เข้าสู่ระบบบทที่ 4
“งู!” เธอโพล่งออกมาพลางหันขวับไปมอง
“เอ้า! มันไปแล้วนี่” เธอครางเบาๆ ด้วยความแปลกใจ ทันทีที่เห็นว่าไอ้งูที่เธอกลัว ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว ครั้นพอหันกลับมาก็พบว่าถูกเขามองอยู่อีกแล้ว
“เอ่อ…มันไปแล้วค่ะ” เธอย้ำอีกครั้งราวกับกลัวว่าเขาไม่รู้ แต่เพราะสายตาคมกล้าของเขาที่กำลังมองมา มันทำให้เธอต้องรีบหลบตาอย่างช่วยไม่ได้ กระทั่งเมื่อเขาก้าวขาเดินต่อ เธอจึงมีเวลาได้ลอบมองใบหน้าคมเข้มของเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ อย่างหนึ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้เลยคือ ผู้ชายคนนี้ดูดีมาก มากจนเธอเผลอจ้องอย่างลืมตัว
‘เป็นบ้าอะไรวะเนี่ย อยู่ๆ ก็ใจสั่นกับเกย์ เลิกคิดแล้วก็เลิกมองได้แล้วพริมรตา มองให้ตายเขาก็ไม่มองผู้หญิงอย่างเธอหรอก’
“หน้าผมมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ” น้ำเสียงห้วนๆ ของเขาดึงเอาสติที่กำลังหลุดลอยไปไกลของเธอให้กลับมา
“อะเอ่อ…ปะเปล่าค่ะ” เธอปฏิเสธด้วยสีหน้าเลิกลั่ก ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ้า! ถึงแล้วเหรอคะ” เธอพยายามขืนตัวให้เขาปล่อย ในขณะที่เขาเองก็ย่อมปล่อยแต่โดยดี
“คุณจะเล่นน้ำทั้งชุดนั้น?” เขาเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ทำเอาคนที่เดินลิ่วๆ ไปทางน้ำตกถึงกับชะงักเหมือนเพิ่งนึกขึ้นมาได้
“เออจริงด้วย ไอ้วาสั่งให้มายั่วนี่หว่าไม่ได้ให้มาเล่นน้ำ เอาไงดีวะ หรือเราจะเริ่มตรงนี้เลย” เธอหันหลังงึมงำกับตัวเอง ก่อนจะหันยิ้มร่า
“นั่นสิคะ เล่นน้ำก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสิเนอะ” เธอหันมายิ้มแหย แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับการที่จู่ๆ แม่คุณก็ทำท่าจะแก้ผ้าตรงนั้น
“เฮ้ย! จะทำอะไรน่ะ อย่าบอกนะว่าจะแก้ผ้าตรงนี้” เขาโวยวายเสียงหลง ขณะมองคนที่กำลังปลดกระดุมเสื้อจนตาแทบถลน
“ค่ะ ก็ที่นี่ไม่มีห้องน้ำ” เธอหันมาบอกเขาหน้าซื่อตาใส ทั้งที่ในใจกำลังอยากร้องไห้ ถ้าไม่ติดว่าอยากช่วยเพื่อน เธอไม่มีวันทำอะไรแบบนี้เด็ดขาด
“แต่ที่นี่มีผม” เสียงพูดเขาแทบเป็นเสียงตะโกน
“ค่ะ เพราะมีคุณฉันก็เลยรู้สึกปลอดภัย ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันใส่เสื้อผ้าเล่นน้ำไว้ข้างในแล้ว” ว่าแล้วเสื้อตัวสวยก็ถูกถอดออก ก่อนที่เจ้าตัวจะนำมันไปแขวนไว้กิ่งไม้
