หนึ่งเดือนผ่านไป
เวลาเลิกเรียน ร่างระหงของว่านฉีฉีเดินออกจากห้องเรียนพลางถือกระเป๋านักเรียนเหวี่ยงไปทางด้านหลัง หญิงสาวยังคงเดินกินลูกอมไปตลอดทางโนสนโนแคร์มนุษย์เพื่อน และมนุษย์ครูรอบข้างที่หันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน วันนี้เธอถูกอาจารย์ประจำชั้นลงโทษให้อยู่ทำเวรคนเดียวเพราะเถียงอาจารย์ประจำชั้นในวิชาประวัติศาสตร์ ว่าข้อมูลที่นำมาสอนในชั้นเรียนนั้นไม่ถูกต้องทำให้คนรุ่นหลังเข้าใจผิดและบอกว่า “ครูสอนมั่ว” คำว่า “ครูสอนมั่ว” ที่ยืนกรานพูดออกไปก็เลยเจอดีถูกทำเวรคนเดียวยาวไป จึงทำให้หญิงสาวกว่าจะได้ออกจากห้องเรียนก็เกือบห้าโมงครึ่งเข้าไปแล้ว ในขณะที่กำลังจะก้าวเดินลงบันได พรืดดด!!!! มือของใครบางคนตรงเข้าจับคอเสื้อของเธอทางด้านหลังพร้อมตรงเข้ากระชากร่างและพยายามปิดปากลากร่างของเธอก้าวขึ้นบันไดชั้นบนซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้าของอาคารเรียนหลังนั้น ตุบ!!! กระเป๋าหนังสือหล่นตกพื้นและถูกกลุ่มคนใช้เท้าเหยียบเดินขึ้นบันไดไปอย่างไม่สนใจ ผลั่ก!!! ร่างของเธอถูกเหวี่ยงออกไปอย่างแรงจนกระแทกกับขอบกำแพงของอาคารตัวตึก ซึ่งความสูงของกำแพงปูนนั้นไม่ได้ช่วยป้องกันความปลอดภัยได้เลยตรงกันข้ามตกตึกตายก่อนละสิไม่ว่า เหวออออ!!! ว่านฉีฉีอุทานออกมาพร้อมยั้งตัวเองเอาไว้ได้ทัน เพราะแรงเหวี่ยงทำให้ร่างของเธอถลำออกนอกกำแพงไปค่อนครึ่งลำตัวเกือบตกตึกมะร่อมมะร่อ “ให้ตายเถอะนี่เล่นแรงกันขนาดนี้เลยเหรอ!!!”หญิงสาวฉุนจัดเพราะถูกกระทำเช่นนั้น ควับ!!! ว่านฉีฉีหันหน้ากลับไปมองเพื่อเอาเรื่องคนที่พยามยามทำร้ายเธอและพบว่า ผู้ชายตัวใหญ่ ตัวผอม ตัวสูงและตัวเตี้ยมีปะปนกันไปนับรวมแล้วห้าคนยืนจังก้ามองเด็กสาวอยู่ในเวลานั้น “พวกแกเป็นใคร! มาทำฉันแบบนี้ต้องการอะไรไม่ทราบ!”หญิงสาวตวาดถามกลับไปอย่างไม่กลัว รอยยิ้มเหยียดเกิดขึ้นบนใบหน้าของกลุ่มผู้ชายหน้าตาน่ากลัวทั้งห้าคน เมื่อได้ยินเด็กสาวถามกลับมา “จะอยากรู้ไปทำไม! มีแค่พวกเรารู้ก็พอแล้วว่าเธอเป็นใครก็พอ”เสียงของหนึ่งในกลุ่มคนทั้งห้าพูดขึ้น “เฮ้ย!..พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก พูดมาได้อย่างไงประโยคเสร่อๆ แบบนี้ไม่เข้าท่าเลย นักเลงตัวจริงเขาไม่พากันทำอะไรแบบนี้หรอก โดยเฉพาะทำกับผู้หญิง นี่ลุงๆ ทั้งหลาย ถามจริงเหอะแก่จะตายอยู่แล้วยังมีแรงวิ่งหนีตำรวจอีกเหรอ แล้วนี่ต้องการอะไรถึงจับมาอยู่บนนี้เดี๋ยวก็ออกจากตึกไม่ได้กันหมดทุกคนหรอก”ว่านฉีฉีพูดเตือน คำว่า “ลุง” ได้ยินแล้วก็โคตรเจ็บ แต่ละคนรับไม่ได้เพราะว่ากลัวแก่กันทั้งนั้น “แหม..