คฤหาสน์หรูของเพิร์ช
“หนูน้ำมนต์พออยู่ได้ไหมลูก” แมรี่พาว่าที่ลูกสะใภ้เดินชมรอบคฤหาสน์หลังงาม ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันมายังห้องนอนหรูที่ถูกตกแต่งสไตล์มินิมอลอย่างที่น้ำมนต์ชอบ
“อยู่ได้ค่ะ มีโซนวาดภาพด้วยเหรอคะ?” น้ำมนต์เอ่ยขึ้นมาเสียงใส ก่อนที่ร่างบางจะวิ่งไปดูโต๊ะทำงานของเธออย่างตื่นเต้น
“ใช่จ้ะ แม่รู้ว่าหนูชอบ...”
“แม่?” น้ำมนต์หันกลับไปมองแมรี่อีกครั้งอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพึ่งเอ่ยออกมา
“คิดเสียว่าแม่เป็นแม่อีกคนของหนูเถอะ หนูจะได้อยู่บ้านหลังนี้อย่างสบายใจ”
“ขอบคุณมากนะคะที่เอ็นดูหนูขนาดนี้” น้ำมนต์ยกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม
“แม่ถูกชะตากับหนูตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้ว แม่รู้สึกว่าหนูก็เหมือนกับลูกสาวของแม่จริงๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกล้วนะอยู่ที่นี่แม่จะคอยปกป้องหนูแทนครอบครัวของหนูที่อยู่ทางโน้นเอง”
“...”
“หนูชอบที่นี่ไหมลูก”
“หนูชอบมากเลยค่ะ” น้ำมนต์ยกยิ้มออกมาก่อนที่เธอจะตอบคำถามของคนตรงหน้ากลับไปเสียงดังฟังชัด ถึงที่นี่จะไม่มีอะไรเหมือนกับที่บ้านของเธอเลยก็ตาม
“ดีแล้วล่ะจ้ะ”
“ว่าแต่คุณป้า...”
“หืม?”
“คุณแม่อยู่โซนนี้เหมือนกันรึเปล่าคะ?” น้ำมนต์เอ
“แม่ไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้หรอกลูก บ้านหลังนี้เป็นของพี่เพิร์ช”
“คะ?” น้ำมนต์มองไปยังคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจอีกครั้ง พร้อมกับคิวเรียวของเธอขมวดผูกกันเป็นปม
“แม่เห็นว่ามหาวิทยาลัยของหนูอยู่ใกล้บ้านของพี่เขาเลยขอให้หนูมาอยู่ที่นี่ แต่หนูไม่ต้องห่วงนะลูกแม่จะให้ป้าบัวมาคอยดูแลหนู ถ้าหนูต้องการอะไรก็บอกป้าบัวได้เลยนะลูก”
“อะ อ่อค่ะ” น้ำมนต์พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจดีในสิ่งที่คนตรงหน้าเอ่ยบอกกับเธอ เธอรู้เต็มอกว่าผู้ใหญ่พยายามจะจับคู่เธอกับพี่เพิร์ช ดังนั้นไม่ว่าในตอนนี้เธอจะพูดอะไรออกไปคนตรงหน้าก็ต้องหาเหตุผลมาขัดค้านเธออย่างแน่นอน เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องลำบากใจกับเรื่องนี้น้ำมนต์จึงจำใจอยู่ที่นี่ไปก่อนและค่อยหาทางออกไปทีหลังก็ยังไม่สาย
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ด้วยความยินดีจ้ะ...พักผ่อนนะลูกพึ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ”
หลังจากที่แมรี่ออกไปจากห้องพักของน้ำมนต์แล้ว ร่างบางก็ทั้งตัวลงนอนบนโซฟาทันทีอย่างหมดแรง พร้อมกับถอนหายใจออกมาเสียงดังลั่น
“เฮ้อ~ น้ำมนต์นะน้ำมนต์ ก่อนหน้านี้ชีวิตเธอสงบสุขเกินไปรึไง...”
