เข้าสู่ระบบธารตะวันยอมควักเงินซื้อไอศกรีมนมให้ชื่นใจ หลังอารมณ์ดีที่กำลังจะได้งานและเงินเดือนก้อนโต แต่แล้วก็มาตกตะกอนความคิดบางอย่างขึ้นมาได้เงียบๆ หน้าร้านสะดวกซื้อ
“มันคงไม่มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นหรอกม้าง...”
เธอมุ่นคิ้วครุ่นคิดจนหน้าเคร่งเครียด ปากก็งับเนื้อไอศกรีมนุ่มลิ้นกินอย่างเอร็ดอร่อยดับร้อนไปด้วย
งานง่ายเงินดีมีที่ไหน...
แต่ถ้าเป็นในโลกของนิยายก็ไม่แน่
เธออดคิดไม่ตกจริงๆ ผู้ชายอย่างธันย์ธารามีพฤติกรรมแปลกๆ ตอนได้เจอกันครั้งแรก ช่างเป็นความน่าประทับใจที่เธอไม่มีวันลืมแน่ โดนมองด้วยสายตาราวกับเป็นผู้ร้ายถือมีดจี้คอทั้งที่ช่วยชีวิตเขาน่ะ
“ทำไมรู้สึกถึงลางไม่ดียังไงก็ไม่รู้ว้า” ระหว่างที่เธอกำลังตบตีกับความคิดตัวเองในหัว สายตาก็ดันขยับไปสบเข้ากับกลุ่มพนักงานออฟฟิศในช่วงพักเที่ยง
แต่มันจะไม่ทำให้เธอทำหน้าเหยเกเลย ถ้าหากหนึ่งในกลุ่มแก๊งนั้นไม่มีเจตกวินหนุ่มร่างสูงโปร่งโดดเด่นเตะตาขึ้นมา
“คิดว่าโลกแบนมาตลอด... เหอะ โลกมันกลมขนาดนี้เลยเหรอ”
ธารตะวันลนลานหาที่หลบกำบังกาย ถ้ามีคาถาหายตัวเหมือนนิยายไสยเวทที่เคยอ่าน หรือกระบี่ให้ขี่หนีเธอคงทำไปแล้ว แต่โชคชะตานั้นดันเล่นติดตลกเกินไปหน่อยให้เจตกวินหันมาสบตาเธอพอดี
“เอ่อ... อ่า เอิ่ม” เธอหน้าเหลอหลาพูดจับภาษาไม่ได้
ร่างกายชาดิกเหมือนโดนน้ำเย็นสาด เมื่อเจตกวินหันไปคุยบางอย่างกับกลุ่มเพื่อน ก่อนจะพยักพเยิดหน้าให้กันแล้วเขาก็ตรงปรี่ล็อคเป้ามาหาเธอทันที
“น้องตะวันสอบสัมภาษณ์งานเป็นยังไงบ้างครับ” เจตกวินชวนคุยอย่างเป็นกันเอง เขายิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงสวย เจิดจรัสกว่าแสงแดดในยามบ่ายเสียอีก
“คะ เอ่อ... ได้งานแล้วค่ะ”
“ดีใจด้วยนะครับคนเก่ง”
ธารตะวันต้องคอยปั้นหน้ายิ้มให้เจตกวิน พยายามหลุกหลิกตามองหาทางหนีทีไร่ในการไม่ใกล้ชิดกับอีกฝ่าย
แต่ทว่าเหมือนฟ้ายังเป็นใจให้เกิดโมเม้นท์หวานแหวว เมื่อคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเอื้อมมือมาปาดคราบไอศกรีมที่เปื้อนปากให้เธอ ทำเอาร่างบางตัวแข็งค้างสติหลุดลอยปลิวไปในอากาศ
“กินเลอะเป็นเด็กเลยนะน้องตะวัน” เจตกวินพ่นลมขำอย่างเอ็นดู
ทว่าคนที่โดนนิ้วมือเขาสัมผัสริมฝีปากไปเมื่อครู่ กลับขนแขนลุกซู่ในฉับพลันจนนึกว่ากำลังอยู่ในฉากหนังสยองขวัญ ตอนที่ผีกำลังจะออกมาในจังหวะเหมาะเหม็งราวกับจัดวางไว้
“เอ่อ... แฮะ ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มจืดเจื่อน พลางเบือนใบหน้าไปด้านข้างแล้วใช้หลังมือถูริมฝีปากแรงๆ กันมันเลอะจุดอื่นอีก
อย่าหวังจะได้มีฉากหวานให้ใจเต้นแรงเลย เธอไม่ได้คิดจะให้ผู้ชายคนนี้ขึ้นมารับบทตัวเอกของเรื่องอีกแน่ ในนิยายภาคต่อของเรื่องขอให้เป็นแค่ตัวประกอบในฉากก็พอแล้ว
“แล้วนี่เรากินอะไรหรือยังครับ”
“ยังเลยค่ะ...”
