00.00 น.
~ครืนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนนนน~
“อื้อออ…” เสียงครางเบาๆ ดังขึ้นมาจากร่างบางที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ก่อนที่มือของเธอจะเอื้อมขึ้นไปเปิดไฟบริเวณหัวเตียง
ทันทีที่ไฟภายในห้องสว่างร่างบางของชูใจก็ค่อยๆ ขยับมือบางของตัวเองขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงอย่างอ้อยอิ่ง ในขณะที่ดวงตาของเธอยังคงปิดสนิทอยู่
“ชูใจ”
”เบียร์…!” ชูใจเอ่ยถามออกมาด้วยความร้อนใจพร้อมกับดวงตาของเธอเบิกโพรงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย เธอมีลางสังหรณ์ว่ากำลังเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นกับเพื่อนรักเธอ
“เกิดอะไรขึ้นเบียร์?”
ปกติแล้ววเพื่อนรักของเธอไม่เคยโทรมาเวลานี้ และคนที่เกรงใจคนอื่น ไม่ค่อยยอมรับความช่วยเหลือจากใครถ้าตัวเองไม่ไหวจริงๆ อย่างฟองเบียร์ไม่มีทางโทรหาเธอในเวลานี้โดยที่ไม่มีเรื่องด่วนอย่างแน่นอน
(ช่วยเราด้วยชู…เรากลัว ฮืออออ…)
“ตอนนี้เบียร์อยู่ที่ไหน?” ร่างบางขยับลุกขึ้นนั่งในทันทีพร้อมกับคิ้วเรียวของชูใจขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามปลายสายออกไปทันทีด้วยความเป็นห่วง ชูใจคิดว่าในตอนนี้เธอควรช่วยเพื่อนเสียก่อน ส่วนรายละเอียดว่ามันเกิดอะไรขึ้นค่อยถามเพื่อนรักทีหลังก็ยังไม่สาย
(ฮืออออ เราอยู่ที่ผับ xx ซอย 4 ปังๆ อือออ รีบมานะชูใจ) ฟองเบียร์เอ่ยบอกกับเพื่อนรักเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว
“มะ ไม่ต้องวางนะ เราจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้” ชูใจเอ่ยบอกกับปลายสายก่อนที่เธอจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างลนลาน หลังจากที่ชูใจจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้วเธอจึงรีบวิ่งออกมาจากบ้านทันทีโดยที่เธอไม่ได้บอกกับพี่สาวที่ป่านนี้คงนอนหลับสนิทไปแล้ว
(ปังๆๆ!!…อีเบียร์มึงอยู่ในนี้ใช่ไหม เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะเว้ย) เสียงดังออกมาจากปลายสายทำให้ชูใจรีบเร่งฝีเท้าวิ่งออกไปยังหน้าปากซอยทันที ชูใจพอจะเดาได้ว่าเพื่อนรักของเธอกำลังหลบหนีใครสักคน และดูเหมือนว่ามันคนนั้นจะรู้แล้วว่าฟองเบียร์ซ่อนอยู่ที่ไหน
“อย่าเปิดออกไปนะ เราได้รถแล้วอีก 10 นาทีเราจะถึง…พี่คะ ขับให้ไวกว่านี้ได้ไหมคะ?” ชูใจเอ่ยบอกกับปลายสาย ก่อนจะหันไปบอกกับพี่คนขับรถเเท็กซี่อย่างลนลานด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“นี่พี่ก็เร่งสุดๆ แล้วนะน้อง”
(อย่าให้กูจับมึงได้นะ กูเอามึงตายแน่อีเบียร์) เสียงที่ดังออกมาจากปลายสายทำให้คิ้วเรียวของชูใจกระตุกขึ้นมาอีกครั้ง เธอจำเสียงนี้ได้ดีว่ามันเป็นเสียงของใคร
เจ้าของเสียงต้องเป็น ‘ไอ้บาส’ น้องชายของฟองเบียร์ไม่ผิดอย่างเเน่นอน
“ไม่ต้องกลัวนะเบียร์ ตอนนี้เราถึงแล้วเบียร์อยู่ส่วนไหนของผับ” ชูใจเดินลงจากรถก่อนที่เธอจะมองซ้ายทีขวาทีอย่างประหม่า ซอยนี้เป็นซอยโลกีไม่มีใครไม่รู้จัก ซอยทั้งซอยเต็มสถานบันเทิง และอาบอบนวด ซึ่งมีทั้งนักท่องเที่ยวชายไทยและชาวต่างชาติเดินเที่ยวกันจนเต็มถนน
(เราอยู่ในห้องน้ำหญิงชั้นหนึ่ง)