‘ต่อไปนี้เธอห้ามมาโดนตัวของฉันอีกไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน’
“งานหนักแล้วล่ะน้ำมนต์ เจ้าของบ้านที่เธอกำลังอาศัยอยู่ดูท่าเขาจะไม่ค่อยชอบหน้าเธอสักเท่าไหร่” น้ำมนต์บ่นพึมพำกับตัวเองพร้อมกับเหม่อมองออกไปโคมไฟตรงหน้าอย่างสิ้นหวัง
“จริงด้วยลืมบอกคุณตาเจ้าที่...” เด็กสาวพึมพำออกมาก่อนที่เธอจะวิ่งลงไปยังชั้นล่างในทันทีที่เธอนึกอะไรขึ้นมาได้ ร่างบางเขาไปขอธูปและดอกไม้สดจากป้าบัวแม่บ้านที่แมรี่ส่งมาให้คอยดูแลน้ำมนต์
หญิงสาวเดินตรงไปยังศาลเจ้าที่ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลทามกลางสายตาของเหล่าแม่บ้าน และคนสวนที่มองตามแผ่นหลังบางเดินออกไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้มีใครกล้าเอ่ยถามคำใดออกมา...
“ไม่มีอะไรหรอกแยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว” ป้าบัวแม่บ้านอาวุโสประจำตระกูลธาดาศิริกุลเอ่ยบอกกับเด็กภายในบ้าน ในขณะที่สายตาของเธอยังคงจับจ้องไปปยังแผ่นหลังบางตรงหน้า มุมปากเหี่ยวย่นยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเดินตามคนอื่นๆ เข้าไปภายในบ้าน
“ลูกขออนุญาต นำกุมารทองชื่อใบเงิน และใบทองเข้ามาบูชาที่บ้านนี้ เพื่อช่วยเรื่องการปกป้องคุ้มครอง ขอให้เจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทาง ช่วยเปิดทางให้กุมารของข้าพเจ้าได้เข้าออกที่นี่ด้วยเถิด” ธูป 16 ดอกปักลงที่กระถางตรงหน้าอย่างตั้งใจ ก่อนจะยกมือขึ้นมาไหว้ชายสูงวัยที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้งอย่างนอบน้อม หนวดเครา และผมขาวที่ยาวลงมาถึงอก รวมถึงแสงที่ส่องสว่างออกมาจากตัวของท่านทำให้น้ำมนต์รู้ได้ในทันทีว่าท่านน่าจะปกปักรักษาที่นี่มานานแล้ว
‘เจ้าหนู 2 คนนี้มากับเจ้าเองรึ’
“เจ้าค่ะ”
‘พลังงานดี...พวกเจ้าเข้ามาอยู่ที่นี่ได้’
‘ขอบพระคุณขอรับ / ขอบพระคุณขอรับ’
‘เรียกข้าว่าปู่ และก็ไม่ต้องใช้คำอะไรพวกนี้หรอก’ ปู่เจ้าที่เอ่ยบอกน้ำมนต์ และกุมารทองทั้งสองเสียงเรียบ ถึงภายนอกท่านจะดูดุดัน แต่ความเป็นจริงท่านเป็นเจ้าที่ที่ใจดีอีกตนที่เธอได้มีอากาศคุยด้วยเลยก็ว่าได้
‘ขอรับปู่ / ขอรับปู่’
“ท่านปู่เจ้าขาหนูขอถามอะไรหน่อยได้ไหมจ๊ะ?”
‘อยากรู้เรื่องผู้หญิงที่ตามเจ้าของบ้านหลังนี้ใช่ไหมล่ะ?’
“เจ้าค่ะ”
‘กรรมใครกรรมมัน เมื่อมีชะตากรรมร่วมกันแล้วก็ยากที่จะหนีกันพ้น’
“...”