ดูมันด่าซะเสียเลย เรียกลุงได้อย่างไงเพิ่งจะสามสิบต้นๆ กันทั้งนั้น ไอ้เด็กปากเสีย!”กลุ่มคนกลัวแก่เถียงเด็กกลับคอเป็นเอ็น “เอ้า! แล้วฉันพูดผิดตรงไหน อายุตั้งปูนนี้แล้วถ้าเทียบกับเด็กอายุ 18 อย่างฉัน ก็ลุงดีๆ นี่เองแหละ..แล้วนี่ถามจริงเหอะไม่แนะนำตัวทำความรู้จักกันหน่อยเลยเหรอ มีอะไรพอช่วยเหลือกันได้ก็จะได้พึ่งพากันอย่างไงเล่า”หญิงสาวยื่นข้อเสนอ “ไม่จำเป็น!!!”เสียงผู้หญิงดังขึ้นอยู่ทางด้านหลังของกลุ่มผู้ชายทั้งห้า ก่อนจะก้าวเดินออกมาหยุดยืนอยู่แถวหน้าสุด “นี่เธอ!...”หญิงสาวพูดพลางมองผู้หญิงตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “ทำไมเหมือนรู้สึกเคยเห็น แต่จำไม่ได้เลยแฮะ”ว่านฉีฉีบ่นในใจ “จำฉันไม่ได้เหรอ”ผู้หญิงตรงหน้าถามเสียงห้วน “ไม่ได้! จะไปตรัสรู้ได้อย่างไงว่าใครเป็นใครเพิ่งจะมาเรียนที่นี่ได้เดือนเดียว อะไรจะอัจฉริยะพกพาชิพความจำไว้ในสมองด้วยแหละยะคุณเธอ”ว่านฉีฉีตอบกวนประสาท ผู้หญิงตรงหน้าถลึงตาขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหา “ฉันก็คือคนที่เธอเอากระดาษของไอ้ผู้ชายเฮงซวยมายัดใส่ในมืออย่างไงละ”เสียงตอบห้วนบอกถึงความโกรธ ว่านฉีฉีถึงกับบางอ้อ จดจำขึ้นมาได้ทันทีพลางส่งเสียงหัวเราะร่วนเป็นการใหญ่ “เอ้าเหรอ! นี่เธอเองหรือเนี่ย...โทษทีนะวันนั้นเห็นผ่านๆ ก็เลยจำไม่ได้ว่าเป็นคนที่ฉันให้กระดาษโน้ตสื่อความรัก แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นทำไมต้องขนนักเลงแก่ๆ พวกนี้มาที่โรงเรียนและพาฉันมาที่นี่ทำไม”ว่านฉีฉีถามอย่างสงสัยพลางยกนิ้วชี้ไปทางกลุ่มนักเลงทั้งห้าคนอย่างไม่ใส่ใจ “ถามว่าพามาทำไมอย่างนั้นเหรอ...ก็พามาเพื่อให้แกได้รับเหมือนกับที่ฉันเคยได้รับจากไอ้ผู้ชายเฮงซวยทำกับฉันบนดาดฟ้านี้อย่างไงละ ถ้าไม่ใช่เพราะแกเอาข้อความบ้าๆ นั้นมายัดเยียดให้ ฉันก็จะไม่ถูกหลอกให้พวกมันกับเพื่อนมารุมกระทำย่ำยีและถ่ายคลิปแบลกเมล ขู่เรียกเอาเงินกับฉันมาให้พวกมัน นางเหนียงเหนียงจะเอาคลิปลงประจานในเวบโป๊ถ้าฉันไม่ให้เงินพวกมันตามที่ร้องขอ” ว่านฉีฉีพยักหน้าขึ้นลง เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงตรงหน้า “ออ...ฉันเข้าใจแล้ว..และเข้าใจความรู้สึกของเธอด้วย...แต่ว่า...