“พี่กำลังจะไปกินข้าว ไปด้วยกันมั้ย”
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ เดี๋ยวตะวันกลับไปกินที่บ้านดีกว่า”
ตั้งใจปฏิเสธเจตกวินก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนคือราคาอาหารที่แพงจนเธอไม่กล้าควักเงินส่วนตัวซื้อ
เงินที่ธารตะวันมีติดตัวไม่กี่ร้อยบาทด้วยซ้ำ แถมยอดเงินในบัญชีที่เธอลองกดเข้าเช็คดูในแอพพลิเคชั่นก็ร่อยหรอเหลือเกิน เพราะงั้นเธอขอกลับไปต้มบะหมี่กึ่งใส่ไข่สักฟองกินก็พอแล้ว
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวเราเอง ฉลองที่ได้งานไง”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะพี่เจต... ตะวันเกรงใจอ่า”
เจตกวินระบายยิ้ม แววตาแฝงความอบอุ่นปนเอ็นดูกัน ก่อนที่เขาจะวางฝ่ามือหนาบนศีรษะเล็กจนเธอตัวเกร็งจัด
“ไปกินเถอะ พี่ขอเลี้ยงเราเองครับ น้า... นะครับน้องตะวัน” เขาทำเสียงอ้อนเธอเหมือนหมาพันธุ์โกลเด้นที่ดูเชื่องและเชื่อฟังเจ้าของ
“พี่เจต...” เธอสะอึกในลำคอ มองรอยยิ้มสวยของเขาอย่างลืมตัว
“ออฟฟิศพี่อยู่ไม่ห่างจากบริษัทเราด้วย หลังจากนี้คงจะได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะครับน้องตะวัน”
“ทุกวันเลยเหรอคะ”
รุ่นพี่หนุ่มพยักหน้าหงึกหงักอย่างอารมณ์ดี แต่ตัวเธอเองนี่แหละที่อยากจะกรีดร้องอัดใส่หมอนให้รู้แล้วรู้รอด เพราะคิดว่าจะรอดจากเงื้องมือคนรักเก่าจากภาคก่อน
แต่ไหงโชคชะตาถึงเหวี่ยงให้มาอยู่ใกล้แค่เอื้อมแบบนี้...
“ดีใจล่ะสิ”
“แฮะๆ”
“ยิ้มแบบนี้ดีใจแน่ๆ เลยใช่มั้ยครับ”
ธารตะวันคลี่ยิ้มตาหยีพลางหัวเราะแห้งๆ แต่สีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้มองเจตกวินที่ยิ้มร่าจนดวงตาหยีเป็นสระอิ แต่รอยยิ้มเขาเหมือนยิ้มของตัวตลกสวนสนุกที่เป็นฆาตกรเลือดเย็นซะมากกว่า
เธอไม่มีทางกลับไปหลงกลหรอก...
ทว่าการกระทำของทั้งคู่ที่ดูสนิทสนมกัน มองจากภายนอกเหมือนคนที่ชอบพลอกระหนุงกระหนิงกันได้น่ารักน่าเอ็นดู โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่คมของใครบางจับจ้องมองอยู่
มองด้วยแววตาที่ไม่ได้ประสงค์ดีสักเท่าไหร่ด้วยสิ...
ชีวิตหลังจากทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ยังคงดำเนินต่อไป ราวกับกำลังสวมบทบาท เป็นตัวละครในเนื้อเรื่อง จนลืมเลือนไปแล้วว่าอีกโลกหนึ่งที่จากมาก่อนหน้านี้พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างไรไม่มีการวางแผนถึงตอนออก มีแต่วางแผนครอบครัวต่อไป“ขออนุญาตแจ้งตารางงานวันนี้นะคะ”ร่างบางระหงในชุดทำงานสวยเข้ารูป ยืนรายงานตารางงานของเขาในเวลานี้ แต่ประธานธันย์ กลับเอาแต่จ้องเรือนร่างยั่วใจ ขณะใช้สายตาโลมเลียคุณเลขาหรือภรรยาในอนาคตสองเดือนที่ภาพจำทริปญี่ปุ่นยังตราตรึง...เขาจำได้ไม่ลืมเลย ว่าได้กินเธออิ่มหนำสำราญแค่ไหนตั้งใจจะปั๊มลูกน้อยให้ติดที่ญี่ปุ่นด้วย ซึ่งพอกลับมา พ่อพระเอกเอวหวานกินดุคนนี้ ยิ่งคลั่งรักธารตะวันหนักกว่าเดิม ตามติดเธอแจไม่ให้ห่างกายไปไหนไกล“คุณธันย์คะ เดี๋ยวมีประชุม... อึก”ธารตะวันที่พูดอยู่ดีๆ เธอก็ดันรู้สึกพะอืดพะอม คล้ายว่าจะอาเจียนขึ้นมาดื้อๆร่างสูงผุดลุกจากเก้าอี้ เข้าไปประคองคนรักด้วยสีหน้าห่วงใย“เป็นอะไรหรือเปล่าตะวัน”“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อึก...”ร่างบางกุมหน้าท้องไว้ พลางปิดปากจนตัวโก่งงอ ก่อนที่จะผละออกจากธันย์ธารา แล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที“แหวะ... ฮึก แอะ”วินาทีที่ถึงชักโค
ญี่ปุ่นหวานและอุ่นมาก...หมายถึงเธอที่นอนใต้ร่าง ครวญครางเสียงหวานระงม ไปทั่วห้องพักของโรงแรมหรู อุ่นร้อนในร่องรักที่โดนตอกอัดหนักๆ จนเสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นหลังจากเธอตอบตกลงจะแต่งงาน พอกลับมาถึงโรงแรม ธันย์ธาราก็เปิดฉากนัวเนียเธอ ตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า ถอดเสื้อผ้าเรี่ยราดไปตามทาง สุดท้ายก็จบที่ฟูกไม่กี่ฟุตบนพื้นห้อง“อ๊ะๆ อื้อ... เสียว อึก เสียวค่ะ”ธารตะวันนอนอ้าขากว้าง ให้เขาแทรกกลางที่หว่างขา ซอยสะโพกที่กำกับจังหวะรักได้เสียวสะท้านร่างกายทั้งคู่เปลือยเปล่า โคมไฟแสงสลัวโทนอบอุ่น กระตุ้นให้ทั้งคู่อ่อนคล้อยเคลิ้มตามไปกับแรงอารมณ์ ไม่ปฏิเสธความต้องการ และมอบความสุขให้แก่กันด้วยความเต็มใจสมฉายาพ่อพระเอกเอวหวานกินดุเพราะนอกจากขนาดใหญ่โตมโหฬาร ยังถึกทน เริ่มยกที่สามทันทีไม่มีอิดออด หลังจากเขาพักเหนื่อยแค่สามนาทีเท่านั้น“ผมอยากเอาคุณหน้ากระจก”“อ๊ะ- อึก”“ได้มั้ยตะวัน... ขอเอาที่หน้ากระจกสิ”น้ำเสียงเขาติดกระเส่า ขณะกดสายตา มองสีหน้ายั่วอารมณ์ของคนใต้ร่าง ประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะไปด้วย“อื้อ ตามใจ... อ๊ะ- อ๊ะ ตามใจคุณ”“เด็กดี”“ฮึก... คุณธันย์ อ๊ะ- อ๊า อื้อ”คนใต้ร่างครางเสียงหวาน
“คุณธันย์... อยากอยู่ที่นี่กับฉันเหรอคะ”พอได้ฟังว่าเขาอยากอยู่ด้วยกัน ธารตะวันก็หลุดยิ้มบางๆ แต่ดวงตาปกปิดความเศร้าไม่มิด เพราะอีกโลกนึง พวกเขาคงเป็นคนแปลกหน้าต่อกันไปแล้วต่อให้เดินสวนกันไป อาจจะไม่มีใครหันมาสบตาก็ได้“ใช่ ถ้าเลือกได้... ผมขอติดอยู่ในมิตินี้กับคุณ”“คุณธันย์”“ผมพูดจริง มีคุณแล้วชีวิตผมมีความสุขมากจริงๆ”ดวงตาของเขาตอนพูดจริงใจ ไม่ได้ปรุงแต่งให้สวยหรู ราวกับโลกใบเดิมที่เขาจากมา ธันย์ธาราอาจไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองทีแรกเธอก็อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร หรือมาจากไหน ชีวิตในโลกที่จากมา ชีวิตความเป็นอยู่เขาคือใครกันแน่แต่มาคิดดูอีกที...การรู้จักกันแค่โลกมิตินี้มันก็พอแล้วให้นิยายเรื่องนี้ กลั่นกรองความรักของเราสองคนผ่านตัวอักษร เพราะว่าสิ่งที่แสดงออกมามันคือความรัก เป็นความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจ และทั้งคู่ก็ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้นอกจากได้อยู่ด้วยกันในทุกวัน... และทุกวันตลอดไป“ถ้างั้นหลังจากนี้ มาใช้ชีวิตให้เต็มที่ดีมั้ยคะ”“ผมก็รักคุณเต็มที่ทุกวันนะธารตะวัน”ยามรักเขาก็แสดงออกว่ารักสุดตัว ทั้งสีหน้าและแววตามันชัด ว่าตัวเขาตกหลุมรักผู้หญิงตรงหน้าเข้าแล้วมันไม่ใช่ค
หลังกลับจากห้างสรรพสินค้า ธารตะวันก็รับหน้าที่ นั่งกล่อมเด็กน้อยทั้งสองนอน ใช้เวลาสักพักจนกระทั่งเด็กๆ ผล็อยหลับไป เธอถึงลากแขนประธานธันย์เข้ามาที่ห้องทำงาน“อะไรของคุณ หืม ตะวัน”“เอกสารที่คุณต้องเซ็นไงคะ”ธันย์ธาราเอี้ยวลำคอมอง เธอจึงดันหลังให้เขาอย่ากังวล“นั่งเถอะค่ะ ฉันจะเอามาให้อ่านก่อน”เธอเกาะบ่าคนตัวสูงกว่า ก่อนจะกดไหล่เขาให้นั่งที่เก้าอี้ทำงาน ทำเขามุ่นคิ้วติดจะสงสัย สายตาไล่มองร่างบางระหง เดินไปหยิบเอกสารบนชั้นมาวางที่โต๊ะ“สมัครเป็นพ่อของลูก...”ธันย์ธาราอ่านออกเสียง พลางกวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษรส่วนคนพิมพ์เอกสารใบนี้ขึ้นมา ยืนยิ้มอย่างภูมิใจ เป็นแบบฟอร์มที่เธอตั้งใจทำให้เขาอ่านข้อตกลงการอุ้มท้องคือการเสียสละร่างกายหากมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้อง ร่างกายของแม่จะถ่ายโอนสารอาหารให้ลูก และบางครั้ง ลูกน้อยก็จะดูดซึมแคลเซียมจากแม่อีกด้วยอย่างที่เขาเคยบอก คนท้องอารมณ์แปรปรวน เมื่อท้องเริ่มโตก็จะยิ่งใช้ชีวิตยากขึ้น เวลานอนก็หายใจไม่เต็มอิ่มอีกต่างหาก เธอเคยไปอ่านเจอมา หากโดนลูกน้อยแบ่งแคลเซียมไปเยอะร่างกายจะปวดร้าวทรมานปวดลึกถึงกระดูกเลยแหละถ้าหากเขาอยากเป็นพ่อคน ต้องรับข้อตกล
