บทที่ 3
พี่น้องตระกูลหลี่
หลังจากยกน้ำชาเสร็จสิ้นตามพิธีการแล้ว มู่เสี่ยวชิงก็ได้ให้ทั้งสองไปพักผ่อนได้ ส่วนตัวนางกับสามีก็จะพักผ่อนกันที่ห้องหนังสือ ไม่รู้เป็นเพราะงานแต่งงานของบุตรชายคนโตหรือไม่ ถึงทำให้สามีของนางเริ่มรู้สึกตื่นตัวเช่นนี้ ตั้งแต่เมื่อคืนเขาก็เอาแต่คลอเคลียนางมิยอมห่าง เช้าวันนี้ยังอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศเป็นห้องหนังสือเสียนี่ ตัวนางเองก็ไม่กล้าขัดใจสามีเสียด้วยสิ
เขาต้องการสิ่งใด นางล้วนเต็มใจช่วยเขาปรนเปรอได้ทั้งสิ้น ความรักของนางกับเขายังคงเร่าร้อนมิเปลี่ยนแปลง!
หลี่เหวินซานเดินนำหวงไป๋เฟิ่งไปยังศาลาไม้ในสวน ขณะเดียวกันเขาก็เอ่ยอธิบายสถานที่ต่าง ๆ ในจวนตระกูลหลี่ไปด้วย ทว่าทั้งสองไม่ได้เดินเล่นกันเพียงลำพังแต่ยังมีน้องสาวและน้องชายของเขาติดตามมาด้วย ทั้งสองอยากจะทำความรู้จักกับพี่สะใภ้คนใหม่ผู้นี้นัก
"เดินมาไกลมากแล้ว นั่งพักกันที่นี่ก่อนเถิด เดี๋ยวจะมีคนนำขนมหวานกับน้ำชามาให้"
"เจ้าค่ะ" ทั้งสี่เดินไปนั่งยังศาลาไม้ในสวน
"พี่สะใภ้ ท่านงดงามมากเลยเจ้าค่ะ ข้าจำท่านแทบไม่ได้เลย"
'หลี่ฉิงเซียว' คุณหนูเล็กของตระกูลหลี่ ปีนี้นางอายุย่างเข้า 15 หนาวแล้ว นางมีใบหน้างดงามจิ้มลิ้มน่ารักเอ็นดู ดวงตาคู่สวยสุกสกาวเป็นประกายดั่งนัยน์ตากวาง
"แต่ข้าจำเจ้าได้นะ เจ้าชอบวิ่งไล่ตามพวกเราไปทุกที่เลย ไม่คิดว่าไม่ได้เจอกันไม่กี่ปี เจ้าจะกลายเป็นสตรีที่น่ารักสดใสเช่นนี้ งดงามมิแพ้ท่านป้า... เอ่อ ท่านแม่เลย"
เมื่อมีคนเอ่ยชื่นชมเช่นนี้ หลี่ฉิงเซียวก็ยิ้มกว้างด้วยความยินดียิ่ง นางรู้สึกถูกชะตากับพี่สะใภ้ผู้นี้นัก! รู้สึกราวกับได้เพื่อนเล่นคนใหม่เลย หลังจากพี่หญิงใหญ่จากบ้านไปอยู่แดนใต้ นางก็เหงาเหลือเกิน จะพูดคุยกับพี่ ๆ เรื่องของสตรีก็ไม่ได้ความนัก
"พี่สะใภ้ปากหวานยิ่ง คิกคิก"
"เจ้าน่ะ! ใครชมก็เขินอายขนาดนี้เชียว เจ้าควรจะสงวนท่าทีบ้างนะเซียวเอ๋อร์" หลี่เหวินซานโยกศีรษะน้องสาวด้วยความเอ็นดู
"พี่ใหญ่ ผมข้ายุ่งไปหมดแล้ว พี่รอง...ท่านช่วยข้าด้วย"
หลี่ฉิงเซียวหันไปหาพี่รองของตน นางรู้ดีว่ามีเพียงพี่รองที่ไม่กลั่นแกล้งนาง
"พี่สะใภ้เพิ่งจะมาถึงเมืองหลวง คงมีสถานที่ที่อยากจะไปเยี่ยมชมใช่หรือไม่ ข้าสามารถพาพี่สะใภ้ไปได้นะขอรับ พี่ใหญ่นั้นงานยุ่งนัก"
'หลี่เฟิง' คุณชายรองผู้อ่อนโยนในวัย เอ่ยขึ้นอย่างใจดี เพราะเขามีนิสัยที่อ่อนโยนและมักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เขาจึงตระหนักได้ว่าพี่สะใภ้คงจะรู้สึกเหงาเป็นแน่ ถ้าต้องอยู่คนเดียวในตอนที่พี่ใหญ่ต้องออกไปทำงานที่ค่ายทหาร
"มีหลายที่ที่ข้าอยากจะไปชมด้วยตัวเองเลยล่ะ หากไม่รบกวนเจ้าเกินไปนัก พี่สะใภ้ผู้นี้..."
