31 ปีต่อมา...
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
“คุณท่านคะ บัวเองคะ”
“เชิญครับ”
“มีจดหมายส่งมาถึงคุณท่านค่ะ” แม่บ้านคนเก่าคนแก่ประจำตระกูลเอ่ยขึ้นมาอย่างนอบน้อม ก่อนที่ร่างอ้วนท้วมจะเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นซองกระดาษสีขาวสะอาดตาให้กับร่างสูงตรงหน้า
“ขอบคุณครับ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วบัวขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ”
“จดหมายจากใครเหรอคะ?” แมรี่ที่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกลลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างสามี ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย ปัจจุบันนี้การติดต่อสื่อสารทันสมัยขึ้นมากแล้ว ยังมีคนที่ใช้การติดต่อหากันทางจดหมายอยู่อีกอย่างนั้นหรือ...?
“พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ?”
พอลตอบภรรยาของเขากลับไปก่อนที่มือหนาจะค่อยๆ เปิดซองจดหมายตรงหน้าออก ตาคมค่อยๆ กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือตรงหน้าไปทีละบรรทัดจนกระทั่ง...
“.../...” ทั้งคู่หันมามองหน้ากันทันทีที่อ่านจดหมายตรงหน้าจนจบ ก่อนที่หมอพอลจะต่อสายประสานงานกับทางโรงพยาบาล ADA โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่เขาเป็นเจ้าของในทันที
“เดี๋ยวแมรี่ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”
“ครับ”
พอลขานรับคำของภรรยาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะต่อสายหาลูกชายเพียงคนเดียวของเขาในทันที เขาวางมือจากอาชีพหมอมาเกือบปีแล้วตั้งแต่ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาสามารถทำหน้าที่แทนเขาได้ทุกอย่าง
เพิร์ชประสบความสำเร็จในอาชีพแพทย์ตั้งแต่อายุยังน้อย และเขายังเป็นผู้บริหารที่มีไหวพริบและฉลาดหลังแหลม ภายในระยะเวลา 3 ปีที่เพิร์ชบริหารงานของโรงพยาบาล เขาสามารถสร้างผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เขาสามารถยกระดับโรงพยาบาลของเราให้มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้กันในวงกว้างไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ชาวต่างชาติก็เดินทางเข้ามารักษากับทางโรงพยาบาลของเขาอย่างมากมาย
(ครับคุณพ่อ)
“ได้รับเรื่องแล้วใช่ไหมเพิร์ช”
(ครับพ่อ...ไม่ต้องห่วงครับผมส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับคนไข้แล้วอีกไม่เกิน 1 ชั่วโมงคนไข้จะเดินทางมาถึงครับ)
“ฝากด้วยนะลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่จะรีบตามไปสมทบ”
(ครับพ่อ)
1 ชั่วโมงผ่านไป...
“ส่งซีทีเอรึยัง?”
“พึ่งส่งมาค่ะ...นี่ค่ะคุณหมอ”
หมอเพิร์ชรับเอกสารมาจากพยาบาลตรงหน้า ก่อนที่เขาจะก้มอ่านเอกสารในมือพร้อมกับคิ้วหนาที่ขมวดผูกกันจนเป็นปมอย่างเคร่งเครียด
“เตรียมห้องผ่าตัดให้พร้อม”
“ค่ะคุณหมอ”
อีกด้าน...