คนที่เธอต้องจัดการก็คือคนพวกนั้นไม่ใช่เหรอ แล้วมาเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยละ หรือเธอคิดว่าฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการเลวๆ ของพวกมัน!”หญิงสาวถามกลับไป “ใช่! แกสุมหัวร่วมมือกับพวกมันเพื่อทำลายฉัน เพราะแกรู้ว่าฉันเป็นใคร! ยังจะมีหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก!!!!”เด็กสาวตรงหน้าตวาดใส่หน้าจนสุดเสียง ว่านฉีฉีหลับตาลงทันทีเพราะเจ้าหล่อนเล่นตวาดจนน้ำลายพ่นถูกใส่หน้าเธอ สองมือยกขึ้นกอดอกพลางลืมตาขึ้น “นี่จะบอกอะไรให้หายโง่นะแม่คุณ...สมองนะ..หัดกินปลาเสียบ้างจะได้คิดอะไรอย่างคนมีเหตุมีผล วันนั้นฉันเพิ่งมาเรียนที่โรงเรียนนี้เป็นวันแรกนะเว้ย ไม่มีเพื่อน ไม่รู้จักใครที่ไหนเลยสักคน แต่ยอมรับว่าผิดที่เอากระดาษโน้ตบ้านั่นมาให้เธอ แต่สาบานได้เลยนะว่าฉันไม่รู้จักและสนิทสนิมกับคนพวกนั้นมาก่อนเลย เพราะฉะนั้นเธอต้องแยกแยะให้ออกด้วยนะ” คำอธิบายของว่านฉีฉีมีเหตุผลที่น่ารับฟัง แต่ขึ้นชื่อว่าจะไม่ฟังเสียอย่างใครจะทำไม “เชื่อแกก็โง่แล้วนางว่านฉีฉี แกรู้ว่าฉันคือหวงเจียวจิน พ่อขอฉันคือหวงจ้านเซี่ย พ่อของแกกับพ่อของฉันใครๆ ก็รู้ทั้งเมืองเซี่ยงไฮ้ว่าเป็นอย่างไง ฉันก็เหมือนกับแกที่ถูกส่งมาเรียนต่างเมืองเพื่อความปลอดภัย แต่เพราะการกระทำของแกทำให้ฉันกำลังถูกเปิดเผยตัวตนว่าอยู่ที่ไหน และถ้าหากพ่อของฉันรู้จะต้องเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น กฎของเจ้าพ่อมาเฟียแกรู้ดีไม่ใช่เหรอนางฉีฉี ว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน แกทำอะไรกับฉันก็จะต้องได้รับผลตอบแทนไม่ต่างกัน”หวงเจียวจินพูดลอดไรฟัน “เฮ้ย! จะบ้าเหรอ..ตรรกะวิบัติบ้าบออะไรของเธอเนี่ย...ฉันไม่เคยรู้ความเป็นมาของเธอเลยนะว่าเป็นใครมาจากไหน อีกอย่างฉันย้ายโรงเรียนมาจนนับไม่ถ้วนแล้ว ไม่เสียเวลาคบหาเพื่อนสนิทหรอกนะ และไอ้ความคิดห่วยๆ ที่เธอกล่าวหาฉัน ขอบอกเลยนะว่าคนอย่างว่านฉีฉี ไม่ทำหรอกเว้ย ถ้าอยากจะมีเรื่องซัดกันตรงๆ เลย จะเล่นละครทำเพื่อ!!!”หญิงสาวพูดตอกหน้ากลับไป “ยังไม่ยอมรับอีกเหรอนางหน้าด้าน!!!”หวงเจียวจินตวาดใส่หน้า “เออสิวะ! ไม่ยอมรับเว้ย..มีอย่างที่ไหนคิดเอง เออเอง สรุปเอาเอง..บ้าหรือเปล่าเนี่ย แล้วจะบอกอะไรให้นะ ฉันก็ไม่ได้มาอยู่เมืองนี้ตามลำพังหรอกนะ แน่นอนว่าลูกสาวเจ้าพ่ออย่างฉันจะต้องมีบอดี้การ์ดอารักขา เพราะฉะนั้นอย่าเสี่ยงดีกว่านางเตี้ย!!!”