"ข้าพาไปเอง" หลี่เหวินซานเอ่ยแทรกขึ้นมา
"ท่านพี่จะว่างหรือเจ้าคะ มิใช่ว่างานราชการรัดตัวหรือ"
"แค่พาเจ้าไปเที่ยวเล่นชั่วครู่ไม่นับว่ายุ่งอันใดหรอก อาเฟิงชอบไปนั่งจิบชาอ่านตำราเรียนมากกว่า เจ้าอย่าไปรบกวนเขาเลย"
"ไม่รบกวนเลยขอรับ ข้ายินดี" หลี่เฟิงรีบตอบด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
"ข้าเองก็จะพาพี่สะใภ้ไปเที่ยวเล่นเช่นกันเจ้าค่ะ พี่ใหญ่สามารถไปทำงานได้อย่างสบายใจได้เลย จะกลับจวนหนึ่งเดือนครั้งอย่างที่เคยเป็นก็ได้ ข้ากับพี่รองจะช่วยดูแลพี่สะใภ้ให้เองเจ้าค่ะ"
หลี่ฉิงเซียวเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น ทุกคนในจวนต่างรู้ดีว่าพี่ใหญ่แทบจะกินนอนที่ค่ายทหารอยู่แล้ว
"ข้าบอกจะพานางไปเอง หากวันใดข้าไม่ว่างพวกเจ้าก็ค่อยพาพี่สะใภ้ไปเที่ยวเล่นก็แล้วกัน" หลี่เหวินซานเอ่ยตอบเสียงเข้ม
"ขอรับ/เจ้าค่ะ"
สองพี่น้องขานรับ ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่เป็นอะไรถึงได้ทำหน้าตาน่ากลัวเช่นนั้น
"ขนมมาแล้ว รีบทานเถิด"
หลี่เหวินซานยื่นจานขนมให้หวงไป๋เฟิ่ง นางรีบหยิบขนมดอกท้อขึ้นมาทานด้วยความสนใจ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกท้อทำให้ยิ่งรู้สึกอยากอาหาร เมื่อลองชิมเข้าไปก็ยิ่งรู้สึกชอบยิ่งนัก
"ขนมนี่รสชาติดีมากเลยเจ้าค่ะ ทั้งหอมและหวานละมุนมาก" ดวงตาของหวงไป๋เฟิ่งเป็นประกายระยิบระยับ
"ถ้าชอบก็ทานเยอะ ๆ ไว้วันหลังจะให้คนไปซื้อมาให้อีก"
"นี่ไม่ใช่ขนมที่จวนหรือเจ้าคะ"
"ไม่ใช่"
ด้วยความสงสัยหลี่ฉิงเซียวจึงหยิบขนมขึ้นมาทานบ้าง นางกัดเพียงแค่คำเดียวก็รู้เลยว่าเป็นขนมขึ้นชื่อของร้านดอกท้อลอยลม
"นี่มัน... ขนมจากร้านดอกท้อลอยลมนี่เจ้าคะ"
"ใช่! เจ้าน่ะทานให้มันน้อย ๆ หน่อยเถิด ทานมากไปจะไม่ดีต่อเจ้าเอาได้นะ"
ในตอนที่หลี่ฉิงเซียวจะหยิบขนมขึ้นมาอีกชิ้นกลับถูกหลี่เหวินซานสกัดเอาไว้ เขามองนางด้วยสีหน้าตำหนิเล็กน้อย ด้วยขนมดอกท้อจากร้านดอกท้อลอยลมนี้หาซื้อได้ยากมาก เขาต้องให้คนไปต่อแถวตั้งแต่เช้าตรู่ หากน้องสาวของเขาทานจนหมดหวงไป๋เฟิ่งก็จะไม่ได้ทานขนมขึ้นชื่อนี้
"พี่ใหญ่รังแกข้าอีกแล้ว ข้าแค่จะทานอีกชิ้นเดียวเอง" หลี่ฉิงเซียวมองค้อนพี่ชายด้วยความไม่พอใจ
"เจ้าชอบก็ช่วยพี่ทาน พี่ท่านคนเดียวคงไม่หมดหรอก"
หวงไป๋เฟิ่งอมยิ้มพลางหยิบขนมอีกชิ้นให้หลี่ฉิงเซียวอย่างใจดี นางเหลือบสายตาไปมองสามีเล็กน้อย อดจะนึกขำกับการกระทำของพวกเขาสองพี่น้องไม่ได้ สามีของนางชอบดุแต่ก็ใจดีไม่น้อยทั้งยังใส่ใจนางด้วย ส่วนหลี่ฉิงเซียวอายุยังน้อยจึงมีนิสัยซุกซนและเอาแต่ใจไปบ้าง แต่นางไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผู้ใดเลย