“สวัสดีค่ะน้องน้ำหนึ่ง” เสียงแมรี่ดังขึ้นมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวร่างเล็กที่เธอเคยพบเจอเมื่อ 31 ปีก่อน
แมรี่ในวัยเกือบ 60 ปี แต่ยังคงความสาว และความสวยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้เลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากบางยกยิ้มออกมาพร้อมกับเดินเข้าไปกอดหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
“พี่แมรี่เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
“พี่แมรี่สวัสดีจ้ะ พี่พอลสวัสดีจ้ะ” น้ำหนึ่งไหว้ทั้งสองคนตรงหน้าอย่างนอบน้อม พร้อมกับยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดีที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ” ทั้งสองคนรับไหว้หญิงสาวตรงหน้าอย่างอ่อนน้อมไม่ต่างกัน
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานพี่พอลกับพี่แมรี่ยังดูดีเหมือนสมัยหนุ่มๆ สาวๆ ไม่เปลี่ยนเลยนะจ๊ะ”
“จริงเหรอ? น้ำหนึ่งก็ดูไม่เปลี่ยนเลยนะเนี่ย”
“แต่แม่ของหนึ่ง...” น้ำหนึ่งเอ่ยเสียงหงอยก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองยังประตูห้องตรวจที่ยังคงปิดสนิดอยู่ตรงหน้า เธออยู่กลับแม่ของเธอมาทั้งชีวิตภาพที่เธอเห็นมาตลอดก็คือ แม่ของเธอมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อายุ 70 แล้วแต่ยังคงทำงานพร้อมกับรักษาคนไปด้วยทุกวัน ไม่มีวันไหนเลยที่แม่ของเธอจะบ่นว่าเหนื่อยจนกระทั่งเมื่อ 3 วันที่แล้ว...
“ขอบคุณนะหนึ่งที่ส่งจดหมายมาหาพี่”
“...?...” น้ำหนึ่งหันกลับมามองหน้าร่างสูงตรงหน้าอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“ขอบคุณหนึ่งทำไมเหรอคะ? หนึ่งต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ ถ้าไม่ได้พี่พอลกับพี่แมรี่ไม่รู้ว่าป่านี้แม่จะ...”
“พี่แม้นจะต้องปลอดภัย เพิร์ชเป็นหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะพี่เชื่อว่าเขาจะต้องหาสาเหตุของโรค และรักษาได้อย่างแน่นอนไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“ใช่แล้วครับ และก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น พี่จะดูแลพี่แม้นและครอบครัวเอง”
“ขอบคุณพี่ๆ ทั้งสองคนมากนะคะ” น้ำหนึ่งยกมือขึ้นมาไหว้ทั้งสองคนอีกครั้ง ก่อนที่น้ำสีใสจะไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอ
“พวกเราคนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องขอบคุณอะไรให้มากความหรอกค่ะ”
“แม่จ๋า แม่...”
“.../.../...” ทั้งสามคนหันกลับไปมองตามเสียงเรียกเป็นตาเดียวก่อนที่เด็กสาวร่างบางจะวิ่งเข้ามาหาน้ำหนึ่งผู้เป็นแม่ของเธออย่างร้อนใจ
“ย ยายเป็นยังไงบ้างคะ?” ร่างบางเอ่ยถามมารดาออกไปเสียงสั่น เธอกลัวเหลือเกินกลัวว่ายายของเธอจะเป็นอะไรไป ภาพที่หญิงชราเป็นลมล้มลงไปต่อหน้าต่อตาของเธอยังคงติดตาเธออยู่เลย
“คุณหมอกำลังตรวจยายอยู่น่ะลูก”
“นี่น้ำมนต์”
“จ๋าแม่”
“ทักทายลุงพอลกับป้าแมรี่ก่อนสิลูก พวกเขาเป็นผู้มีพระคุณของเราถ้าไม่ได้ทั้งสองไม่รู้ว่าป่านี้ยายจะเป็นยังไง”
“สวัสดีค่ะคุณลุง สวัสดีค่ะคุณป้า”
“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะลูก”
“นี่คือน้ำมนต์ ลูกของหนึ่งเองจ้ะ” น้ำหนึ่งแนะนำลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอให้กับทั้งสองคนได้รู้จัก
“หนูน้ำมนต์ สวยจังเลยลูก สวยเหมือนแม่สมัยสาวๆ เลยลูก”
“...” น้ำมนต์ยกยิ้มออกมาอย่างเขินอาย พร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อยให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองคนตรงหน้า
“น้องน้ำหนึ่งครับ” พอลเอ่ยเรียกน้ำหนึ่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเดิม พร้อมกับมองไปยังหญิงสาวตรงหน้านิ่งๆ แต่สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเอ็นดูไม่เคยเปลี่ยน
“คะ?”
“เราสองครอบครัวไม่ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณกันหรอกนะครับ ถ้าวันนั้นไม่ได้หนึ่งกับพี่แม้นช่วยพวกเราเอาไว้ วันนี้พวกเราทุกคนคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้”
“จ้ะ...”
