Share

ตอนที่5 ปากพาซวย

last update Last Updated: 2025-09-15 23:30:52

 พอกลับมาถึงจวนว่านชิงอีก็บอกให้เสี่ยวหมาน เอาของสดที่ซื้อจากตลาดไปเก็บที่ครัว ก่อนนางและพี่สาวจะพากันเดินไปพบกับมารดาที่เรือน ว่านซูอวี้แปลกใจที่เห็นสามพี่น้องเดินมาพร้อมกัน แถมยังดูสนิทสนมกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน 

 “คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” ว่านชิงอีเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึง ว่านซูอวี้มองนางด้วยสายตาอ่อนโยน

 “พวกเจ้าไปไหนกันมาหรือ?”

 “ไปตลาดมาเจ้าค่ะ ท่านแม่พวกข้ามีเรื่องจะปรึกษากับท่านเจ้าค่ะ” ว่านชิงหลินคุณหนูใหญ่ เริ่มเล่าเรื่องราวที่ได้พูดคุยกันกับว่านชิงอี จนยามนี้เข้าใจกันดีแล้ว แม้กระทั่งเรื่องทรัพย์สินของว่านชิงอี ที่นางยินดีเอาไปเป็นส่วนกลางเพื่อใช้จ่ายภายในครอบครัว แต่พอได้ยินเช่นนั้นว่านซูอวี้กลับกังวลและไม่สบายใจ ฮูหยินผู้เฒ่าและสามีนางต้องไม่พอใจแน่ ว่านชิงอีเห็นสีหน้ามารดาก็เข้าใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น

 “ท่านแม่ท่านไม่ต้องกังวล เดี๋ยวข้าจะคุยกับท่านพ่อและท่านย่าเองเจ้าค่ะ ข้ามีวิธีพูดให้ท่านทั้งสองยอมแต่โดยดีเจ้าค่ะ” ว่านชิงอีเอ่ยพร้อมยกยิ้มและทำหน้าเจ้าเล่ห์ 

 “แต่ว่าเงินเหล่านี้อาจจะช่วยสกุลเราไปได้ระยะหนึ่ง ท่านพ่อเงินเดือนก็คงไม่พอ เราต้องหารายได้ทางอื่นเพิ่ม วันนี้ข้าเดินสำรวจตลาดก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี ข้าต้องคิดหาวิธีหาเงินให้ได้เจ้าค่ะ” ว่านซูอวี้เห็นท่าทางมุ่งมั่นของบุตรสาวก็ยิ้มอ่อนด้วยความเอ็นดู นางเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ สินะ

 ว่านชิงอีกลับมาที่เรือนก็เอาแต่ครุ่นคิดว่าจะทำอะไรดี ที่จะหาเงินมาช่วยครอบครัวได้ วันนี้ไปเดินตลาดก็มัวแต่เดินชมนั้นดูนี่ไปเรื่อย ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย

 “ปิงปิงเจ้ามาช่วยข้าคิดหน่อย ว่าข้าควรทำอะไรดี”

 “คุณหนูไม่ลองเปิดสำนักปราบผีหรือวิญญาณดูละเจ้าคะ” ปิงปิงเสนอแนะเพราะนางเป็นร่างของเทพผู้พิทักษ์ต้องทำได้ดีแน่นอน

 “ข้ากลัวว่าจะถูกข้อหาหลอกลวงชาวบ้านนะสิ คราวนี้ข่าวข้าดังกว่าตายแล้วฟื้นอีกนะปิงปิง ว่าแต่ข้ายังไม่เคยเห็นผีหรือวิญญาณจริงๆ เลยนะ ไม่ได้ไม่เชื่อเพราะเจ้าก็เป็นเหมือนวิญญาณตนหนึ่งเช่นกัน จะว่าไปก็เห็นวิญญาณของร่างนี้ที่มาลา”