ทว่าหลี่เฟิงนั้นแม้จะดูอ่อนโยนสุภาพเรียบร้อย แต่ดวงตาของเขาที่จ้องมองนางนั้นให้ความรู้สึกราวกับถูกจับจ้องจนทะลุไปถึงหัวใจ สายตาของเขาราวกับคอยสอดส่องตลอดเวลาอย่างนั้นแหละ
"พี่สะใภ้ของเจ้าใจดี ต่อไปก็เชื่อฟังนางให้มาก ๆ เล่า" หลี่เหวินซานหันมากำชับน้องสาว
"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ พี่รองท่านลองทานดีหรือไม่เจ้าคะ" นางยื่นขนมไปให้พี่ชายคนรอง
"ไม่ดีกว่า ข้ากลัวจะถูกพี่ใหญ่ไล่ตีเพราะไปแย่งขนมพี่สะใภ้ทาน"
หลี่เฟิงเอ่ยเย้าพี่ชายของตัวเอง ก่อนจะเสหยิบชาขึ้นมาดื่มพลางสังเกตพี่สะใภ้ไปด้วย ตัวเขาเป็นคนที่ชอบมองทุกสิ่งอย่างพิจารณาจึงอดไม่ได้จริง ๆ
"คุณหนูรองเจ้าคะ คุณหนูรองชุนมาขอพบเจ้าค่ะ ตอนนี้นั่งรออยู่ที่เรือนรับรองของเรือนใหญ่แล้วเจ้าค่ะ"
สาวใช้นางหนึ่งเข้ามารายงาน นางมีสีหน้ากังวลใจเล็กน้อยเมื่อมองเลยไปทางหวงไป๋เฟิ่ง ซึ่งการกระทำของนางล้วนตกอยู่ในสายตาของชุนหลัน
"ฮุ่ยผิงหรือ เหตุใดนางถึงมาวันนี้เล่า"
หลี่ฉิงเซียวรู้สึกไม่ดีนัก คนภายนอกควรรู้ดีว่าวันนี้ตระกูลหลี่ไม่ต้อนรับแขก เนื่องจากเป็นวันต้อนรับสะใภ้คนใหม่ของจวน และสถานะของฮุ่ยผิงก็ไม่ค่อยเหมาะสมนักที่จะมาที่จวนเวลานี้
"คุณหนูรองชุนบอกว่าจะมาชวนคุณหนูไปช่วยเลือกซื้ออาภรณ์เจ้าค่ะ แต่บ่าวบอกไปแล้วว่าคุณหนูไม่สะดวกนัก"
"ช่างเถอะ ๆ ในเมื่อนางมาแล้วข้าก็จะออกไปพบนางเอง"
"เจ้าค่ะ"
สาวใช้เดินปลีกตัวออกไปแล้ว หลี่ฉิงเซียวก็หันมายิ้มให้กับทุกคนก่อนจะขอตัวไปพบสหาย คล้อยหลังที่นางจากไปหลี่เฟิงก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก
"ตระกูลชุนช่างไม่รู้จักกาลเทศะ ควรหรือที่จะส่งคุณหนูรองชุนมาที่นี่เวลานี้"
"อาเฟิง... พอเถอะ"
"พี่ใหญ่ใจอ่อนเกินไปนะขอรับ ยิ่งท่านทำเช่นนั้นพวกเขายิ่งได้ใจ คนก็ตายไปนานแล้วยังไม่ล้มเลิกที่จะคิดเรื่องนั้นอีก ทั้งที่ตอนนี้พี่ใหญ่ก็มีพี่สะใภ้แล้วทั้งคน"
"พี่จะจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าวางใจเถิด"
สองพี่น้องถกเถียงกันไปมาโดยที่หวงไป๋เฟิ่งเอาแต่ทานขนม ทว่าหูของนางกลับลอบฟังสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันแล้วประมวลผลในใจ ดูท่าคุณหนูรองชุนผู้นี้จะไม่ธรรมดาเลย และอะไรคือสิ่งที่ตระกูลชุนมุ่งหวังเอาไว้ เห็นทีนางคงต้องสืบเรื่องของตระกูลชุนเอาไว้บ้างเสียแล้ว!
