ปณาลีใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการทำอาหารมื้อเย็นสำหรับต้อนรับเพื่อนบ้านคนใหม่ เธอตั้งใจทำทุกเมนูอย่างพิถีพิถันและจัดวางอย่างสวยงามบนโต๊ะอาหารในห้องทานข้าว บรรยากาศภายในบ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารและเสียงเพลงเบาๆ ที่เธอเปิดคลอไว้เพื่อสร้างบรรยากาศ
“พี่ยี่หวาครับ ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ” ปณวัฒน์ตะโกนบอกจากห้องรับแขก
“รู้แล้วจ้า ปัณก็ไปเตรียมตัวได้แล้วนะ” ปณาลีตอบกลับไปขณะกำลังจัดจานสุดท้ายให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเดินออกมาจากห้องครัว เธอเห็นน้องชายในชุดเสื้อกล้ามตัวโปรดกับกางเกงขาสั้น เธอก็รีบปรามทันที
“ผมไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลยพี่”
“พี่ว่าเปลี่ยนเสื้อหน่อยดีไหม”
“อาศิลาเขาเป็นคนสบายๆ นะพี่ผมว่าใส่แบบนี้ก็ได้”
“ใส่เสื้อกล้ามกินข้าวกับคนที่เพิ่งรู้จักพี่ว่ามันไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ ถ้าอยากใส่จริงเอาไว้ครั้งหน้าดีไหม”
“ก็ได้ครับแม่” เขาพูดประชดก่อนจะรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อ
หลังจากนั้นไม่นานเสียงกริ่งจากหน้าบ้านก็ดังขึ้น
“อาศิลามาแล้ว” ปณวัฒน์บอกพี่สาวด้วยน้ำเสียงดีใจ ก่อนรีบวิ่งไปที่หน้าประตูรั้วทันทีด้วยความตื่นเต้น
ปณาลีถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินตามน้องชายไปที่ประตูรั้ว เธอเห็นร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มยืนรออยู่หน้าประตูรั้วในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนสีเข้มสี
ศิลารู้สึกดีเอามากๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านทั้งสองคนออกมารับด้วยท่าทางยินดี
“สวัสดีครับอาศิลา เข้ามาเลยครับ” ปณวัฒน์เปิดประตูรั้วและผายมือเชิญ
“สวัสดีครับ” ศิลาทักทายเสียงนุ่มพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้กับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ปณวัฒน์
“อาศิลาครับนี่พี่สาวของผมครับ ชื่อพี่ยี่หวา พี่ญี่หวาครับนี่อาศิลาเพื่อนบ้านคนใหม่ของเราครับ”
“สวัสดีค่ะอาศิลา ยินดีต้อนรับเพื่อนบ้านคนใหม่นะคะ เชิญเข้าไปในบ้านก่อนนะคะ” ปณาลียกมือไหว้ทักทายอย่างมีมารยาทพร้อมกับรอยยิ้ม ยิ่งเห็นเขาใกล้ๆ แบบนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าใบหน้าของเขาช่างคุ้นตาเหลือเกิน เธอพยายามนึกว่าเคยเจอเขาที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออกจริงๆ เธอรู้สึกเหมือนเคยเห็นดวงตาเย็นชาคู่นี้มาก่อน แต่ก็ไม่แน่ใจนัก
