แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: เจียงหนานเยียน
ซือเจ๋อเยว่นึกถึงภาพที่เยียนเซียวหรานเตะกวนมามาจนตาย แล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ที่นางเผลอหลับนอนกับเขา จากนั้นเขาก็ถือดาบเดินไล่ล่านางไปทั่วทั้งตำบล นางก็อดตัวสั่นไม่ได้

หากเขารู้ว่าคนที่หลับนอนกับเขาในคืนนั้นคือนาง นางคงตายอย่างอนาถยิ่งกว่ากวนมามาเสียอีก!

นางทุบอกตัวเองด้วยความหงุดหงิด ถ้ารู้อย่างนี้ แต่แรกก็คงไม่หลงใหลในความหล่อของเขาจนไปหลับนอนกับเขาหรอก

ตอนนี้นางจะหนีทันไหมนะ?

ทันทีที่นางยกม่านเกี้ยวขึ้น ทหารองครักษ์จากจวนเยียนอ๋องที่ขี่ม้าอยู่ข้าง ๆ ต่างหันมามองอย่างพร้อมเพรียง

นางรีบปล่อยม่านลงอย่างรวดเร็ว สถานการณ์เช่นนี้ หากนางไม่มีปีกบินออกไป ก็อย่าหวังว่าจะหนีรอดได้

นางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง คิดว่าคงต้องค่อย ๆ คิดไปทีละขั้น

เกี้ยวมงคลเป็นสีแดงสด และสินเดิมทั้งหมดก็ถูกพันด้วยผ้าไหมสีแดง ทว่าขบวนรับเจ้าสาวกลับไม่มีความรื่นเริงแม้แต่น้อย เงียบเหงาวังเวงราวกับขบวนแห่ศพ

เมื่อถึงจวนเยียนอ๋อง บรรยากาศเช่นนี้ ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก

หน้าประตูจวนเยียนอ๋อง ผ้าขาวที่ผูกไว้กับรูปปั้นสิงโตหินยังไม่ได้ถูกถอดออกทั้งหมด กลับมีการผูกผ้าไหมสีแดงทับลงไปอีก

เมื่อเกี้ยวมงคลลงถึงพื้น เสียงประทัดดังสนั่นและเสียงกลองฆ้องดังกึกก้องไปทั่ว แต่กลับไม่สามารถปกปิดบรรยากาศที่เคร่งขรึมของจวนเยียนอ๋องได้

ที่หน้าประตูจวนอ๋อง นอกจากขบวนรับเจ้าสาวและขุนนางจากกรมพิธีการที่ถูกส่งมาจัดพิธีแล้ว ไม่มีผู้คนมาร่วมงานเลยแม้แต่คนเดียว บรรยากาศเงียบเหงาอย่างยิ่ง

เยียนเซียวหรานเตะประตูเกี้ยวอย่างเป็นพิธี จากนั้นก็ยกม่านเกี้ยวขึ้นและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “องค์หญิง เชิญลงจากเกี้ยว”

ซือเจ๋อเยว่ตอบรับเบา ๆ และจับผ้าไหมสีแดงที่เขายื่นมา เดินตามเขาเข้าไปในจวน

เมื่อนางก้าวข้ามประตูจวนเยียนอ๋อง เสียงประทัดก็หยุดลง เสียงกลองฆ้องเงียบหาย ทั่วบริเวณเหลือเพียงบรรยากาศที่กดดัน

ขุนนางจากกรมพิธีการที่ถูกส่งมาจัดงานแต่งต่างตะโกนคำอวยพรอย่างขะมักเขม้น แต่ไม่สามารถขจัดความเศร้าหมองและสิ้นหวังที่มาจากโลงศพหกโลงที่ตั้งอยู่ในลานหน้าจวนได้

ซือเจ๋อเยว่ที่เติบโตในสำนักเต๋า แม้จะมีผ้าคลุมหน้าอยู่ นางก็ยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเลือดและความอาฆาตที่แผ่กระจายออกมาจากโลงศพเหล่านั้น