หญิงสาวตอกหน้าหวงเจียวจินกลับไปในลักษณะเด่นของคนตรงหน้า ที่มีความสูงคาดว่าไม่ถึง 155 เซนติเมตรเสียด้วยซ้ำ “ปากดีหนักนะนางฉีฉีคงคิดว่าพวกบอดี้การ์ดของแกจะมาช่วยเหรอ...ฝันไปเถอะ เพราะว่าฉันหลอกพวกมันให้ไปกินหม้อไฟ อ้างชื่อแกว่าอุตส่าห์จองโต๊ะเอาไว้ให้เพื่อจะเลี้ยงฉลองวันเกิดอายุครบ 18 ปีของแกวันนี้ และเลี้ยงฉลองที่คนอย่างแกสามารถอยู่เรียนที่นี่ครบหนึ่งเดือนไม่ถูกไล่ออกไปเสียก่อนเหมือนที่อื่นๆ อย่างไงละ”หวงเจียวจินพูดพลางส่งเสียงหัวเราะร่วนในความฉลาดของตัวเอง “โอโห่! ทำกันแบบนี้เลยเหรอ...แสนรู้เหมือนหมาเลยนะพันธุ์อะไรเหรอเรานะ”ว่านฉีฉีด่าเหน็บกลับไป “แก!!!”หวงเจียวจินตวาดด้วยความโกรธ “เออ...ทำไม...พูดตรงอะดิ ได้ยินดิ้นใหญ่เลยเหมือนหมาถูกน้ำร้อน”ว่านฉีฉีด่าสาดไม่ยั้ง คำพูดด่าทอของว่านฉีฉี ทำให้ลูกสาวเจ้าพ่อจากตระกูลหวง ตัวและหน้าสั่นกระพือชนิดที่ว่าคิดหาคำด่ากลับแทบไม่ทัน “จะพากันยืนเซ่ออยู่ทำไม! จัดการมันเสียสิ..อยากทำอะไรมันก็ทำ..ฉันจะยืนรอคลิปที่พวกแกถ่ายเสร็จแล้วอยู่ตรงนี้”หวงเจียวจินพูดพลางยืนพิงขอบกำแพงชั้นดาดฟ้า “จัดให้เลยครับคุณหนู...รับรองว่าว่านตงหัวได้เห็นคลิปลูกสาวของมันที่ถูกส่งไปให้ดูจะต้องเป็นบ้าขึ้นมาเลยแน่นอน”พูดพลางส่งเสียงหัวเราะร่วนเป็นการใหญ่ “เฮ้ย! พวกเอ็งเล่นนางเด็กปากดี เอาให้ครบทุกท่ายากเลยนะเว้ย ไม่ต้องยั้งมือคลิปยาวยิ่งได้ราคางาม เวลาถ่ายคลิปเอาแสงมาช่วยด้วยจะได้แจ่มๆ ชัดๆ หน่อย ตอนนี้เริ่มจะมืดแล้วโชคยังดีที่วันนี้เป็นวันเทศกาลหยวนเซียว พระจันทร์ก็เลยเห็นเต็มดวงตั้งแต่ยังไม่หกโมง ถึงจะเห็นอะไรชัดแต่ก็ต้องใช้แสงเพราะถ่ายคลิปมันก็มืดอยู่ดี”หัวโจ๊กของกลุ่มบอกพวกพ้อง ลูกน้องของหวงเจียวจินเดินย่างสามขุมเข้ามาหาว่านฉีฉีอย่างย่ามใจ ร่างระหงของเด็กสาววัยสิบเจ็ดตรงหน้าคือเป้าหมายที่จะต้องลงมือจัดการตามคำสั่งของคุณหนูพวกมัน แต่แล้วทั้งหมดเริ่มรู้สึกว่ารอบตัวกลับมืดลงอย่างรวดเร็วจนผิดสังเกต ต่างพากันแหงนหน้ามองขึ้นท้องฟ้ากันทั้งหมด “จันทรุปาราคา!!!”