“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับและอาหารมื้อค่ำนะครับ” ศิลาขอบคุณเจ้าของบ้านด้วยยิ้มอบอุ่นของผู้ใหญ่ใจดี เขาอยู่คอนโดมานานจนลืมแล้วว่าการมีเพื่อนบ้านมันเป็นแบบไหน เพราะที่นั่นทุกคนอยู่แต่ในห้องของตัวเองเจอกันแค่ตามหน้าลิฟต์และโถงทางเดิน
ชายหนุ่มเดินตามเจ้าของบ้านเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่จัดไว้อย่างเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น
“เชิญนั่งก่อนครับ แล้วนั่นอาศิลาเอาอะไรมาด้วยเหรอครับ” ปณวัฒน์ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นศิลาวางถุงบางอย่างลงบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา
“อาซื้อขนมมาฝาก” ศิลาตอบและยื่นกล่องให้ปณวัฒน์
“ของโปรดพี่สาวผมเลยนะครับ” เขาพูดแล้วส่งถุงให้พี่สาวตนเองดู
“ว้าว.....ทิรามิสุ” ปณาลีอุทานออกมาด้วยดีใจแล้วหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกได้ว่าเคยเห็นหน้าเขาที่ไหน
“ดีใจนะที่ขอบ”
“ยี่หวาไปซื้อขนมที่ร้าน แต่ทางร้านเขาบอกว่าหมด ยี่หวาเลยนึกแล้วว่าเห็นหน้าอาศิลาที่ไหน ก็นึกอยู่ว่าทำไมหน้าคุ้นจัง”
คำพูดของเธอทำให้ศิลาและปณวัฒน์มองหน้ากันอย่างแปลกใจ ศิลาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ยี่หวาไปร้านขนมมาด้วยเหรอ” ศิลาถาม
“ใช่ค่ะ เมื่อตอนบ่ายๆ อาศิลาจำไม่ได้เหรอคะก็อา เป็นคนเปิดประตูให้ตอนยี่หวากำลังจะเข้าไปในร้าน”
“น่าจะใช่ ขอโทษนะที่จำไม่ได้ว่าเราเคยเจอกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ได้กินของโปรดก็โอเคแล้ว ขอบคุณนะคะอาศิลา”
“อย่าเพิ่งกินตอนนี้นะพี่ยี่หวา เราไปกินข้าวก่อนดีกว่า” ปณวัฒน์รีบห้ามพี่สาวเพราะรู้ว่าปณาลีชอบทานขนมมากและบางครั้งก็ทานจนอิ่มแล้วเขาต้องนั่งทานข้าวคนเดียว
“รู้หรอกน่า เชิญค่ะอาศิลา”
ศิลาเดินตามทั้งสองคนเข้าไปในห้องทานข้าว บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอุ่นและเป็นกันเองจนคนที่เคยชินกับการทานข้าวคนเดียวหรือทานข้าวในห้องอาหารหรูๆ รู้สึกประทับใจกับอาหารมื้อแรกที่ได้ทานจากเพื่อนบ้าน
“อาหารอร่อยมากเลยนะยี่หวา” ศิลาเอ่ยชมอย่างจริงใจ สีหน้าของเขาไม่ได้เย็นชาเหมือนตอนแรกที่เจอกันอีกแล้ว
“ดีใจค่ะที่คุณอาชอบ” ปณาลียิ้มรับ
“อาศิลามากินข้าวที่บ้านเราบ่อยๆ สิครับไม่ต้องเกรงใจหรอก”
“ถ้าอาไม่ติดงานอาก็จะมานะ” ศิลาตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะว่างมาบ่อยๆ หรือเปล่า
“ผมถามได้ไหมครับว่าอาศิลาทำงานอะไร” ปณวัฒน์กลัวว่าจะเสียมารยาทแต่ก็อยากจะรู้อาชีพของเพื่อนบ้าน
“อาทำงานที่บริษัทนำเข้าสินค้าไอทีน่ะ” ศิลาตอบเรียบๆ เขาไม่ได้บอกว่าตนเองเป็นเจ้าของ ไม่ใช่เพราะอยากปิดบังแต่เขาเป็นคนไม่ชอบโอ้อวด
“หมายถึงพวกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เหรอครับ” ปณวัฒน์ถามด้วยความอยากรู้เพราะถ้าใช่แบบนั้นเขาก็จะมีที่ปรึกษาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ใหม่ดูแล้วน่าจะเข้าท่ากว่าปรึกษาพี่สาวหรือแฟนของเธอ
