แชร์

ตอนที่ 1 ฟื้นจากความตาย

ผู้เขียน: จิตอักษร
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-19 20:42:53

ตอนที่ 1

ฟื้นจากความตาย

เสียงน้ำกระทบฝั่งอย่างเชื่องช้า สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านใบหน้า ราวกับกำลังปลุกปลอบร่างที่ไร้เรี่ยวแรง

เฟิงเหม่ยหลินรู้สึกเหมือนลอยอยู่กลางความว่างเปล่าทั้งกายหนักอึ้ง ราวกับจมหายไปในความฝันที่ไม่มีทางตื่น ข้างในอกเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ ความมืด และเสียงเรียกที่แผ่วเบาราวกระซิบ

“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ”

เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นแผ่วเบา ก่อนจะแทรกซึมเข้ามาในหัว เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงกลิ่นยาสมุนไพรบางเบาที่โชยเข้าจมูก

“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”

เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ เปิดขึ้น แสงสลัวจากโคมไฟน้ำมันสะท้อนแผ่วเบากับม่านผ้าบาง ๆ สีขาวที่ไหวตามลม มีผ้าห่มปักลายหนานุ่มคลุมอยู่บนร่าง ร่างกายของเธอนอนอยู่บนเตียงไม้ที่แกะสลักอย่างสวยงาม

เฟิงเหม่ยหลินกระพริบตาปริบ ๆ ห้องนี้ ไม่ใช่โรงพยาบาล ไม่ใช่รถพยาบาล ไม่ใช่ โลกที่เธอจากมา

“ที่นี่มัน ที่ไหน” เธอพึมพำเสียงแผ่วเบา ขณะที่มองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความงุนงง หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกเจ็บหน้าอก

เพดานไม้ลายจีนโบราณ ผ้าม่านเนื้อหนา โต๊ะชาจีน แม้กระทั่งชุดนอนของเธอก็ไม่ใช่เสื้อผ้าสมัยใหม่ หากแต่เป็นชุดคลุมผ้าปักมือแบบโบราณ

ทันใดนั้น ร่างของสาวใช้คนหนึ่งก็รีบลุกขึ้นนั่งคุกเข่าข้างเตียง ดวงตาแดงช้ำอย่างชัดเจน

“คุณหนู ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพช่วยท่านไว้ หากช้าไปกว่านี้อีกเพียงก้าวเดียว ท่านคง”

คำพูดของอีกฝ่ายกลายเป็นเสียงเบลอในหู เฟิงเหม่ยหลินรู้สึกเหมือนทุกอย่างในหัวกำลังหมุนควงกลับไปยังภาพสุดท้าย รถตกสะพาน สายน้ำสีคล้ำ และความหนาวเย็นที่กัดกินร่างกาย

“ท่านแม่ทัพ”

เธอกระซิบทวนคำนั้นด้วยน้ำเสียงสั่นไหว ขณะเหลือบมองมือของตนเองที่วางอยู่บนผ้าห่ม นิ้วเรียวยาว ผิวขาวเนียน แต่นั่นไม่ใช่มือของเธอ

“มะ...ไม่จริง”

เธอยกมือขึ้นแตะใบหน้าตัวเองอย่างเงียบงัน รูปหน้าเรียวเล็ก จมูกโด่ง ดวงตากลมโตมีหางตาเชิดเล็กน้อย ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความแข็งกร้าว

นั่นไม่ใช่ใบหน้าของเธอในโลกเดิม แต่มันคือตัวละครที่เธอเพิ่งอ่านไปเมื่อคืน

“นี่มันเฟิงเหม่ยหลิน ในนิยาย”

เธอผงะถอยเล็กน้อย ความจริงกระแทกใจเหมือนถูกน้ำเย็นราดกลางอก

นิยายเรื่อง “รักใต้จันทรา” เฟิงเหม่ยหลิน นางร้ายตกน้ำตายจากอุบัติเหตุเพราะพยายามลักพาตัวนางเอก เธอตกน้ำ แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของนางร้ายคนนั้นงั้นเหรอ