 “ข้าไม่ใช่วิญญาณข้าเป็นเด็กเทพ” ปิงปิงเอ่ยอย่างแง่งอน

 “อืมงั้นเด็กเทพเราแอบออกไปสำรวจ ด้านนอกตอนกลางคืนกันมั้ย หากจะทำอาชีพปราบผี เราก็ต้องออกไปดูการตลาดว่ามีผีให้ปราบเยอะหรือไม่” ว่านชิงอีคลุกคลีอยู่กับพ่อที่เป็นพ่อหมอปราบผี แต่แปลกนางกลับไม่เคยเจอผีหรือวิญญาณจริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง

 “แต่ว่าคุณหนูยุคจีนโบราณมีกฎ ห้ามออกนอกบ้านเวลากลางค่ำกลางคืน ยิ่งเป็นสตรียิ่งไม่เหมาะเจ้าค่ะ”

 “แล้วทำอย่างไรข้าถึงจะเห็นผีหรือวิญญาณ ตัวข้าเหมือนมีบางอย่าง ที่ผีหรือวิญญาณไม่กล้ามาปรากฎตัว”

 “คุณหนูลองใช้สองมือปิดตา แล้วตั้งจิตทำสมาธิ และบอกให้ดวงตาสวรรค์เปิดเนตรให้ดูเจ้าค่ะ”

 ว่านชิงอีลองทำตามในทันที ด้วยการตั้งจิตทำสมาธิและใช้สองมือปิดตาทั้งสองข้าง ไม่นานนางก็มาเยือนสถานที่แห่งหนึ่งที่เงียบสงบ ก่อนจะพบกับร่างของชายชราผมขาว แต่งชุดขาวทั้งชุดนั่งทำสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พอนางมาถึงเขาก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะยืนลูกแก้วสีใสให้ว่านชิงอี เหมือนเขาจะรู้ว่านางมาเพื่ออะไร ก่อนเขาจะหลับตาลงอีกครั้ง ว่านชิงอีรับลูกแก้วมาไว้ในมือ แต่ลูกแก้วกลับลอยเข้าไปในดวงตาของนาง จนนางรู้สึกแสบตาจึงพยายามลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็ปรากฏว่านางกลับมาอยู่ที่เรือนของนางแล้ว แต่แปลกคราวนี้นางมองทุกอย่างแตกต่างออกไป เหมือนนางจะมองทะลุไปถึงฝาผนังเลยทีเดียว ดวงของนางคงเปิดแล้วสินะ

 เช้าวันต่อมาว่านชิงอีก็ยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะทำอะไรดี จึงตัดสินใจมาเดินเที่ยวเล่นที่ตลาด กับเสี่ยวหมานและปิงปิง วันนี้ตลาดดูคึกคักมากเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่ามีงานอะไรเพราะดูคนเยอะกว่าปกติ ว่านชิงอีสังเกตว่าผู้คนพากันเดินไปรวมตัวกันที่ศาลากลางเมือง จึงตัดสินใจเดินตามพวกเขาไป เพราะอยากรู้ว่าพวกเขาไปทำอะไรกันที่นั้น 

 ก่อนจะพบกับร่างของนักพรตผู้หนึ่ง กำลังทำพิธีอะไรสักอย่าง ผู้คนรายล้อมให้ความสนใจกันอย่างมาก ว่านชิงอีแหวกผู้คนเพื่อจะไปยืนด้านหน้า นางอยากรู้ว่านักพรตผู้นี้กำลังทำอะไร ด้านหน้าแท่นบูชามีร่างของชายผู้หนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ และด้านข้างยังมีสตรีวัยกลางคนนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่ 

 ก่อนนักพรตจะนำน้ำมนต์มาพรมบนร่างของชายคนนั้น ทันใดนั้นชายผู้นั้นก็ลุกขึ้นมานั่ง และหันมามองนักพรตตาขวางอย่างไม่พอใจ

 “เจ้าผีร้ายออกไปจากร่างของชายคนนี้เสีย มิเช่นนั้นข้าจะจับวิญญาณเจ้ามัดไปถ่วงน้ำไม่ให้ไปผุดไปเกิด” ชายนักพรตกล่าวขู่ผีร้ายในร่างของชายผู้นั้นอย่างดุดัน

