรู้จักกับปรินทร์เสมอ แม้ว่าปรินทร์จะแสดงออกทันทีว่าไม่สนใจ แต่คนเป็นแม่ก็เหมือนอยากเอาชนะ ไม่ยอมแพ้ พาหญิงสาวมาให้ลูกชายดูตัวเสมอ ยิ่งลูกไม่ยอม นางยิ่งทำมากขึ้น ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกไม่เหมือนเดิม ปรินทร์ตัดสินใจไปอยู่คอนโดอย่างถาวรเพื่อไม่ให้ตนเองปะทะกับอรุณ เป็นการเลี่ยงไปในที ทว่าอรุณก็ไม่ยอม ไปหาลูกชายที่ห้องชุดบ้าง ที่ทำงานบ้าง โวยวายยกใหญ่ก่อนลงเอยที่การทะเลาะ คำพูดของอรุณทำให้ปรินทร์ถึงกับกุมขมับ และเป็นทุกข์ “แกรักทราย

  • ดั่งทรายต้องลม   Chapter 39

    Chapter 39 “ถ้ามันอยากให้ทรายกลับมาเป็นเมียอีกครั้ง มันต้องตัดสินใจและทำอะไรสักอย่าง ให้คนสองคนอยู่ข้างกายมันได้โดยไม่มีผลกระทบไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ถ้ามันไม่ทำ ชาตินี้ทั้งชาติมันไม่มีความสุขแน่นอน” ยุรนันท์รู้ว่าเป็นเรื่องยาก แต่ปรินทร์ต้องทำให้ได้ ต้องคิดหาทางออกด้วยตัวเอง “มันเป็นอย่างนี้จะหาทางออกได้ไง เลิกงานปุ๊บมานั่งเฝ้าผับปั๊บ แดกเหล้าอย่างกับน้ำ กูกลัวมันจะเป็นตับแข็งก่อนเจอทรายน่ะสิ” ดลภพเป็นห่วงปรินทร์มาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากให้กำลังใจ “มันเลือกเอง เลือกที่จะพูดไม่ดีกับทราย เลือกให้เปิ้ลเข้ามาอยู่ในบ้าน มันก็ต้องยอมรับผลของการกระทำของตัวเอง” ไม่มีคำพูดใดของยุรนันท์ที่ผิด เขาพูดถูกทุกคำ “ทรายอยู่หน่ายยยย...พี่คิดถึงทราย...พี่ร๊ากกกทราย...พี่ขอโทษ...กลับมาพี่...กลับมาหาพี่...ฮือ” ปรินทร์รำพึงรำพันถึงพราวฟ้าตบท้ายด้วยการร้องไห้...เหมือนคนใจจะขาด ยุรนันท์กับดลภพมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกสมเพชและสงสาร เพื่อนของพวกเขาทำตัวเองทั้งนั้นในความมืดท่ามกลางราตรีกาล อรุณนอนไม่หลับ สมองนางนึกถึงทิวาทิพย์ หญิงสาวที่นางมอบความร

  • ดั่งทรายต้องลม   Chapter 38

    Chapter 38ตามที่บุหงันพูดก่อนหน้านี้ นางไม่ใช่คนโง่และมีเส้นสายอยู่มาก ทุกเรื่องที่ทิวาทิพย์ทำนางรู้หมด แต่ที่ไม่พูดเพราะต้องการหลักฐานเรื่องการเป็นภรรยาน้อยเศรษฐีก่อน ทิวาทิพย์จะได้ไม่มีข้อแก้ตัว คนที่บอกเรื่องนี้ให้นางรู้ เป็นคนใกล้ตัวทิวาทิพย์ คนที่เธอไม่มีวันสงสัย และไม่รู้ตัวว่า กำลังถูกเพื่อนคนนี้หักหลังเพียงเพราะต้องการเงิน บุหงันหน้าชามากขึ้น ความตกใจเกิดขึ้นกับนางซ้าๆ ในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ซึ่งยังไม่หมด บุหงันยังมีคำพูดมากมายกับลูกสะใภ้“ฉันไม่ชอบเธอ อยากให้ปุ๊มีเมียที่ดีกว่านี้ สมฐานะกัน แต่เมื่อปุ๊เลือกเธอเป็นเมีย ฉันก็ไม่ห้ามเพราะเคารพการตัดสินใจของลูก เมื่อฉันนิ่งเฉยปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไก บ้านก็สงบสุข เธอต่างหากที่ทำให้บ้านหลังนี้ลุกเป็นไฟ ทำตัวต่ำ เปิดเผยตัวตนออกมา แล้วเธอก็ยังไม่รู้สำนึกว่า เรื่องที่ตัวเองทำลงไปผิดหรือไม่ ทำให้โดมเสียใจจนไม่เป็นผู้เป็นคน เธอนึกถึงแต่ตัวเอง นึกถึงความพอใจ นึกถึงหน้าตาเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต” บุหงันมองลูกสะใภ้นิ่ง ก่อนพูดต่อ “เธอคงเห็นผลของการกระทำของตัวเองแล้วนะ โดมเสียใจที่ทรายจากไป เจ็บปวดที่เลือกทำตามคำสั่งแม่ที่บังคับโน่น