บทที่ 33สาเหตุที่แท้จริงหลี่เหวินซานมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยอาการสงบ คราแรกเขาก็เตรียมใจมาแล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเป็นแน่ แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องในจวนตระกูลชุนจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ "กุมตัวไปขังคุกหลวงทั้งหมด ยกเว้นนาง" เขาเอ่ยสั่งการเสียงเข้มก่อนจะชี้มือไปยังฟางหรู จินเกอที่ติดตามมาด้วยได้เข้ามาควบคุมตัวฟางหรูเพื่อพาไปสืบสวนต่อไป เรื่องของนางนั้นมีเบื้องลึกเบื้องหลังไม่ธรรมดาเลยค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์ฟางหรูถูกนำตัวมาขังยังคุกของค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์ มือเท้าของนางถูกตรึงด้วยโซ่ตรวนที่ยากจะหลบหนีออกไปได้ ห้องขังนี้เป็นห้องขังเดี่ยวที่มีไว้สำหรับนักโทษสำคัญ หลังจากหลี่เหวินซานเข้าไปรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้แล้ว เขาก็ได้มาหาฟางหรูเพื่อไต่สวนนางต่อไป ยังคงมีเรื่องของชุนอวิ๋นที่เขายังไม่รู้ รวมถึงการตายที่แท้จริงของนาง ด้วยตอนนี้ชุนฮูหยินได้เสียสติจนมิอาจให้การอะไรได้อีกแล้ว"เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วยสินะฟางหรูที่สวมรอยอวิ๋นเอ๋อร์" ใบหน้าคมเข้มตวัดสายตามองอดีตสาวใช้ข้างกายของชุนอวิ๋น มิน่าเล่านางถึงได้เลียนแบบชุนอวิ๋นอย่างไร้ที่ติ ทั้งยังรับรู้เรื่องราวข
บทที่ 32ปิดจบเรื่องนี้หลี่เหวินซานมองทุกคนไปมา ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเป็นเขาที่ไม่รู้อะไรเลย ทุกคนต่างร่วมกันแสดงงิ้วฉากใหญ่นี้ขึ้นมา โดยที่ไม่คิดว่าตัวเขานั้นจะรู้สึกเจ็บปวดใจเช่นไร ทั้งที่สามารถบอกเขาก่อนได้"ท่านพี่คงกำลังคิดว่าเหตุใดพวกเราถึงไม่บอกท่านใช่หรือไม่ ดังเช่นที่ท่านพี่ไม่บอกข้าว่ากำลังทำอะไรอยู่ ปล่อยให้ข้านอนร้องไห้หลังจากกลับจากโรงเตี๊ยม ถ้าไม่ใช่เพราะอาเฟิงแอบมาบอกว่าทุกอย่างที่ท่านพี่ทำลงไปเพื่อสืบหาตัวจริงของชุนอวิ๋น ข้าคงได้เป็นบ้าตายและทำเรื่องไม่ยั้งคิดไปเสียแล้ว" หวงไป๋เฟิ่งยังคงรู้สึกน้อยใจสามีในเรื่องนี้ นางยังเสียใจที่เขาเข้าข้างชุนอวิ๋นและดูเป็นห่วงอีกฝ่ายมากเรื่องเกิน"เรื่องนั้น... พี่ทำไปเพราะต้องการกันเจ้าให้ออกห่างจากเรื่องนี้ มันอันตรายมากนะเฟิ่งเอ๋อร์ ชุนอวิ๋นผู้นั้นเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่านางมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ และเหตุใดนางถึงได้สวมรอยได้เหมือนกับชุนอวิ๋นตัวจริงยิ่งนัก เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวพันแค่เพียงพวกเราแต่ยังเกี่ยวข้องกับบ้านเมืองด้วย""ข้ารู้ว่าท่านพี่เป็นห่วงข้า แต่เราเป็นสามีภรรยากันก็มิควรมีเรื่องปิดบังกันมิใช่หรือเจ้าคะ วันนั้นท่านพี่ก็