แต่ละคนส่งเสียงออกมาพร้อมกันไม่เว้นแม้แต่ว่านฉีฉีบริเวณลำธาร ว่านฉีฉีวิ่งหนีเตลิดออกมาจากนอกกระโจมอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะมาหยุดยืนมองสายน้ำตรงหน้าที่ใสราวกระจก บริเวณลำธารมีหินน้อยใหญ่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมากมาย น้ำตกไหลตรงหน้ามีสายธารามาจากที่สูงลงมาเบื้องล่างท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่มากมายที่เกิดขึ้นล้อมรอบ ซึ่งบริเวณดังกล่าวที่หญิงสาวเห็นในยุคปัจจุบันก็คือพื้นที่หลังสถาบันที่มีเจดีย์โบราณเกิดขึ้น แต่ในยุคอดีตยังเป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติปกคลุมไปทั่ว “โอโห่สวยจังแฮะ! มีน้ำตกด้วย น้ำใสแจ๋วเลย”หญิงสาวพูดออกมาอย่างลืมตัวก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ากำลังหนีผู้ชายหน้าตาหล่อโคตรๆ แต่กลับแต่งกายประหลาดเหมือนกำลังถ่ายละครย้อนยุค “แย่แล้วฉีฉี...ต้องรีบหนีอีตาผู้ชายหื่นกามคนนั้นให้พ้น คนอะไรก็ไม่รู้มองอย่างกับจะกลืนกินเราเข้าไปได้ทั้งตัวเลย”หญิงสาวบ่น ว่านฉีฉีรีบถลกผ้าห่มเดินลุยสายน้ำในลำธารมุ่งหน้าไปทางขอบน้ำตกที่เธอเห็นโพรงคล้ายถ้ำอยู่ภายใน หญิงสาวแทบอยากจะทิ้งผ้าห่มที่กำลังคลุมร่างเธอลงเสียให้ได้เพราะพอมันถูกน้ำแล้ว ทำให้เธอต้องแบกน้ำหนักของผ้าห่มไปกับตัวเองด้ว
ยามอู่ว่านฉีฉีลูกสาวเจ้าพ่อจากเมืองเซี่ยงไฮ้ในยุคอนาคต ยังคงนอนหลับใหลอยู่บนฟูกนอนอันหนานุ่ม กายงามยังคงนอนเปลือยเปล่าไร้สิ้นอาภรณ์ห่อหุ้ม ผมสีดำยาวสยายเต็มหมอนหนุน หลังจากร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ความรู้สึกและสติของว่านฉีฉีก็เริ่มเกิดขึ้นมาอย่างช้าๆร่างเริ่มเคลื่อนไหวไปมา ใบหน้าเหยแกด้วยรู้สึกเจ็บระบมไปหมดทั่วทั้งร่างกายอย่างไม่เคยรู้สึกเป็นเช่นนี้มาก่อน เปลือกตาค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาสีดำกลมโตจับจ้องอยู่แต่เพดานที่ทำจากผ้าเนื้อหยาบอยู่ชั่วขณะ“นี่เรามาออกเที่ยวเดินป่าอีกแล้วเหรอ จำได้ว่าไม่ได้มีแผนเดินป่าที่ไหนเลยนะ แล้วมานอนอยู่ในเต๊นท์ผ้าของใครกันละเนี่ย”หญิงสาวพึมพำอย่างสงสัยพร้อมหยัดกายลุกขึ้นมานั่งบนฟูกนอนแปลบบบ!!! อาการเจ็บเสียวปลาบเกิดขึ้นบริเวณท้องน้อยและตรงหว่างขาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของลูกผู้หญิงโอ้ยยยย!!! ว่านฉีฉีส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดแปลบไปทั่วกายซึ่งกำลังส่งผลอยู่ในเวลานี้หญิงสาวจดจำอะไรไม่ได้เลยว่าได้ผ่านการเสพสังวาสกับแม่ทัพเฉียนฉินเมื่อคืนที่ผ่านมาอย่างสาหัสสากรรจ์เลยทีเดี