“ใช่ ปัณเคยได้ยินชื่อบริษัทxxxไหมล่ะ”
“เคยได้ยินครับบริษัทนี้มีสาขาเยอะมาก อาศิลาทำงานที่นั่นเหรอครับ”
“ใช่ อาทำงานที่นั่น”
“ว้าว....เจ๋งไปเลยครับ ผมกำลังอยากได้คอมพิวเตอร์ชุดใหม่อยู่พอดี ผมปรึกษาอาศิลาได้ใช่ไหมครับ” ปณวัฒน์ดีใจจนยิ้มกว้าง
“จะไปรบกวนอาศิลาหรือเปล่า”
“ไม่หรอกยี่หวา ปัณปรึกษาอามาเลย ถ้าปรึกษาแล้วซื้อที่อื่นอาก็ไม่ว่าแต่ถ้าซื้อของบริษัทที่อาทำงานก็บอกอาจะใช้สิทธิ์พนักงานดูส่วนลดให้”
“ต่อให้ไม่มีส่วนลดผมก็ซื้อร้านนี่อยู่แล้วครับ ร้านขายถูกบริการดีและมีสาขาเยอะ เวลามีปัญหาผมเข้าได้ทุกที่เลยใช่ไหมครับ” ปณวัฒย์ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง”
“ศึกษามาดีนี่ที่พูดมาถูกหมดเลย เขียนสเปกคร่าวๆ ให้อาดูได้ไหมอาจะช่วยดูว่ามันเหมาะกับงานที่ปัญบอกอาไว้หรือเปล่า” เขาเสนออย่างใจดี
“เรื่องนั้นเอาไว้คุยวันหลังดีไหม กินขนมก่อนนะ” ปณาลีบอกขณะเอาเค้กที่ตนเองซื้อมาใส่จานให้กับน้องชายและเพื่อนบ้าน
“เค้กช็อกฯหน้านิ่มของโปรดผมเลยครับ”
“แล้วอาศิลาละคะจะเลือกอะไรดีระหว่างนิวยอร์กชีสเค้กกับชีสเค้กคาราเมลอัลมอนด์”
“ทำไม่ให้เลือกแค่สองอย่างละพี่ยี่หวา ผมเห็นอาศิลาซื้อทิรามิสุมาด้วยนะ อย่าบอกว่าจะเก็บไว้กินคนเดียวทั้งหมด”
“อาเอาชีสเค้กคาราเมลอัลมอนด์ก็ได้”
“อาศิลาครับถ้าอาอยากกินทิรามิสุก็กินได้นะ ถึงจะเป็นอะไรที่พี่สาวผมชอบมากก็เถอะแต่คนเราก็ชอบเหมือนกันได้” ปณวัฒน์ตักเค้กเข้าปากแล้วมองหน้าพี่สาวที่เขาเดาออกว่ากำลังรุ่นให้อาศิลาไม่เลือกเค้กของโปรดของเธอ
“ยี่หวาชีสเค้กคาราเมลอัลมอนด์ให้อาอย่างเดิมนั่นแหละ ปกติอาไม่ชอบกินขนมเท่าไหรแต่เห็นว่าหน้าตามันน่าอร่อย”
“ได้ค่ะอ่าศิลา” ปณาลีรีบเอาเค้กใส่จานส่งให้เขาก่อนที่จะเอาทิรามิสุใส่จานให้ตัวเอง
“อร่อยดีนะ ไม่เลี่ยนอย่างที่คิด”
“เค้กร้านหน้าปากซอยอร่อยและไม่แพงค่ะ”
หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ทั้งสามคนก็นั่งพูดคุยกันต่อ ปณวัฒน์เล่าเรื่องราวในมหาวิทยาลัยที่เขากำลังจะเข้าไปเรียนอย่างตื่นเต้น ส่วนปณาลีก็เล่าเรื่องการทำงานของเธอให้ศิลาฟังเช่นกัน
“งั้นเรามาแลกช่องทางการติดต่อกันไว้ดีกว่านะครับอาศิลา” ปณวัฒน์เสนอเมื่อเห็นว่าบทสนทนากำลังจะสิ้นสุดลง
“ดีเหมือนกัน” ศิลาบอกพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ปณาลีและปณวัฒน์ก็ทำเช่นเดียวกัน ทั้งสามคนแลกไลน์และเบอร์โทรศัพท์กันเรียบร้อย
“ผมจะส่งสเปกคอมให้คุณอาในไลน์นะครับ” ปณวัฒน์บอกศิลา
“ได้เลย” ศิลาตอบ
“ขอบใจสำหรับมื้อเย็นนะ” ศิลาบอกปณาลีด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ยินดีค่ะอาศิลา แล้วแวะมาทานข้าวที่บ้านอีกนะคะ”
“ได้สิ งั้นอาขอตัวกลับก่อนนะ”
“ครับอาเดี๋ยวผมเดินไปส่ง” ปณวัฒน์บอก
ศิลาโบกมือลาสองพี่น้องแล้วเดินกลับบ้านของตัวเองอย่างช้าๆ หัวใจของเขารู้สึกแปลกไปจากเดิมอย่างบอกไม่ถูก บรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองในบ้านของสองพี่น้องทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กลับบ้านอีกครั้ง ความรู้สึกที่เขาไม่เคยได้รับจากใครมานานหลายปี
ปณาลีและศิลาไม่สามารถเก็บความลับไว้ได้นานพวกเขาตัดสินใจบอกปณวัฒน์ว่าตอนนี้กำลังคบหากันอยู่ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปณวัฒน์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นว่าพี่สาวตนเองมีคนดีๆ อย่างศิลาคอยดูแลและศิลาก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่เข้ามาในชีวิตของปณาลีแล้วปณวัฒน์ยอมรับเขาอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่เพราะเขามีอาชีพการงานดีมั่นคงแต่เพราะปณวัฒน์เห็นว่าคุณอาหนุ่มข้างบ้านคนนี้รักพี่สาวของเขาจริงๆ สายตาที่ศิลามองปณาลีนั้นปณวัฒน์รู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยจนปิดเอาไว้ไม่มิดแม้ว่าตกลงคบหาและบอกน้องชายให้รับรู้แล้วแต่ทั้งสองก็ยังคงอยู่กันคนละบ้านแต่จะเปลี่ยนไปนอนบ้านหลังนั้นทีหลังนี้ทีทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองวันแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นพรุ่งนี้ก็เป็นวันวันอาทิตย์ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ศิลาวางแผนเอาไว้แล้วว่าคืนวันเสาร์เขาจะไปหาเธอที่ห้องแล้วจะเป็นคนแรกที่มอบดอกกุหลาบให้เธอในวันวาเลนไทน์ เขาชอบที่ทำเซอร์ไพรส์ให้ปณาลีเพราะชอบที่เห็นสีหน้าดีใจตื่นเต้นแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ เธอก็ทำให้เขายิ้มได้อยู่ตลอดบ่ายวันเสาร์ทั้งสองช่วยกันทำอาหารก่อนจะทานด้วยกันจากนั้นก็นั่งดูทีวีด้วยกันจนถึงสี่ทุ่มศิลาก็ขอต
“อาศิลาคิดว่าพี่สาวผมเป็นยังไงบ้างครับ” ปณวัฒน์ถามขณะทั้งสองมานั่งดูฟุตบอลด้วยกันบริเวณห้องรับแขก“ก็ดีนะ ยี่หวาเป็นคนจิตใจดีทำอาหารอร่อยมากๆ ด้วย”“ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”“แล้วปัณหมายถึงแบบไหน” ศิลาแกล้งถาม“ผมหมายถึงว่าในมุมมองของอาศิลาพี่สาวผมพอจะเป็นแฟนอาศิลาได้ไหม”“นี่อานึกว่าปัณพูดเล่นนะ”“ผมไม่ได้พูดเล่นครับ ผมรู้สึกสบายใจมากๆ ที่อาศิลาย้ายมาอยู่ข้างบ้าน ได้ช่วยดูแลพี่สาวของผม” เขาพูดออกมาจากใจจริง ปณวัฒน์เป็นห่วงพี่สาวมากแต่เมื่อมีศิลาอยู่ข้างบ้านเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้น“แต่ไม่มีใครดูแลพี่สาวปัณได้ดีเท่าปัณหรอกนะ”“ไม่เลยครับ ผมยังเด็กดูแลพี่สาวได้แค่เล็กน้อยแต่ผมอยากให้อาศิลาช่วยดูแลพี่ยี่หวา”“ทำไมปัณพูดเหมือนจะไม่อยู่ที่นี่แล้วล่ะ”“ผมพูดเผื่อไว้ครับพี่ ผมเป็นผู้ชายนะอนาคตต้องออกไปเผชิญโลกจะให้ผมอยู่บ้านกับพี่สาวตลอดก็คงเป็นไปไม่ได้”“แล้วปัณไว้ใจอาเหรอถึงได้ฝากพี่สาวไว้กับอาแบบนี้”“ผมไว้ใจอาศิลาครับ อาเป็นผู้ใหญ่ผ่านอะไรมาเยอะผิดหวังกับความรักมาแล้ว ผมว่าอาศิลาเข้าใจความรู้สึกนั้นดีและคงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับใครใช่ไหม” เขาจ้องศิลาอย่างต้องการคำตอบ“ปัณรู้ไหม ปัณดูเป็นผู
ความสัมพันธ์ระหว่างศิลาและปณาลีพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นผ่านมาสามเดือนแล้วที่ทั้งสองคบหากันแบบไม่มีสถานะ แต่ความสุขกับเต็มเปี่ยม พวกเขาใช้เวลาด้วยกันอย่างเต็มที่เติมเต็มความรู้สึกดีๆ ให้กันในวันช่วงปิดเทอมเป็นช่วงที่ปณาลีกังวลมากที่สุดเพราะปณวัฒน์จะกลับมาอยู่บ้านและเธอกลัวเหลือเกินว่าน้องชายจะสังเกตเห็นว่าเธอกับคุณอาข้างบ้านไม่ได้เป็นแค่เพื่อนบ้านกันอีกต่อไปแล้วเย็นนี้ปณวัฒน์กลับจากหอพักโดยมีศิลาเป็นคนอาสาไปรับทั้งสองคนช่วยกันทำอาหารเย็นก่อนจะถึงเวลาที่ปณาลีจะกลับมาจากที่ทำงานหญิงสาวยิ้มเมื่อเห็นศิลาและปณวัฒน์กำลังช่วยกันทำอาหารอยู่ในครัวด้วยความตั้งใจ“พี่ยี่หวากลับมาแล้วเหรอ”“ทำอะไรกันอยู่เหรอ”“วันนี้ผมกับอาศิลาช่วยกันทำกับข้าว พี่มาดูสิว่ามันน่ากินขนาดไหน”ปณาลีวางกระเป๋าถึงลงบนโซฟาจากนั้นก็เดินมาในห้องครัวและมองบนโต๊ะที่มีผัดวุ้นเส้น น้ำพริกกะปิปลาทูทอดผักทอดและต้มยำรวมมิตรอีกหนึ่งอย่าง“น่ากินทั้งนั้นเลยช่วยกันทำสองคนเหรอ”“เปล่าหรอกยี่หวาส่วนใหญ่จะเป็นฝีมือปัณนะ อาก็แค่ช่วยหยิบจับแล้วก็หั่นพักบ้าง อาทำกับข้าวไม่เก่ง”“อาศิลาไม่ต้องทำกับข้าวเป็นหรอกครับ ให้พี่ยี่หวาเป็นคนทำให้กิ
“คนเก่งของอาเหนื่อยไหม” เขากระชับร่างหญิงสาวไว้แน่น แม้จะปลดปล่อยไปแล้วแต่เขายังไม่อิ่มเลยสักนิด ยิ่งสุขสมก็ยิ่งอยากได้เพิ่ม เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะกลายเป็นคนเซ็กซ์จัดมากขนาดนี้“อาศิลาล่ะคะ” ปณาลีเลือกที่จะถามกลับเพราะคนที่ออกแรงคือเขาไม่ใช่เธอ“ไม่เลย ถึงอาจะอายุเยอะแต่อาคิดว่าเรื่องนี้อาไม่มีทางแพ้ใครแน่ ยี่หวาเชื่ออาไหมล่ะ” ศิลาถามขณะไล้ปลายนิ้วไปตามผิวเนียนกระตุ้นอารมณ์ของหญิงสาวอย่างช้าๆ“ยี่หวาเชื่อว่าอาศิลาแรงดี”“ไม่ใช่แค่แรงดีนะยี่หวาเอวอาก็ยังดีด้วย ยี่หว่าทำให้อากลับมาเป็นหนุ่มและเสียวจนแทบขาดใจทุกครั้งอาไม่เสียน้ำให้ใครมากเท่านี้มาก่อน จากนี้อาคงขาดยี่หวาไม่ได้”“อาศิลาก็ทำให้ยี่หวามีความสุขทำให้ยี่หวาก็จะขาดอาไม่ได้เหมือนกันแต่คืนนี้.....” หญิงสาวตอบออกมาจากความรู้สึกใจเธอตอนนี้มันมีเขาเข้ามาแล้วแต่ยังไม่อยากยอมรับเพราะกลัวความผิดหวัง“อย่าห้ามอาเลย แรงอายังเหลือ ยี่หวาก็หายเหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ”ศิลาลูบไล้ไปตามผิวเนียนนุ่มอย่างหลงใหล สองมือเริ่มนวดเฟ้นอกอิ่มปลุกเร้าให้คนที่นอนพิงอยู่รู้สึกเสียวซ่านขึ้นมาอีกครั้ง ปณาลีรับรู้ได้ถึงความต้องการของชายหนุ่มเพราะท่อนเอ็นร้อนกำลั
ศิลาเพิ่มความเสียวซ่านให้กับปณาลีด้วยการขบเม้มลงบนเต้าอวบตรงหน้าก่อนจะดูดเข้าปากร้อนสลับไปมาจนหญิงสาวหูอื้อตาลายไปหมดเธอครางเรียกชื่อเขาแทบไม่ขาดปากเพราะความเสียวซ่านที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ“อื้อ...อาศิลา ยี่หวาเสียว”“อาก็เสียวมาก ยี่หวาของอาเก่งมาก...อ้า....ยี่หวาของอา”แรงบีบรัดของร่องสวาททำให้ศิลาครางแหบพร่าเมื่อหญิงสาวสะบัดสะโพกพลิ้วขึ้นลงไปตามอารมณ์ปรารถนา เสียงเนื้อกระทบกันไปทั่วรถ“อาศิลาขา....ไม่ไหว เสียวเกินไปแล้ว ยี่หวาใจจะขาด.....”“เสียวแล้วชอบไหม”“ยี่หวาชอบค่ะอาศิลา มันเสียว อื้อ....อาศิลาอ้า.....”ปณาลีกรีดร้องพร้อมเกร็งกระตุกรับท่อนเอ็นที่กระแทกเข้าหาอย่างหนักหน่วง ร่องสาวทตอดถี่กระตุ้นให้ศิลาส่งตัวตนเข้าออกอย่างไม่พักแล้วเขาก็สุขสมตามเธอไปติดๆ ทั้งสองหอบเหนื่อยจนตัวโยน“อาศิลายี่หวาหมดแรง”“แค่รอบเดียวเองนะยี่หวา”“แต่เมื่อกี้ยี่หวาเป็นคนทำ อาศิลาเอาเปรียบตัวเองไม่ได้ออกแรงเลย”“งั้นจากนี้ยี่หวาแค่นอนครางก็พอนะที่เหลืออาจัดการเองตกลงไหม”ศิลาดึงท่อนเอ็นออกแล้วอุ้มเธอกลับไปที่เดิมก่อนจะสวมกางเกงแล้วเดินอ้อมไปอุ้มหญิงสาวจากเบาะข้างคนขับ“เดี๋ยวสิคะอาศิลา ยี่หวาขอใส่เสื้
ปณาลีฉลองกับเพื่อนสนิทที่ร้านอาหารใจกลางเมือง เสียงหัวเราะและบทสนทนาสนุกสนานดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง“ยี่หวา ฉันว่าคุณศิลาเขาเป็นคนดีนะ ตกลงคบกับเขาเถอะ” วนรัตน์พูดขึ้นหลังจากปณาลีเล่าให้ฟังว่าช่วงนี้สนิทกับเขามากขึ้น“แล้วเรื่องข่าวลือว่าเขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศล่ะ ฉันกลัวว่ายี่หวาแต่งงานไปจะแห้งเหี่ยวเอานะ” ภัทรมนเป็นห่วง“เรื่องนั้นอาจจะแค่ข่าวลือก็ได้นะมน ฉันเองก็ฟังเขามาอีกที”คำพูดของเพื่อนทำให้คนฟังหน้าแดงเพราะศิลาไม่ได้เป็นแบบที่คนอื่นพูดถึงเลยเขาไม่ได้เสื่อมเลยสักนิดบางทีปณาลียังคิดว่ามันมากไปด้วยซ้ำและเธอก็ยอมเขาทุกครั้งเช่นกัน“ยี่หวาแกเมาแล้วเหรอหน้าแดงมาก”“เมาที่ไหนวันนี้ฉันแค่เบียร์ไปสองแก้วเองไม่มาหรอกน่า”“ไม่เมาก็ดีแล้ว วันนี้คุณศิลาเขาจะมารับใช่ไหมล่ะ เมามากๆ เขาลากขึ้นเตียงจะยุ่งเอานะ”“แกก็อย่าพูดแบบนี้สิมนเดี๋ยวยี่หวามันก็กลัวเจ้านายฉันหรอก ฉันอยากให้ยี่หวากับคุณศิลาคบกันนะ”“ไหนลองบอกมาสิว่าเจ้านายแกมีดีอะไรบ้างเผื่อว่าฉันจะลองเปิดใจ” ปณาลีอยากรู้มุมมองของวนรัตน์ที่มีต่อศิลาว่าเธอจะเห็นเหมือนกับที่ตนเองเห็นหรือเปล่า“ก็คุณศิลาเป็นเจ้านายที่ดี ไม่ถือตัว ขยันทำงานมาก