“เป็นไปไม่ได้ นี่มันแค่ฝัน”

เธอส่ายหน้าช้า ๆ ขณะพยายามลุกขึ้นจากเตียง แต่ทันใดนั้นความวิงเวียนก็แล่นวูบเข้ามา จนร่างกายเธอเอนไปข้างหน้า

“คุณหนู อย่าเพิ่งลุกนะเจ้าคะ ท่านยังอ่อนแรงมาก” สาวใช้รีบพยุงเธอกลับไปนอน ริมฝีปากซีดเผือดของเธอเม้มแน่น

“ท่านแม่ทัพซูหมิงเฉินเป็นผู้ช่วยชีวิตท่านจากแม่น้ำ ท่านแม่ทัพอุ้มท่านขึ้นหลังม้า แล้วรีบพากลับมาที่จวนโดยไม่ยอมให้ใครแตะต้องเลยเจ้าค่ะ”

“แม่ทัพซู…หมิง…เฉิน”

ชื่อที่เคยเป็นแค่ตัวอักษรในหน้ากระดาษ กลับกลายเป็นคนจริง ๆ ในโลกนี้

พระรองในนิยายที่เธอเคยอ่าน กลายเป็นผู้ช่วยชีวิตเธอในครั้งนี้ เธอเงียบไปนานมากจนสาวใช้ต้องเอ่ยเรียกเบา ๆ

“คุณหนู ท่านร้องไห้หรือเจ้าคะ”

เฟิงเหม่ยหลินเอื้อมมือแตะแก้มตัวเอง หยดน้ำตาไหลลงมาช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว หัวใจเธอรู้สึกปั่นป่วนจนบอกไม่ถูกว่านี่คือความตกใจ หรือความอบอุ่นจากการรอดตาย หรือเพราะเธอไม่เข้าใจเลยว่านี่คือความฝัน หรือความจริงที่จะพลิกชีวิตเธอไปตลอดกาล

หลังจากเธอฟื้นได้ไม่นาน ประตูห้องนอนของเธอก็ถูกเปิดออกอย่างร้อนรน เสียงฝีเท้าหนักแน่นของใครบางคนดังขึ้นก่อนที่ม่านจะถูกรั้งออกอย่างรวดเร็ว

“หลินเอ๋อร์”

ชายวัยกลางคนในชุดขุนนางก้าวเข้ามา ดวงตาคมที่เคยเฉียบขาดกลับแดงช้ำ ก่อนที่หญิงสาวบนเตียงจะตั้งสติได้ เขาก็ทรุดตัวลงข้างเตียงแล้วรวบตัวเธอเข้ากอดไว้แน่น

“ลูกพ่อ ขอบใจฟ้า ขอบใจสวรรค์ ในที่สุดเจ้าก็ฟื้น พ่อ พ่อคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นเจ้าอีกแล้ว”

เสียงของเขาสั่นเครือ น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความรัก ความโล่งใจ และความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ในอก

แขนที่กอดเธอไว้ก็แน่นเสียจนเธอแทบหายใจไม่ออก

เฟิงเหม่ยหลินนิ่งงันไปชั่วขณะ พ่องั้นเหรอ

เธอเลื่อนสายตาช้า ๆ มองใบหน้าของชายตรงหน้าอย่างพินิจ เขาไม่ได้ดูร้ายกาจ ไม่ได้ดูเข้มงวด เขาดูเหมือนพ่อที่รักลูกอย่างสุดหัวใจ

เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดนั้นอย่างประหลาด กลิ่นของยาสมุนไพรจากชายเสื้อ กลิ่นเหงื่อของคนที่เฝ้าไม่หลับไม่นอน มันสมจริงเกินกว่าจะเป็นเพียงความฝัน

“ท่าน คือ”

เธอยังไม่ทันถามคำถามจบเลยด้วยซ้ำ เขาก็พูดขึ้นมาก่อน

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แค่เจ้าฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว เจ้าจะพูด จะนิ่ง จะงอแง จะร้องไห้ จะดื้อดึงอย่างไรก็ได้ เพราะเจ้าคือชีวิตของพ่อ หลินเอ๋อร์”