  • ดั่งทรายต้องลม   Chapter 37

    Chapter 37“นี่แม่อรุณ เธอจะพูดให้ตัวเองดูโง่ทำไม เรื่องที่มันเกิดขึ้นทั้งหมดเพราะเธอนั่นแหละตัวดี มองเห็นก้อนกรวดเป็นเพชร มองเห็นเพชรเป็นเม็ดทรายไม่มีค่า เป็นไงล่ะ รู้ด้วยตัวเองแบบนี้สะอึกไหม ฉันไม่อยากด่าว่าเธอหรอกนะ ด่าว่าโง่เหมือนควายยังสงสารควาย” บุหงันได้ทีว่าลูกสะใภ้ “ไม่พอนะ ยังโง่ให้เปิ้ลหลอกให้ซื้อของอีกตั้งเท่าไหร่ อย่างนี้จะเรียกว่าโง่คงไม่ได้ และที่สำคัญที่สุด เปิ้ลหลอกให้เธอซื้อรถให้ราคาสามสิบล้านกว่า เธอก็ยังซื้อให้ โง่แล้วโง่อีก โง่ซ้ำโง่ซาก โง่อย่างนี้ไงล่ะถึงถูกเปิ้ลหลอก”คนถูกว่าหน้าเศร้าลง เถียงไม่ออก คำพูดมันจุกในลำคอ เหมือนยอมรับว่าตัวเองโง่ เจ็บใจที่ตัวเองถูกหลอก ทว่าคำต่อว่าของบุหงันดูน้อยลง เมื่อทิวาทิพย์ตอกย้ำความโง่แบบจมดิน“แต่ก็จะมาโทษเปิ้ลคนเดียวไม่ได้นะคะ คุณแม่โง่เอง เปิ้ลพูดอะไรก็เชื่อหมด แถมยังเป็นคนคิดแผนให้เปิ้ลกับโดมจัดฉากว่ามีอะไรกันเพื่อให้นังทรายทนไม่ได้ เป็นฝ่ายไปจากโดมเอง สุดท้ายมันก็ไปจริงๆ ก็ถือว่าเปิ้ลทำคุณประโยชน์ให้คุณแม่นะคะ เพราะถ้าไม่มีเปิ้ล คุณแม่คงจะต้องทนเห็นหน้านังทรายต่อไป” ทิวาทิพย์ลอยหน้าลอยตาพูด “ส่วนเรื่องของต่างๆ ที่คุณแม่ซื้

  • ดั่งทรายต้องลม   Chapter 36

    Chapter 36“ผับกว่าจะลงตัวมันต้องใช้เวลาค่ะคุณแม่ แค่เดือนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ อย่างน้อยๆ ก็ต้องสามสี่เดือน เอาไว้ลงตัวจริงๆ เปิ้ลจะห่างๆ ก็แล้วกันค่ะ” ทิวาทิพย์ตอบกลับ “ส่วนเรื่องถูกนินทา คนอื่นจะนินทาเปิ้ลได้ไงคะ เปิ้ลไปช่วยงานเพื่อน ไม่ได้ไปเที่ยวสักหน่อย”“แน่ใจเหรอว่าไปช่วยงานเพื่อน” บุหงันเอ่ยขึ้น คันปากยิบๆ “เพื่อนเธอไม่มีผู้จัดการผับหรือไงถึงได้ไปช่วย ปกติน่าจะมีนะ ขนาดผับบาร์เล็กๆ ยังมีผู้จัดการคอยดูแลเลย”ทิวาทิพย์รู้ได้ทันทีว่า บุหงันตั้งใจหาเรื่อง ความเบื่อที่มีมากกับความอดทนที่ลดลงทุกวัน ส่งผลให้เธอโต้เถียงกลับ ทว่าก็ไม่ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรง“มีค่ะ แต่เปิ้ลอยากไปช่วยเพื่อนค่ะ”“เปิ้ลเป็นคนดีไงคะคุณแม่ มีน้ำใจช่วยเพื่อน” อรุณพูดเสริม“ฉันให้เธอเตือนเปิ้ลนะ ไม่ได้พูดเข้าข้าง สมองเสื่อมหรือไง” แม่ผัวสวนกลับลูกสะใภ้“แม่เข้าใจนะที่เปิ้ลไปช่วยเพื่อน แต่เว้นๆ หน่อยก็ดีนะลูก คุณย่าเป็นห่วง ไม่อยากให้ใครมานินทาว่าร้ายเปิ้ล มันจะส่งผลถึงแม่ด้วย” อรุณทำตัวเป็นลมเปลี่ยนทิศ อบรมทิวาทิพย์พอเป็นพิธี เพื่อไม่ให้แม่สามีสาดลูกกระทบใส่ “หันมาเอาใจโดมก็ดีนะลูก เอาอกเอาใจโดม โดมจะได้สนใจ”“โอ๊ยคุ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status