โถงจัดพิธีแต่งงานอยู่ติดกับลานที่ตั้งโลงศพ ในห้องโถงพิธีนั้น เหล่าไท่จวิน[1]ของจวนเยียนอ๋องนั่งอยู่ตรงกลาง พร้อมด้วยพระชายาเยียนอ๋องและคุณหนูในจวน

เหล่าไท่จวินมีผมขาวโพลน มือจับไม้เท้า ใบหน้าดูใจดี แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

พระชายาเยียนอ๋องดวงตาบวมแดง รอยฟกช้ำปรากฏรอบดวงตา ยามนี้ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้จึงร้องสะอื้นเบา ๆ

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการกล่าวเสียงเย็นชา “พระชายาเยียนอ๋อง วันมงคลเช่นนี้ ท่านแสดงท่าทีเช่นนี้ แสดงความไม่พอใจต่อสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท หรือท่านต้องการขัดขืนราชโองการ?”

พระชายาเยียนอ๋องโกรธจนดวงตาแดงก่ำ ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการผู้นี้ เมื่อวานเพิ่งได้รับราชโองการมาจัดงานสมรสในจวนเยียนอ๋อง แต่กลับกลั่นแกล้งพวกเขาหลายครั้งทั้งต่อหน้าและลับหลัง

บัดนี้ยังจะใส่ร้ายว่าพวกเขาต้องการขัดขืนราชโองการอีก ช่างอำมหิตนัก!

เหล่าไท่จวินดึงแขนเสื้อของพระชายาเยียนอ๋องเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “สมรสพระราชทานจากฝ่าบาท คือเรื่องมงคลน่ายินดีของจวนเยียนอ๋อง”

“จวนเยียนอ๋องได้แต่งองค์หญิงเข้ามา ย่อมทำให้คนทั้งจวนดีใจจนต้องหลั่งน้ำตาแห่งความปีติ”

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการแสร้งยิ้มและกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงเมตตา ความยินดีเป็นสิ่งสมควร แต่การหลั่งน้ำตาแห่งความปีติคงไม่จำเป็นเท่าไร”

“เชิญเหล่าไท่จวินและพระชายาเยียนอ๋องยิ้มให้มากกว่านี้ มิฉะนั้นอาจมีคนเข้าใจผิดว่าจวนเยียนอ๋องไม่ต้องการแต่งงานกับองค์หญิง”

พระชายาเยียนอ๋องอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เหล่าไท่จวินก็ยับยั้งไว้ พลางยิ้มและกล่าวว่า “ใต้เท้าพูดถูกต้อง”

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการยิ้มอย่างลำพองใจพลางกล่าวว่า “เหล่าไท่จวินนับว่าเข้าใจสถานการณ์ดี จวนเยียนอ๋องก็แค่มีผู้ชายไปไม่กี่คนเท่านั้นเอง”

“พวกท่านทำหน้าแบบนี้ คนไม่รู้เรื่องคงคิดว่าคนในจวนเยียนอ๋องตายกันหมดแล้ว”

เขาพูดจบก็ชี้ไปที่เยียนเซียวหราน “นั่นไง คุณชายสามก็ยังมีชีวิตอยู่ดี! เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก!”

ก่อนหน้านี้ บุตรชายของผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการผู้นี้เคยขี่ม้าอย่างคึกคะนองในเมืองจนทำร้ายประชาชนหลายคน เยียนอ๋องจึงลงโทษเขาด้วยการหักขา ตั้งแต่นั้นมา คนผู้นี้ก็เก็บความโกรธแค้นต่อจวนเยียนอ๋องไว้ในใจ

บัดนี้ ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการได้โอกาส เขาจึงไม่พลาดที่จะหยามเหยียดทั้งจวนเยียนอ๋องให้มากที่สุด

ทางที่ดีก็หวังว่าจวนเยียนอ๋องจะเผยท่าทีไม่พอใจออกมา เพื่อที่เขาจะได้หาเรื่องและยัดเยียดความผิดให้จวนเยียนอ๋องถึงขั้นถูกประหารทั้งตระกูล

ทว่าเป็นที่น่าเสียดาย เหล่าไท่จวินกลับสุขุมและมีปัญญา เขาจึงไม่อาจหาช่องผิดใด ๆ ได้เลย