“เรากำลังไป…” ชูใจสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปยังผับตรงหน้าทันที
หญิงสาวร่างบอกบางที่สวมใส่เพียงเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงช้างขายาวพร้อมกับร้องเท้าแตะหูหนีบช้างดาวคู่ใจ การแต่งกายของชูใจเรียกสายตาให้แขกที่เข้ามาใช้บริการในสถานบันเทิงแห่งนี้หันมามองเธอเธอเป็นตาเดียว เพราะปกติผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาที่นี่มักจะนุ่งน้อยห่มน้อยซึ่งต่างจากชุดที่ชูใจสวมใส่อยู่อย่างเห็นได้ชัด
“…” ขาเรียวของชูใจก้าวเข้ามาภายในผับ เธอมองตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลโดยที่เธอไม่ได้หันไปสนใจสายตาของใครทั้งนั้น คนเดียวที่ต้องสนใจในตอนนี้ก็คือเพื่อนรักของเธอ ชูใจมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังยืนเคาะประตูก่อนที่มือบางของเธอหยิบขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้ามาถือเอาไว้
ปัง! ปัง! ปัง!
“อีเบียร์ออกมาสักทีสิวะ…มึงอย่าทำเป็นไม่เคยไปหน่อยเลย ยอมๆ พวกเสี่ยเขาหน่อยไม่ได้รึไงวะ”
“ไอ้บาส” ชูใจเอ่ยเรียกร่างสูงตรงหน้าเสียงเรียบ
ปึก!!
เพล้ง!!!
“อีชู ใจ...มึง!” บาสหันกลับมามองตามเสียงเรียกก่อนที่ใบหน้าคมเข้มจะมองไปยังหญิงสาวที่มาใหม่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ แต่เขาไม่ทันได้พูดอะไรออกมาขวดเหล้าในมือของร่างบางก็ฟาดลงที่หัวของชายหนุ่มทันทีโดยที่เขาเองก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“เบียร์นี่ชูใจเองรีบออกมาเร็ว” ชูใจเอ่ยบอกกับเพื่อนรักอย่างร้อนใจ ในขณะที่สายตาของเธอยังคงจับจ้องไปยังร่างสูงที่ล้มลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นตรงหน้า มือหนาของมันค่อยๆ ยกมือขึ้นมากุมหัวของตัวเองเอาไว้พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด
แอ๊ดดดดด!!!
”อีชูใจ…มึงงงง” บาสชี้หน้าชูใจพร้อมกับเรียกร่างบางตรงหน้าอย่างโกรธแค้น
“ชูใจ” เบียร์เปิดประตูออกมาพร้อมกับกระโดดกอดเพื่อนรักของตัวเองเอาไว้ทันทีด้วยความดีใจ
“เรารีบไปกันเถอะ” ชูใจดึงมือเบียร์ให้วิ่งตามเธอออกไป แต่ยังไม่ทันที่สองสาวจะได้ออกไปไหนไกลชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ก็พากันวิ่งมาทางพวกเธอ ไม่ต้องบอกก็พอรู้ว่าชายพวกนี้มีจุดประสงค์อะไร
“จับไว้…อย่าให้พวกมันหนีไปได้เด็ดขาด” บาสตะโกนบอกกับกลุ่มชายฉกรรจ์เสียงดังลั่น เสียงที่ดังขึ้นมานั้นไม่ได้ทำให้ชายร่างบึกบึนพวกนั้นมองมาที่ชูใจและฟองเบียร์เพียงอย่างเดียว แต่หญิงสาวทั้งสองคนที่กำลังวิ่งอยู่ไม่ไกลก็หยุดชะงักและมองไปยังพวกเขาด้วยเช่นกัน
“เบียร์วิ่ง!…” ชูใจดึงมือเพื่อนสาวให้วิ่งตามเธอไปในทันทีที่เห็นว่ากลุ่มชายฉกรรจ์กำลังวิ่งมาทางพวกเธอ
“เราแยกกกันหนีดีกว่า ถ้าไปด้วยกันเราไม่รอดทั้งคู่แน่” เบียร์เอ่ยขึ้นก่อนจะดึงมือของตัวเองออกจากการจับกุมของเพื่อนรัก
“เราไม่อยากทำให้ชูใจเดือดร้อนไปด้วย”
“ไม่… ”
“ไปสิ” ฟองเบียร์ตะคอกชูใจเสียงดังลั่น ก่อนที่เธอจะมองมาที่เพื่อนรักด้วยแล้วตาที่เต็มไปด้วยความเป็นกังวล
“ปลอดภัยแล้วโทรมานะ” แววตาาของหญิงสาวตรงหน้ากดดันให้ชูใจต้องทำตามที่เธอบอกอย่างว่าง่าย