‘โอ๊ย! คิดถูกคิดผิดวะเนี่ย ไม่น่าไปรับปากไอ้วาเลย’ เธอพึมพำพลางก้มมองเสื้อรัดรูปแนบเนื้อที่ตัวเองใส่อยู่ด้วยความรันทดใจ ครั้นจะให้ล้มเลิกทุกอย่างตอนนี้ชีวิตเพื่อนเธอคงไม่มีวันสงบสุขอีกเป็นแน่ ถ้าต้องแต่งงานไปกับเกย์
“เอาวะ! มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องสู้ ฉันจะทำเพื่อแกไอ้วา” หลังจากปลุกใจตัวเองเสร็จ เธอก็รีบวางกระเป๋าใบเล็กที่เพื่อนให้ไว้ลง แล้วหันมาถอดกางเกงต่อ ในขณะเดียวกันก็เหลือบไปสังเกตท่าทีของเขาด้วย อา…ดูเหมือนเขาจะไม่ตกใจกับสิ่งที่เธอทำแล้ว แต่ก็ยังเบือนหน้าไปอีกทาง เธอจึงฉวยโอกาสนี้หยิบกล้องตัวเล็กออกมาจากกระเป๋า แล้วเอามันไปติดกับเสื้อที่ถูกแขวนเอาไว้ก่อนหน้า เมื่อมั่นใจแล้วว่ามุมนี้จะสามารถเก็บทุกภาพเคลื่อนไหวที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้ เธอจึงดำเนินการตามแผนต่อ
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ” เสียงหวานๆ ของเธอทำให้เขาหันมา ก่อนจะชะงักอีกครั้งกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เสื้อผ้ารัดรูปแนบเนื้อที่เผยให้เห็นสัดส่วนชัดเจนของเธอทำเขาสะอึก
“อะแฮ่ม!” ใช่! มันคือการกระแอมเรียกสติตัวเองก่อนพูดต่อ “ลงไปเล่นสิ ผมจะรออยู่แถวนี้ แต่เดินระวังด้วยล่ะ ก้อนหินด้านล่างอาจบาดเท้าคุณ”
“เอ้า! แล้วคุณไม่ลงมาเล่นด้วยกันเหรอคะ” เธอทำหน้าเหลอ เพราะถ้าเขาไม่ลงมาเล่นน้ำกับเธอ แผนเธอก็คงดำเนินต่อไปไม่ได้
“งะงั้นคุณมานั่งใกล้ๆ ฉันได้ไหมคะ คือฉันกลัวอะค่ะ” เธอชี้ไปตรงโขดหินที่ใกล้กับธารน้ำตก ซึ่งเป็นจุดที่กล้องจับภาพได้ชัดเจนที่สุด ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ เดินลงไปในน้ำเย็นๆ นั่น
“แม่เจ้า! น้ำเย็นมาก อะไรดลใจให้แกคิดแผนแบบนี้เนี่ยไอ้วา ฉันจะเป็นปอดบวมตายก่อนที่แผนแกจะสำเร็จไหมเนี่ย” เธอยืนหันหลังบ่นพึมพำ ให้ตายสิ! อากาศเย็นๆ แบบนี้มันไม่เหมาะกับการมาเล่นน้ำเลยสักนิด
“มะๆ ไม่มาเล่นด้วยกันเหรอคะ นะน้ำกำลังเย็นสบายเลยค่ะ” เสียงเธอเริ่มสั่นเครือบวกกับตัวที่เริ่มสั่นเทา แต่ก็ยังพยายามเก็บอาการเอาไว้อย่างยิ่งยวด ถึงแม้ว่ามันหนาวจนฟันเริ่มกระทบกันก็ตาม
“ก็ถ้าสบายก็เล่นให้นานๆ วันนี้ผมว่างอยู่รอคุณทั้งวันได้” เขาบอกพลางยิ้มมุมปาก เฮ้ย! ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าเขากำลังยิ้มเยาะเธอเลยล่ะ
“เอาไงดีวะ ขืนอยู่แบบนี้ แกได้ป่วยตายก่อนแผนสำเร็จแน่ เอาวะไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว มุกสิ้นคิดก็ยอมเว้ย” เธอหันไปงึมงำอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาตะโกนเสียงดัง
“โอ๊ย! พ่อเลี้ยงคะช่วยด้วยค่ะ มีอะไรไม่รู้อยู่ที่เท้าฉันค่ะ” ถ้านี่เป็นฉากเรียกร้องความสนใจ เธอคงเป็นตัวละครที่เล่นแข็งที่สุดกระมัง ทั้งสีหน้าท่าทางมันช่างสวนทางกับทุกคำพูดของเธอ
‘ฮือ…! ไม่เนียน! ไม่เนียนเลยจริงๆ แล้วผู้ชายฉลาดๆ ที่ไหนเขาจะสนใจวะเนี่ย’ เธอโอดครวญในใจ ก่อนจะต้องผงะตาโตเมื่อคนที่คิดว่าไม่สนใจ จู่ๆ เขาก็เดินลงมาหา
‘เฮ้ย! หรือว่าเขาไม่ฉลาดวะ’ เธออดคิดไม่ได้ กระทั่งเขาเดินมาถึงตัว
“อุ๊ย!” เธอหน้าเหลอด้วยความตกใจ หลังถูกอีกฝ่ายอุ้มโดยไม่ทันตั้งตัว กระทั่งเธอถูกวางให้นั่งลงบนโขดหินที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา
‘เฮ้ย! วันนี้เขาอุ้มเรากี่ครั้งแล้วเนี่ย ทำเหมือนเราเป็นสิ่งของเหมือนเราเป็นหมากระเป๋าที่จะหิ้วไปไหนก็ได้ หืม! หรือเราจะเป็นหมากระเป๋าเหมือนที่ไอ้วามันว่าจริงๆ’ ขณะที่เธอคิดไปถึงคำพูดของเพื่อน จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงเขาอีก
“ยกเท้าขึ้นมาสิ”
“คะ?” เธอมองหน้าเขาราวกับไม่เข้าใจที่พูด
“ก็คุณบอกว่ามีอะไรอยู่ในน้ำ ผมก็จะช่วยดูให้ว่าเท้าคุณมีแผลรึเปล่า เผื่อว่าคุณจะโดนหินบาด ยกเท้าขึ้นมาสิ ผมดูให้” เธอทำหน้าเลิกลั่กอย่างพยายามหาทางหนีทีไล่ แต่ในขณะที่กำลังใช้ความคิด จู่ๆ ก็มีเหตุให้ต้องสะดุ้งจนตัวโยน
“หรือว่าจะเป็นงูน้ำ” แค่ได้ยินว่างู เท้าทั้งคู่ก็ยกพรึ่บขึ้นด้วยความตกใจ
“ไหนงูๆ กรี๊ด…! งู” เธอโวยลั่นหน้าตาแตกตื่น
“ผมบอกเหรอว่ามี ผมแค่พูดว่า…หรือว่า” เธอหันขวับมามองคนพูดตาขวางทันที
“ก็ไม่มีอะไรนี่ ไม่บวมไม่แดง แล้วก็ไม่มีแผล” เธอทำหน้างง กระทั่งเห็นสายตาที่กำลังจับจ้องมองสองเท้าที่กำลังยกชู เธอจึงรีบลดเท้าลงพร้อมกับพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แต่แล้วก็ต้องหน้าเหลอเพราะเขาอีก
“เอ้า! แล้วนั่นคุณจะไปไหนคะ”
“ก็ไปนั่งรอคุณที่เดิม ไม่ต้องห่วง วันนี้ผมมีเวลาทั้งวัน คุณอยากเล่นนานแค่ไหนผมก็รอได้ เล่นให้สนุกนะ” เขาหันมายิ้มมุมปากอีก ในขณะที่เธอก็ลนลานจนเก็บอาการไม่อยู่
“แต่น่ากลัวกว่าที่คิดเยอะ เพราะงั้นถ้าไม่อยากถูกฆ่าปาดคอ อย่าคิดที่จะทิ้งผมเชียว”“ไม่ต้องห่วง ถ้าเธอยอมทิ้งหมอนี่ ฉันจะแถมเงินให้อีกก้อนหนึ่งเลย” เพลิงเสริมขึ้นบ้าง ทำเอาหลานชายถึงกับโวยลั่น“สมัยนี้มีใครเขากีดกันความรักของลูกหลานกันอีก น้านี่เชยชะมัด”“ฉันไม่ได้กีดกัน ฉันแค่หวังดี อยากให้ผู้หญิงเขาไปมีอนาคตที่ดีต่างหาก” เพลิงอดเหน็บให้อีกไม่ได้“เฮ้! นี่น้าเป็นน้าแท้ๆ ของผมรึเปล่า หรือผมเก็บน้ามาเลี้ยงกันแน่เนี่ย”“เพราะปากแบบนี้ไง ฉันถึงอยากให้เขาทิ้งแก เจติยา...ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนกับเมียฉัน ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี ถ้าไม่อยากปวดหัว ก็เลิกกับหมอนี่ไปเถอะ” เพลิงหันมายุยงกับเจติยาอย่างนึกสนุก“เฮ้ย! อะไรของน้าเนี่ย ถ้าเขาเกิดทิ้งผมขึ้นมาจริงจะว่าไงเนี่ย” ในขณะที่หลานชายโวยลั่นราวกับเด็กน้อยถูกแย่งของเล่น แต่น้าชายกลับยักไหล่อย่างไม่แยแส พ่อหลานชายตัวดีจึงหันไปหาที่พึ่งอื่น“พ่อครับ งั้นพ่อต้องช่วยผมนะครับ ช่วยพูดกับผู้หญิงคนนั้นทีว่าอย่าทิ้งผม” คนถูกเรียกว่าพ่อครั้งแรกถึงกับนิ่งอึ้ง ทั้งดีใจทั้งตื้นตันจนบอกไม่ถูก กระทั่ง...เพียะ!“เลิกเล่นได้แล้ว ไม่งั้นฉันได้ทิ้งนายจริงๆ แน่” เจ
“ถ้าพวกแกทำอะไรฉัน คิดเหรอว่าจะได้อยู่อย่างสงบ โดยเฉพาะคุณ...อาราชิ”“กะอีแค่กำจัดคนเลวๆ ให้พ้นไปจากแผ่นดิน มันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนี่ อีกอย่างไม่มีคุณสักคน อะไรๆ ก็คงดีขึ้น” พายุเอาคำพูดอีกฝ่ายมายอกย้อน ทำคนถูกย้อนถลึงตาด้วยความเกรี้ยวกราด“เรื่องนี้ยูมิไม่เกี่ยวนะคะคุณลุง ก็อย่างที่คุณลุงว่า หนูเป็นเครื่องมือของผู้หญิงคนนี้ หนูเป็นเหยื่อนะคะคุณลุง” อายูมิโอดครวญเอาตัวรอดด้วยความรักตัวกลัวตาย“ไม่ยักรู้ว่าเหยื่อจะปากเก่งได้ขนาดนี้ แต่เอาเถอะ ไว้ฉันจะหาวิธีจัดการกับเธอทีหลัง ส่วนคุณ...เราคงต้องจบความแค้นทั้งหมดไว้แต่เพียงเท่านี้” สิ้นเสียงหัวหน้าแก๊งคาอิดะยกปืนขึ้นมาจ่อ แต่ก่อนจะทันได้ลั่นไก เสียงหลานชายก็ดังขึ้น“เดี๋ยวครับ เลือดต้องล้างด้วยเลือด ในเมื่อผู้หญิงคนนี้เป็นคนฆ่าแม่ผม ก็ควรให้ผมเป็นคนจัดการถึงจะถูก” นทีว่าพลางยกปืนขึ้นมาอีกคน แต่ก็มีอันต้องหยุดชะงักอีก“ฉันเองก็แค้นมันไม่น้อยไปกว่าใคร อย่าลืมสิว่ามันก็ฆ่าแม่ฉัน แล้วก็เกือบจะฆ่าฉันด้วย” เพลิงแค้นจนแทบอยากจะฉีกเนื้อผู้หญิงคนนี้ออกมาเป็นชิ้นๆ จึงยกปืนขึ้นมาเล็งด้วยอีกคน“ซับซ้อนไปอีก ถึงกับเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ต้องเลวเบอร
“หมายความว่าไง” คำพูดที่ทำให้ฉุกคิดทำให้เขาโพล่งถามเสียงเข้ม“เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก รู้แค่ว่าฉันทำอะไรได้มากกว่าที่เธอคิด โดยไม่จำเป็นต้องสนใจคนที่เป็นได้แค่หุ่นเชิดอย่างตาของเธอ” ไอโกะเหยียดริมฝีปากยิ้มเยาะ แต่รอยยิ้มนั้นต้องจางหายไป เมื่อเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น“นั่นสินะ ผมก็เป็นได้แค่หุ่นเชิดในสายตาของคุณ” พายุ หรือที่รู้จักกันในนามอาราชิหัวหน้าแก๊งคาอิดะเดินออกมาจากกลุ่มของชายชุดดำ การปรากฏตัวของเขาทำให้ไอโกะหน้าเสีย แต่เพียงครู่เดียวก็กลายเป็นเชิดหน้าหยิ่งผยองดังเดิม“เหตุผลที่ทำให้คุณอุตส่าห์ถ่อมาไกลถึงนี่ เพราะอยากได้หุ่นเชิดตัวใหม่สินะ หึ! แก่แล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยวาง คงกลัวว่าถ้าหลานผมเข้ามารับตำแหน่ง คุณจะกลายเป็นสุนัขแก่ๆ ตัวหนึ่งที่ไม่มีอำนาจ เลยหวังจะใช้หลานสาวมาเป็นเครื่องมือเพื่อควบคุมหลานผมให้อยู่ในโอวาท แต่เชื่อเถอะว่าครั้งนี้จะไม่ง่ายเหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะผมนี่แหละจะขัดขวางคุณทุกวิถีทาง” พายุจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งอย่างไม่มีใครยอมใคร“ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู ถึงขนาดลงทุนแฝงตัวเข้ามา คงคิดว่าจะทำอะไรฉันได้ คนอย่างฉันถ้าไม่มีเขี้ยวเล็บ คงไม่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ อย่าว่
“อย่าดื้อสิ นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาต่อต้านผมนะ” เขาขอร้อง พลางมองออกไปนอกนอกหน้าต่างด้วยความร้อนใจ“ฉันไม่ได้ต่อต้าน แต่ในเมื่อนายบอกว่ารักฉัน ฉันเองก็รักนาย แล้วจู่ๆ มาบอกให้ฉันทิ้งนายทั้งที่นายตกอยู่ในอันตรายเนี่ยนะ ไม่มีคนรักที่ไหนเขาทำกันหรอก ฉันรู้ว่านายเป็นห่วง ไม่อยากให้ฉันเป็นอันตราย แต่รู้ไหมว่าฉันเองก็ไม่อยากเห็นนายเป็นอะไรไปเหมือนกัน ถ้าวันนี้ฉันเป็นคนที่รอด เคยคิดบ้างไหมว่าฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วยความทรมานแค่ไหน ฉันอยู่ไม่ได้หรอกนะถ้าไม่มีนาย”“โอเค ไม่ทิ้งก็ไม่ทิ้ง ถ้าจะอยู่ก็อยู่ด้วยกัน ถ้าจะตายก็ตายมันด้วยกันนี่แหละ” เขาตอบรับด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ สร้างความพอใจให้คนดื้อรั้นจนต้องยิ้มออกมา ก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงเคาะกระจกด้านข้างก๊อก ก๊อก ก๊อกสองคนหันมองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูแล้วก้าวออกไปพร้อมกันอย่างสง่าผ่าเผย โดยมีพลขับด้านหน้าก้าวตามลงมาติดๆ“พวกแกเป็นใคร” คนถูกล้อมเอาไว้สอดส่ายสายตามองคนต่างชาติที่อยู่ในชุดดำแล้วโพล่งถามออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่กลับไร้ซึ่งคำตอบ กระทั่งผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ“ดูดีกว่าที่คิดนี่” หญิงสาวหน้าตาดีมาหยุดยืนตรงหน้าแล้วใช้ภาษ
“คนชั่วๆ แบบนี้เก็บเอาไว้ก็เป็นภัยต่อสังคม ควรส่งไปลงนรกให้หมดทั้งคนสั่งและคนถูกสั่ง” นทีว่าพลางหันปลายกระบอกปืนไปที่คนพวกนั้นอย่างหมายมาด ทำเอาพวกมันถึงกับต้องร้องขอชีวิตกันลนลาน“อย่าเลย ฉันไม่อยากให้มือนายต้องเปื้อนเลือดชั่วๆ ให้มีมลทิน สู้ปล่อยให้พวกมันไปชดใช้กรรมในคุก แล้วค่อยฝากให้คนข้างในช่วยจัดการยังจะสาสมกว่า” ความคิดที่แยบยลนี้ทำเอาทุกคนผงะนัยน์ตาเบิกกว้าง โดยเฉพาะคนที่ต้องเข้าไปชดใช้กรรมในคุก คงมีก็แต่อีกคนที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เหลือเค้าความถมึงทึงก่อนหน้า ราวกับว่าภูมิใจในความคิดนี้ของเธอ และเหนือสิ่งอื่นใด...เขากำลังมีความสุข“ห่วงผมเหรอ” คนถามถามแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม ในขณะที่คนถูกถามกลับทำหน้างง ไม่เข้าใจท่าทีที่เปลี่ยนปุบปับของเขา“หา?”“ก็ที่บอกว่าไม่อยากให้มือผมเปื้อนเลือดไง” เธอเลิกคิ้ว ครั้นพอเข้าใจก็กลายเป็นยิ้มขำพลางส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อได้รู้ถึงสาเหตุของท่าทีที่เปลี่ยนไปของพ่อคุณ จึงรีบพยักหน้าแทนคำตอบ“เห็นแก่ที่เมียฉันเป็นห่วง ไม่อยากให้มือฉันเปื้อนเลือดชั่วๆ ฉันจะยอมไว้ชีวิตพวกแกสักครั้ง เอาตัวพวกมันไปส่งตำรวจ” สิ้นเสียงคนของเขาก็ลากทั้งสามคนออกไปท่ามกลางเสียง
“นี่สินะธาตุแท้ของคุณ ก่อนหน้านี้ผมคงโง่เองที่มองไม่เห็น ก็ดี มีอะไรก็เผยออกมาให้หมด ผมจะได้ไม่ใจอ่อนเวลาที่เห็นตำรวจใส่กุญแจมือคุณ”“เลอะเทอะ ประสาทกลับรึไง ตำรวจจะมาจับฉันข้อหาอะไรไม่ทราบ ประสาทกลับ” ดวงเดือนว่าพลางเบะปากยิ้มเยาะ“ก็ข้อหาที่คุณจ้างคนมาทำร้ายลูกผมไง” ข้อหานี้ทำเอาคนที่เคยมั่นใจก่อนหน้าเสียอาการทันที แต่ก็ยังไม่วายปฏิเสธเสียงสูง“จ้างอะไร ทำร้ายอะไร อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ ไม่งั้นคุณนั่นแหละจะโดนฉันฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท” ดวงเดือนเลิ่กลั่กหน้าเปลี่ยนสี“คิดอยู่แล้วว่าคนดื้อด้านอย่างคุณต้องไม่ยอมรับ ผมเองก็เบื่อจะเล่นเกมกวนประสาทกับคุณแล้วเหมือนกัน เอาตัวเข้ามา” นทีบอกด้วยสีหน้าเอือมระอา ก่อนตะโกนสั่งคนของตัวเองที่รออยู่ด้านนอกทันทีที่คนของเขาพาตัวชายฉกรรจ์สามคนเดินเข้ามา ดวงเดือนถึงกับชะงักหน้าเสีย ประจวบเหมาะกับที่หนึ่งในสามคนนั้นหันมาเผชิญหน้าพอดี“อีนังคุณนาย อีฉิบหาย เพราะมึงคนเดียวพวกกูเลยซวยกันหมด ถ้ามึงบอกตั้งแต่แรกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียมาเฟีย กูก็คงไม่ยุ่งด้วย” สภาพคนพูดที่ดูสะบักสะบอม ใบหน้าปูดโปน ทำเอาดวงเดือนใบหน้าซีดเผือด กอปรกับที่สามคนนั้นล้วนถูกปืนจ่อ ก็ยิ่