บทที่ 31ข่าวร้ายมาเยือนจวนตระกูลหลี่ตกอยู่ในสถานการณ์เคร่งเครียด เมื่อหวงไป๋เฟิ่งเกิดอาการตกเลือด สายวันนี้นางกำลังเล่นตุ๊กตาไม้กับโม่ลี่อินและหลี่ฉิงเซียว จู่ ๆ นางก็เกิดอาการปวดหน่วงที่ท้องอย่างรุนแรง แต่ที่น่าตกใจคือมีเลือดไหลออกมาจากหว่างขา ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างอยู่ในอาการตื่นตระหนก "ฮือ ๆ ป้าฉะใภ้ไม่ฉะบายเพราะอินเอ๋อร์ ฮือ ๆ" โม่ลี่อินที่เห็นเหตุการณ์อยู่ในอาการหวาดผวา นางคิดว่าเพราะหวงไป๋เฟิ่งเล่นกับนางจึงได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ หลี่เพ่ยจูต้องรีบเข้ามากอดปลอบบุตรสาวเป็นการใหญ่"ไม่ใช่ความผิดของอินเอ๋อร์ของแม่หรอกนะ ป้าสะใภ้แค่ไม่สบายชั่วครู่เดี๋ยวก็จะออกมาเล่นกับอินเอ๋อร์แล้ว""จริงนะเจ้าคะ ทั่นแม่ไม่หลอกข้านะ""แม่เคยหลอกเจ้าหรือ วันพรุ่งป้าสะใภ้ก็มาเล่นกับเจ้าได้แล้ว แต่ว่าวันนี้เราต้องปล่อยให้ป้าสะใภ้พักผ่อนก่อนนะ""อื้อ ๆ อินเอ๋อร์จะไปฉวดมนต์ขอพรให้ป้าฉะใภ้หายป่วยไว ๆ เจ้าค่ะ"เด็กน้อยเดินตามมารดากลับไปยังเรือนนอนของตน ก่อนจะผล็อยหลับไปโดยที่นอนกอดตุ๊กตาตัวโปรดเอาไว้...หลี่เหวินซานมาถึงจวนตระกูลหลี่โดยใช้เวลาน้อยกว่าปกติมากนัก เขารีบตรงดิ่งไปยังเรือนนอนของหวงไป๋เฟิ่งทั
บทที่ 31ไม่ปล่อยผ่านคืนนั้นหลี่เหวินซานนอนที่ห้องด้านข้าง เขาไม่ได้เข้าไปนอนในห้องกับหวงไป๋เฟิ่ง ทิ้งให้หญิงสาวต้องนอนเพียงคนเดียวท่ามกลางอากาศที่เริ่มเย็นลง เรื่องการนอนแยกห้องนอนนี้ต่างลือกันไปทั่วในหมู่บ่าวไพร่ รวมไปถึงเจียวจูผู้คอยส่งข่าวให้กับตระกูลชุนด้วย หลังจากนางทำงานเสร็จก็ปลีกตัวออกจากประตูด้านหลังจวนแล้วลอบมุ่งหน้าสู่ตระกูลชุนคำรายงานของเจียวจูนั้นชุนเจ๋อรับฟังด้วยอาการสงบ เขามอบเงินให้กับข่าวนี้ไปไม่น้อยเลย สร้างความพึงพอใจให้กับเจียวจูเป็นอย่างมาก หญิงสาวรีบกลับจวนตระกูลหลี่ทันที ทำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น!ห้องหนังสือตระกูลชุนชุนอวิ๋นเข้ามาพบชุนเจ๋อตามคำสั่งของเขาด้วยท่าทีสงบ นางนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามเพื่อรอฟังว่าเขาเรียกนางมาที่นี่ทำไม"ท่านพ่อเรียกหาข้าหรือเจ้าคะ""ใช่แล้ว สายของเราเพิ่งมาส่งข่าวเรื่องในตระกูลชุน แม้ว่าที่ผ่านมาเจ้าจะทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมที่ทำให้ทั้งสองแตกคอกัน แต่ข้าคิดว่าความพยายามของเจ้าอาจจะเสียเปล่าก็เป็นได้""ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ""ท่านหญิงหวงไป๋เฟิ่งอาจจะท้อง!" "อะไรนะเจ้าคะ!!" ชุนอวิ๋นลุกพรวดด้วยความตกใจ "เรื่องนี้ยังไม่