ยามเหม่า กระโจมแม่ทัพ ภายในกระโจมของหลี่เหวินฉางเวลานี้ร่างเปลือยของว่านฉีฉีนอนหมดเรี่ยวแรงอยู่ภายในอ้อมกอดของแม่ทัพปีศาจ ร่างใหญ่โตบดบังร่างงามเอาไว้จนมิด ท่อนแขนกำยำอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อกอดร่างของฉีฉีเอาไว้กับอกกว้างใหญ่ของเขาอย่างหวงแหน แม่ทัพเฉียนฉินร่วมรักเสพสวาทกับว่านฉีฉีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กลืนกินอย่างหื่นกระหาย ชำเรารักนางอย่างบ้าคลั่งแต่นางกลับตอบโต้และรับมือเขาได้อย่างเผ็ดร้อนถึงพริกถึงขิง สตรีพรหมจรรย์ไม่เคยมีประสบการณ์แต่สามารถรับมือแม่ทัพปีศาจผู้เจนสงครามราคะในระดับปรมาจารย์นี้ได้อย่างชะงักงัน และนางยังสามารถทำให้แม่ทัพปีศาจกลืนกินนางแทนที่จะสูบพลังชีวิตเข้าไป เป็นสตรีคนแรกที่ยังคงมีชีวิตอยู่จนรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับเสียงเรียกของมู่เฉิน “ท่านแม่ทัพขอรับ! ท่านแม่ทัพ!”มู่เฉินส่งเสียงร้องเรียกดังอยู่ด้านนอกกระโจม เหวินฉางที่เพิ่งจะหลับใหลไปด้วยความอ่อนแรงได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และพบว่าแสงสีทองของดวงอาทิตย์กำลังโผล่พ้นจากขอบฟ้าขึ้นมาบ้างแล้ว &
“โอวว….ซี้ดดด..โอยยย…อูวววว” หญิงสาวแอ่นอกชูชันขันรับความเสียวซ่านจนขนทั่วกายลุกเกรียว แม่ทัพหนุ่มใช้ลิ้นสากโลมเลียมาถึงเนินสวรรค์ ก่อนจะใช้นิ้วแหวกกลีบดอกไม้งามออกกว้าง ร่องสวรรค์ของแม่สาวน้อยสีแดงแจ๋ เม็ดบัวยื่นออกมาน่าดูดน่าเม้มเสียเหลือเกิน แม่ทัพปีศาจซุกใบหน้าใช้ลิ้นสากของเขาเลียร่องสวรรค์อย่างหิวกระหาย ลากขึ้นลากลง คว้านซ้ายและขวาและห้อลิ้นแทงเข้าร่องสวรรค์อย่างเมามัน จนร่างงามบิดเร้าไปมาเส้นผมยาวสลวยกระจายไปมาอย่างไร้ทิศทาง ว่านฉีฉีเสียวซ่านจนกายงามสั่นระริกเพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ในเวลานี้ไอปีศาจที่อยู่ในกายเริ่มอ่อนกำลังลง มือเรียวกำเส้นผมของตัวเองเอาไว้จนแน่นเลยทีเดียว ยิ่งโดนลิ้นสากโลมเลียเข้าไปแม่สาวน้อยก็เกร็งเด้งเอวส่ายร่อนไปมาตอบโต้ตามสัญชาติญาณทางธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว “ซี้ด…ทนไม่ไหวแล้ว…อูววววว”หญิงสาวครางเสียงกระเส่า “โอววว…ซี้ดดดด...โอวว..อย่า…ซี้ดดด..อย่า....อูยยยย..” เธอเปล่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่านเมื่อโดนนิ้วแทงร่องสวรรค์ซอยเข้าซอยออกอย่างถี่ยิบ จนเกร็งตัวสุดๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายออกมาเป็นสายธาราไหลเนืองนอง ก่อนจะถู