เขาลูบผมเธอเบา ๆ ขณะน้ำตาหยดลงบนหลังมือของเธอ เฟิงเหม่ยหลินเบิกตาเล็กน้อย ความรู้สึกแปลกประหลาดแล่นวาบผ่านอก

เธอเคยอ่านในนิยาย มีประโยคหนึ่งที่บรรยายพ่อของเฟิงเหม่ยหลินไว้ว่า

“เสนาบดีเฟิงรักบุตรสาวดุจดวงใจ ใครแตะต้องนางก็เหมือนแตะต้องดวงใจเขา เขารักนางจนยอมตามใจทุกอย่าง แม้นางจะเหยียบหัวคนทั้งแคว้น เขาก็พร้อมจะปูทางให้เดินอย่างสง่าผ่าเผย”

“และด้วยรักอันไร้ขอบเขตนั้นเองที่ทำให้คุณหนูเฟิงกลายเป็นนางร้ายที่หยิ่งผยองเกินเหตุ”

เธอเม้มริมฝีปากเบา ๆ นี่คือเขาพ่อของเฟิงเหม่ยหลิน ที่ยอมให้ลูกทำทุกอย่างตามใจ จนสุดท้ายก็พาเธอไปสู่จุดจบ

เธอขยับมือเบา ๆ แตะลงบนไหล่ของเขา ก่อนจะเอ่ยเรียกชายคนนั้น

“ท่านพ่อ”

เสียงแผ่วเบาหลุดจากริมฝีปาก ดวงตาของชายตรงหน้าสว่างวาบขึ้นทันที

“เรียกอีกทีสิ เรียกอีกที”

เธอกะพริบตา ก่อนจะเรียกอีกครั้ง

“ท่านพ่อ”

“โอ้ สวรรค์เมตตาแล้ว” เขากอดเธอแน่นขึ้นอีกครั้งด้วยความปีติยินดี

เฟิงเหม่ยหลินปล่อยให้เขากอดอยู่เช่นนั้น เธอไม่ได้ผลักไส ไม่ได้พูดจาเย็นชาเหมือนเฟิงเหม่ยหลินในนิยายเดิม เธอเพียงแค่กำลังทบทวนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝันอีกต่อไป

เธออยู่ที่นี่จริง ๆ ในร่างของเฟิงเหม่ยหลิน กับพ่อที่รักเธอมากจนพร้อมจะททุกอย่างเพื่อลูกสาวเพียงคนเดียว

บ่ายวันเดียวกันนั้นหลังจากที่เธอฟื้น เสียงขันทีร้องประกาศชื่อองค์ชายสามหน้าจวนดังก้อง พร้อมกับขบวนเล็ก ๆ ที่เดินเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ

“องค์ชายสามเสด็จ”

เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เฟิงเหม่ยหลินนั่งพิงหมอนข้างบนเตียง ใบหน้าซีดเซียวแต่แววตาแจ่มชัด เธอรู้ว่าใครกำลังจะก้าวเข้ามา

พระเอกของนิยาย ผู้ชายเย็นชา ดื้อรั้น มีไหวพริบ และรักเพียงนางเอก

หลี่อวี้เหิง องค์ชายสามแห่งแคว้น ชุดคลุมสีดำขลิบเงินของเขาสะอาดเรียบไร้ที่ติ เส้นผมยาวถูกรวบขึ้นหลวม ๆ ด้วยปิ่นหยก ใบหน้าคมสัน แววตาเรียบนิ่งไม่เผยความรู้สึกใด ๆ เหมือนทุกสิ่งในโลกไม่มีค่าพอจะทำให้เขาเหลียวมอง

เขาหยุดยืนห่างจากเตียงประมาณสองช่วงตัว มองเธอด้วยแววตาเย็นชากว่าแม่น้ำในวันที่หนาวเหน็บ

“เจ้าฟื้นแล้ว” น้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีคำว่าห่วงใยแม้สักพยางค์

