ว่านฉีฉีแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าทันทีเพราะมีความรู้สึกบางอย่างบอกให้เธอมองไปที่ดวงจันทร์ และดวงตาสีดำกลมโตคู่ใหญ่เห็นพระจันทร์ดวงมหึมาลอยอยู่ใกล้มาก เห็นได้อย่างชัดเจนและที่สำคัญสีของดวงจันทร์กำลังเปลี่ยนเป็นสีเลือดอย่างรวดเร็ว
พรึบ!! ดวงตาคู่สวยของเธอจากสีดำกำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเลือดเข้ามาแทนที่ พร้อมรังสีอำมหิตฉายวาววับอยู่บนดวงตา “เฮ้ย!..พวกเราดูนางเด็กนั่น!!!”กลุ่มนักเลงส่งเสียงเรียกให้พวกเดียวกันมองร่างระหงที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าซึ่งเป็นเป้าหมายจะต้องจัดการ เหวอออ...เสียงอุทานดังลั่นหลุดออกมาจากปากของแต่ละคน ไม่คิดว่าจะเห็นอะไรที่น่ากลัวแบบนี้ “ทะ...ทำ..ทำไมนางเด็กคนนั่นมันถึงมีไอดำออกมาจากตัว...พวกแก...เห็นเหมือนกันไหม”หัวโจกถามพวกพ้องและแต่ละคนพยักหน้าขึ้นลงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย “ปะ...ปี...ปีศาจ..นางเด็กคนนี้มันจะต้องเป็นปีศาจแน่ๆ คนดีๆ ที่ไหนจะมีไอดำพวยพุ่งออกมาจากตัวแบบนี้ ไม่มีหรอก”เสียงของหนึ่งในกลุ่มนักเลงบอกเพื่อนๆ คำพูดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว หวงเจียวจินล้วนได้ยินอย่างชัดเจน แต่เธอไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลพวกนี้ ร่างเล็กๆ เดินตรงปรี่เข้าไปหาลูกน้องของพ่อที่ถูกส่งมาคอยอารักขาเธอ พร้อมยกมือเงื้อขึ้นสูงกระหน่ำฟาดลงบนใบหน้าคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มอย่างแรงด้วยความขัดใจที่ได้ยิน ฉาด!!! เสียงฝ่ามือกระทบลงบนใบหน้าจนคนถูกตบหันไปอีกทางตามแรงเหวี่ยงของแขน “ไอ้พวกโง่! แค่มายากลหลอกเด็กตื้นๆ ของนางนั่นก็พากันกลัวหัวหด...มันมีที่ไหนกันพวกปีศาจ...ยุคไหนแล้ว! รีบไปจัดการนางนั่นเร็วเข้าชักช้าอยู่ทำไมเล่า!”หวงเจียวจินตวาดอย่างหัวเสีย หากแต่กลุ่มนักเลงไม่มีใครทำตามคำสั่งของเธอเลยแม้แต่คนเดียว กลับยิ่งพากันก้าวเดินถอยหลังไปเสียอีก “คะ...คุณหนู...ท่าจะไม่ดีแล้ว..รีบเผ่นหนีกันก่อนเถอะ..เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน...มะ...มัน...มันไม่ค่อยน่าไว้วางใจแล้ว เอาไว้วันหลังค่อยมาจัดการ”หัวโจกพยายามบอก “ไอ้ขี้ขลาด! มันก็แค่มายากลหลอกตบตาพวกแกให้กลัวก็เท่านั้น เอาอย่างนี้ฉันจะให้รางวัลพวกแกคนละห้าหมื่นหยวนเป็นค่าเหนื่อยที่จัดการกับนางว่านฉีฉี” เงินรางวัลก้อนใหญ่คนละห้าหมื่นหยวนช่างล่อตาล่อใจเสียจริงๆ และก็หลอกล่อได้สำเร็จเสียด้วย กลุ่มพวกนักเลงต่างหันกลับมามองหน้ากันแล้วพยักหน้าส่งสัญญาณเริ่มลงมือ “ไปเว้ยพวกเรา..จริงอย่างที่คุณหนูบอก ปีศาจอะไรกันไม่มีหรอก ไม่ใช่ยุคโบราณที่จะได้มีพวกปีศาจ ผีร้าย แปลงร่างกลายเป็นคนเหมือนในตำนานไซอิ๋วเสียที่ไหนกันวะพวกเรา อย่าพากันปอดแหกไปหน่อยเลย”หัวโจกบอกลูกน้องพร้อมเดินนำหน้าไปก่อนเพื่อนตรงปรี่เข้าไปหาว่านฉีฉีทันที หึหึหึหึ….