ชูใจออกวิ่งไปทางซ้ายอย่างไม่คิดชีวิตในขณะที่ฟองเบียร์ก็วิ่งออกไปอีกทางเช่นกัน ฟองเบียร์หันกลับไปมองชูใจเพื่อนรักที่กำลังวิ่งไปเป็นระยะๆ ก่อนที่ด้วยตากลมจะเบิกกว้างขึ้นทันทีที่เห็นกลุ่มชายร่างยักษ์จำนวน 3 คนวิ่งตามชูใจไปติดๆ
“คุณสกายไม่สนใจน้องๆ สักคนเหรอครับ” ชายร่างอ้วนท้วมทรงเสี่ยเอ่ยถามหนุ่มหล่อรุ่นราวคราวเดียวกับลูกของเขาออกมาอย่างนุ่มนวล ในขณะที่มือหนายังคงลูบไล้สาวน้อยทั้งสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ของตัวเองอย่างหลงใหล
“ไม่ล่ะครับ…เชิญคุณธวัชชัยกับเพื่อนๆ ตามสบายครับ วันนี้ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมมีธุระต้องไปจัดการต่อ”
“วันนี้ผมต้องขอขอบคุณคุณสกายมากนะครับ หวังว่ารอบหน้าผมจะมีโอกาสร่วมงานกับคุณสกายอีก”
“ด้วยความยินดีครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินออกไปอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับลูกรักของเทพเจ้าทำให้ชายหนุ่มเป็นจุดสนใจของบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ที่กำลังส่งสายตาเชื้อเชิญมาให้กับเขา
“เฮ้อ!” สกายถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะหยิบแวนตาราคาแพงของเขาขึ้นมาสวมใส่เอาไว้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอแบบนี้เขาไม่สามารถห้ามคนอื่นได้เพราะฉะนั้นเขาเลือกที่จะเมินเฉยไม่สนใจใครหน้าไหนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“ตายเเล้ว!!!…พ่อจ้าแม่จ้าช่วยลูกด้วย“
ชายหนุ่มหยุดชะงักไปทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของหญิงสาวที่มีใบหน้าสวยหวานจับใจ เธอร้องตะโกนดังขึ้นมาแต่ไกลไม่มีใครที่อยู่บริเวณนี้ไม่ได้ยินเสียงเธอ
ร่างบางที่กำลังวิ่งผ่านหน้าของเขาไป สกายมองภาพของหญิงสาวที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปตามเส้นทางตรงหน้าด้วยความสงสัยว่าเธอวิ่งหนีอะไรมา ก่อนที่คำตอบของเขาจะวิ่งตามเธอมาติดๆ
“…” สกายยกยิ้มออกมาพร้อมกับเกาจมูกคมสันได้รูปสวยของตัวเองเบาๆ อย่างกำลังใช้ความคิด ก่อนที่ขายาวจะก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆ
“ยังตามมาอีกเหรอเนี่ย?” ชูใจหันไปมองด้านหลังก่อนที่ร่างบางจะมองไปยังทางสามแยกตรงหน้าอย่างคิดไม่ตก เธอไม่เคยมาที่ซอยนี้มาก่อนเธอจึงไม่รู้ว่าในสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้เธอควรจะไปทางไหนดี
“ทางนี้แล้วกัน…ว๊ายยยยย!!” ชูใจพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเลี้ยวไปทางซ้ายมือ แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับเธออยู่ๆ ร่างบางของชูใจก็ถูกดึงอย่างแรงเข้าไปหลบอยู่บริเวณซอกตึกที่ทั้งมืดทั้งเปลี่ยว
“อื้ออออ” ชูใจร้องออกมาด้วยความตกใจ ดวงตากลมเบิกโพรงพร้อมกับมองไปยังชายร่างสูงใหญ่ตรงหน้าอย่างหวาดกลัว หญิงสาวพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากการจับกุมของเขา แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถสู้แรงของชายหนุ่มได้เลย
“ชู่!!” ชายหนุ่มมองไปยังหญิงสาวตรงหน้าพร้อมกับส่งสัญญาณให้เธอเงียบปากลงเสีย...
4 เดือนต่อมา...ห้องคลอด“พี่สกายคะ พี่สกาย”“พี่สกาย”“คะ ครับ” พี่สกายขานรับเสียงเรียกของฉันออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะขยับหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของฉัน“ถ้าหนพูดอะไรซึ้งๆ พี่จะร้องไห้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปเสียงอ่อน ในขณะที่คุณหมอกับพยาบาลกำลังทำคลอดให้กับฉัน ฉันเลือกที่จะคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอด ฉันยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างกลัวฉันจึงขอคลอดลูกด้วยวิธีนี้“ร้องครับ หนูรู้ไหมหัวใจของพี่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว” พี่สกายเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาคลออยู่ที่ตาคมทั้งสองข้างของเขา“หนูได้ยินอยู่ค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้างครับ?” พี่สกายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาจับไหล่เปลือยเปล่าของฉันเอาไว้“หนูรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมูที่กำลังขึ้นเขียงเลยค่ะ”“หมูน้อยของพี่”“หัวอยู่นี้...” เสียงของคุณหมอที่พูดขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของฉันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข“ตื่นเต้นครับ หนูตื่นเต้นไหมครับ?”“ตื่นเต้นค่ะ พี่สกายใจเย็นๆ
1 ปีต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจเป็นเพื่อน และเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเบียร์กับหม่อน ชูใจสมควรที่จะมีความสุขที่สุด เพราะชูใจเป็นผู้หญิงที่มีแต่ให้ไม่ว่าจะกับใคร...”“ถ้าวันนั้นเบียร์ไม่ได้ชูใจช่วยเอาไว้ วันนี้เราคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฮึกกกกก พี่สกายโชคดีมากนะคะที่ได้ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้ไปครอบครอง ฝากเพื่อนรักของพวกเราด้วยนะคะ”ฟองเบียร์เช็คคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยความในใจออกมาเสียงสั่น ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเธอทำให้ทุกคนทราบซึ้งและเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาเป็นอย่างดี“ขอบคุณค่ะ เราเองก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันพี่มีเบียร์กับหม่อนเป็นเพื่อน” ฉันรับกระดาษทิชชูมาจากเจ้าบ่าวของฉันก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองอย่างเบามือ พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสองคนออกไปเสียงใสตามความรู้สึกของตัวเอง“ลำดับต่อไปเชิญคุณตะวันค่ะ”“ก่อนอื่นตะวันต้องขอขอบคุณแขกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาไกลถึงภูเก็ต และก็ขอขอบคุณทุกท่านที่รักและก็เอ็นดูชูใจน้องสาวของตะวัน ขอบคุณมากค่ะ”“ชูใจ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เราสองคนจำความได้ ไม่ว่าพี่จะมีปัญหาอะไรก็มีน้องคอยช่วยเหลืออยู่
[สกาย]1 สัปดาห์ต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจหลับไปแล้วเหรอวะ?” ไอ้เพิร์ชเอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“หลับไปแล้ว”ขณะนี้ครอบครัวของผมอยู่กันที่ภูเก็ต ผมกับชูใจตัดสินใจร่วมกันว่าจะพาลูกที่จากไปของเรามาลอยอังคารที่นี่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่กับชูใจตลอดเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นผมรู้ดีว่าชูใจคือคนที่เจ็บปวดที่สุดเธอย้ำกับผมหลายต่อหลายครั้งว่าเราสองคนต้องไปต่อ ‘เธอเชื่อว่าสักวันลูกจะกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง’ เธอทำให้ผมเห็นว่าเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่“แล้วนี้มึงจะเอายังไงต่อวะ?” ไอ้ฮันเตอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะยื่นเอกสารในมือมาให้กับผม“โชคดีของพวกมันที่ชิงตายกันไปก่อน ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้พวกมันรู้ว่าตายทั้งเป็นเป็นยังไง” ผมอ่านเอกสารผลการชันสูตรพลิกศพในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังท้องทะเลที่มืดสนิทตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ผมว่างเอกสารลงตรงหน้าก่อนที่เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี...ผมแค่ไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความอดทนของผมสิ้นสุ
ห้องพักฟื้น...“ชูใจ” สกายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบแก้มขาวเนียนที่บวมช้ำเป็นรอยแดงของร่างบางอย่างเบามือ“พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดี...พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มอุ้มมากุมมือบางของคนรักเอาไว้ไม่ยอมห่างสายตาของทุกคนมองไปยังสกายและชูใจเป็นตาเดียวด้วยความสงสารทั้งคู่จับใจ รอไม่นานหมอเจ้าของไข้กับเพิร์ชก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับ“หมอชูใจเป็นยังไงบ้าง?” สกายเอ่ยถามคุณหมอตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอเพิร์ชเพื่อนรักของเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างรอคำตอบ“ไอ้เพิร์ช?”“ตอนนี้คุณชูใจพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ...”“ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าหมอต้องการอะไรผมจะหามาให้...” สกายยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้อง เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นมาเป็นระยะ“แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมไม่สามารถช่วยเหลือทารกในครรภ์ของเธอได้ครับ”“มะ หมายความว่ายังไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหมอหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาคมมองไปยังชายตรงหน้าและเพื่อนรักของเขาสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ
รถสปอร์ตหรูชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพลิกคว่ำต่อหน้าต่อตาของเขา หัวใจของที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบเขาทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ชูใจ!!” เสียงของสกายร้องเรียกคนรักของเขาออกมาเสียงหลง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุตรงหน้าทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ด้านในจับใจ“ชูใจ!! มะ ไม่นะ” ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอด้วยความหวาดกลัว ตะวันรู้ดีว่าในรถคันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชูใจน้องสาวของเธอเพียงคนเดียว แต่มีหลานสาวของเธอที่อยู่ในครรภ์ของชูใจอีกด้วยที่เธอเป็นห่วง“พี่ตะวัน” เสียงของน้ำมนต์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะกอดตะวันเอาไว้แน่น ในขณะที่เพิร์ชกับฮันเตอร์ และลูกน้องของพวกเขาช่วยสกายดึงประตูรถหรูที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษเหล็กออก~~วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~“หนูครับ” ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสกายก็รีบอุ้มคนรักของเขาออกมาทันที ขายาวรีบก้าวไปยังรถพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลในทันที“หนูครับ ได้ยินเสียงพี่ไหม ฮึกกกก ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่หน่อยนะครับ” สกายมองดูเลือดที่ไหลท่วมร่างบางในอ้อมกอดของเขาด้วยความเจ็บ
“สามคนพ่อ แม่ ลูกงั้นเหรอคะ?” ฉันเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่องมือทั้งสองข้างของฉันจะถูกมัดตรึงเอาไว้ด้านหลัง แต่ตัวของฉันยังคงขยับได้อยู่ ฉันค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับพวกเขา พร้อมกับพยายามแกะเชือกที่มัดมือของฉันออก“ชูใจ!!!”“เธอไม่ได้สลบอย่างนั้นเหรอ?” พี่โมนาเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความตกใจ“ใช่ฉันไม่ได้หลับ ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันชัดทุกคำ”“งั้นเธอก็รู้แล้วสินะว่าลูกในท้องของฉันเป็นลูกของไนท์ไม่ใช่ไอ้สกาย” พี่โมนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบอย่างไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิด“ไหนๆ เธอก็ต้องตายอยู่แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ...”“คืนนั้นไอ้สกายมันเรียกหาแต่เธอ พอฉันพามันมาถึงเตียงมันก็อ้วกใส่ฉันและก็หลับเป็นตาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับมันและก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย”“พี่ทำแบบนี้ทำไมคะ?”“ไนท์?” ฉันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าแต่เธอกลับเงียบใส่ฉัน ฉันจึงหันไปเรียกอดีตเพื่อนรักของฉันแทน ฉันมองไปที่ไนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“ไอ้สกายมันทำให้น้องของฉันต้องตาย มันพรากแก้วตาดวงใจไปจากฉันมันก็สมควรได้รับแบบนั้นกลับไปเช่นกัน” ฉันหันมาจ้อง