เฟิงเหม่ยหลินเงยหน้ามองอีกฝ่าย นี่หรือคือพระเอกในนิยาย

หน้าตาหล่อเหลา ใช่ สายตาเย็นชา ก็ใช่อีก แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่แนวของเธอเลยสักนิด

เธอยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางคิดอย่างเรียบเฉย

“ถ้าฉันไม่ได้รู้พล็อตมาก่อน ฉันคงเผลอหลงไปแล้ว แต่นี่คือคนที่ทั้งเรื่องมีหัวใจให้แค่นางเอกคนเดียว พระเอกแบบนี้เหรอน่าสนใจตรงไหน”

เธอสูดลมหายใจเข้าเบา ๆ ก่อนพูดเสียงนุ่ม

“เพียงแค่ตกน้ำ ไม่ได้เป็นอะไรมากเพคะ ขอบพระทัยที่เสด็จมาเยี่ยม แต่ตอนนี้หม่อมฉันปลอดภัยแล้ว”

เธอจงใจพูดให้ดูสุภาพและห่างเหิน เพื่อตัดบท และเพื่อตัดเขาออกจากเรื่องของเธอ

องค์ชายสามขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาแปลกใจแวบหนึ่งปรากฏขึ้น แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้าพูดนิ่มนวลเกินไป หรือว่าสมองกระทบกระเทือน”

เฟิงเหม่ยหลินหลุดยิ้มจาง ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความขำขันในใจ

“ที่เขาดูแปลกใจ เพราะในเนื้อเรื่องเดิมเธอเคยกรีดเสียงใส่เขาทุกครั้งที่พบหน้ากัน”

เธอส่ายหน้าเล็กน้อย

“หม่อมฉันสบายดีเพคะ ไม่ต้องกังวล”

องค์ชายสามมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ราวกับจะจับพิรุธ ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินกลับไปโดยไม่กล่าวลา ทิ้งเพียงเสียงฝีเท้าและกลิ่นยาสมุนไพรบาง ๆ ไว้ในอากาศ

ประตูปิดลงอีกครั้งภายในห้องเงียบสงบอีกครั้ง เฟิงเหม่ยหลินหลุบตาลง ถอนหายใจแผ่วเบา มือบางวางลงบนหน้าตัก

“ไม่เป็นไรเลยสักนิดที่เขาไม่สนใจเพราะฉันเองก็ไม่ได้อยากจะสนใจเขาเช่นกัน” เธอบอกกับตัวเอง

“ฉันจะอยู่เงียบ ๆ ไม่วุ่นวาย ไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่แย่งชิง ไม่รักใคร และไม่ให้อะไรพาฉันไปสู่จุดจบเดิมอีกต่อไป”

ในเมื่อโชคชะตาให้โอกาสเธอเริ่มต้นใหม่ เธอก็จะเป็นเฟิงเหม่ยหลินในแบบของเธอเอง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางร้ายอย่างข้าขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ เถอะ   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายหลายปีผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิหมุนเวียนมาอีกครั้ง แต่จวนแม่ทัพกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ดังไปทั่วทั้งสวน ลูกชายคนโตของซูหมิงเฉินและเฟิงเหม่ยหลินอายุสิบสามปีแล้ว รูปร่างสูงโปร่ง ดวงตาคมดุดันถอดแบบจากพ่อทุกกระเบียดนิ้ว ขณะนี้กำลังยืนอยู่กลางลานฝึกดาบ ใบหน้าจริงจังไม่ต่างจากตอนหมิงเฉินยังเป็นแม่ทัพหนุ่มหมิงเฉินในชุดฝึกยืนประจันหน้าลูกชาย มือใหญ่ถือดาบไม้ ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความเข้มงวด “จับดาบให้มั่น อย่าปล่อยให้ศัตรูเห็นความลังเลของเจ้า”เด็กหนุ่มยกดาบขึ้นอย่างมั่นคง ก้าวเท้าเข้าโจมตีด้วยท่วงท่าที่เปี่ยมพลัง เสียงฟันดาบไม้เสียงดัง ก่อนหมิงเฉินจะเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มพึงพอใจฉายบนใบหน้าเข้ม “ดีขึ้นมาก อีกไม่นานเจ้าจะใช้ดาบได้เฉียบคมยิ่งกว่าพ่อ”กลางศาลา เฟิงเหม่ยหลินนั่งจิบชาพร้อมลูกสาววัยสิบขวบที่ฉลาดและแสนซน ดวงตากลมโตเปล่งประกาย รอยยิ้มและความเจ้าเล่ห์เหมือนแม่ เธอนั่งมองพี่ชายฝึกดาบ พลางเอ่ยถามเสียงใส “ท่านแม่ เมื่อไรข้าจะได้ฝึกดาบกับพ่อเหมือนท่านพี่บ้าง”เฟิงเหม่ยหลินยิ้มบาง ลูบผมนุ่มของลูกสาวเบา ๆ “เจ้าฉลาดพอ ๆ กับแม่แล้ว ฝึกดาบคงไม่ใช่สิ่งที่เจ