 

 “เจ้านักพรตปัญญาอ่อนเจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้รึ” ชายที่ลุกขึ้นนั่งกล่าวออกไปอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนนักพรตจะนำกริชออกมา และเริ่มท่องมนต์คาถา ก่อนจะวางลงไปบนหัวของชายผู้นั้น เขาเริ่มกรีดร้องดิ้นทุรนทุรายสุดท้ายก็แน่นิ่งไป ไม่นานชายผู้นั้นก็เหมือนจะได้สติ และหันไปมองสตรีที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยความแปลกใจ

“ท่านแม่ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

 “เจ้าถูกผีร้ายเข้าสิง ยามนี้ท่านนักพรตช่วยขับไล่ให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว รีบขอบคุณท่านนักพรตเสีย” หญิงวัยกลางคนรีบบอกบุตรชาย เสียงอื้ออึงของผู้คนที่กล่าวถึงความสามารถของนักพรตดังขึ้นมาทันทีว่า ว่าเขาเก่งกาจมีความสามารถปราบวิญญาณภูตผีได้ ว่านชิงอียืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้แต่ถอนใจ กับความเชื่อที่มองด้วยตาไม่เห็น

 “ดูก็รู้ว่าเตี๊ยมกันมาไม่มีวิญญาณสิงร่างชายผู้นั้นสักหน่อย” ว่านชิงอีกระซิบกับเสี่ยวหมานเบาๆ

 “คุณหนูรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ?” เสี่ยวหมานเอ่ยถาม

 “เพราะตัวข้าสามารถมองเห็นวิญญาณได้อย่างไรละ”

 “จริงหรือเจ้าค่ะ” เสี่ยวหมานทำตาโต นี่คุณหนูมีความสามารถขนานเห็นดวงวิญญาณเลยหรือ แต่ว่านางก็เคยช่วยให้นางหายตาบอดมาแล้ว เรื่องนี้นางก็คิดว่าก็อาจเป็นไปได้เช่นเดียวกัน

 ว่านชิงอีพูดออกมากับเสี่ยวหมาน แต่นางไม่รู้เลยว่ามีสองบุรุษที่ยืนอยู่ด้านหลัง ได้ยินสิ่งที่นางพูดทุกคำ และกำลังคิดตามคำพูดของนางที่ว่าพวกเขาเตี๊ยมกันมา และนางบอกว่าสามารถมองเห็นดวงวิญญาณ เรื่องนี้ต้องมีใครโกหกและเขาก็อยากรู้ว่าใครกันที่โกหก

 “เจ้าตามข้ามา” ว่านชิงอีหันกลับไปมองก็ตกตะลึงกับความหล่อเหล่าของชายทั้งสองคน แต่ว่าใบหน้าที่แสนเย็นชาและดุดันนั้นน่ากลัวมาก และที่เขากระซิบบอกนางให้ตามออกไปนั้น ซวยแล้ว!ไม่ใช่เขาได้ยินที่นางคุยกับเสี่ยวหมานหรอกนะ เขาคงไม่คิดว่านางเป็นนักต้มตุ๋นหรอกนะ ปากพาซวยจริงๆ เลยเรา

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่17 ทดสอบสติปัญญาและความสามารถ

    เหล่าบรรดาขุนนางพากันปาดเหงื่อกับปริศนาคำทายของท่านหญิง เหล่าคุณหนูและฮูหยิน ต่างพากันขบคิดกับปริศนาคำทายกันอย่างขะมักเขม้น แม้แต่เหว่ยอ๋อง เจินซีห่าว และรัชทายาท ก็พากันขบคิดว่าปริศนาคำทายนี้หมายถึงสิ่งใด นางบอกเริ่มที่ง่ายๆ ก่อน อันนี้ง่ายสุดแล้วใช่หรือไม่ ฮ่องเต้แอบดูคำตอบที่นางให้มาก็แอบยิ้มด้วยความสะใจ คำตอบที่ส่งมาให้ฮ่องเต้ตรวจคำตอบยังไม่มีใครที่ตอบถูกเลยสักคน การสั่งสอนคนบางทีก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเสมอไป ธูปที่จุดบอกเวลาไหม้ลงเรื่อยๆ สร้างความกดดันให้กับเหล่าขุนนางเป็นอย่างมาก ก่อนขันทีจะประกาศหมดเวลา ทำเอาเหล่าขุนนางตกใจหน้าซีด เหตุใดเวลาถึงได้เดินเร็วนักเล่า “ทูลฝ่าบาทขอเวลาอีกสักครึ่งชั่วยามได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ฮ่องเต้หันไปมองว่านชิงอี ว่าจะเอาอย่างไร นางก็พยักหน้าให้โอกาสอีกครึ่งชั่วยาม “ได้เราจะให้เวลาอีกครึ่งชั่วยาม หากยังไม่ได้คำตอบก็ถือว่าไม่มีใครหาคำตอบได้ เราจะเก็บของรางวัล500ตำลึงเข้ากองคลัง” ไม่นานครึ่งชั่วยามก็มาถึงอีกครั้ง เหล่าขุนนางเหงื่อตก เพราะไม่สามารถคิดหาคำตอบได้ทันเวลา “เอาละหมดเวลาแล้ว วันนี้ท่านหญิงได้ทำให้เราได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย ขุนนางของเ

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่16 ปริศนาคำนาย

    หลังจากเรื่องราวคลี่คลาย ทุกอย่างก็กลับมาปกติอีกครั้ง วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลอง การแต่งตั้งท่านหญิงจวินจู่ ซึ่งฝ่าบาทจัดงานนี้เพื่อนางโดยเฉพาะ ตระกูลต่างๆ มาพร้อมฮูหยินและคนในครอบครัว แม้จะไม่ยินดีที่จะมาร่วมงาน แต่ก็ไม่อาจขัดพระประสงค์ของฝ่าบาทได้ พองานใกล้เริ่มทุกคนก็พากันไปนั่งประจำที่ ที่ทางวังหลวงจัดเอาไว้ตามตำแหน่งของแต่ละคน วันนี้ท่านหญิงจวินจู่มาในชุดอาภรณ์สีขาวขลิบสีชมพูอ่อน ประดับด้วยปิ่นหยกสีขาวเข้าชุด นางไม่ได้ประโคมแต่งมากจนเกินไป ตั้งใจให้ดูเรียบๆ แต่ดูดี ถึงจะเป็นเจ้าของงาน แต่ก็ไม่อยากโดดเด่นจนเกินไป พอนางมาถึงบริเวณจัดงาน ก็เห็นวิญญาณของพระสนมกุ้ยเฟยยืนรออยู่ นางส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “วันนี้เจ้าดูงดงามมาก” “ขอบพระทัยเพคะ” ว่านชิงอียิ้มหวานให้พระสนม และก้าวเดินเข้างานไปพร้อมกับนาง ก่อนจะไปยอบกายถวายความเคารพฮ่องเต้ต่อหน้าพระที่นั่ง “ท่านหญิงวันนี้ท่านดูงดงามมากจริงๆ เอาละไปนั่งที่ของท่านเถิดงานจะเริ่มแล้ว” ฮ่องเต้เจินเฉินหลงกล่าวอย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดี พอนางนั่งลงดนตรีก็เริ่มบรรเลง เหล่านางกำนัลก็เริ่มทำหน้าที่ ยกอาหารและสุรามาวาง ว่านชิงอีมองอาหารอย่างสนใจ อาหารในว

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่15 พระราชโองการ

    “ท่านอ๋องยามนี้ผู้คนร่ำลือถึงข่าวท่านหญิง ว่าคบบุรุษทีเดียวสามคน ซึ่งในข่าวลือมีท่านร่วมอยู่ด้วย” อู่ถงหลังจากออกไปทำธุระกลับมา ได้ยินข่าวลือเรื่องท่านหญิงจึงรีบมารายงาน “เล่ามาให้ละเอียด” อู่ถงจึงเริ่มเล่าเรื่องที่ได้ยินมาอย่างละเอียดให้เขาฟัง ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งไม่พอใจ ใครกันนะที่สร้างข่าวพวกนี้ขึ้น แล้วนางจะทนคำพูดเหล่านี้ได้หรือไม่? ช่วงนี้เขาต้องห่างจากนางออกมาหรือว่าเขาต้องทำตัวปกติดีนะ แต่ความคิดเขาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อองครักษ์เข้ามารายงานว่า องค์ชายซีห่าวและรัชทายาทมาขอเข้าพบ เหว่ยอ๋องถอนใจ ดีเหมือนกันพวกเขามา จะได้ช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรดี เขารู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของนางจริงๆ “เสด็จพี่ท่านได้ข่าวหรือยัง?” องค์ชายซีห่าวร้อนใจร้องถามตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึง “เหว่ยอ๋องเราจะทำอย่างไรกันดี นางต้องทุกข์ใจมากเป็นแน่ เรื่องนี้ข้าต้องหาต้นตอคนปล่อยข่าวให้ได้” รัชทายาทเอ่ยน้ำเสียงเจ็บแค้น กับคนสร้างข่าวลือที่ไม่เป็นจริง “เราจะโทษคนปล่อยข่าวก็ไม่ถูก พวกเราออกไปข้างนอกกับนางจริงมีคนเห็นมากมาย เราควรคิดหาวิธีดีกว่า ว่าต่อไปพวกเราจะไปมาหาสู่นางได้อย่างไร เพราะนางเหมือนจะอยากให้พวกเราช่

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่14 ข่าวลือ

    จางเจียอีพอกลับมาถึงจวน ก็รีบตรงไปหาฮูหยินจางทันที นางต้องพยายามข่มเก็บอาการเคืองขุ่นและน้อยใจรัชทายาทเอาไว้ ไม่ให้แสดงออกมา เขาปกป้องสตรีนางนั้นอย่างออกหน้า แม้เขาและนางจะยังไม่ได้หมั้นหมายแต่ แต่ก็ได้มีการพูดคุยถึงว่าจะให้หมั้นหมายกัน ตั้งแต่ตระกูลจางรับรู้ข่าวนั้น ก็ได้ให้นางเตรียมตัวฝึกฝนกิริยามารยาท เพราะหากหมั้นและแต่งกับรัชทายาท นั้นก็หมายถึงตำแหน่งฮองเฮาในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้นนางจึงต้องฝึกฝนอย่างเข้มงวด แต่ว่าวันเวลาผ่านไปรัชทายาท ก็ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลจาง เจอกันในงานก็เพียงทักทาย ยามนี้ยังมาแสดงท่าทีแบบนี้ ใจของนางเหมือนแหลกสลาย พอมาถึงเรือนมารดา จางเจียอีก็โผเข้ากอดนางแน่นพร้อมกับร้องไห้อย่างอัดอั้น จากนั้นก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฮูหยินจางฟัง ฮูหยินจางได้ฟังก็นึกขุ่นเคืองรัชทายาท และพาลโกรธไปถึงท่านหญิง เป็นท่านหญิงแล้วอย่างไร คิดจะแย่งบุรุษที่มีคู่หมายแล้วได้อย่างงั้นรึ แต่ว่าวันนี้บุตรสาวนางบอกมีเหว่ยอ๋อง องค์ชายซีห่าว และองค์รัชทายาท ฮึเรื่องนี้นางจะปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องเรียกอีกสามตระกูลมาคุยกัน “ท่านแม่ข้าไม่ยอม ข้าเตรียมตัวมาตั้งหลายปี หากข้าไม่ได้แต่งกับรั