เมื่อซือเจ๋อเยว่เดินตามเยียนเซียวหรานเข้ามาในโถงจัดพิธี นางได้ยินบทสนทนาของพวกเขาทั้งหมด

ริมฝีปากของนางเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน ดวงตาของแฝงไว้ด้วยความลึกล้ำ บางเรื่องนั้นไม่อาจปล่อยให้ผ่านเลยไป

ในขณะนั้น คนประกอบพิธีตะโกนร้องเสียงดังว่า “ถึงฤกษ์มงคลแล้ว ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวทำพิธีไหว้ฟ้าดิน!”

ซือเจ๋อเยว่พลันยกผ้าคลุมหน้าขึ้นแล้วพูดเสียงดัง “ช้าก่อน”

ทุกคนต่างหันมามองนางพร้อมกัน คนของจวนเยียนอ๋องคิดว่านางไม่เต็มใจที่จะแต่งงานเข้าจวน จึงแสดงสีหน้าซับซ้อน

เยียนเซียวหรานเองก็แสดงท่าทีไม่พอใจพลางถามว่า “องค์หญิงจะทำสิ่งใดหรือ?”

ซือเจ๋อเยว่ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ข้ามีบางเรื่องต้องจัดการก่อน ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำให้พลาดฤกษ์มงคลในการทำพิธีแน่นอน”

เยียนเซียวหรานมองไปที่นาง ในวันนี้นางแต่งหน้าในฐานะเจ้าสาว งดงามราวกับดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิที่สะท้อนกับผิวน้ำ เปล่งประกายเจิดจรัส

พวกเขามีสถานะที่แตกต่างกัน การจ้องมองนางเป็นเวลานานนั้นไม่เหมาะสม เขาจึงรีบเบือนสายตาไปทางอื่น

ทว่าในขณะที่เขามองมา ซือเจ๋อเยว่กลับพบเรื่องน่าตกตะลึง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากครั้งที่พบกันก่อนหน้านี้

ตอนนี้หน้าผากของเขามีสีดำคล้ำ และรอบคิ้วของเขาแผ่กลิ่นอายแห่งความอาฆาต นี่คือเค้าลางของผู้ที่จะตายอย่างกะทันหัน

ทว่าโหงวเฮ้งของเยียนเซียวหรานเดิมทีกลับบ่งบอกถึงความสูงศักดิ์ เป็นบุคคลที่มีวาสนาและอายุยืนยาว

การที่มีสองลักษณะตรงข้ามกันเช่นนี้ ช่างน่าแปลกใจอย่างยิ่ง จนนางเองก็ยังไม่เข้าใจ

ดวงชะตาของเขาช่างน่าสนใจยิ่งนัก!

เยียนเซียวหรานเห็นนางจ้องมองเขานานเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย

นางจึงได้สติกลับมาและหันไปถามผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการว่า “งานสมรสของข้า ใต้เท้าก็คงดีใจมากเช่นกันใช่หรือไม่?”

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการไม่รู้ว่านางต้องการทำอะไร แต่ยังคงยิ้มตอบอย่างมีมารยาท “งานสมรสขององค์หญิง ช่างเป็นเรื่องน่ายินดี กระหม่อมย่อมรู้สึกยินดีด้วยอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ในเวลานี้องค์หญิงกลับยกผ้าคลุมหน้าเอง ซึ่งไม่สมควรตามธรรมเนียม ขอองค์หญิงโปรดคลุมผ้ากลับด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ในใจเขากลับเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามต่อนาง ฐานะอย่างนางน่ะหรือ ไหนเลยจะคู่ควรถูกเรียกขวนว่าองค์หญิง?

ฮ่องเต้เจาหมิงให้นางแต่งเข้าจวนเยียนอ๋องครั้งนี้มีอะไรแอบแฝงอยู่ คนที่มองออกย่อมรู้ดี

อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าเช่นนี้ เขาก็ต้องแสดงความเคารพต่อนางตามสมควร เพราะหากนางก่อเรื่องขึ้นมา เขาย่อมอธิบายได้ลำบาก

ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่าเห็นด้วยว่า “ข้าจะคลุมผ้ากลับหลังจากทำธุระเสร็จ รอยยิ้มของท่านดีมาก ขอให้รักษาไว้”

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการยิ้มอย่างไม่จริงใจ นางถามต่อว่า “ตอนนี้ข้ายังไม่ได้ทำพิธีไหว้ฟ้าดิน ยังไม่ถือว่าเป็นคนของจวนเยียนอ๋องใช่หรือไม่?”