‘ปู่บอกหนูได้แค่ว่า...ผีผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตามเขาตลอดเวลา และพลังงานของเธอก็ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้หนูไม่ต้องห่วง’
“เจ้าค่ะ”
‘แต่กับอีกดวงวิญญาณก็ไม่แน่ ปู่สัมผัสได้ว่าช่วงหลังๆ มานี้ดวงจิตของมันจะแข็งแรงขึ้น’
“อีกดวงวิญญาณ...”
‘มันคือโหงพราย ก่อนหน้านี้มันไม่เคยเข้าใกล้เขามันเฝ้าดูเขาอยู่ห่างๆ จนกระทั่ง...’
“โหงพรายทำให้เขาประสบอุบัติเหตุเหรอจ๊ะ?”
‘ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่บริเวณบ้านหลังปู่ก็ไม่สามารถช่วยเขาได้แล้ว’
“เพราะแบบนี้สินะยายถึงได้ย้ำกับหนูนักหนา...”
‘เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง และหนูกับเขาจะผ่านเรื่องนี้ไปได้’
เสียงของยายแม้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวของน้ำมนต์ ใจหนึ่งเธอก็ไม่ได้อยากยุ่งกับผู้ชายคนนั้นอีก แต่อีกใจเธอก็ไม่สามารถปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปโดยที่เธอไม่ทำอะไรเลยไม่ได้เหมือนกัน
‘อย่าลังเลเลยหนู เขาเหลือแค่หนูคนเดียว’
“แต่เขาปากร้ายมากนะคะปู่”
‘ฮ่าฮ่าฮ่า ปู่ไม่เคยเห็นว่าเขาจะด่าใคร เขาเป็นเด็กที่อ่อนน้อมถ่อมตน...เขาด่าหนูรึ?’
“เขาด่าหนูนี่แหละจ้ะ”
“เธอคุยอยู่กับใคร?” เสียงเรียบดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง พร้อมกับเสียงฝีเท้าของเจ้าของเสียงกำลังเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ด้านหลังของน้ำมัน
“ไม่ได้ยินรึไง ฉันถามว่าเธอคุยกับใคร?”
“คุยกับใคร...หนูไม่ได้คุยกับใครเลยนะคะ”
“โกหก”
“...”
“เป็นเด็กเป็นเล็กก็หัดโกหกแล้วรึไง?”
“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะ อีกไม่กี่เดือนก็ 20 แล้วนะคะ” น้ำมนต์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนที่เธอจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับร่างสูงของเพิร์ช ริมฝีปากบางเอ่ยบอกกับเขาอย่างไม่ยอม
‘คำก็เด็กสองคำก็เด็ก’ ใครๆ ก็บอกว่าน้ำมนต์เป็นเด็ก แต่ทุกคนก็เอาแต่ฝากความหวังไว้ที่เด็กอย่างเธอเสมอ...
“ยอมรับแล้วว่าโกหก”
“หนูไม่อยากคุยกับพี่เพิร์ชแล้วค่ะ” พูดจบร่างบางก็เดินหนีเขาไปทันที
“เดี๋ยว!! สรุปเธอคุยกับใครกันแน่”
ข้อมือบางถูกคว้าเอาไว้อย่างแรงก่อนที่เขาจะกระชากร่างบางของหญิงสาวเข้าหากายหนา พร้อมกับแขนแกร่งอีกข้างของเขากอดรัดเอวบางของเธอเอาไม่แน่น
“ปล่อยหนูนะ”
“เธอก็ตอบคำถามของฉันมาก่อนสิ”
“...”
“ว่าไง?”
“หนูคุยกับท่านปู่เจ้าที่ค่ะ”
“ห๊ะ?”
“เห็นไหมหนูพูดไปพี่เพิร์ชก็ไม่เชื่อ”
“เพ้อเจ้อ สมองของเธอยังมีอยู่ไหม” เพิร์ชเอ่ยบอกกับร่างบางในอ้อมกอดของเขาเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาของเธออย่างจับผิด
“...” น้ำมนต์หยุดดิ้นก่อนที่เธอจะจ้องหน้าชายหนุ่มตรงหน้ากลับไปเช่นกัน
เขาเป็นคนอย่างไงกัน...พอเธอไม่พูดเขาก็บังคับให้เธอพูด แต่พอเธอพูดเขาก็มาบอกว่าเธอโกหกบ้างแหละ เธอเพ้อเจ้อบ้างแหละ...