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่13 วิญญาณอยากเป็นผู้ช่วย

    “ถวายบังคมรัชทายาท ท่านอ๋อง องค์ชาย สตรีสามนางยอบกายถวายความเคารพอย่างงดงาม ตามแบบฉบับคุณหนูที่เพียบพร้อม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรัชทายาทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เหตุใดไม่ทำความเคารพท่านหญิง หรือว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าสตรีที่เพียบพร้อมเขาปฎิบัติกับคนที่สูงกว่าหรือ?” สตรีสามนางหน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าพวกนางจะพลาดในสิ่งที่ไม่ควรพลาดเช่นนี้ “ถวายบังคมท่านหญิงจวินจู่ ขอประทานอภัยที่หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดท่านหญิงอย่าถือสา” จางเจียอีเอ่ยออกมาอย่างอ่อนหวาน แม้ภายนอกจะแสดงออกมาว่ารู้สึกผิด แต่ภายในใจนั้นกลับสุ่มไปด้วยเพลิงโทสะจางเจียอีจิกเล็บลงไปบนฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บ เพื่อระงับอารมณ์และความรู้สึกภายในใจ เหว่ยอ๋องยืนอยู่ด้านหลังของว่านชิงอี มีองค์ชายซีห่าวและรัชทายาทยืนประกบซ้ายขวาคล้ายดั่งองครักษ์ ยิ่งทำให้สตรีสามนางแทบอยากกรีดร้องออกมา จึงได้แต่ขอตัวและจากไปด้วยความแค้นเคือง หลังจากพวกนางไปแล้วว่านชิงอีก็หมุนกายเดินเข้าไปในร้านบะหมี่ ก่อนจะสั่งอย่างละเอียดว่าชามไหนใส่อะไรไม่ใส่อะไร ทำเอาสามบุรุษหนุ่มยกยิ้มด้วยความพอใจที่นางให้ความใส่ใจกับพวกเขา พอชามบะหมี่ถูกยกมาวางบนโต๊ะ ว่านชิงอี

  • นางร้ายกลายเป็นแม่หมอปราบผี   ตอนที่12 บุรุษที่หมายตา

    จวนสกุลว่าน เสนาบดีว่านพอกลับมาถึงจวนก็รีบตรงดิ่งไปหามารดา วันนี้เขารู้สึกมีความสุขอย่างยากจะบรรยาย เขารอแทบไม่ไหวที่จะเล่าเรื่องราวที่รับรู้ในท้องพระโรงให้ผู้เป็นมารดาฟัง แต่ก็ต้องแปลกใจที่ไม่เห็นมารดาอยู่ที่เรือน พอสอบถามบ่าวรับใช้ก็ได้ความว่านางไปที่เรือนใหญ่ได้สักพักแล้ว เขาจึงเปลี่ยนเส้นทางไปที่เรือนใหญ่ทันที พอมาถึงก็เห็นทุกคนนั่งกันอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เขาจึงคิดว่าเป็นการดีที่จะได้เล่าทีเดียว แต่พอเขาเล่าจบทุกคนกลับนั่งนิ่งไม่มีอาการดีใจเลยสักนิด เขารู้สึกผิดหวังที่ทุกคนไม่ให้ความสำคัญกับข่าวนี้ “เหตุใดไม่มีใครดีใจกับข่าวนี้เลย” ? “จื่อหยวนข่าวเจ้านะพวกข้ารู้ตั้งนานแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยยิ้มๆ นึกขำบุตรชายที่รีบรุดมาแจ้งข่าว แต่ที่ไหนได้ข่าวนี้กระจายออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ออกมากระพือข่าวนอกวัง “พวกข้าดีใจก่อนเจ้าจะมาแล้ว แต่ว่ามีข่าวใหม่ที่เจ้ายังไม่รู้อีกนะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยขึ้นแล้วยกชาขึ้นจิบอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อนที่จะเล่าออกไป ทำให้เสนาว่านร้อนใจอยากรู้มากขึ้น “ท่านแม่ท่านรีบเล่ามาเถิดข้ารอไม่ไหวแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ายื่นกระดาษปกแข็งมาให้เขาตรงหน้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status