แอ๊ดดดดด!!! แอ๊ดดดดด!!!
“เพิร์ช...” แมรี่เอ่ยเรียกลูกชายของเธอออกมาก่อนที่ทุกคนจะรีบเดินเข้าไปหาหมอเพิร์ชที่พึ่งเดินออกมาจากห้องตรวจในทันที ยกเว้นเด็กสาวคนหนึ่งที่ยืนนิ่งอึ้งไม่กล้าขยับไปไหน เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ
“ผลตรวจพบว่าหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง มีการแตกบางไปส่วน โชคดีที่มีลิ้มเลือดอุดอยู่”
“0.0/0.0”
“ผมแนะนำให้ผ่าตัดโดยด่วนครับ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้อันตรายถึงชีวิตได้ครับ”
“ผ่าเลยจ้ะ ไม่ว่าจะใช้เงินเท่าไหร่น้าก็ยอมขอแค่ช่วยแม่น้าให้ได้ก็พอจ้ะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะทำให้เต็มที่” เพิร์ชเอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้าอย่างนอบน้อม ก่อนที่เขาจะขอตัวออกไปเตรียมตัวที่ห้องผ่าตัด ในขณะที่น้ำหนึ่งและน้ำมนต์ก็ต้องตามพยาบาลไปเซ็นเอกสารยินยอมให้ทำการรักษาที่ห้องรับรองของโรงพยาบาล
“ขอบคุณมากนะลูก”
“ครับ” เพิร์ชก้มหัวให้หญิงสาวตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินจากไปตาคมเหลือบมองไปยังเด็กสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยในสายตาของเธอ สายตาที่มองมาอย่างหวาดกลัวจนไม่กล้าสู้หน้ากับเขา การกระทำของเธอมันทำให้ชายหนุ่มสงสัย ‘ฉันดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึไง?’
ในขณะที่พอลขอตัวออกไปคุยกับลูกชายของเขา โดยปล่อยให้ภรรยาคอยดูแลน้ำหนึ่งและน้ำมนต์อยู่ในห้องรับรอง
“ไม่ต้องห่วงนะหนึ่ง หนูน้ำมนต์ พี่แม้นจะต้องไม่เป็นไร” แมรี่เอ่ยบอกกับทั้งสองคนตรงหน้า พร้อมกับกุมมือของทั้งสองคนเอาไว้ไม่ยอมห่าง
“จ้ะ”
“ขอโทษนะคะ ทำไมยอดรวมตรงนี้ถึงเป็นศูนย์ล่ะคะ?” น้ำมนต์เงยหน้าขึ้นมาก่อนที่เธอจะถามพยาบาลสาวออกมาด้วยความสงสัย
“ชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“คะ?/ห๊ะ?”
“คุณท่านชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“.../...” น้ำหนึ่งและน้ำมนต์หันไปมองยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นตาเดียวอย่างรอคำตอบ
“ขอบคุณมาก เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเองจ้ะ”
แม่รี่เอ่ยบอกกับพยาบาลสาวตรงหน้า ก่อนที่เธอจะหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้กับน้ำหนึ่งและน้ำมนต์อีกครั้ง
“หมายความว่ายังไงจ๊ะพี่แมรี่”
“ก็หมายความตามที่พยาบาลบอกนั่นแหละค่ะ”
“แต่ยอดรวมมันเป็นล้านเลยนะคะคุณป้า” น้ำมนต์ที่นั่งฟังอยู่นานตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ถึงแม้ว่าครอบครัวของเธอจะไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยอะไร แต่เธอก็มั่นใจว่าเธอจะสามารถหาเงินมารักษายายของเธอได้
น้ำมนต์มีพรสวรรค์ทางด้านการวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้รูปที่วาดก็เริ่มจะสร้างรายได้ให้กับเธอได้แล้ว ถึงจะไม่มากแต่ถ้าเธอรับงานเพิ่มบวกกับพัฒนาฝีมือของตัวเองไปด้วยไม่ว่ายังไงเธอก็สามารถหาเงินล้านมาได้อย่างแน่นอน
“ไม่ว่ามูลค่าของเงินมันจะมากแค่ไหนก็เทียบกับชีวิตคุณยายของหนูไม่ได้หรอกนะจ๊ะ”
“.../...”
