แชร์

ตอนที่ 2 อยู่คนเดียวก็ไม่เห็นเป็นไร

ผู้เขียน: จิตอักษร
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-19 20:43:27

ตอนที่ 2

อยู่คนเดียวก็ไม่เห็นเป็นไร

เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วกลางสวนหลังจวน ดอกเหมยสีชมพูอ่อนร่วงหล่นละลานตา แสงแดดยามสายสาดผ่านซุ้มไม้เลื้อยอย่างอ่อนโยน ลมพัดใบไม้ไหวตามจังหวะธรรมชาติ

เฟิงเหม่ยหลินนั่งอยู่ใต้ศาลาในชุดสีขาว สะอาด เรียบง่าย ไม่ได้ปักลวดลายมากมายเหมือนก่อน อาการบาดเจ็บจากการตกน้ำจางหายไปจนแทบไม่เหลือร่องรอย ร่างกายฟื้นตัวเร็วราวกับไม่ได้ผ่านความตายมาเลยสักนิด

เธอจิบชาช้า ๆ สายตากวาดมองรอบจวนที่เงียบสงัด ร่มรื่น และว่างเปล่า

วันนี้เป็นวันที่แปดนับจากวันที่เธอฟื้น นอกจากสาวใช้ที่ผลัดเวรดูแลและท่านพ่อที่มาหาเธอวันละไม่เกินหนึ่งชั่วยาม

ก็ไม่เคยมีใครอื่นมาเยี่ยมเธออีกเลยแม้แต่คนเดียว

ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ขุนนางตระกูลใกล้ชิด หรือคุณหนูที่เคยอยู่สำนักเรียนด้วยกันก็ไม่มี เธอหลุบตามองแก้วชาในมือ ก่อนยกยิ้มแห้งในลำคอ

“นี่ฉันไม่มีเพื่อนเลยเหรอ”

คำถามนั้นลอยอยู่ในหัวเพียงชั่วครู่ ก่อนจะมีคำตอบแล่นขึ้นมาเองโดยไม่ต้องคิดให้ยุ่งยาก

ใช่ ไม่มี เพราะ “เฟิงเหม่ยหลิน” ในบทนิยายเดิมไม่เคยสนใจจะมีเพื่อน

หญิงสาวผู้เฝ้าคิดหมกมุ่นกับการครอบครององค์ชายสาม ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการหาเรื่องนางเอก หาข้ออ้างไปวังหลวง และสร้างความรำคาญให้ทุกคนรอบข้าง

เธอไม่ไว้ใจใคร ไม่ผูกมิตรกับใคร และรังเกียจคนที่ “ไม่คู่ควร” จึงไม่เคยเปิดใจให้ใครเลยสักคนเดียว

“กลัวคนจะเข้าหาพระเอกเลยกันคนทั้งหมดออกไป แล้วก็จบลงด้วยการตายอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ร้องไห้ให้”

เธอยกมือแตะหน้าผาก ถอนหายใจเบา ๆ อย่างเหนื่อยหน่าย

“ตัวร้ายอะไรจะน่าสงสารขนาดนี้ แถมยังนิสัยเสียแบบไม่รู้ตัวอีกต่างหาก”

แต่พอนึกไปอีกที การไม่มีใครก็อาจจะเป็นเรื่องดี

“ไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีใครยุ่ง ไม่มีใครยุ่ง ก็ไม่มีใครลากฉันกลับเข้าเส้นเรื่องเดิม แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว”

เธอวางถ้วยชาลงบนถาด ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดชายผ้าให้พลิ้วไหว ดวงตาของเธอคู่นั้นเปล่งประกายนิ่งสงบขึ้นเล็กน้อย

“ในเมื่อไม่มีใคร ฉันก็จะอยู่เงียบ ๆ ในจวน ไม่วุ่นวายกับใครทั้งนั้น”

เธอหันหลังกลับสู่เรือนพัก ปล่อยให้สายลมพัดกลีบดอกเหมยโปรยปรายตามหลังอย่างเงียบงัน เงียบเช่นเดียวกับชีวิตใหม่ที่เธอเลือกเอง

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้า

ฟ้าเปลี่ยนสีหลายครั้ง ใบเหมยผลัดดอกจนเกือบร่วงหมดต้น แต่ในจวนสกุลเฟิงยังคงเงียบงันเช่นเดิม โดยเฉพาะเรือนของคุณหนูใหญ่

เฟิงเหม่ยหลินไม่ออกจากเรือนเลยแม้แต่ก้าวเดียว นางอยู่ในศาลาเงียบ ๆ บ้าง อ่านหนังสือบ้าง หรือไม่ก็เหม่อลอยมองท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมาย

ไม่มีคำสั่งวุ่นวาย ไม่มีเสียงกรีดร้อง ไม่มีของปาใส่สาวใช้ ไม่มีการเรียกร้องจะเข้าเฝ้าองค์ชายสามอีกเลย

คนในจวนพากันโล่งใจในช่วงแรกแต่เมื่อเวลาล่วงเลย ความโล่งใจนั้นกลับกลายเป็นความกังวล

“คุณหนูเปลี่ยนไปเปลี่ยนไปจนน่ากลัว” นั่นคือคำพูดของสาวใช้และคนอื่น ๆ ที่แอบกระซิบกระซาบกัน แต่เธอก็ยังได้ยิน

ภายในห้องโถงใหญ่ เสนาบดีเฟิงเจิ้นไห่นั่งไม่ติดบนเก้าอี้ไม้แกะสลัก เขาเดินวนรอบห้องอย่างกระสับกระส่าย สีหน้าหนักใจไม่เหมือนชายผู้ถืออำนาจในราชสำนัก หากเหมือนพ่อคนหนึ่งที่เป็นห่วงลูกสาวสุดหัวใจ

“เจ้าเห็นหรือไม่ นางไม่ยิ้ม ไม่พูด ไม่แม้แต่จะตำหนิสาวใช้คนใด ข้ารู้ว่านางยังมีชีวิตแต่ราวกับใจนางตายไปแล้ว”

เขาพูดอย่างร้อนรนกับชายชราในชุดขุนนาง ผู้มีหนวดเคราสีขาวและดวงตาแหลมคมที่เต็มไปด้วยความใจดี

ท่านผู้นั้นคือ ราชครูหยาง เพื่อนสนิทของเสนาบดีเฟิง ผู้สอนองค์ชายและมีตำแหน่งสูงส่งไม่แพ้กัน

“เจิ้นไห่เจ้าตามใจนางมาทั้งชีวิต นางเลยเคยมีชีวิตที่มีแต่ความเอาแต่ใจ ครั้นเจอน้ำเชี่ยวพัดเอาความมั่นใจไปทั้งก้อน จะให้ลุกขึ้นยืนเองคงยากหน่อย” ราชครูหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนตามแบบฉบับชายแก่ใจดี

“แล้วท่านคิดว่าข้าควรทำอย่างไรดี” เสนาบดีเฟิงถามเสียงแผ่ว

ราชครูหยางยิ้มบาง ดวงตาทอประกายอย่างใจเย็น ก่อนจะเอ่ยคำแนะนำ

“เปิดม่านให้แสงเข้าบ้าง จัดงานที่จวน หรือไม่ก็พานางออกไปเจอสังคม คนเราไม่อาจอยู่ในเปลือกได้ตลอดกาล”

และนั่นจึงนำไปสู่ค่ำวันต่อมา ในเรือนของคุณหนูเฟิง

เฟิงเหม่ยหลินนั่งอ่านหนังสืออยู่เช่นเคย แต่ครั้งนี้พ่อของเธอกลับมาพร้อมดวงตาแดงเรื่อ ไม่ใช่จากโทสะแต่จากการพยายามกลั้นน้ำตา

“หลินเอ๋อร์”

เสียงเรียกที่อ่อนโยนจนเธอที่ฟังต้องวางหนังสือลง แล้วเงยหน้าสบตาคนเรียก

“พ่อขอเจ้าแค่เพียงหนึ่งอย่าง แค่ไปออกงานเลี้ยงด้วยกัน พ่ออยากให้เจ้าหัวเราะอีกครั้ง พ่ออยากเห็นเจ้ามีชีวิต ไม่ใช่แค่หายใจ”

ดวงตาของชายผู้มีอำนาจที่สุดในราชสำนักสั่นระริก เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ลูบมือลูกสาวเบา ๆ อย่างคนที่กลัวจะเสียเธอไปอีกครั้ง

เฟิงเหม่ยหลินชะงัก เธอไม่อยากไป ไม่อยากพบใคร ไม่อยากเดินเข้าสู่เส้นเรื่อง เธอแค่อยากอยู่เงียบ ๆ แบบนี้จนกว่าทุกอย่างจะผ่านไป แต่เมื่อสบตาพ่อของเธอ พ่อคนนี้ไม่ใช่ตัวละครอีกต่อไป แต่คือพ่อที่รักลูกสาวมาก ๆ คนหนึ่ง

เธอสูดลมหายใจเข้าเบา ๆ แล้วพยักหน้าช้า ๆ

“เจ้าคะ ข้าจะไป”