ว่านฉีฉีส่งเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ แต่เสียงหัวเราะที่ดังออกมานั้นช่างน่าขนลุกขนพองเสียจริงพลางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่กำลังเดินตรงมาหาเธอ โดยมีลูกน้องเดินตามหลังมาติดๆ เหวออออ...เสียแหกปากร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างเสียขวัญดังขึ้นมาทันทีที่เห็นดวงตาของว่านฉีฉีที่กำลังจ้องมานั้น เป็นสีเลือดแดงฉานฉายวาววับ รังสีอำมหิตและไอดำพวยพุ่งเป็นที่หวาดหวั่นกับคนที่ได้เห็นเธอในเวลานี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งหวงเจียวจินที่ยืนตกตะลึงขวัญหนีดีฝ่อไปด้วยเช่นกัน พอเห็นดวงตาสีเลือดและไอดำทะมึนพวยพุ่งทะยานออกมาอย่างไม่ขาดสาย กรี๊ดดดด!!! เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังก้องออกมาจนสุดเสียง ตุบ! ร่างเล็กกะทัดรัดเป็นลมหมดสติทรุดลงไปกับพื้นดาดฟ้าทันที กลุ่มอันธพาลต่างพากันเสียขวัญไปตามๆ กัน พร้อมเสียงของหัวโจกดังขึ้น “ยิงมัน! พวกเรายิงมันเร็วเข้า....แล้วรีบหนีออกไปจากที่นี่”พูดพลางดึงปืนที่เหน็บเอาไว้ทางด้านหลังสาดกระสุนใส่ไปที่ร่างของว่านฉีฉีไม่ยั้งด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เปรี้ยง!...เปรี้ยง...เปรี้ยง!...เปรี้ยง เสียงปืนดังกึกก้องอยู่บนชั้นดาดฟ้า ฟิ้วววว!!! เสียงจุดดอกไม้ไฟลอยละลิ่วขึ้นท้องฟ้าซึ่งเป็นสัญญาณของเทศกาลหยวนเซียวกำลังเริ่มขึ้น ปัง!!!! ดอกไม้ไฟต่างพากันแตกตัวออกเป็นแสงหลากสีสันมากมาย แข่งกันสลับสีสวยสดอยู่บนท้องฟ้ากลบเสียงปืนที่สาดออกไปไม่ยั้ง จนแยกไม่ออกว่าคือเสียงปืนหรือเสียงของดอกไม้ไฟกันแน่ ลูกกระสุนจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากปากกระบอกปืนที่มีอยู่ห้ากระบอก สาดตรงเข้าไปหาที่ร่างว่านฉีฉีอย่างรวดเร็วในขณะที่ช่วงเวลาดังกล่าวพระจันทร์กลายเป็นสีเลือดจนหมดทั้งดวงแล้วเช่นกัน พรึบ!!! ร่างของว่านฉีฉีเลือนหายไปต่อหน้าต่อตากลุ่มนักเลงที่เห็นเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกันและชัดเจน แต่ละคนถึงกับยืนขาแข็ง พากันก้าวขาไม่ออกกันทั้งหมดจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน “ผะ...ผี...ผีหลอกกกก”เสียงร้องตะโกนดังออกมาทันที กลุ่มนักเลงต่างวิ่งหนีไปจากชั้นบนของดาดฟ้าอย่างไม่คิดชีวิต ไม่สนใจร่างของหวงเจียวจินคุณหนูของพวกมันเลยแม้แต่น้อย วินาทีนี้คำว่าตัวใครตัวมันต้องรีบนำมาใช้ให้เร็วที่สุด รักษาชีวิตให้รอดก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันที่หลัง ชั้นดาดฟ้าของอาคารเรียนที่ตั้งอยู่ภายในกรุงปักกิ่งของยุคปัจจุบันเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคา พระจันทร์เต็มดวงที่เหลืองนวลกลายเป็นสีเลือดดั่งโลหิต บริเวณที่ตั้งของสถาบันดังกล่าว