“ไม่ต้องคิดมาก ตอนนี้พวกเรามาเอาใจช่วยพี่แม้นกันดีกว่านะ”
“ขอบคุณมากนะจ้ะ ถ้าไม่ได้พวกพี่...”
“ไม่เอาไม่ต้องขอบคุณแล้ว ตั้งแต่มาที่นี่ไม่รู้ว่าหนึ่งกับหนูน้ำมนต์พูดคำนี้ออกมาจนป้านับไม่ถ้วนแล้วนะคะ” แมรี่เอ่ยบอกกับทั้งสองคนเสียงอ่อน พร้อมกับมือบางของเธอลูบลงที่หัวน้อยๆ ของหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดู เธอรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
“อะ เอ่อค่ะคุณแมรี่”
“เรียกป้าสิลูก เรียกคุณดูห่างเหินไป”
“ค่ะคุณป้า”
“หึหึ เด็กดี”
หลายชั่วโมงผ่านไปน้ำหนึ่งและน้ำมนต์ยังคงนั่งรออย่างมีความหวัง ถึงพอลกับแมรี่จะคอยพูดให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง แต่พวกเธอก็ไม่สามารถวางใจได้อยู่ดีตราบใดที่คุณหมอยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัด และบอกกับพวกเธอด้วยปากของเขาเอง
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
“ขออนุญาตค่ะคุณท่าน”
“เชิญจ้ะ”
“ตอนนี้คนไข้ผ่าตัดเรียบร้อยแล้วนะคะ อีกสักครู่อาจารย์หมอจะเข้ามาแจ้งอาการอีกทีค่ะ”
“จริงเหรอคะ!!!”
“จริงค่ะ...”
แอ๊ดดดดด!!!
พยาบาลยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมาน้ำมนต์ก็วิ่งออกไปจากห้องรับรองทันทีด้วยความดีใจ
น้ำมนต์รีบวิ่งไปยังห้องผ่าตัดทันทีโดยไม่ได้สนใจเสียงเรียกของผู้ใหญ่ในห้องเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าสวยหวานยกยิ้มออกมาด้วยความดีใจ พร้อมกับมือบางทั้งสองข้างของเธอถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบทั้งสองแก้มของตัวเอง ก่อนที่...
ปึกกกก!!!
“อะ โอ้ยยย!! ขอโทษค่ะ คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า...คะ?” น้ำมนต์รีบวิ่งจนไม่ทันได้ระวังชนเข้ากับร่างสูงใหญ่เข้าอย่างจัง เธอรีบยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษเขาในทันทีก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูงที่กำลังจะก้มลงมาช่วยเธอ...
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
“0.0” ดวงตากลมโตเบิกโพลงขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าของเขา เธอรีบลุกขึ้นพร้อมกับขาเรียวค่อยๆ ก้าวถอยหลังห่างออกจากเขาอย่างอัตโนมัติ ก่อนที่ดวงตาเจ้ากรรมจะเหลือบไปเห็นเงาดำของผู้หญิงคนหนึ่งยืนเกาะอยู่ที่ด้านหลังของเขา
น้ำมนต์หันหน้าหลบไปอีกด้านทันทีด้วยความตกใจ ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิม เพราะรอบๆ บริเวณที่เธอกำลังยืนอยู่เต็มไปด้วยเงาดำของสิ่งที่ไม่มีชีวิต
“คุณครับ?”
“อะ อ่อไม่เป็นไรคะ ฉันไม่เป็นไร”
“...”
“ฉะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” น้ำมนต์ก้มหน้าลงพร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะวิ่งกลับไปยังทางเดิมที่เธอพึ่งเดินผ่านมา
“ทำไมกัน?” หญิงสาวหยุดวิ่งพร้อมกับทิ้งตัวพิงเสาอย่างหมดแรง มือบางลูบลงที่อกข้างซ้ายของตัวเองเบาๆ น้ำมนต์สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอกำลังเต้นโครมครามราวกับว่ามันจำหลุดออกมาเสียให้ได้...