และในคืนนั้นหลังจากเธอตอบตกลงข่าวการปรากฏตัวของคุณหนูเฟิงที่ห่างหายจากสังคมไปหนึ่งเดือนเต็ม ก็กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในหมู่ขุนนางและบรรดาคุณหนูคุณชายจากทั่วทั้งเมืองหลวง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางร้ายอย่างข้าขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ เถอะ   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายหลายปีผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิหมุนเวียนมาอีกครั้ง แต่จวนแม่ทัพกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ดังไปทั่วทั้งสวน ลูกชายคนโตของซูหมิงเฉินและเฟิงเหม่ยหลินอายุสิบสามปีแล้ว รูปร่างสูงโปร่ง ดวงตาคมดุดันถอดแบบจากพ่อทุกกระเบียดนิ้ว ขณะนี้กำลังยืนอยู่กลางลานฝึกดาบ ใบหน้าจริงจังไม่ต่างจากตอนหมิงเฉินยังเป็นแม่ทัพหนุ่มหมิงเฉินในชุดฝึกยืนประจันหน้าลูกชาย มือใหญ่ถือดาบไม้ ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความเข้มงวด “จับดาบให้มั่น อย่าปล่อยให้ศัตรูเห็นความลังเลของเจ้า”เด็กหนุ่มยกดาบขึ้นอย่างมั่นคง ก้าวเท้าเข้าโจมตีด้วยท่วงท่าที่เปี่ยมพลัง เสียงฟันดาบไม้เสียงดัง ก่อนหมิงเฉินจะเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มพึงพอใจฉายบนใบหน้าเข้ม “ดีขึ้นมาก อีกไม่นานเจ้าจะใช้ดาบได้เฉียบคมยิ่งกว่าพ่อ”กลางศาลา เฟิงเหม่ยหลินนั่งจิบชาพร้อมลูกสาววัยสิบขวบที่ฉลาดและแสนซน ดวงตากลมโตเปล่งประกาย รอยยิ้มและความเจ้าเล่ห์เหมือนแม่ เธอนั่งมองพี่ชายฝึกดาบ พลางเอ่ยถามเสียงใส “ท่านแม่ เมื่อไรข้าจะได้ฝึกดาบกับพ่อเหมือนท่านพี่บ้าง”เฟิงเหม่ยหลินยิ้มบาง ลูบผมนุ่มของลูกสาวเบา ๆ “เจ้าฉลาดพอ ๆ กับแม่แล้ว ฝึกดาบคงไม่ใช่สิ่งที่เจ

  • นางร้ายอย่างข้าขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ เถอะ   ตอนที่ 73 ลูกสาวแม่ทัพ

    ตอนที่ 73 ลูกสาวแม่ทัพยามค่ำในฤดูใบไม้ผลิ จวนแม่ทัพถูกปกคลุมด้วยความตึงเครียดและความตื่นเต้นอีกครั้ง เมื่อเสียงฝีเท้าบ่าวไพร่ดังเร่งรีบไปมาหน้าห้องคลอด บรรยากาศวันนี้ไม่ต่างจากวันที่ลูกชายคนโตลืมตาดูโลกซูเยี่ยนที่ท้องอ่อนยืนพิงอี้เหิง มือหนึ่งจับท้องของตน อีกมือกุมมือสามีแน่นอย่างลุ้นไปพร้อมกับเพื่อนรักเหวินซียืนอยู่ไม่ไกล มือถือพัดแต่พัดแรงจนเส้นไหมขาดเล็กน้อย สีหน้าแสดงถึงความตื่นเต้นสุดขีดองค์รัชทายาทมานั่งจิบชาช้า ๆ ที่โต๊ะไม้ข้างทางเดิน ที่เก้าอี้ข้าง ๆ พระองค์มีเด็กชายสองคนนั่งกินขนมอยู่อยู่ นั่นคือลูกชายของเหม่ยหลินกับซูเยี่ยน พระองค์มองไปที่เด็กชายทั้งสองพร้อมยิ้มบาง ๆก่อนจะหันไปกล่าวล้อ “ข้าว่าแม้คราวนี้เป็นลูกคนที่สอง แต่บรรยากาศไม่ต่างจากครั้งคนแรกเลย ยิ่งกว่านั้นพวกเจ้าดูตื่นเต้นกว่าเดิมเสียอีก”ภายในห้องคลอด แสงตะเกียงสว่างไสว หมิงเฉินนั่งอยู่ข้างเตียง กุมมือเฟิงเหม่ยหลินแน่นเหมือนเดิม ดวงตาคมลึกเต็มไปด้วยความกังวลและความรักที่ไม่เคยจางหายเฟิงเหม่ยหลินแม้จะเหนื่อยหอบแต่ยังคงดวงตาคมที่เด็ดเดี่ยว เธอบีบมือสามีแน่น เสียงแผ่วแต่ชัดเจน “ครั้งนี้ ท่านก็ยังไม่ยอมออกไปเหมื