“มองหน้าฉันทำไม”
“พี่เพิร์ชลืมไปแล้วเหรอคะ...”
“ลืม?”
“พี่เพิร์ชเคยบอกกับหนู... ‘ห้ามมาโดนตัวของฉันอีกไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน’ จำได้ไหมคะ?”
“รู้ตัวไหมคะ? ตอนนี้พี่กำลังกอดหนูอยู่”
น้ำมนต์เอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงเรียบ คำพูดของเธอทำให้เขาชะงักนิ่งงันไปในทันที
ปึก!! เท้าเรียวกระทืบลงที่เท้าหนาของร่างสูงตรงหน้าอย่างแรง จนเขาเผลอปล่อยร่างบางของเธอเป็นอิสระ
“อ๊ะ!!”
“ขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบร่างบางก็รีบวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ในทันที ในขณะที่ชายหนุ่มก็ยังคงมองตามแผ่นหลังบางไปจนลับตา
“...” ชายหนุ่มหันกลับมามองศาลเจ้าที่อีกครั้ง เขาไม่เคยมีความเชื่อในเรื่องของเจ้าที่เจ้าทาง หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับเลยแม้แต่น้อย เขาเชื่อในวิทยาศาสต์ที่สามารถอธิบายได้ตามหลักของเหตุและผล
อย่างศาลเจ้าที่ที่ตั้งอยู่นี้แม่ของเขาเป็นคนจัดการเองทั้งหมด เพราะถ้ารอเขาจนตอนนี้ก็คงยังไม่ได้ตั้ง
“ยัยเด็กนั้นจะเห็นจริงๆ เหรอวะ เพ้อเจ้อชิบ” ชายหนุ่มพึมพำออกมา ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้ายังยังคฤหาสน์หลังงามของเขาตามเดิม
‘นังหนูน้อยน่าจะเจองานใหญ่เสียแล้ว หึหึ’
‘ไอ้หน้าอ่อนนั่นมันกอดหลานเรานะเว้ยไอ้ทอง’
‘เออข้าก็เห็น...พวกหนูไปทำให้ไอ้หนุ่มนั่นเห็นดีไหมจ้ะปู่’
‘นั่นสิ...จะได้เชื่อน้ำมนต์สักที’
‘ปล่อยให้หนูน้ำมนต์จัดการไปเถอะ ว่าแต่พวกเองเล่นหมากรุกเป็นไหมล่ะ’
‘เป็นจ้ะ’
‘มาดวนกันสักตา’
‘ปู่จะสู่พวกหนูได้เหรอจ๊ะ’
‘นั่นสิจ๊ะ พวกหนูไม่อยากลังแกคนแก่หรอกนะจ๊ะ’
‘อุบ๊ะ!!! ไอ้พวกนี้’
ดวงจิตทั้งสามหายวับไปก่อนที่บรรยากาศโดยรอบจะกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง ใบไม้ยังคงปลิวไสวไปตามแรงลม เหล่านกน้อยใหญ่ยังคงขับขานท่วงทำนองที่แสนไพเราะออกมาตามธรรมชาติของพวกมัน
“ฮึ่ย!!! ‘8 เดือนใช่ไหมที่ฉันต้องอดทนกับเธอ’ หนูก็ต้องอดทนกับพี่เหมือนกันไม่ใช่แค่พี่อดทนกับหนูคนเดียวซะหน่อย” น้ำมนต์เรียนแบบเสียงของเพิร์ชที่เคยพูดไว้กับเธอก่อนหน้านี้ หญิงสาวพึมพำออกมาเสียงใสพร้อมกับยู่หน้าเล็กน้อยให้กับภาพของตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกตรงหน้า
“คนนิสัยไม่ดี”
9 ปีต่อมา... “น้ำฟ้าพร้อมนะ”“พร้อมค่ะ” น้ำฟ้าในวัย 8 ขวบเอ่ยบอกกับเพื่อนของเธอในวัยเดียวกันเสียงอ่อน ก่อนที่เด็กสาวทั้งสองคนจะพากันกระโดดลงมาจากชิงช้า ด้วยความเป็นเธอโตมากับพี่ๆ ที่เป็นผู้ชาย ทำให้เด็กหญิงน้ำฟ้าดูแก่นแก้วกว่าเด็กสาวในวัยเดี๋ยวกัน“อะ โอ้ยยยย!!!”“บันนี่!!!” น้ำฟ้าร้องเรียกเพื่อนของเธอออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งเข้าไปดูเพื่อนรักในทันที“เราขอดูหน่อยนะ” มือบางนวดข้อเท้าของเพื่อนตัวเองเบาๆ ก่อนที่เด็กหญิงจะเปิดกระเป๋าและหยิบยาขึ้นมาทาให้กับคนตรงหน้าอย่างเบามือ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนที่น้ำฟ้าจะลุกวิ่งออกไปทางโรงอาหารที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล“น้ำฟ้า”“ไปไหนมาเหรอ?”“ไปทำที่ประคบเย็นมาน่ะ น่าจะช่วยแก้ปวดได้ดีกว่า”“เราประคบเย็นให้แล้วอาจจะช่วยบันนี่เบาปวดลงได้บ้าง กลับบ้านไปพยายามอย่าให้บริเวณที่เจ็บโดนความร้อนนะ”“ทำไมละ?” บันนี่เอ่ยถามน้ำฟ้าออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เธอจะมองไปที่เพื่อนรักอย่างรอคำตอบ“ถ้าเส้นเลือดบริเวณนี้ขยายตัวมันจะทำให้บันนี่ปวดและก็จะหายช้าลงด้วย” น้ำฟ้าอธิบายให้เพื่อนของเธอฟังอย่างใจเย็น ก่อนที่เธอจะเก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋าเป้ของตัว
“พี่เพิร์ชจะรีบไปไหนคะ?” น้ำมนต์เอ่ยถามชายหนุ่มออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะวางร่างบางของเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ“รีบตามไอ้ฮันเตอร์ครับ”“พี่ฮันเตอร์ทำไมคะ?”“ไอ้ฮันเตอร์มันลูก 4 แล้วนะครับเราต้องรีบตามไป” เพิร์ชยกยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะ กระโดดขึ้นไปคล่อมร่างบางของคนรักเอาไว้ในทันที ชายหนุ่มค่อยๆ โน้มใบหน้าหล่อเหลาของเขาลงใกล้กับใบหน้าของหญิงสาว...“เดี๋ยวค่ะ...”“ครับ?”“หนูขออาบน้ำก่อนได้ไหมคะ?”“หึหึ ได้สิครับ” เพิร์ชหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างรู้ทันในความคิดของของร่างบางตรงหน้า ก่อนที่ชายหนุ่มจะหลบทางเพื่อให้เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำได้สะดวกยิ่งขึ้น“ขอบคุณค่ะ”“ต้องการผู้ช่วยถอดชุดไหมครับ?”“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ดีกว่าหนูไม่อยากรบกวนพี่เพิร์ช”น้ำมนต์ถอดชุดเดรสของตัวเองออกจากร่างบางของตัวเองต่อหน้าหมอเพิร์ช ก่อนที่เธอจะเดินเข้าห้องน้ำไปหญิงสาวหันกลับมามองชายหนุ่ม พร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา“หึหึ”“...” น้ำมนต์เดินเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่เธอจะหยุดยืนอยู่ที่หน้ากระจกเงา หญิงสาวมองไปยังนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของตัวเองที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มหวานอีกครั้ง“ไม่อยา
ณ บ้านพักตากอากาศปราณบุรี“พวกเราจะใส่ได้จริงๆ เหรอ?” ตะวันที่นั่งเงียบดูน้ำมนต์กับชูใจลองชุดอยู่นานเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับมองชุดบิกินี่สีชมพูบานเย็นในมือของตัวเองอย่างหนักใจ ตะวันจำได้ดีว่าครั้งล่าสุดที่เธอใส่บิกินี่โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสามีของเธอมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง“ใส่ได้ค่ะ เชื่อชูใจสิพี่ตะวัน”“จริงด้วยค่ะ มีแต่พวกเราพี่ฮันเตอร์ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ”“เอางั้นก็ได้จ้ะ” ตะวันเอ่ยบอกกับน้องๆ ก่อนที่เธอจะเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำทันที“ถ้าไม่มีผ้าก๊อซปิดแผลคงจะสวยกว่านี้นะคะ” น้ำมนต์มองตัวเองในกระจกก่อนที่เธอจะยู่หน้าขึ้นมาเล็กน้อย ทันทีที่เห็นผ้าก๊อซแปะอยู่บนหน้าผากของเธอ“ไหนพี่ขอดูหน่อยสิ” ชูใจเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของน้ำมนต์ ก่อนที่มือบางจะประคองปลายคางของหญิงสาวพร้อมกับหมุนไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อดูความเรียบร้อยให้กับคนตรงหน้า“เป็นไงบ้างค่ะ?”“ไม่ว่ามุมไหนน้ำมนต์ก็สวย เดี๋ยวตอนถ่ายรูปถ่ายมุมนี้นะพี่รับรองความปัง”“ค่ะ”“แล้วบิกินี่สีฟ้าแบบนี้เข้ากับหนูไหมคะพี่ชูใจ?”“สวยมากค่ะลูกสาว” ชูใจเอ่ยบอกกับน้ำมนต์เสียงหวาน พร้อมกับมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างช่างใจ บิกินี่สีส้มแบบนี้ยิ
ณ โรงพยาบาลเอกชน“ไอ้เพิร์ช / ไอ้เพิร์ช” เสียงของฮันเตอร์กับสกายร้องเรียกเพิร์ชรักของเขาออกมาเสียงหลง ก่อนที่ทั้งคู่จะวิ่งมาหาชายหนุ่มอย่างร้อนใจสกายจับตัวเพิร์ชหมุนไปมาเพื่อสำรวจความเรียบร้อย จนชายหนุ่มที่พึ่งประสบอุบัติเหตุมาได้ไม่นานเวียนหัวไปหมด แต่เพิร์ชก็ไม่ได้คิดจะห้ามปรามอะไรเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนรักเป็นห่วงเขามาก และที่สำคัญเขามีคนให้ต้องสนใจมากกว่า ‘น้ำมนต์’“น้ำมนต์ล่ะคะ?” ตะวันที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ทันทีที่ทุกคนรู้ว่าหมอเพิร์ชกับน้ำมนต์ประสบอุบัติเหตุก็รีบพากันมาที่โรงพยาบาลในทันที โดยมีชูใจคอยดูแลเด็กๆ อยู่ที่บ้านพัก...“อยู่ในห้องฉุกเฉินครับ”“น้องเป็นยังไงบ้าง?” ฮันเตอร์เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปตบไหล่แกร่งของเพื่อนรักเพื่อปลอบใจเพิร์ช สกาย และฮันเตอร์เป็นเพื่อนกันมานานแค่มองตาก็รู้ใจแล้ว ถึงบุคลิกของเพิร์ชจะดูเป็นคนขรึมๆ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกกับใครทั้งนั้น แต่ครั้งนี้มันต่างไปเพิร์ชที่เก็บสีหน้าเก่งมาตลอดกลับแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด“ยังไม่ออกมาเลยว่ะ”“...”“กูเคยคิดว่าตัวเองเป็นหมอที่เก่งช่วยคนมาได้ไม่รู้
วันต่อมา...“แม่รักลูกนะ“หนูก็รักแม่ค่ะ”น้ำหนึ่งกอดลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอไว้แน่น มือบางลูบลงที่หัวน้อยๆ ของเด็กสาวตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ก่อนที่ทั้งคู่จะคลายอ้อมกอดออกจากกัน หญิงสาวจึงเดินเข้าไปกอดยายของเธอที่ยืนอยู่ไม่ได้“อยู่กับพี่เขาก็อย่าดื้อ ตั้งใจเรียนนะลูก จุ๊บ~” ยายแม้นเอ่ยบอกกับร่างบางเสียงอ่อนพร้อมกับจุ๊บลงที่หน้าผากหลานสาวอย่างอ่อนโยน“จ้ะยาย”“เดินทางปลอดภัยนะลูก” นทีกอดตอบลูกสาวตัวน้องของเขา มือหนาลูบลงที่หัวของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะกระซิบเบาๆ ที่ข้างหนูของเธอเพื่อให้รู้กันเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น“ถ้าหนูอยากจะหนีก็โทรบอกมาหาพ่อ พ่อจะรีบไปพาลูกหนีได้ทุกเวลาที่หนูต้องการ เข้าใจไหมยัยหนูน้อยของพ่อ...?”“เข้าใจแล้วค่ะ”“หรือถ้าหนูอยู่แล้วไม่มีความสุขก็กลับมาบ้านเรานะลูก พ่อจะรออยู่ที่บ้านเสมอ”“จ้ะพ่อ” น้ำมนต์ยกยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าให้กับบิดาของเธอเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินไปยืนอยู่ข้างกายของหมอเพิร์ช“พวกเราลาครับ สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ”น้ำมนต์โบกมือลาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับทุกคน ก่อนที่หญิงสาวจะหันไปร่ำลากุมารน้อยทั้งสองตนเสียงอ่อน ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ตามกลับ
“ตรงนี้เงียบดีนะครับ” เพิร์ชเอ่ยขึ้นมาก่อนที่ชายหนุ่มจะจูงมือบางให้เดินตามเขาขึ้นไปยังศาลากลางน้ำ ดอกบัวชมพูที่บานสะพรั่งอยู่ในสระน้ำตรงหน้ายิ่งมองดูยิ่งน่าหลงไหล“ลมเย็นดีด้วยนะคะ” น้ำมนต์เดินไปนั่งลงบนม้านั่งพร้อมกับทอดสายตามองไปที่สระน้ำเบื้องหน้า“ครับ อากาศน่านอนจริงๆ” เพิร์ชเอ่ยบอกกับร่างบางเสียงอ่อน ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนอนหนุนตักของเธอ ชายหนุ่มดึงมือบางไปกุมเอาไว้ที่อกแกร่งของเขา พร้อมกับนิ้วเรียวลูบลงที่หลังมือบางของเธอเบาๆ“พี่เพิร์ชเก่งมากเลยนะคะเข้ากับที่บ้านของหนูได้เป็นอย่างดีเลย”“ก็พี่รักลูกสาวเขานี่ครับ พี่ก็ต้องทำให้พวกเขารักและไว้ใจพี่” มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มหวานออกมาพร้อมกับเอ่ยบอกกับเธอออกไปเสียงอ่อน“หนูรักพี่เพิร์ชนะคะ”จุ๊บ!!!“พี่ก็รักหนูครับ” ริมฝีปากหนาจุ๊บลงที่หลังมือของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกกับคำรักกับเธอออกไป‘น่าอิจฉาคนมีความรักจริงๆ โวย’‘เออวะ กลางนาก็ยังไม่เว้น’เสียงของใบเงินกับใบทองดังขึ้นมาจากด้านหลังของต้นไม้ใหญ่ ก่อนที่ร่างของกุมารน้อยทั้งสองตนจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกจากตักของหญิงสา