แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“เจ้าหมายถึงสร้อยข้อมือเส้นนี้หรือ?”

ซ่งอี้อันถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งมาให้ ก่อนหน้านี้ตัวสร้อยถูกแขนเสื้อปกคลุมเอาไว้ ซ่งรั่วเจินจึงมองไม่เห็น ครั้นเมื่อเห็นสร้อยข้อมือที่สะท้อนใต้แสงแดด ก็พบว่าของสิ่งนี้มีกระแสไอของความอัปมงคลที่หมุนวนขึ้นมา

“เจ้าไม่พูดข้าก็เกือบลืมไปเสียสนิท สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินโหวส่งมาให้ ตอนนี้งานวิวาห์ยกเลิกไปแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่ควรเก็บไว้”

ผู้เป็นพี่คิดเพียงว่าน้องสาวของเขาแค่ตั้งใจเตือนตนเอง เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้สองตระกูลไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เก็บไว้ก็ไม่เหมาะสมจริง ๆ

“ท่านบอกว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินจือเยว่ส่งมาหรือ?”

ของสิ่งนี้อาบชโลมด้วยโลหิตมนุษย์ ไออัปมงคลหลอมรวม เป็นของสกปรกขุ่นมัว หลินจือเยว่จงใจหาของแบบนี้มามอบให้ ช่างมีน้ำใจนัก!

ซ่งอี้อันพยักหน้า “ครั้งก่อนที่หลินโหวมาเยี่ยมเจ้าที่จวน เขาก็ให้ข้ามา บอกว่ารู้ว่าข้าชื่นชอบ ใช้เงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อมาให้โดยเฉพาะ”

“หากพี่ชายรองชอบสร้อยข้อมือก็เอาเส้นที่เป็นของข้าไปก่อน ส่วน ‘ของล้ำค่า’ ชิ้นนี้ส่งคืนให้หลินจือเยว่เถิด”

ซ่งรั่วเจินหยิบสร้อยข้อมืออีกเส้นส่งไปให้ หลังจากที่เธอทะลุมิติมา ก็พบว่ามิติส่วนตัวที่ติดตัวเธอยังคงอยู่ สื่อเวทที่เคยทำไว้ก็อยู่ในนั้น เอามาใช้งานได้พอดี

ซ่งอี้อันรับสร้อยข้อมือไป ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่เมื่อสัมผัสกลับรู้สึกอบอุ่น ไม่เหมือนกับเส้นก่อนหน้านี้ที่เย็นเฉียบ ว่ากันว่าสร้อยเส้นนั้นถูกงมขึ้นมาจากส่วนลึกของทะเลใต้ จึงแผ่ไอเย็นไปทั้งร่าง ตรงข้ามกับสร้อยเส้นนี้ที่เมื่อถืออยู่ในมือแล้วรู้สึกสบายกว่ามาก

“ขอบใจน้องหญิง”

ซ่งจืออวี้มองซ่งอี้อันที่แต่ไหนแต่ไรก็ตั้งมาตรฐานต่อสร้อยไข่มุกสูงลิ่ว ตอนนี้กลับใส่สร้อยข้อมือที่ไม่น่าภิรมย์เช่นนั้น หากเป็นเมื่อก่อนพี่ชายรองไม่มีทางชมชอบเป็นแน่ แต่ตอนนี้เมื่อตามองไม่เห็นกลับถือว่าสิ่งนั้นเป็นของล้ำค่า

แต่ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นความหวังดีของน้องหญิงห้า!

ล้ำค่ามาก! ข้าก็อยากได้บ้าง!

ซ่งรั่วเจินเห็นนัยน์ตาที่เป็นสีแดงของซ่งอี้อันค่อย ๆ จางลงไป จึงลอบถอนหายใจเบา ๆ ไม่คิดว่าพอหันหน้าไปจะเจอกับสายตาที่เปี่ยมด้วยความคาดหวังของพี่ชายสาม

“?”

“พี่ชายสาม ข้ามอบสิ่งนี้ให้ท่าน”

ซ่งรั่วเจินหยิบหยกประดับอีกชิ้นส่งให้ซ่งจืออวี้ หมู่นี้คนในบ้านไม่ค่อยได้อยู่อย่างสงบสุขนัก พกเครื่องรางติดตัวไว้คุ้มครองจะดีกว่า

ฝ่ายนั้นคิดวิธีการโหดเหี้ยมแบบนี้ออกมา เธอก็ต้องหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วไปเผชิญหน้ากับพวกเขาสักตั้ง!

……

จวนหลินโหว

เมื่อซ่งรั่วเจินพาทุกคนในตระกูลซ่งออกไป งานแต่งงานของหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็ต้องล้มเลิกไปด้วย

เพราะว่าไม่เพียงแต่คณะจัดงานแต่งจะหายไปแล้ว แม้แต่ผู้ดูแลพิธีการก็หนีหายไปด้วย เช่นนี้งานมงคลจะดำเนินต่อได้อย่างไรเล่า?

เมื่อแขกทุกคนได้ชมละครขบขันนี้จนพอใจแล้วก็พากันออกไป คำแสดงความยินดีกลับกลายเป็นคำเยาะเย้ยเสียดสี แม้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินจือเยว่ทุกคนจะไม่พูดตรง ๆ แต่ลับหลังใครเล่าจะไม่พูดว่าเขาเป็นคนใจดำไร้ความรู้สึก?

การกระทำของแม่นางซ่งครั้งนี้ช่างทำให้คนสะใจโดยแท้!

“ท่านโหว จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”

ฉินซวงซวงมองจวนหลินโหวที่ว่างเปล่า เรือนที่เดิมทีหรูหรากลับถูกขนของย้ายออกไปจนดูทรุดโทรม

หลินจือเยว่เงยหน้ามองหลังคาที่ไม่มีแผ่นกระเบื้อง แสงแดดสว่างจ้าชวนให้ปวดหัว เขาดึงเก้าอี้ข้าง ๆ มานั่งด้วยความโกรธ แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ต้องกังวล อีกไม่นานซ่งรั่วเจินจะต้องร้องไห้อ้อนวอนข้า!”

“หากไม่มีข้า นางไม่มีทางแต่งออกไปได้ วันนี้นางเอาของไปมากแค่ไหน ในวันข้างหน้าข้าจะให้นางส่งกลับคืนมาเป็นสองเท่า!”

ทว่าในขณะที่เขาพูดคำนี้ เก้าอี้ก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเหมือนไม่สามารถรับน้ำหนักได้อีก ก่อนจะพังตัวลงเสียงดังลั่น

“โครม!”

หลินจือเยว่ล้มลงจนก้นกระแทกพื้นเต็ม ๆ ความโกรธที่อัดอั้นในใจไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาเตะไปที่โต๊ะด้านข้างด้วยความโมโห

โต๊ะล้มลงตามด้วยเสียงดังสนั่น

“สมควรตาย!” หลินจือเยว่ระเบิดความโกรธออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ท่าทางที่เขาคำรามลั่นไร้ความสง่างามเหมือนในอดีต

ใบหน้าของฉินซวงซวงดูย่ำแย่ นางไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่ซ่งรั่วเจินเป็นแค่คนขี้ขลาด เดิมทีในวันนี้ควรจะเป็นวันที่นางได้แต่งงานอย่างยิ่งใหญ่มีหน้ามีตา ซ่งรั่วเจินควรจะอดทนไปเงียบ ๆ และอยู่อย่างโดดเดียวในห้องหอ

ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามคาด ซ่งรั่วเจินเหมือนนิสัยเปลี่ยนไป หรือว่าเพราะชาติที่แล้ว ที่ซ่งรั่วเจินยอมทนปิดปากเงียบเป็นเพราะหล่อนแต่งให้กับหลินจือเยว่แล้ว จึงไม่มีทางเลือกอื่นและจำใจยอมรับในตัวนาง

ครานี้นางไม่อยากถูกกดข่ม จึงเลือกแต่งงานวันเดียวกับซ่งรั่วเจิน จนทำให้หล่อนมีความคิดที่จะถอนหมั้นหรือ?

แย่แล้ว!

นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้จวนหลินโหวเป็นเพียงเปลือกกลวง หากไม่มีเงินจากตระกูลซ่งมาช่วยเจือจุน แล้วหลินจือเยว่คิดอยากเลื่อนตำแหน่งจะไม่กลายเป็นเรื่องยากหรอกหรือ?

“จือเยว่ เจ้าทำอะไรลงไป?”

เสียงโกรธเคืองของฮูหยินผู้เฒ่าหลินดังมาจากข้างนอก

“ข้าเคยบอกไปแล้วว่าหากเจ้าต้องการแต่งงานกับซวงซวง ข้าจะไม่ห้าม แต่เจ้าต้องให้รั่วเจินแต่งเข้ามาก่อน นางต่างหากที่เป็นคนที่มีสัญญาหมั้นหมายกับเจ้า!”

“สองปีมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรั่วเจินดูแลข้าอย่างดี และจัดการจวนโหวทั้งหมด ไหนเลยจะมีความรุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้ได้?”

“ตอนนี้จวนโหวถูกขนของย้ายออกไปหมดแล้ว ทั้งตระกูลล้วนกลายเป็นตัวตลก!”

หลินจือเยว่ก้มหน้า ใบหน้าแสดงความละอายใจ “ท่านแม่ ความจริงแล้วเป็นซ่งรั่วเจินต่างหากที่มีจิตใจคับแคบ ข้าไม่ได้จะไม่แต่งงานกับนาง แต่เพียงให้แต่งเข้ามาพร้อมกันก็เท่านั้น ไม่ได้จะให้ซวงซวงข่มนางเสียหน่อย แต่นางกลับขอถอนหมั้นต่อหน้าธารกำนัล ทำให้ข้าเสียหน้า ไม่มีความสง่างามเฉกเช่นบุตรีตระกูลใหญ่เลยสักกระผีก”

“สตรีเช่นนี้จะเป็นนายหญิงใหญ่ของจวนโหวได้อย่างไร?”

ไม้เท้าที่อยู่ในมือแม่เฒ่าหลินฟาดลงบนตัวหลินจือเยว่อย่างแรง “ตามข้าไปขอโทษที่จวนตระกูลซ่งเดี๋ยวนี้!”

“ข้าไม่ไป!” หลินจือเยว่ใบหน้าเขียวคล้ำ

ฮูหยินผู้เฒ่าหลินโกรธมาก “หากเจ้าไม่ไป ก็ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของจวนหลินโหวอย่างสิ้นเชิง จะให้ทุกคนคิดว่าเราเป็นพวกลืมบุญคุณคนหรือ?”

“ในปีนั้น ตระกูลฉินปฏิเสธคำขอแต่งงานของเจ้า ข้าจึงช่วยเจ้าไปขอแต่งงานกับตระกูลซ่ง ตอนนี้เจ้าต้องการแต่งงานกับนาง ข้าไม่ห้ามเจ้า แต่เจ้าก็ไม่สามารถทำผิดต่อตระกูลซ่งได้”

“เจ้าเพิ่งชนะศึกกลับมาและได้เลื่อนตำแหน่ง แต่กลับมาทำให้ตระกูลซ่งอับอาย ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป จวนหลินโหวของเราจะถูกวิจารณ์อย่างหนัก!”

ขณะที่พูด ฮูหยินผู้เฒ่าหลินก็มองไปที่ฉินซวงซวงอย่างนึกรังเกียจ นึกถึงครานั้นที่หลินจือเยว่หลงรักนางจนหัวปักหัวปำ ทว่าสุดท้ายก็ถูกตระกูลฉินเหยียดหยามอย่างหนัก

นางเห็นลูกชายของตัวเองเจ็บปวดอย่างที่สุด กลัวว่าจะเข้มแข็งขึ้นมาไม่ได้ จึงไปขอดองกับตระกูลซ่ง ไม่คิดว่ายามนี้ฉินซวงซวงจะยอมมาอยู่กับเขา จนเกิดความวุ่นวายเช่นนี้

ฉินซวงซวงเห็นดังนั้นก็ก้มหน้าต่ำ ทว่ากลับไม่ใส่ใจเท่าไร ในอนาคตทุกคนในจวนหลินโหวจะต้องฟังนางทั้งหมด!

“เจ้าออกไปก่อน” หลินรั่วหลานกล่าวเสียงเย็น

เมื่อฉินซวงซวงออกไป หลินรั่วหลานกล่าวด้วยความโมโห “เยว่เอ๋อร์ เจ้าช่างเลอะเลือนเสียจริง! จวนหลินโหวของเรามีเพียงเปลือกกลวง เจ้าต้องแต่งกับรั่วเจิน มีเงินช่วยเหลือจากตระกูลซ่งถึงจะช่วยเติมเต็มให้จวนโหวของเรารุ่งเรืองต่อไปได้”

“พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ หากไม่มีเงิน เจ้าจะให้ซวงซวงของเจ้ามีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?”

“เพียงแค่เจ้ายอมจำนน ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย”

หลินจือเยว่เงยหน้ามองหลังคาที่ไม่มีแผ่นกระเบื้อง เริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม “แต่วันนี้เรื่องกลายเป็นแบบนี้…”

“เจ้าไม่ต้องกังวล รั่วเจินเป็นคนอ่อนโยน วันนี้นางโกรธจัดถึงได้ทำเช่นนี้ เพียงแค่เจ้าขอโทษและปลอบใจนางสักหน่อย นางก็จะไม่ถือสาหาความอันใด”

หลินรั่วหลานผุดรอยยิ้ม “หากวันนี้เจ้าไม่หักหน้านางจนเกินไป นางก็คงไม่ถอนหมั้น แต่งนางเข้ามา เจ้าไม่เสียเปรียบหรอก!”

“ลูกเข้าใจแล้ว”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Wilartlak Taa
ทัเงแม่ทั้งลูกความคิดแย่ที่สุด
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1602

    “เรื่องวันนี้หากไม่ใช่เพราะเจ้าจงใจหาเรื่องใส่ตัว เรื่องราวก็คงไม่มาถึงจุดนี้ อัครเสนาบดีเดิมทีควรจะเป็นกำลังช่วยเหลือของข้า บัดนี้ทุกอย่างถูกเจ้าทำลายหมดสิ้นในคราวเดียวแล้ว!”เหลียงอ๋องคิดถึงความอัปยศที่ได้รับในห้องทรงพระอักษรวันนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางสตรีผู้นี้ประทานให้ เขาอยากบีบคอนางให้ตายไปเสียพ้น ๆ!หลายปีที่ผ่านมา เขาเก็บซ่อนกรงเล็บมาตลอด เพื่อรอวันจะได้ทำให้ผู้คนทั้งใต้หล้าได้ตื่นตะลึงบัดนี้เมื่อปีกของเขาแข็งแรงขึ้น จนเริ่มมีตัวตนโดดเด่นในสายพระเนตรของเสด็จพ่อแล้ว แต่เพราะตัวถ่วงชิ้นนี้ทำให้เขาตกอยู่ในภาพพจน์เลวร้ายตั้งแต่เริ่มต้นเขาเข้าใจเสด็จพ่อของตนเองดี สีพระพักตร์ในวันนี้ ชัดเจนว่าทรงล่วงรู้บางสิ่งแล้ว!ฉีชิงอีรับรู้ถึงความอึดอัดจากการขาดอากาศหายใจอันน่าสะพรึงกลัว โดยเฉพาะตอนที่สายตาสบเข้ากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอาฆาตคู่นั้น นางรู้สึกหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าตอนที่ถูกถังเสวี่ยหนิงกรีดหน้าในคุกเสียอีกสองมือของนางพยายามแกะมือของเหลียงอ๋องออก ในใจพลันตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องราวที่ผ่านมานางไม่เคยคิดเลยว่าท่านอ๋องของตนเองที่ร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยง่ายจะม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1601

    ซ่งรั่วเจินพร้อมคนอื่นเข้าใจแจ่มแจ้งทันที ดูเหมือนว่าในท้องพระโรงเองก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นไม่น้อยกู้ฮวนเอ๋อร์อดสงสัยไม่ได้ “ข้าได้ยินว่าอัครเสนาบดีถังสุขุมรอบคอบและระมัดระวังมาตลอด ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏช่องโหว่ร้ายแรงใด ๆ มาก่อน เป็นขุนนางซื่อสัตย์ที่ใครต่างก็ชื่นชม”“แต่มาตอนนี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หรือว่า…ภายในเองก็มีปัญหาเช่นกัน?”ฉู่อวิ๋นกุยเหลือบสายตามองพวกฉู่จวินถิงสองคนด้านข้าง เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วเช่นกันมิน่าเล่าก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนถึงได้นิ่งสงบไม่สะทกสะท้านถึงเพียงนั้น เสด็จพี่ไม่เคยทำศึกใดโดยไม่เตรียมการล่วงหน้า ต้องเป็นเพราะเตรียมการทุกอย่างไว้เสร็จสรรพแล้วอย่างแน่นอน“ฮวนเอ๋อร์ เจ้าจงไปกำชับห้องเครื่อง เย็นนี้ปรุงอาหารรสเลิศให้มากหน่อย จะได้รั้งเสด็จพี่และพี่สะใภ้ให้ร่วมโต๊ะรับประทานสำรับเย็นพร้อมกัน” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยพร้อมรอยยิ้มฮวนเอ๋อร์พยักหน้ารับ “เพคะ หม่อมฉันจะไปเองเดี๋ยวนี้”เห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ออกไปแล้ว ฉู่อวิ๋นกุยถึงจะเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้น คงลือกันทั่วเมืองหลวงแล้ว”“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็นเหลียงอ๋องในสายตา จนบัดนี้เพิ่งตร

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1600

    ผู้คุมเหล่านั้นเข้าใจในทันที และหนึ่งในนั้นก็กุมท้องของตนเองและกล่าวว่า “ท้องของข้าเจ็บปวดนัก พวกเจ้ารีบพาข้าไปหาหมอก่อนเถิด”“ได้ ๆ ๆ รีบพาเขาไปหาหมอเร็ว!”......ซ่งรั่วเจินกำลังรอฟังข่าวอยู่ที่เรือนกับกู้ฮวนเอ๋อร์ อีกทั้งยังให้ไป๋จื่อไปซื้ออาหารมาให้อีกด้วย“ญาติผู้พี่ ข้าก็มิรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ตั้งครรภ์ จู่ ๆ ก็อยากกินนั่นกินนี่อยู่ร่ำไป ไม่กินก็ไม่ได้”กู้ฮวนเอ๋อร์เขินอายเล็กน้อย แม้ว่าปกตินางจะช่างกินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นตะกละตะกลามเช่นนี้เริ่มตั้งแต่ไม่กี่วันมานี้ นางก็ช่างกินมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ของที่ไม่ชอบกินก่อนหน้านี้ จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเอร็ดอร่อยขึ้นมาทันตา“ไหนเลยจะเป็นเจ้าที่อยากกิน เป็นเด็กในท้องที่อยากกินต่างหาก”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “อยากกินอะไร ก็ต้องให้เขาลองชิมดู”กู้ฮวนเอ๋อร์ก็หัวเราะเช่นกัน “ท่านอ๋องก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน ญาติผู้พี่ พวกท่านปฏิบัติต่อข้าดีเหลือเกิน”“เจ้าเป็นถึงพระชายาอวิ๋นอ๋อง อาหารชั้นเลิศอะไรที่กินไม่ได้บ้างเล่า? ขอเพียงแค่เจ้าชื่นชอบ ก็สั่งให้คนไปซื้อมาให้ก็พอ แต่ก็อย่ากินมากเกินไป ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้”

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1599

    “ใครกันจะมีเวลาว่างมาโกหกเจ้า? นี่เป็นข่าวจากในพระราชวัง เจ้าอย่าคิดเพ้อฝันกลับไปจวนอัครเสนาบดีอีกเลย!”“สร้างบาปสร้างกรรมเองแท้ ๆ อยู่ดีไม่ว่าดีไปผลักพระชายาอวิ๋นอ๋องเข้า ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว มีจุดจบเช่นนี้ก็เพราะหาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น!”“ประตูจวนเหลียงอ๋องก็มิอาจเข้าได้อีกแล้ว ต่อไปเกรงว่าคงเป็นได้แค่สาวแก่ผู้หนึ่งเท่านั้น ข้าว่าท่าทางอำนาจบาตรใหญ่ หยิ่งยโสเช่นนี้ จะต้องผิดใจกับใครหลายคนเป็นแน่”“เมื่อได้เข้าพระราชวังจะมีคนสั่งสอนนางเอง และคาดว่าคงจะอยู่รอดได้อีกไม่นาน”บรรดาผู้คุมต่างมองหน้ากัน ถังเสวี่ยหนิงถูกจับเข้ามาเป็นเวลาสั้น แต่พวกเขาได้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าหญิงผู้นี้สร้างปัญหามากมายเพียงใดหากเข้าพระราชวังไปอยู่กองซักอาภรณ์ คนในนั้นเชี่ยวชาญในการปรับตัวไปตามสถานการณ์ เมื่อรู้ว่าถังเสวี่ยหนิงผิดใจกับคนมากมาย เกรงว่าหากมีคนสั่งแค่ไม่กี่คำ ก็มีหลากหลายวิธีที่จะทำให้ถังเสวี่ยหนิงตายได้เลยถังเสวี่ยหนิงส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง “ช่วงนี้ถึงแม้ว่าข้าจะทำให้ท่านพ่อโกรธก็จริง แต่ท่านพ่อมิอาจตัดขาดบุตรสาวอย่างข้าเป็นแน่!”“ตราบใดที่ท่านพ่อยังเป็น

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1598

    ซ่งรั่วเจิน กู้ฮวนเอ๋อร์ บัญชีแค้นนี้ยังไม่จบหรอก!“ถังเสวี่ยหนิง เจ้าอย่าได้ลำพองใจไปเลย! ข้าต้องถูกโบยสามสิบไม้แล้ว เรื่องที่เจ้าจะเข้าไปในจวนเหลียงอ๋องได้หรือไม่นั้นก็ค่อยว่ากันอีกที!”ฉีชิงอีเหลือบเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของถังเสวี่ยหนิง ภายในใจก็พลันเดือดดาล คาดไม่ถึงว่านังสารเลวผู้นี้จะยังกล้าหัวเราะเยาะนาง!ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเยาะเบา ๆ “ข้าเป็นคนของท่านอ๋องแล้ว เหตุใดถึงจะเข้าจวนอ๋องมิได้เล่า?”ท่านพ่อของนางเป็นถึงอัครเสนาบดี!ตราบใดที่นางมีสถานะขั้นนี้อยู่ เรื่องการแต่งงานครั้งนี้ย่อมไม่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้!ฉีชิงอีก็เริ่มไม่แน่ใจ หากท่านอ๋องช่วยขอความเมตตาแทนนางจริง ๆ เหตุใดนางถึงยังถูกโบยอีกเล่า นี่คงจะมิใช่ว่าท่านอ๋องมิได้ทูลขอความเมตตาให้นางใช่หรือไม่?ด้วยนิสัยของเหลียงอ๋อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ย่อมทำให้เขาเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้จึงไม่แน่ว่าเขาจะตำหนินาง และอาจไม่ไปทูลขอความกรุณาต่อฮ่องเต้เพื่อลดโทษให้แก่นางถังเสวี่ยหนิงก็คิดถึงจุดนี้อยู่เหมือนกัน ภายในใจจึงแอบรู้สึกลำพองใจ“เดิมทีเรื่องราวในวันนี้ก็เป็นความผิดของเจ้าอยู่แล้ว เจ้าดึงดันที่จะก่อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1597

    ในคุกหลวงฉีชิงอีกับถังเสวี่ยหนิงถูกขังไว้ในคุกเดียวกันถังเสวี่ยหนิงร้องโอดครวญไม่หยุด นางรู้สึกว่าก้นของตนเองถูกเฆี่ยนจนแตก ความเจ็บปวดอันรุนแรงถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งร่างของนางสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด“พวกเจ้ารีบไปเชิญหมอมาเร็วเข้า!”“ท่านพ่อของข้าเป็นอัครเสนาบดี เขาได้เข้าพระราชวังเพื่อทูลขอความเมตตาแทนข้าแล้ว อีกไม่นานก็จะต้องปล่อยข้าออกไป หากข้าเกิดเป็นอะไรตอนที่อยู่ในคุก พวกเจ้าคงจะรับผลที่ตามมามิไหวเป็นแน่!”เพียงแต่ เมื่อเผชิญกับอำนาจคุกคามของถังเสวี่ยหนิง ผู้คุมกลับทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน และมิได้สนใจโดยสิ้นเชิงพวกเขาเป็นคนของฉู่อ๋อง คนที่ฉู่อ๋องสั่งให้จับนาง แล้วตอนนี้จะมาสั่งให้พวกเขาไปตามหมอมาให้นาง ช่างเพ้อฝันเสียจริง ๆ!ฉีชิงอีเห็นถังเสวี่ยหนิงเอะอะโวยวายไม่หยุด ก็อดจะรำคาญมิได้ “เจ้าหยุดโวยวายเสียทีได้หรือไม่? เจ้าไม่เห็นหรือว่าเรียกตั้งนานขนาดนี้ มีใครสนใจเจ้าบ้างเล่า?”ถังเสวี่ยหนิงเดือดดาลขึ้นมาทันที “หากมิใช่เพราะเจ้าจงใจผลักข้า ข้าจะไปผลักพระชายาอวิ๋นอ๋องได้อย่างไรกัน?!”“เรื่องราวในวันนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเจ้าคิดใส่ร้ายข้า ทำให้ข้าถูกเฆี่ยนตี คา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status