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการพยักหน้า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ หลังจากองค์หญิงทำพิธีไหว้ฟ้าดินจึงจะถือเป็นคนของจวนเยียนอ๋อง”

ซือเจ๋อเยว่ถามต่ออีกว่า “เช่นนั้น สิ่งที่ข้าทำก่อนจะทำพิธีไหว้ฟ้าดินย่อมไม่เกี่ยวข้องกับจวนเยียนอ๋องใช่หรือไม่?”

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการพยักหน้าอีกครั้ง “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงคิดจะทำอะไรหรือ?”

ซือเจ๋อเยว่ยิ้มบาง ๆ พลางกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว”

เมื่อพูดจบ นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ในโถงจัดพิธีราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง สุดท้ายสายตาของนางไปหยุดอยู่ที่เหล่าไท่จวิน

นางเดินไปตรงหน้าเหล่าไท่จวินแล้วถามว่า “ขอยืมไม้เท้าของท่านสักครู่ได้หรือไม่? ข้าใช้เสร็จแล้วจะคืนให้ท่าน”

เหล่าไท่จวินไม่แน่ใจว่านางจะทำอะไร แต่ก็ยื่นไม้เท้าให้นาง

นางรับไม้เท้ามาชั่งน้ำหนักในมืออย่างพอใจ จากนั้นนางก็หันกลับไปและฟาดไม้เท้าไปที่ศีรษะของผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการทันที

ไม้เท้าของเหล่าไท่จวินเป็นอาวุธของนาง หัวไม้เท้าทำจากเหล็กชั้นดี การฟาดลงไปครั้งนี้ทำให้ศีรษะของผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการแตกและมีเลือดไหลทันที

ทุกคนในงานต่างตกตะลึงอีกครั้ง มองนางอย่างพูดไม่ออก

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการโกรธจัด พลางตะโกนว่า “องค์หญิง นี่ท่านทำอะไรของท่าน?”

------------------------------------------

[1] เหล่าไท่จวิน คือ คำเรียกสตรีสูงศักดิ์ ในที่นี้หมายถึงอดีตพระชายาเยียนอ๋อง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
TOR Mahikote
เจ้าต้องโดน หนึ่งหวด ผช.เจ้ากรมฯ ได้ดั่งใจมาก องค์หญิง นับถือ นับถือ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 381  

    เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เป็นข้าที่ไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าเรื่องราวระหว่างเราจะต่างออกไป" "แต่ข้ากลับลืมไปว่า เจ้าเป็นคนของสำนักเต๋า เราสองคนก็อยู่กันคนละฝ่ายตั้งแต่แรกเริ่ม" "ซือเจ๋อเยว่ ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตัดขาดจากเจ้า หากพบกันอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!" เมื่อเอ่ยจบเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งจากร่างกายแล้วขว้างออกไป สิ่งนั้นทำหน้าที่รับแรงโจมตีจากค่ายกลแทนเขา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งออกจากค่ายกลราวกับดาวตกก็ไม่ปาน ซือเจ๋อเยว่รีบไล่ตามออกไป แต่ภายนอกกลับไร้เงาของไป๋จื้อเซียน นางรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง วันนี้เขาเข้าใจนางผิด แล้วจากไปเช่นนี้ ภายภาคหน้าก็ไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก ยังดีที่เขาเคยสาบานต่อสวรรค์ ว่าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยสถานการณ์ก็ยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขาดสะบั้นในบัดนี้ ด้วยนิสัยของเขา ย่อมต้องหาหนทางสังหารนางให้ได้อย่างแน่นอน! นางคิดว่าตนเองยังคงประเมินไป๋จื้อเซียนต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาได้ เยียนเซียวหรานถามขึ้น "เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้น?" ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ "ตุ๊

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 380

    ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้นับหลังจากตั้งแต่ที่อาจารย์สามปั้นเสร็จแล้ววางไว้ที่นี่ ก็ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรนางคิดมาตลอดว่าอาจารย์สามทำเช่นนี้เพราะจะหยอกนางเล่น ไม่คิดเลยว่าจนกระทั่งวันนี้จะมีความเคลื่อนไหวแล้วที่ประตูมีเสียงของไป๋จื้อเซียนดังลอยเข้ามา “เจ้าล่อลวงข้ามาที่นี่ ก็เพราะอยากจะฆ่าข้าใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับไปมองก็เห็นไป๋จื้อเซียนยืนอยู่ที่หน้าประตู ตุ๊กตาดินเผาเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นค่ายกล จะจัดการกับเขาหลังจากที่วันนี้เขาเดินเข้ามาในสำนักเต๋า ความสามารถทุกด้านก็ถูกลดทอนลง ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ยังเป็นตุ๊กตาที่อาจารย์สามปั้นขึ้นเองกับมืออีกด้วย ด้านในมีค่ายกลที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งซ่อนอยู่ไป๋จื้อเซียนในเวลานี้ถูกค่ายกลนี้ขังเอาไว้ ไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้เขาเกิดความสงสัยมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่อยากจะจัดการเขามาตลอด เขาจึงคิดว่านางเป็นผู้ควบคุมให้ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้มาจัดการเขาก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่เคยคิดอยากจะจัดการเขาในสำนักเต๋าจริง ๆ แต่เป็นครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางจริง ๆเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 379

    ความทรุดโทรมนี้เริ่มปรากฏตั้งแต่ประตูเขาที่เก่าและทรุดโทรม ยาวไปตลอดทางจนถึงกระทั่งถึงโถงใหญ่ของสำนักเต๋าด้านในก็มีเพียงรูปหล่องทองคำปรมาจารย์เต๋าที่ยังมีสภาพดีอยู่เพียงเท่านั้น อาคารอื่น ๆ ของวัดก็สามารถใช้คำว่าชำรุดทรุดโทรมมาบรรยายได้เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมา นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ที่เฝ้าภูเขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ไปไหนแล้วใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ได้ยินก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าอาศัยคืนเดียวก็จะไปแล้ว”ใบหน้าของนักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ก็มีสีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นมาทันที นางหยิบทองหนึ่งกำมือออกมาจากมิติคาถาเต๋าแล้วมอบให้เขา “ค่าอาหารของปีนี้”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ใช้สองมือรับทองคำ ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “อย่างไรเสียศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เก่งกาจ!”สำนักเต๋าผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก ทองคำเหล่านี้เมื่อแลกเป็นเงินก็ได้หลายพันตำลึง เพียงพอที่จะให้พวกเขามีกินได้ถึงสิ้นปีซือเจ๋อเยว่ถามเขา “พวกอาจารย์ออกจากสำนักเต๋าตั้งแต่เมื่อใด?”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ “ทันทีที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ออกไปจากสำนักเต๋า เจ้าสำนักพวกเขาก็ไปแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ขมวดคิ้ว “พวกเขาได้บอกหรือไ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 378

    ซือเจ๋อเยว่เผชิญหน้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของไป๋จื้อเซียน นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยท่าทางเช่นนี้ของเขา เกรงว่าคนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเขากำลังสุมหัวกันกลั่นแกล้งเขาแต่เรื่องจริงคือเขาเกือบทำให้พวกเขาต้องติดกับดักจนตายในเวลานี้นางจำต้องกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋มาก”ไป๋จื้อเซียนมองนางด้วยสีหน้าน่าสงสารพร้อมกล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าดุข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางสูดหายใจในใจทีหนึ่ง เจ้าหมอนี่แสดงละครเก่งมาก!นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ามีนิสัยใจร้อน เวลามองอะไรก็มักจะมองแค่สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่สู้คุณชายไป๋ที่มองการณ์ไกล”“คุณชายไป๋คาดการณ์เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในตอนหลังได้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าชื่นชมตบะอันล้ำลึกทำให้ข้านับถือจากใจจริง”“ครั้งหน้าหากยังมีเรื่องแบบเดียวกันอีก คุณชายไป๋ได้โปรดแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสียหน่อย พวกเราจะได้ร่วมมือกันได้ดี”นางพูดจบก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “คุณชายไป๋ช่วยพวกเราคำนวณดูหน่อยได้หรือไม่ พวกเรากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะล้มจวนหนิงกั๋วกงได้หรือไม่?”ไป๋จื้อเซียน “...”ถึงแม้เขาจะมีชีวิตอยู่มาหนึ่งพันปีแล้วก็ตาม เรียนรู้เพียงความสามารถฆ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 377

    “ถึงแม้วันนี้ข้ากับชื่อปาเลี่ยจะบุกฝ่าออกมาได้ แต่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”“การล้อเล่นแบบนี้ อย่างไรคุณชายไป๋ช่วยลดลงหน่อยจะดีมาก”ไป๋จื้อเซียนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาหันหน้าไปมองไป๋จื้อเซียน โดยไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยชื่อปาเลี่ยที่อยู่ข้าง ๆ พูดไกล่เกลี่ย “ครั้งนี้พวกข้าไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ช่างเถอะ”ความโกรธที่ไป๋จื้อเซียนมีอยู่มากมายไม่มีที่ระบาย ยกมือขึ้นแล้วสะบัดทำให้ชื่อปาเลี่ยลอยกระเด็นออกไปชื่อปาเลี่ย “!!!!!”หากวันหลังเขายังกล้าสอดเรื่องของพวกเขาอีก เขาก็คือก็คือไอ้ลูกหมา!เขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ร้องโอ๊ยออกมาทีหนึ่งซือเจ๋อเยว่รีบยื่นมือออกไปประคองชื่อปาเลี่ย “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ชื่อปาเลี่ยกุมหน้าอกกล่าว “ข้าเจ็บหน้าอกนิดหน่อย”ในระหว่างที่พูดเขารู้สึกผิดปกติบริเวณหน้าอก ยื่นมือออกไปแล้วล้วง ไม่คิดเลยว่าจะควักสมุดบันทึกเล็ก ๆ เล่มหนึ่งออกมาจากข้างใน “นี่มันอะไรกัน?”หลังจากซือเจ๋อเยว่รับมาก็เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็ก พบว่าเป็นสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้ายฉบับนั้นที่เยียนอ๋องซื่อจื่อกล่าวไว้นางทั้งตกใจทั้งดีใจ “นี่คือสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้าย!”เยียนเซียวหรา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 376

    ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไร”นางพูดจบก็กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”เยียนเซียวหรานยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่เป็นอะไร”เขาพูดจบก็ประสานมือคำนับไป๋จื้อเซียนกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋ที่พาองค์หญิงออกมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้ข้าไม่ต้องเป็นพะวงที่จะบุกฝ่ากองทัพออกมา”สีหน้าของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องนี้เขาวางแผนทำร้ายเยียนเซียวหราน เยียนเซียวหรานขอบคุณเขาจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมากยังมีท่าทีของซือเจ๋อเยว่อีก ในดวงตาของนางมีเพียงเยียนเซียวหรานเท่านั้น ไม่มีเขาเลยแม้แต่น้อยความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเขารู้สึกไม่พอใจ จึงอยากจะทำร้ายชื่อปาเลี่ยอีกครั้งดวงตาของเขากวาดมองไปยังชื่อปาเลี่ย ชื่อปาเลี่ยได้หลบไปอยู่ที่ด้านหลังของซือเจ๋อเยว่อย่างรวดเร็ว “คุณชายไป๋จะทำร้ายข้า องค์หญิงช่วยด้วย!”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าไป๋จื้อเซียนมีนิสัยขี้โมโห เขาติดตามอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา ไม่รู้ว่าจะเบิดขึ้นเมื่อไหร่เพียงแต่หากปล่อยเขาไป วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะก่อเหตุวุ่นวายอะไรขึ้นอีกนางคิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องคิดหาว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status