“คุณธันย์อย่าบีบได้มั้ยคะ”ร่างบางระหงที่สวมแค่เสื้อยืดตัวโคร่ง กำลังควงตะหลิวจับกระทะอยู่ในครัว ช่วงล่างเปลือยเปล่าโล่งโจ้ง เพราะเพิ่งเติมเต็มรักกับธันย์ธาราไปเมื่อคืนสะดุ้งตื่นมาคว้าได้แค่เสื้อก็ใส่มาก่อน“คุณธันย์ฉันบอกว่าอย่าบีบไง”“หือ”“ทำไมดื้อแบบนี้นะ”เธอดุเขาที่จับหน้าอกเล่นไม่หยุด พลางเอี้ยวลำคอมองร่างสูง เขาที่ซบใบหน้าบนลาดไหล่เล็ก ครางในลำคอขัดใจหลังโดนดุ“แค่จับก็ไม่ได้เหรอ” เขาทำเสียงงอน โหมดอ้อนแฟนกำเริบทันที“แล้วบีบทำไมคะ” เธอจดจ่อกับการผัดข้าว แต่เขาก็คอยพราสติให้ไม่อยู่กับตัวเรื่อยเลยยังไงสองเต้าใหญ่ก็เป็นของเขาคนเดียว“ตะวัน”“พอค่ะ”“ธารตะวัน...”เธอส่ายหน้าเสียงแข็งใส่ อย่าคิดว่าเธอรู้ไม่ทันเขา เวลาอยากได้เธอทีไร เป็นต้องเสียงอ่อนเสียงอ้อนกันทุกที ไม่ใช่ว่าเธอเบื่อหน่าย แต่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอไงที่หิวกันตลอดเวลาน่ะหิวที่ไม่ได้แปลว่าหิวข้าวด้วย“อ่ะ!”ร่างบางสะดุ้งโหยง ตะหลิวในมือที่ผัดข้าวแทบปลิว เมื่ออีกฝ่ายถกเสื้อยืดเธอขึ้น เผยให้เห็นบั้นท้ายงามงอน เป็นประจักษ์แก่สายตาเขาเธอพยายามจะเบี่ยงตัวหลบ แต่ก็ถูกเขาตามไล่ต้อนกันอยู่ดี“คุณธันย์อย่าถก ฉันไม่ได้ใส่ก
ใบหน้าคมคร้ามหลุบตามองต่ำ มือหนาลูบไล้ที่แผ่นหลังบาง ลามลงไปเคล้นคลึงสะโพกผาย ก่อนจะบีบขยำบั้นท้ายอวบอัด พลางฟาดตีเต็มแรงจนร่างบางกระตุกรับธารตะวันที่ก้มต่ำ กำลังรูดชักลำกายแท่งโต หยอกเย้าให้แข็งตัวสู้มือ จนกระทั่งมันผงาดองอาจตรงหน้า“ไม่ไหวแล้วตะวัน...”ธันย์ธาราพ่นลมหายใจหอบหนัก เขาสั่นกระสันไปทั้งร่าง เมื่อรู้สึกได้ถึงริมฝีปากนุ่มนิ่ม กำลังค่อยๆ อ้าอมแท่งร้อน“อึก”“ไหวนะ”“อื้อ...”ธารตะวันบิดเบ้ใบหน้า มือใหม่ไร้ประสบการณ์กำลังเรียนรู้ วิธีการปรนเปรอ บำเรอกามให้แฟนหนุ่ม แต่เพราะมือใหม่นี่แหละ ทำเขาตื่นเต้น จนปลายเอ็นกระตุกรับในโพรงปากอุ่น“ระวังฟันนะตะวัน”“อื้อ”“ไม่ต้องรีบ อ่า... อืม”ธันย์ธาราขมวดคิ้วเครียด ทิ้งศีรษะพิงเบาะแล้วเกร็งท้องรับ เมื่อริมฝีปากของเธอ อ้าอมแก่นกายเข้าครึ่งลำธารตะวันหยุดไว้กลางทาง หยาดน้ำตาคลอระเรื่อ ใต้ตาแดงก่ำหลังถูกความคับใหญ่เล่นงาน จนไม่กล้าขยับหัวให้กดลงลึกมากกว่านี้ เกรงว่ามุมปากจะฉีกจนเลือดกบปากได้ใหญ่จนคับแน่นในปากสุดๆเหมือนขอบปากมันจะฉีกเลย“อ่อก... อึก”“ระวังสำลัก”“อื้อ- อึก”ความรู้มีเต็มหัว...แค่อ่อนประสบการณ์เท่านั้นเองนักอ่านตัวยงง