  • นางร้ายอย่างข้าขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ เถอะ   ตอนที่ 73 ลูกสาวแม่ทัพ

    ตอนที่ 73 ลูกสาวแม่ทัพยามค่ำในฤดูใบไม้ผลิ จวนแม่ทัพถูกปกคลุมด้วยความตึงเครียดและความตื่นเต้นอีกครั้ง เมื่อเสียงฝีเท้าบ่าวไพร่ดังเร่งรีบไปมาหน้าห้องคลอด บรรยากาศวันนี้ไม่ต่างจากวันที่ลูกชายคนโตลืมตาดูโลกซูเยี่ยนที่ท้องอ่อนยืนพิงอี้เหิง มือหนึ่งจับท้องของตน อีกมือกุมมือสามีแน่นอย่างลุ้นไปพร้อมกับเพื่อนรักเหวินซียืนอยู่ไม่ไกล มือถือพัดแต่พัดแรงจนเส้นไหมขาดเล็กน้อย สีหน้าแสดงถึงความตื่นเต้นสุดขีดองค์รัชทายาทมานั่งจิบชาช้า ๆ ที่โต๊ะไม้ข้างทางเดิน ที่เก้าอี้ข้าง ๆ พระองค์มีเด็กชายสองคนนั่งกินขนมอยู่อยู่ นั่นคือลูกชายของเหม่ยหลินกับซูเยี่ยน พระองค์มองไปที่เด็กชายทั้งสองพร้อมยิ้มบาง ๆก่อนจะหันไปกล่าวล้อ “ข้าว่าแม้คราวนี้เป็นลูกคนที่สอง แต่บรรยากาศไม่ต่างจากครั้งคนแรกเลย ยิ่งกว่านั้นพวกเจ้าดูตื่นเต้นกว่าเดิมเสียอีก”ภายในห้องคลอด แสงตะเกียงสว่างไสว หมิงเฉินนั่งอยู่ข้างเตียง กุมมือเฟิงเหม่ยหลินแน่นเหมือนเดิม ดวงตาคมลึกเต็มไปด้วยความกังวลและความรักที่ไม่เคยจางหายเฟิงเหม่ยหลินแม้จะเหนื่อยหอบแต่ยังคงดวงตาคมที่เด็ดเดี่ยว เธอบีบมือสามีแน่น เสียงแผ่วแต่ชัดเจน “ครั้งนี้ ท่านก็ยังไม่ยอมออกไปเหมื

  • นางร้ายอย่างข้าขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ เถอะ   ตอนที่ 72 ลูกชายแม่ทัพ

    ตอนที่ 72 ลูกชายแม่ทัพภายในห้องพักของฮูหยินแม่ทัพ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ เฟิงเหม่ยหลินนอนพิงหมอนนุ่ม ใบหน้างดงามแม้ยังซีดเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า แต่ดวงตาคมเต็มไปด้วยประกายแห่งความรักเมื่อมองลูกชายตัวน้อยที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของหมิงเฉินหมิงเฉินในชุดแม่ทัพลำลอง นั่งอยู่ข้างเตียงอย่างมั่นคง มือใหญ่ประคองลูกชายด้วยความทะนุถนอมราวกับของล้ำค่าที่สุดในโลก ดวงตาคมที่มักเด็ดขาดและแข็งกร้าวบนสนามรบ วันนี้กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยนซูเยี่ยนกับเหวินซียืนอยู่ปลายเตียง น้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ ซูเยี่ยนกระซิบกับเหวินซี “ดูสิ…หมิงเฉินอุ้มลูกเหมือนกลัวว่าลมจะพัดแรงไปหน่อยก็จะทำให้เจ้าตัวเล็กเจ็บ”เหวินซีหัวเราะเบา ๆ “ถ้ามีใครบอกว่านั่นคือแม่ทัพที่น่าเกรงขามที่สุดในแผ่นดิน ข้าคงไม่เชื่อถ้าไม่ได้เห็นกับตา”อี้เหิงก้าวเข้ามาใกล้ เอ่ยยิ้ม ๆ “ข้าขออุ้มหลานได้หรือไม่แม่ทัพซู”หมิงเฉินหันมามองด้วยสายตาที่แม้ไม่ดุดันแต่ก็เต็มไปด้วยความระแวดระวัง เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ยื่นลูกชายให้อี้เหิงอย่างช้า ๆ พร้อมกับกำชับเสียงทุ้มต่ำ “ระวังหัว ระวังตัวเขาด้วย ถ้าเจ้าทำให้เขาเจ็บแ

  • นางร้ายอย่างข้าขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ เถอะ   ตอนที่ 71 ตอนรับสมาชิกใหม่

    ตอนที่ 71 ตอนรับสมาชิกใหม่ยามบ่ายในจวนแม่ทัพ แสงแดดลอดผ่านม่านผ้าไหมสีอ่อนเข้ามาในห้องนั่งเล่น กลิ่นดอกเหมยหอมอ่อน ๆ ลอยฟุ้ง ซูเยี่ยนกับเหวินซีเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใส ตามหลังมาด้วยองค์ชายสามอี้เหิงที่ถือห่อผ้าไหมซึ่งมีของขวัญสำหรับทารกน้อย และองค์รัชทายาทที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายเฟิงเหม่ยหลินนั่งพิงหมอนบนเก้าอี้ไม้สลักลายมังกร มือเรียววางบนหน้าท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวัน เมื่อเห็นเพื่อนสนิทเข้ามา ดวงตาคมก็อ่อนลงทันทีซูเยี่ยนรีบเดินเข้ามานั่งข้างเธอ มือเรียวลูบหน้าท้องเบา ๆ ดวงตาเป็นประกายตื่นเต้น “พี่สะใภ้ อีกไม่นานเจ้าก็จะได้เป็นแม่คนแล้ว ข้าตื่นเต้นแทนเจ้าจริง ๆ”เฟิงเหม่ยหลินยกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยความสนิทสนม “ถ้าเจ้าตื่นเต้นนัก ก็รีบแต่งกับองค์ชายสามเสียสิ แล้วรีบมีลูก ลูก ๆ ของข้ากับเจ้าจะได้โตมาเป็นเพื่อนเล่นกัน”ซูเยี่ยนหน้าแดงวูบทันที ก่อนจะหันไปมองอี้เหิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างเขินอาย “ข้า” เสียงเธอสั่นเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันพูดต่ออี้เหิงก็หัวเราะเบา ๆ พร้อมก้าวมานั่งฝั่งตรงข้าม ดวงตาคมเป็นประกายระหว่างมองซูเยี่ยนกับเฟิงเหม่ยหลิน “

  • นางร้ายอย่างข้าขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ เถอะ   ตอนที่ 70 จบสงครามด้วยจดหมายฉบับเดียว

    ตอนที่ 70 จบสงครามด้วยจดหมายฉบับเดียวคืนนั้น หลังการกวาดล้างเสร็จสิ้น เฟิงเหม่ยหลินนั่งอยู่ในห้องลับของจวนแม่ทัพ มือเรียวเขียนจดหมายลงบนกระดาษอย่างใจเย็น“ถึงผู้นำกองกำลังตะวันออก ข้าคือเฟิงเหม่ยหลิน ฮูหยินแม่ทัพซู ข้าทราบว่าแผนของพวกท่านคือการใช้จังหวะที่ราชสำนักวุ่นวายเพื่อบุกเมืองหลวงหากพวกท่านยังไม่หยุดแผนนี้ ข้าจะสั่งให้ทางเมืองตะวันออกที่ข้าเคยเดินทางไป ใช้ไฟเผาทุกเส้นทางและป่าที่เป็นเสบียงของพวกท่านให้หมด ข้าสอนพวกเขาแล้วว่าจะหยุดไฟป่าไม่ให้ลามมาถึงบ้านเมืองของตนเองอย่างไร แต่ข้าไม่ได้สอนว่าจะหยุดไฟที่ไหม้ดินแดนของพวกท่านอย่างไรถ้าไม่อยากเห็นแผ่นดินของท่านกลายเป็นทะเลเพลิง ให้ถอนกองกำลังและลืมแผนการนี้ซะ”หมิงเฉินก้าวเข้ามาในห้องเงียบ ๆ เขาอ่านข้อความในจดหมาย สายตาคมจ้องภรรยาที่กำลังเขียนเสร็จ ก่อนจะยิ้มบางและพูดเสียงทุ้ม “ข้าบอกแล้ว เจ้าร้าย แต่ร้ายถูกที่เสมอ”เฟิงเหม่ยหลินพับจดหมายอย่างสงบ ดวงตาคมหันมาสบสายตาสามี “ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายความสงบของแผ่นดินนี้ และจะไม่ให้ใครพรากความสงบสุขของเราสองคนไปอีก”หมิงเฉินเดินเข้ามากอดร่างบอบบางไว้แน่น กระซิบเสียงหนักแน่น “ข้าจะจัดก

  • นางร้ายอย่างข้าขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ เถอะ   ตอนที่ 69 ปิดฉากพวกกบฏ

    ตอนที่ 69 ปิดฉากพวกกบฏค่ำคืนหนึ่งหลังการวางแผนลับ ห้องลับในวังหลวงถูกใช้เป็นจุดเริ่มต้นของปฏิบัติการ เฟิงเหม่ยหลินนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ มือเรียววางพัดพู่กันลงบนโต๊ะอย่างสงบ แต่ในดวงตาคมกริบส่องแสงเย็นชาที่ทำให้ทุกคนในห้องสัมผัสได้ถึงพลังของผู้ล่าหมิงเฉินยืนอยู่ด้านหลังเธฮ แขนแข็งแรงพาดไว้บนอก สีหน้าสงบนิ่งแต่ดวงตาคมลึกจับจ้องเธอด้วยรอยยิ้มบางอย่างภาคภูมิใจและหวงแหน เขาเคยพูดกับเธอครั้งหนึ่ง “เจ้าร้าย แต่ร้ายอย่างถูกที่ และนั่นทำให้เจ้าหยุดยั้งสิ่งที่ไม่มีใครทำได้” และคืนนี้ เขาได้เห็นว่าคำนั้นเป็นความจริงองค์รัชทายาทนั่งข้าง ๆ องค์ชายสาม ขณะฟังเฟิงเหม่ยหลินอธิบายแผนการอย่างละเอียดบนแผนที่“พวกมันคิดจะโค่นราชสำนักโดยใช้กองกำลังของแคว้นชิงลู่ ก็ดี” เธอกล่าวเสียงเรียบแต่เฉียบคม “ข้าจะปล่อยข่าวว่าหนึ่งในสามตระกูลที่สมรู้ร่วมคิดมีแผนจะหักหลังอีกสองตระกูล และเตรียมเจรจาลับกับแคว้นชิงลู่เพื่อตัดพวกมันออกจากข้อตกลง”องค์ชายสามหัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้า “พวกนั่นจะกัดกันเอง จนไม่มีใครไว้ใจใคร”เฟิงเหม่ยหลินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ใช่ ข้าจะให้พวกมันทำลายกันเองโดยที่เราไม่ต้องเสี่ยงแม้หยดเลือดเดียว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status