กระโจมแม่ทัพเฉียนฉิน ตุบ!!! ร่างของว่านฉีฉีถูกนำมาวางไว้บนฟูกนอนที่ยัดด้วยขนห่านอันหนานุ่ม หญิงสาวยังคงนอนไม่ได้สติอยู่เหมือนเดิมโดยมีสายตาของหลี่เหวินฉางยืนมองร่างของเธออย่างสงสัย “ปีศาจสาวตนนี้เหตุใดสวมอาภรณ์ประหลาดชอบกลนัก แดนปีศาจนิยมสวมใส่กันแบบนี้เหรอ”หลี่เหวินฉางพูดพึมพำพลางปลดชุดเกราะที่สวมใส่อยู่ในเวลานั้นออกจากกาย ชุดเกราะและเสื้อผ้าที่สวมออกไปทำศึกถูกปลดออกจากร่างสูงทะมึนกำยำจนเหลือแต่เพียงกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อน หลี่เหวินฉางเดินกายเปลือยตรงไปยังประตูที่ใช้ผ้าผืนใหญ่ปิดอยู่ในเวลานั้นใช้มาทำเป็นประตู เปิดออกสู่ด้านนอกซึ่งมีลำธารไหลผ่าน กระโจมสำหรับใช้เป็นที่พักของแม่ทัพเฉียนฉินจะตั้งแยกออกห่างจากกระโจมของเหล่าทหาร นายกอง มาตั้งอยู่ในพื้นที่เป็นส่วนตัว ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการเสพสังวาสกับสตรีที่ถูกนำมาบำเรอแม่ทัพปีศาจดั่งเช่นทุกครั้ง จนเป็นเรื่องปกติและกลายเป็นความเคยชินที่เหล่าทหารในกองทัพจะพบเห็นสตรีถูกมู่เฉินนำมาส่งให้แม่ทัพเฉียนฉินถึงที่พำนัก แต่ครั้งนี้แตกต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา นั่นก็เพราะว่าแม่ทัพเฉียนฉินเป็นผู้
ทางด้านว่านฉีฉีว่านฉีฉีในเวลานี้ถูกกองทหารเฉียนฉินล้อมเอาไว้ไม่ให้หลบหนีไปจากที่นี่ได้ ตามคำสั่งของรองแม่ทัพมู่หรือมู่เฉิน ที่สั่งให้ทหารรีบกลับไปส่งข่าวให้เหวินฉางล่วงรู้การมาของปีศาจสาวตนนี้ ในขณะที่ว่านฉีฉีตอนนี้เธอไม่รู้ตัวและยังไม่รู้ด้วยว่าไม่ได้อยู่บนดาดฟ้าของอาคารแต่กลับมาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งในยุคอดีตที่เรียกว่าเมืองจี้ อันเป็นเมืองหลวงของต้าเยียนเมื่อหลายพันปีก่อนสถาบันศึกษาที่เธอเข้าเรียนล่าสุดตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยโบราณ และที่สำคัญกองทัพเฉียนฉินตั้งทัพอยู่นอกเมืองและบุกเข้าโจมตีจนเมืองหลวงพินาศย่อยยับ ต้าเยียนล่มสลายลงภายในเวลาอันรวดเร็ว กองทัพของทั้งสองฝ่ายสู้รบกันไม่ถึงหนึ่งเดือนต้าเยียนก็แตกไม่มีชิ้นดี ทุกเมืองถูกฆ่าล้างบางจนกลายเป็นเมืองร้างในขณะที่ทุกสายตากำลังจับจ้องอยู่ที่ร่างของว่านฉีฉีท้องฟ้าที่ถูกเมฆหนาดำทะมึนบดบัง เริ่มเคลื่อนผ่านไปเผยให้เห็นพระจันทร์เต็มดวงกลมโต ที่ลอยอยู่เหนือเมืองหลวงจี้มองขึ้นไปราวกับว่าพระจันทร์อยู่ใกล้มือแค่นี้เอง แต่แล้วทุกสายตาก็ต้องพากันเบิกกว้างด้วยความตกใจ“แม่ทัพมู่บนท้อง