ย้อนกลับไปในแผ่นดินยุคโบราณพื้นที่บริเวณนั้นช่างตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองผิงหยางซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นเฉียนฉินในอดีตกาลนับหลายพันลี้ อันเป็นที่ตั้งของแคว้นเยียนในอดีตซึ่งมีเมืองจี้ เป็นเมืองหลวงอยู่ในเวลานั้น ปรากฏการณ์จันทรุปราคาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับว่านฉีฉี เธอมีไอปีศาจและดวงตาสีเลือด สตรีที่มีไอปีศาจเช่นนี้คนโบราณต่างเชื่อว่าคือนางพญามารซึ่งในอดีตกาลเมื่อหลายพันปีก่อนได้จดบันทึกเอาไว้ ว่าผู้ใดมีไอปีศาจและมีดวงตาสีเลือดคือผู้ที่เกิดในช่วงเวลาของดาวแห่งความตายปรากฏ หนึ่งพันปีปรากฏหนึ่งครั้ง และจะมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น หากเป็นบุรุษคือจอมปีศาจหากเป็นสตรีคือนางพญามาร และดาวแห่งความตายได้เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงวันเวลาที่ว่านฉีฉีลืมตาดูโลกใบนี้ เธอเกิดช่วงเวลาของดาวแห่งความตายปรากฏในรอบหนึ่งพันปี แต่ตอนนี้ว่านฉีฉีหายไปไหนเล่า เธอหายไปได้อย่างไร หายแล้ว หายเลยไม่ปรากฏออกมาให้เห็น บนดาดฟ้าของอาคารมีเพียงร่างของหวงเจียวจินเท่านั้นที่นอนหมดสติอยู่ในเวลานี้เพียงลำพังบริเวณลำธาร ว่านฉีฉีวิ่งหนีเตลิดออกมาจากนอกกระโจมอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะมาหยุดยืนมองสายน้ำตรงหน้าที่ใสราวกระจก บริเวณลำธารมีหินน้อยใหญ่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมากมาย น้ำตกไหลตรงหน้ามีสายธารามาจากที่สูงลงมาเบื้องล่างท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่มากมายที่เกิดขึ้นล้อมรอบ ซึ่งบริเวณดังกล่าวที่หญิงสาวเห็นในยุคปัจจุบันก็คือพื้นที่หลังสถาบันที่มีเจดีย์โบราณเกิดขึ้น แต่ในยุคอดีตยังเป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติปกคลุมไปทั่ว “โอโห่สวยจังแฮะ! มีน้ำตกด้วย น้ำใสแจ๋วเลย”หญิงสาวพูดออกมาอย่างลืมตัวก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ากำลังหนีผู้ชายหน้าตาหล่อโคตรๆ แต่กลับแต่งกายประหลาดเหมือนกำลังถ่ายละครย้อนยุค “แย่แล้วฉีฉี...ต้องรีบหนีอีตาผู้ชายหื่นกามคนนั้นให้พ้น คนอะไรก็ไม่รู้มองอย่างกับจะกลืนกินเราเข้าไปได้ทั้งตัวเลย”หญิงสาวบ่น ว่านฉีฉีรีบถลกผ้าห่มเดินลุยสายน้ำในลำธารมุ่งหน้าไปทางขอบน้ำตกที่เธอเห็นโพรงคล้ายถ้ำอยู่ภายใน หญิงสาวแทบอยากจะทิ้งผ้าห่มที่กำลังคลุมร่างเธอลงเสียให้ได้เพราะพอมันถูกน้ำแล้ว ทำให้เธอต้องแบกน้ำหนักของผ้าห่มไปกับตัวเองด้ว
ยามอู่ว่านฉีฉีลูกสาวเจ้าพ่อจากเมืองเซี่ยงไฮ้ในยุคอนาคต ยังคงนอนหลับใหลอยู่บนฟูกนอนอันหนานุ่ม กายงามยังคงนอนเปลือยเปล่าไร้สิ้นอาภรณ์ห่อหุ้ม ผมสีดำยาวสยายเต็มหมอนหนุน หลังจากร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ความรู้สึกและสติของว่านฉีฉีก็เริ่มเกิดขึ้นมาอย่างช้าๆร่างเริ่มเคลื่อนไหวไปมา ใบหน้าเหยแกด้วยรู้สึกเจ็บระบมไปหมดทั่วทั้งร่างกายอย่างไม่เคยรู้สึกเป็นเช่นนี้มาก่อน เปลือกตาค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาสีดำกลมโตจับจ้องอยู่แต่เพดานที่ทำจากผ้าเนื้อหยาบอยู่ชั่วขณะ“นี่เรามาออกเที่ยวเดินป่าอีกแล้วเหรอ จำได้ว่าไม่ได้มีแผนเดินป่าที่ไหนเลยนะ แล้วมานอนอยู่ในเต๊นท์ผ้าของใครกันละเนี่ย”หญิงสาวพึมพำอย่างสงสัยพร้อมหยัดกายลุกขึ้นมานั่งบนฟูกนอนแปลบบบ!!! อาการเจ็บเสียวปลาบเกิดขึ้นบริเวณท้องน้อยและตรงหว่างขาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของลูกผู้หญิงโอ้ยยยย!!! ว่านฉีฉีส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดแปลบไปทั่วกายซึ่งกำลังส่งผลอยู่ในเวลานี้หญิงสาวจดจำอะไรไม่ได้เลยว่าได้ผ่านการเสพสังวาสกับแม่ทัพเฉียนฉินเมื่อคืนที่ผ่านมาอย่างสาหัสสากรรจ์เลยทีเดี
ยามเหม่า กระโจมแม่ทัพ ภายในกระโจมของหลี่เหวินฉางเวลานี้ร่างเปลือยของว่านฉีฉีนอนหมดเรี่ยวแรงอยู่ภายในอ้อมกอดของแม่ทัพปีศาจ ร่างใหญ่โตบดบังร่างงามเอาไว้จนมิด ท่อนแขนกำยำอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อกอดร่างของฉีฉีเอาไว้กับอกกว้างใหญ่ของเขาอย่างหวงแหน แม่ทัพเฉียนฉินร่วมรักเสพสวาทกับว่านฉีฉีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กลืนกินอย่างหื่นกระหาย ชำเรารักนางอย่างบ้าคลั่งแต่นางกลับตอบโต้และรับมือเขาได้อย่างเผ็ดร้อนถึงพริกถึงขิง สตรีพรหมจรรย์ไม่เคยมีประสบการณ์แต่สามารถรับมือแม่ทัพปีศาจผู้เจนสงครามราคะในระดับปรมาจารย์นี้ได้อย่างชะงักงัน และนางยังสามารถทำให้แม่ทัพปีศาจกลืนกินนางแทนที่จะสูบพลังชีวิตเข้าไป เป็นสตรีคนแรกที่ยังคงมีชีวิตอยู่จนรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับเสียงเรียกของมู่เฉิน “ท่านแม่ทัพขอรับ! ท่านแม่ทัพ!”มู่เฉินส่งเสียงร้องเรียกดังอยู่ด้านนอกกระโจม เหวินฉางที่เพิ่งจะหลับใหลไปด้วยความอ่อนแรงได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และพบว่าแสงสีทองของดวงอาทิตย์กำลังโผล่พ้นจากขอบฟ้าขึ้นมาบ้างแล้ว &
“โอวว….ซี้ดดด..โอยยย…อูวววว” หญิงสาวแอ่นอกชูชันขันรับความเสียวซ่านจนขนทั่วกายลุกเกรียว แม่ทัพหนุ่มใช้ลิ้นสากโลมเลียมาถึงเนินสวรรค์ ก่อนจะใช้นิ้วแหวกกลีบดอกไม้งามออกกว้าง ร่องสวรรค์ของแม่สาวน้อยสีแดงแจ๋ เม็ดบัวยื่นออกมาน่าดูดน่าเม้มเสียเหลือเกิน แม่ทัพปีศาจซุกใบหน้าใช้ลิ้นสากของเขาเลียร่องสวรรค์อย่างหิวกระหาย ลากขึ้นลากลง คว้านซ้ายและขวาและห้อลิ้นแทงเข้าร่องสวรรค์อย่างเมามัน จนร่างงามบิดเร้าไปมาเส้นผมยาวสลวยกระจายไปมาอย่างไร้ทิศทาง ว่านฉีฉีเสียวซ่านจนกายงามสั่นระริกเพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ในเวลานี้ไอปีศาจที่อยู่ในกายเริ่มอ่อนกำลังลง มือเรียวกำเส้นผมของตัวเองเอาไว้จนแน่นเลยทีเดียว ยิ่งโดนลิ้นสากโลมเลียเข้าไปแม่สาวน้อยก็เกร็งเด้งเอวส่ายร่อนไปมาตอบโต้ตามสัญชาติญาณทางธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว “ซี้ด…ทนไม่ไหวแล้ว…อูววววว”หญิงสาวครางเสียงกระเส่า “โอววว…ซี้ดดดด...โอวว..อย่า…ซี้ดดด..อย่า....อูยยยย..” เธอเปล่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่านเมื่อโดนนิ้วแทงร่องสวรรค์ซอยเข้าซอยออกอย่างถี่ยิบ จนเกร็งตัวสุดๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายออกมาเป็นสายธาราไหลเนืองนอง ก่อนจะถู
กระโจมแม่ทัพเฉียนฉิน ตุบ!!! ร่างของว่านฉีฉีถูกนำมาวางไว้บนฟูกนอนที่ยัดด้วยขนห่านอันหนานุ่ม หญิงสาวยังคงนอนไม่ได้สติอยู่เหมือนเดิมโดยมีสายตาของหลี่เหวินฉางยืนมองร่างของเธออย่างสงสัย “ปีศาจสาวตนนี้เหตุใดสวมอาภรณ์ประหลาดชอบกลนัก แดนปีศาจนิยมสวมใส่กันแบบนี้เหรอ”หลี่เหวินฉางพูดพึมพำพลางปลดชุดเกราะที่สวมใส่อยู่ในเวลานั้นออกจากกาย ชุดเกราะและเสื้อผ้าที่สวมออกไปทำศึกถูกปลดออกจากร่างสูงทะมึนกำยำจนเหลือแต่เพียงกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อน หลี่เหวินฉางเดินกายเปลือยตรงไปยังประตูที่ใช้ผ้าผืนใหญ่ปิดอยู่ในเวลานั้นใช้มาทำเป็นประตู เปิดออกสู่ด้านนอกซึ่งมีลำธารไหลผ่าน กระโจมสำหรับใช้เป็นที่พักของแม่ทัพเฉียนฉินจะตั้งแยกออกห่างจากกระโจมของเหล่าทหาร นายกอง มาตั้งอยู่ในพื้นที่เป็นส่วนตัว ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการเสพสังวาสกับสตรีที่ถูกนำมาบำเรอแม่ทัพปีศาจดั่งเช่นทุกครั้ง จนเป็นเรื่องปกติและกลายเป็นความเคยชินที่เหล่าทหารในกองทัพจะพบเห็นสตรีถูกมู่เฉินนำมาส่งให้แม่ทัพเฉียนฉินถึงที่พำนัก แต่ครั้งนี้แตกต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา นั่นก็เพราะว่าแม่ทัพเฉียนฉินเป็นผู้
ทางด้านว่านฉีฉีว่านฉีฉีในเวลานี้ถูกกองทหารเฉียนฉินล้อมเอาไว้ไม่ให้หลบหนีไปจากที่นี่ได้ ตามคำสั่งของรองแม่ทัพมู่หรือมู่เฉิน ที่สั่งให้ทหารรีบกลับไปส่งข่าวให้เหวินฉางล่วงรู้การมาของปีศาจสาวตนนี้ ในขณะที่ว่านฉีฉีตอนนี้เธอไม่รู้ตัวและยังไม่รู้ด้วยว่าไม่ได้อยู่บนดาดฟ้าของอาคารแต่กลับมาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งในยุคอดีตที่เรียกว่าเมืองจี้ อันเป็นเมืองหลวงของต้าเยียนเมื่อหลายพันปีก่อนสถาบันศึกษาที่เธอเข้าเรียนล่าสุดตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยโบราณ และที่สำคัญกองทัพเฉียนฉินตั้งทัพอยู่นอกเมืองและบุกเข้าโจมตีจนเมืองหลวงพินาศย่อยยับ ต้าเยียนล่มสลายลงภายในเวลาอันรวดเร็ว กองทัพของทั้งสองฝ่ายสู้รบกันไม่ถึงหนึ่งเดือนต้าเยียนก็แตกไม่มีชิ้นดี ทุกเมืองถูกฆ่าล้างบางจนกลายเป็นเมืองร้างในขณะที่ทุกสายตากำลังจับจ้องอยู่ที่ร่างของว่านฉีฉีท้องฟ้าที่ถูกเมฆหนาดำทะมึนบดบัง เริ่มเคลื่อนผ่านไปเผยให้เห็นพระจันทร์เต็มดวงกลมโต ที่ลอยอยู่เหนือเมืองหลวงจี้มองขึ้นไปราวกับว่าพระจันทร์อยู่ใกล้มือแค่นี้เอง แต่แล้วทุกสายตาก็ต้องพากันเบิกกว้างด้วยความตกใจ“แม่ทัพมู่บนท้อง