“วันนี้ก็ไม่ใช่วันพระสักหน่อยนี่...” ริมฝีปากบางเอ่ยออกมาในขณะที่เธอยังคงก้มหน้ามองพื้นอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่ที่เธอจำความได้ทุกวันพระเธอจะมีสัมผัสที่ 6 เธอจะเห็นสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น เธอสามารถเห็นวิญญาณ ทูต ผี และสิ่งที่หลายๆ คนเรียกมันว่าปีศาจ แต่เธอจะเห็นมันเฉพาะวันพระเท่านั้น แล้วนี่ทำไม...?
9 ปีต่อมา... “น้ำฟ้าพร้อมนะ”“พร้อมค่ะ” น้ำฟ้าในวัย 8 ขวบเอ่ยบอกกับเพื่อนของเธอในวัยเดียวกันเสียงอ่อน ก่อนที่เด็กสาวทั้งสองคนจะพากันกระโดดลงมาจากชิงช้า ด้วยความเป็นเธอโตมากับพี่ๆ ที่เป็นผู้ชาย ทำให้เด็กหญิงน้ำฟ้าดูแก่นแก้วกว่าเด็กสาวในวัยเดี๋ยวกัน“อะ โอ้ยยยย!!!”“บันนี่!!!” น้ำฟ้าร้องเรียกเพื่อนของเธอออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งเข้าไปดูเพื่อนรักในทันที“เราขอดูหน่อยนะ” มือบางนวดข้อเท้าของเพื่อนตัวเองเบาๆ ก่อนที่เด็กหญิงจะเปิดกระเป๋าและหยิบยาขึ้นมาทาให้กับคนตรงหน้าอย่างเบามือ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนที่น้ำฟ้าจะลุกวิ่งออกไปทางโรงอาหารที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล“น้ำฟ้า”“ไปไหนมาเหรอ?”“ไปทำที่ประคบเย็นมาน่ะ น่าจะช่วยแก้ปวดได้ดีกว่า”“เราประคบเย็นให้แล้วอาจจะช่วยบันนี่เบาปวดลงได้บ้าง กลับบ้านไปพยายามอย่าให้บริเวณที่เจ็บโดนความร้อนนะ”“ทำไมละ?” บันนี่เอ่ยถามน้ำฟ้าออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เธอจะมองไปที่เพื่อนรักอย่างรอคำตอบ“ถ้าเส้นเลือดบริเวณนี้ขยายตัวมันจะทำให้บันนี่ปวดและก็จะหายช้าลงด้วย” น้ำฟ้าอธิบายให้เพื่อนของเธอฟังอย่างใจเย็น ก่อนที่เธอจะเก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋าเป้ของตัว
“พี่เพิร์ชจะรีบไปไหนคะ?” น้ำมนต์เอ่ยถามชายหนุ่มออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะวางร่างบางของเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ“รีบตามไอ้ฮันเตอร์ครับ”“พี่ฮันเตอร์ทำไมคะ?”“ไอ้ฮันเตอร์มันลูก 4 แล้วนะครับเราต้องรีบตามไป” เพิร์ชยกยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะ กระโดดขึ้นไปคล่อมร่างบางของคนรักเอาไว้ในทันที ชายหนุ่มค่อยๆ โน้มใบหน้าหล่อเหลาของเขาลงใกล้กับใบหน้าของหญิงสาว...“เดี๋ยวค่ะ...”“ครับ?”“หนูขออาบน้ำก่อนได้ไหมคะ?”“หึหึ ได้สิครับ” เพิร์ชหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างรู้ทันในความคิดของของร่างบางตรงหน้า ก่อนที่ชายหนุ่มจะหลบทางเพื่อให้เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำได้สะดวกยิ่งขึ้น“ขอบคุณค่ะ”“ต้องการผู้ช่วยถอดชุดไหมครับ?”“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ดีกว่าหนูไม่อยากรบกวนพี่เพิร์ช”น้ำมนต์ถอดชุดเดรสของตัวเองออกจากร่างบางของตัวเองต่อหน้าหมอเพิร์ช ก่อนที่เธอจะเดินเข้าห้องน้ำไปหญิงสาวหันกลับมามองชายหนุ่ม พร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา“หึหึ”“...” น้ำมนต์เดินเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่เธอจะหยุดยืนอยู่ที่หน้ากระจกเงา หญิงสาวมองไปยังนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของตัวเองที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มหวานอีกครั้ง“ไม่อยา