  • นางร้ายอย่างข้าขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ เถอะ   ตอนที่ 72 ลูกชายแม่ทัพ

    ตอนที่ 72 ลูกชายแม่ทัพภายในห้องพักของฮูหยินแม่ทัพ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ เฟิงเหม่ยหลินนอนพิงหมอนนุ่ม ใบหน้างดงามแม้ยังซีดเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า แต่ดวงตาคมเต็มไปด้วยประกายแห่งความรักเมื่อมองลูกชายตัวน้อยที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของหมิงเฉินหมิงเฉินในชุดแม่ทัพลำลอง นั่งอยู่ข้างเตียงอย่างมั่นคง มือใหญ่ประคองลูกชายด้วยความทะนุถนอมราวกับของล้ำค่าที่สุดในโลก ดวงตาคมที่มักเด็ดขาดและแข็งกร้าวบนสนามรบ วันนี้กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยนซูเยี่ยนกับเหวินซียืนอยู่ปลายเตียง น้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ ซูเยี่ยนกระซิบกับเหวินซี “ดูสิ…หมิงเฉินอุ้มลูกเหมือนกลัวว่าลมจะพัดแรงไปหน่อยก็จะทำให้เจ้าตัวเล็กเจ็บ”เหวินซีหัวเราะเบา ๆ “ถ้ามีใครบอกว่านั่นคือแม่ทัพที่น่าเกรงขามที่สุดในแผ่นดิน ข้าคงไม่เชื่อถ้าไม่ได้เห็นกับตา”อี้เหิงก้าวเข้ามาใกล้ เอ่ยยิ้ม ๆ “ข้าขออุ้มหลานได้หรือไม่แม่ทัพซู”หมิงเฉินหันมามองด้วยสายตาที่แม้ไม่ดุดันแต่ก็เต็มไปด้วยความระแวดระวัง เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ยื่นลูกชายให้อี้เหิงอย่างช้า ๆ พร้อมกับกำชับเสียงทุ้มต่ำ “ระวังหัว ระวังตัวเขาด้วย ถ้าเจ้าทำให้เขาเจ็บแ

  • นางร้ายอย่างข้าขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ เถอะ   ตอนที่ 71 ตอนรับสมาชิกใหม่

    ตอนที่ 71 ตอนรับสมาชิกใหม่ยามบ่ายในจวนแม่ทัพ แสงแดดลอดผ่านม่านผ้าไหมสีอ่อนเข้ามาในห้องนั่งเล่น กลิ่นดอกเหมยหอมอ่อน ๆ ลอยฟุ้ง ซูเยี่ยนกับเหวินซีเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใส ตามหลังมาด้วยองค์ชายสามอี้เหิงที่ถือห่อผ้าไหมซึ่งมีของขวัญสำหรับทารกน้อย และองค์รัชทายาทที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายเฟิงเหม่ยหลินนั่งพิงหมอนบนเก้าอี้ไม้สลักลายมังกร มือเรียววางบนหน้าท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวัน เมื่อเห็นเพื่อนสนิทเข้ามา ดวงตาคมก็อ่อนลงทันทีซูเยี่ยนรีบเดินเข้ามานั่งข้างเธอ มือเรียวลูบหน้าท้องเบา ๆ ดวงตาเป็นประกายตื่นเต้น “พี่สะใภ้ อีกไม่นานเจ้าก็จะได้เป็นแม่คนแล้ว ข้าตื่นเต้นแทนเจ้าจริง ๆ”เฟิงเหม่ยหลินยกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยความสนิทสนม “ถ้าเจ้าตื่นเต้นนัก ก็รีบแต่งกับองค์ชายสามเสียสิ แล้วรีบมีลูก ลูก ๆ ของข้ากับเจ้าจะได้โตมาเป็นเพื่อนเล่นกัน”ซูเยี่ยนหน้าแดงวูบทันที ก่อนจะหันไปมองอี้เหิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างเขินอาย “ข้า” เสียงเธอสั่นเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันพูดต่ออี้เหิงก็หัวเราะเบา ๆ พร้อมก้าวมานั่งฝั่งตรงข้าม ดวงตาคมเป็นประกายระหว่างมองซูเยี่ยนกับเฟิงเหม่ยหลิน “

  • นางร้ายอย่างข้าขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ เถอะ   ตอนที่ 70 จบสงครามด้วยจดหมายฉบับเดียว

    ตอนที่ 70 จบสงครามด้วยจดหมายฉบับเดียวคืนนั้น หลังการกวาดล้างเสร็จสิ้น เฟิงเหม่ยหลินนั่งอยู่ในห้องลับของจวนแม่ทัพ มือเรียวเขียนจดหมายลงบนกระดาษอย่างใจเย็น“ถึงผู้นำกองกำลังตะวันออก ข้าคือเฟิงเหม่ยหลิน ฮูหยินแม่ทัพซู ข้าทราบว่าแผนของพวกท่านคือการใช้จังหวะที่ราชสำนักวุ่นวายเพื่อบุกเมืองหลวงหากพวกท่านยังไม่หยุดแผนนี้ ข้าจะสั่งให้ทางเมืองตะวันออกที่ข้าเคยเดินทางไป ใช้ไฟเผาทุกเส้นทางและป่าที่เป็นเสบียงของพวกท่านให้หมด ข้าสอนพวกเขาแล้วว่าจะหยุดไฟป่าไม่ให้ลามมาถึงบ้านเมืองของตนเองอย่างไร แต่ข้าไม่ได้สอนว่าจะหยุดไฟที่ไหม้ดินแดนของพวกท่านอย่างไรถ้าไม่อยากเห็นแผ่นดินของท่านกลายเป็นทะเลเพลิง ให้ถอนกองกำลังและลืมแผนการนี้ซะ”หมิงเฉินก้าวเข้ามาในห้องเงียบ ๆ เขาอ่านข้อความในจดหมาย สายตาคมจ้องภรรยาที่กำลังเขียนเสร็จ ก่อนจะยิ้มบางและพูดเสียงทุ้ม “ข้าบอกแล้ว เจ้าร้าย แต่ร้ายถูกที่เสมอ”เฟิงเหม่ยหลินพับจดหมายอย่างสงบ ดวงตาคมหันมาสบสายตาสามี “ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายความสงบของแผ่นดินนี้ และจะไม่ให้ใครพรากความสงบสุขของเราสองคนไปอีก”หมิงเฉินเดินเข้ามากอดร่างบอบบางไว้แน่น กระซิบเสียงหนักแน่น “ข้าจะจัดก

  • นางร้ายอย่างข้าขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ เถอะ   ตอนที่ 69 ปิดฉากพวกกบฏ

    ตอนที่ 69 ปิดฉากพวกกบฏค่ำคืนหนึ่งหลังการวางแผนลับ ห้องลับในวังหลวงถูกใช้เป็นจุดเริ่มต้นของปฏิบัติการ เฟิงเหม่ยหลินนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ มือเรียววางพัดพู่กันลงบนโต๊ะอย่างสงบ แต่ในดวงตาคมกริบส่องแสงเย็นชาที่ทำให้ทุกคนในห้องสัมผัสได้ถึงพลังของผู้ล่าหมิงเฉินยืนอยู่ด้านหลังเธฮ แขนแข็งแรงพาดไว้บนอก สีหน้าสงบนิ่งแต่ดวงตาคมลึกจับจ้องเธอด้วยรอยยิ้มบางอย่างภาคภูมิใจและหวงแหน เขาเคยพูดกับเธอครั้งหนึ่ง “เจ้าร้าย แต่ร้ายอย่างถูกที่ และนั่นทำให้เจ้าหยุดยั้งสิ่งที่ไม่มีใครทำได้” และคืนนี้ เขาได้เห็นว่าคำนั้นเป็นความจริงองค์รัชทายาทนั่งข้าง ๆ องค์ชายสาม ขณะฟังเฟิงเหม่ยหลินอธิบายแผนการอย่างละเอียดบนแผนที่“พวกมันคิดจะโค่นราชสำนักโดยใช้กองกำลังของแคว้นชิงลู่ ก็ดี” เธอกล่าวเสียงเรียบแต่เฉียบคม “ข้าจะปล่อยข่าวว่าหนึ่งในสามตระกูลที่สมรู้ร่วมคิดมีแผนจะหักหลังอีกสองตระกูล และเตรียมเจรจาลับกับแคว้นชิงลู่เพื่อตัดพวกมันออกจากข้อตกลง”องค์ชายสามหัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้า “พวกนั่นจะกัดกันเอง จนไม่มีใครไว้ใจใคร”เฟิงเหม่ยหลินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ใช่ ข้าจะให้พวกมันทำลายกันเองโดยที่เราไม่ต้องเสี่ยงแม้หยดเลือดเดียว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status