บทที่ 30หลี่เพ่ยจูชุนฮุ่ยผิงตกใจกับการกระทำของชุนอวิ๋นมาก นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่นางถูกอีกฝ่ายทำอย่างนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นพี่ใหญ่ของนางจะยอมนางมาโดยตลอด"จะ เจ้ากล้าทำร้ายข้า ข้าจะไปฟ้องท่านพ่อ""ไปสิ รีบไปฟ้องท่านพ่อเลยนะ แล้วมาดูกันว่าท่านพ่อจะทำอย่างไร" ชุนอวิ๋นตอกกลับด้วยน้ำเสียงกดต่ำ สายตาที่นางใช้มองชุนฮุ่ยผิงมีแต่ความเกลียดชังที่อัดแน่นอยู่ในอก"จะ เจ้ามันบ้าไปแล้ว" ชุนฮุ่ยผิงรู้สึกหวาดกลัวพี่สาวต่างมารดาผู้นี้เป็นครั้งแรก นางรีบวิ่งหนีจากไปทันทีเพื่อไปฟ้องชุนเจ๋อ ทว่ากลับต้องพบกับความผิดหวังเมื่อชุนเจ๋อมิได้สนใจนาง ทั้งยังบอกให้นางเตรียมตัวเข้าวังให้ดี อีกไม่กี่วันจะต้องร่วมคัดเลือกพระชายาในองค์รัชทายาท ชุนฮุ่ยผิงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องประหลาด เหตุใดท่านพ่อถึงได้ยอมพี่สาวคนนี้มากนัก ไม่ปกติ! ทุกคนในตระกูลไม่มีใครปกติเลยสักคน แม้แต่แม่ใหญ่ก็เช่นกัน...ชุนอวิ๋นนั่งมองกล่องไม้เนื้อหอมขนาดเล็กที่เอากลับมาจากบ้านผู้เฒ่าจื่อด้วยสายตาเหม่อลอย จู่ ๆ น้ำตาของนางก็ไหลออกมาด้วยความรู้สึกเศร้าใจที่กดซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ"ข้าทำถูกแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ..." น้ำเสียงหวานเอ่ยกับ
บทที่ 29ขอคนรักคืนชุนอวิ๋นลุกขึ้นยืนมาเผชิญหน้ากับหวงไป๋เฟิ่งอย่างไม่หลบเลี่ยง ในสายตาของนางมองอีกฝ่ายด้วยความถือดี ในเมื่อนางทำให้หลี่เหวินซานกลับมาสานความสัมพันธ์กับนางไม่ได้เพราะเขาเกรงใจท่านหญิงผู้นี้ เช่นนั้นนางก็จะเอ่ยปากขอคนรักของนางคืน!"ชุนอวิ๋น! เจ้าพูดอะไรออกมา" หลี่เหวินซานลุกพรวดด้วยความตกใจ"ท่านพี่เหวินซาน ข้าต้องขอโทษท่านด้วยที่ข้ามิอาจจะลืมเลือนท่านได้ แม้ว่าความทรงจำของข้าจะไม่ได้หวนคืนกลับมาทั้งหมด แต่ข้าก็จดจำความรักของเราทั้งสองได้อย่างแม่นยำ ท่านอย่าได้หลอกตัวเองอีกต่อไปเลยเจ้าค่ะ ท่านแค่เกรงใจนางแต่มิได้รักนาง!"ทุกคนต่างตกตะลึงกับคำพูดของชุนอวิ๋นผู้นี้ หวงไป๋เฟิ่งกำหมัดแน่นด้วยความโกรธที่สตรีผู้นี้กล้ามาเอ่ยวาจาเช่นนี้ต่อหน้านาง ลืมไปแล้วหรือว่านางคือผู้ใด!"ดีนี่! เจ้าช่างอาจหาญไม่กลัวตายเสียจริง กล้ามาพูดจาแทนสามีของข้าได้อย่างหน้าตาเฉย ราวกับตัวเองไปนั่งอยู่ในใจของเขาอย่างนั้นแหละ ข้าล่ะนับถือเจ้าจริง ๆ ชุนอวิ๋น" ชุนอวิ๋นเข้ามาจับมือของหวงไป๋เฟิ่ง พร้อมกับเอ่ยประโยคที่ทำให้คนในห้องตกตะลึงกับความใจกล้าของนางอีกครั้ง"ข้าขอท่านพี่เหวินซานคืนจากท่านหญิงได้ห