ณ บ้านพักตากอากาศปราณบุรี“พวกเราจะใส่ได้จริงๆ เหรอ?” ตะวันที่นั่งเงียบดูน้ำมนต์กับชูใจลองชุดอยู่นานเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับมองชุดบิกินี่สีชมพูบานเย็นในมือของตัวเองอย่างหนักใจ ตะวันจำได้ดีว่าครั้งล่าสุดที่เธอใส่บิกินี่โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสามีของเธอมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง“ใส่ได้ค่ะ เชื่อชูใจสิพี่ตะวัน”“จริงด้วยค่ะ มีแต่พวกเราพี่ฮันเตอร์ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ”“เอางั้นก็ได้จ้ะ” ตะวันเอ่ยบอกกับน้องๆ ก่อนที่เธอจะเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำทันที“ถ้าไม่มีผ้าก๊อซปิดแผลคงจะสวยกว่านี้นะคะ” น้ำมนต์มองตัวเองในกระจกก่อนที่เธอจะยู่หน้าขึ้นมาเล็กน้อย ทันทีที่เห็นผ้าก๊อซแปะอยู่บนหน้าผากของเธอ“ไหนพี่ขอดูหน่อยสิ” ชูใจเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของน้ำมนต์ ก่อนที่มือบางจะประคองปลายคางของหญิงสาวพร้อมกับหมุนไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อดูความเรียบร้อยให้กับคนตรงหน้า“เป็นไงบ้างค่ะ?”“ไม่ว่ามุมไหนน้ำมนต์ก็สวย เดี๋ยวตอนถ่ายรูปถ่ายมุมนี้นะพี่รับรองความปัง”“ค่ะ”“แล้วบิกินี่สีฟ้าแบบนี้เข้ากับหนูไหมคะพี่ชูใจ?”“สวยมากค่ะลูกสาว” ชูใจเอ่ยบอกกับน้ำมนต์เสียงหวาน พร้อมกับมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างช่างใจ บิกินี่สีส้มแบบนี้ยิ
ณ โรงพยาบาลเอกชน“ไอ้เพิร์ช / ไอ้เพิร์ช” เสียงของฮันเตอร์กับสกายร้องเรียกเพิร์ชรักของเขาออกมาเสียงหลง ก่อนที่ทั้งคู่จะวิ่งมาหาชายหนุ่มอย่างร้อนใจสกายจับตัวเพิร์ชหมุนไปมาเพื่อสำรวจความเรียบร้อย จนชายหนุ่มที่พึ่งประสบอุบัติเหตุมาได้ไม่นานเวียนหัวไปหมด แต่เพิร์ชก็ไม่ได้คิดจะห้ามปรามอะไรเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนรักเป็นห่วงเขามาก และที่สำคัญเขามีคนให้ต้องสนใจมากกว่า ‘น้ำมนต์’“น้ำมนต์ล่ะคะ?” ตะวันที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ทันทีที่ทุกคนรู้ว่าหมอเพิร์ชกับน้ำมนต์ประสบอุบัติเหตุก็รีบพากันมาที่โรงพยาบาลในทันที โดยมีชูใจคอยดูแลเด็กๆ อยู่ที่บ้านพัก...“อยู่ในห้องฉุกเฉินครับ”“น้องเป็นยังไงบ้าง?” ฮันเตอร์เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปตบไหล่แกร่งของเพื่อนรักเพื่อปลอบใจเพิร์ช สกาย และฮันเตอร์เป็นเพื่อนกันมานานแค่มองตาก็รู้ใจแล้ว ถึงบุคลิกของเพิร์ชจะดูเป็นคนขรึมๆ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกกับใครทั้งนั้น แต่ครั้งนี้มันต่างไปเพิร์ชที่เก็บสีหน้าเก่งมาตลอดกลับแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด“ยังไม่ออกมาเลยว่ะ”“...”“กูเคยคิดว่าตัวเองเป็นหมอที่เก่งช่วยคนมาได้ไม่รู้
วันต่อมา...“แม่รักลูกนะ“หนูก็รักแม่ค่ะ”น้ำหนึ่งกอดลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอไว้แน่น มือบางลูบลงที่หัวน้อยๆ ของเด็กสาวตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ก่อนที่ทั้งคู่จะคลายอ้อมกอดออกจากกัน หญิงสาวจึงเดินเข้าไปกอดยายของเธอที่ยืนอยู่ไม่ได้“อยู่กับพี่เขาก็อย่าดื้อ ตั้งใจเรียนนะลูก จุ๊บ~” ยายแม้นเอ่ยบอกกับร่างบางเสียงอ่อนพร้อมกับจุ๊บลงที่หน้าผากหลานสาวอย่างอ่อนโยน“จ้ะยาย”“เดินทางปลอดภัยนะลูก” นทีกอดตอบลูกสาวตัวน้องของเขา มือหนาลูบลงที่หัวของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะกระซิบเบาๆ ที่ข้างหนูของเธอเพื่อให้รู้กันเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น“ถ้าหนูอยากจะหนีก็โทรบอกมาหาพ่อ พ่อจะรีบไปพาลูกหนีได้ทุกเวลาที่หนูต้องการ เข้าใจไหมยัยหนูน้อยของพ่อ...?”“เข้าใจแล้วค่ะ”“หรือถ้าหนูอยู่แล้วไม่มีความสุขก็กลับมาบ้านเรานะลูก พ่อจะรออยู่ที่บ้านเสมอ”“จ้ะพ่อ” น้ำมนต์ยกยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าให้กับบิดาของเธอเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินไปยืนอยู่ข้างกายของหมอเพิร์ช“พวกเราลาครับ สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ”น้ำมนต์โบกมือลาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับทุกคน ก่อนที่หญิงสาวจะหันไปร่ำลากุมารน้อยทั้งสองตนเสียงอ่อน ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ตามกลับ
“ตรงนี้เงียบดีนะครับ” เพิร์ชเอ่ยขึ้นมาก่อนที่ชายหนุ่มจะจูงมือบางให้เดินตามเขาขึ้นไปยังศาลากลางน้ำ ดอกบัวชมพูที่บานสะพรั่งอยู่ในสระน้ำตรงหน้ายิ่งมองดูยิ่งน่าหลงไหล“ลมเย็นดีด้วยนะคะ” น้ำมนต์เดินไปนั่งลงบนม้านั่งพร้อมกับทอดสายตามองไปที่สระน้ำเบื้องหน้า“ครับ อากาศน่านอนจริงๆ” เพิร์ชเอ่ยบอกกับร่างบางเสียงอ่อน ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนอนหนุนตักของเธอ ชายหนุ่มดึงมือบางไปกุมเอาไว้ที่อกแกร่งของเขา พร้อมกับนิ้วเรียวลูบลงที่หลังมือบางของเธอเบาๆ“พี่เพิร์ชเก่งมากเลยนะคะเข้ากับที่บ้านของหนูได้เป็นอย่างดีเลย”“ก็พี่รักลูกสาวเขานี่ครับ พี่ก็ต้องทำให้พวกเขารักและไว้ใจพี่” มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มหวานออกมาพร้อมกับเอ่ยบอกกับเธอออกไปเสียงอ่อน“หนูรักพี่เพิร์ชนะคะ”จุ๊บ!!!“พี่ก็รักหนูครับ” ริมฝีปากหนาจุ๊บลงที่หลังมือของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกกับคำรักกับเธอออกไป‘น่าอิจฉาคนมีความรักจริงๆ โวย’‘เออวะ กลางนาก็ยังไม่เว้น’เสียงของใบเงินกับใบทองดังขึ้นมาจากด้านหลังของต้นไม้ใหญ่ ก่อนที่ร่างของกุมารน้อยทั้งสองตนจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกจากตักของหญิงสา