บทนำ
ณ แดนเหนือของแคว้นหวง
ภายในตำหนักรับรองอันหรูหราของวังชินอ๋อง สตรีนางหนึ่งผู้มีใบหน้างดงามอ่อนหวานทว่ากลับแฝงความเอาแต่ใจกอดปลอบมารดาด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมาได้ นางในชุดเจ้าสาวมงคลสีแดงสดอันหรูหรางดงามผละออกจากอ้อมกอดของมารดา ก่อนจะคุกเข่าตรงหน้าของบิดามารดาเพื่อเป็นการอำลาในการจากลาครั้งนี้
"ลูกขอทูลลาเสด็จพ่อและเสด็จแม่เพคะ การจากลาครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ ขอเสด็จพ่อกับเสด็จแม่รักษาพระวรกายด้วยเพคะ" น้ำตาแห่งความเสียใจที่ต้องพัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักไหลปริ่มลงมาไม่ขาดสาย
'ท่านหญิงหวงไป๋เฟิ่ง' บุตรีคนเล็กของ 'ชินอ๋องหวงซือเหวิน' กับ 'พระชายาหวังลี่จู' ได้โขกศีรษะลงตรงหน้าของทั้งสองพระองค์ด้วยหัวใจที่แสนเจ็บปวด นางไม่อยากไปจากแดนเหนือแห่งนี้เลย ทว่ามิอาจทำเช่นนั้นได้
"เฟิ่งเอ๋อร์ของแม่ เจ้าไปอยู่ที่ตระกูลหลี่จะปลอดภัยจากคนพาลผู้นั้น อย่างน้อยการแต่งงานกับอาซานก็จะทำให้เจ้าใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ท่านป้าเสี่ยวชิงกับท่านลุงหงจิ้นจะเป็นผู้คอยดูแลเจ้าเอง แม่ขอให้เจ้าเดินทางอย่างปลอดภัย และมีความสุขกับการแต่งงานในครั้งนี้ อาซานเป็นคนดีจะต้องดูแลเจ้าได้อย่างแน่นอน"
หวังลี่จูเข้าไปพยุงบุตรสาวให้ลุกขึ้นยืน นางยืนซับน้ำตาโดยมีชินอ๋องกอดประคองไม่ได้ห่าง
"พ่อเขียนจดหมายกำชับไปกับท่านลุงหงจิ้นแล้ว หากเจ้ามีเรื่องคับข้องใจให้รีบบอกท่านลุงของเจ้าเสีย อย่าได้เก็บงำจนตัวเองต้องเจ็บปวดใจ จงจำเอาไว้ว่าเจ้าคือท่านหญิงแห่งวังชินอ๋อง มีสายเลือดของราชวงศ์หวง ผู้ใดก็มิอาจมาดูแคลนหรือทำให้เจ้าต้องรู้สึกไม่เป็นธรรมได้"
หวงซือเหวินเอ่ยเสียงเข้ม เขาพยายามที่จะกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา การต้องแยกจากบุตรีอันเป็นที่รักนั้นทำให้เขาเจ็บปวดใจเหลือเกิน
"หากมีคนในเมืองหลวงกล้ารังแกเจ้าก็รีบเขียนจดหมายมาหาพี่ พี่จะรีบลงไปจัดการให้เจ้าด้วยตัวเอง จำไว้นะเฟิ่งเอ๋อร์ว่าพวกเราทุกคนล้วนเป็นห่วงและรักเจ้า เจ้าคือแก้วตาดวงใจของแดนเหนือ ไม่ว่าใครก็มาทำให้เจ้าเสียใจไม่ได้ โดยเฉพาะเหวินซานนั่น ถ้าเขากล้าทำให้เฟิ่งเอ๋อร์ของพี่ต้องเสียน้ำตา พี่จะลงไปถลกหนังหัวเขาทันที"
'หวงจินหมิง' ซื่อจื่อผู้มีท่าทางห้าวหาญดุดันมิแพ้บิดา เขาเป็นนักรบที่เก่งกาจไม่แพ้ชินอ๋องเลย และตัวเขาเองยังรักน้องสาวมากที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยยอมให้คนที่มาทำร้ายน้องสาวได้รอดออกไปเป็นอันขาด ในวัยเด็กเขายังเคยคว้ากระบี่วิ่งไล่ฟันคนเพียงเพราะมาว่าน้องสาวเขาว่าอ้วน และคนผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นว่าที่เจ้าบ่าวของน้องสาวเขานั่นเอง
"เฟิ่งเอ๋อร์จะจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเพคะ การจากลาครั้งนี้เพียงแค่ลาเพื่อหลีกหนีภัยร้ายเท่านั้น ในภายภาคหน้าจะต้องได้พบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน เฟิ่งเอ๋อร์ขอลาทุกคนเพคะ"
หวงไป๋เฟิ่งโค้งศีรษะลงอีกครั้ง ก่อนที่นางจะเดินออกไปนั่งบนเกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามด้วยความเข้มแข็ง น้ำตาที่ไหลในครั้งนี้ได้เหือดแห้งลงแล้ว คงเหลือไว้แต่เพียงความคะนึงหาสุดหัวใจต่อบุคคลอันเป็นที่รัก...
เจ้าสาวในชุดมงคลสีแดงถูกประคองขึ้นเกี้ยวอย่างสมพระเกียรติ โดยมีซื่อจื่อแห่งวังชินอ๋องเป็นผู้พาเจ้าสาวขึ้นเกี้ยว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ขบวนเจ้าสาวจึงได้เคลื่อนออกจากวังชินอ๋องแห่งแดนเหนือเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงแคว้นหวง!
การเดินทางครั้งนี้ทั้งไกลและยาวนานยิ่งนัก จากแดนเหนือสู่เมืองหลวงระยะทางนับพันลี้ เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวออกจากประตูเมืองจึงถูกเปลี่ยนเป็นรถม้าเพื่อให้ง่ายต่อการเดินทาง ผู้คุ้มกันของขบวนเกี้ยวเจ้าสาวคือคนสนิทของชินอ๋อง เขาถูกส่งตัวเพื่อมาอารักขาท่านหญิงแห่งวังชินอ๋อง
'หย่งคัง' องครักษ์คนสนิทที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของหวงไป๋เฟิ่ง เขาคอยดูแลนางตั้งแต่วัยเยาว์จวบจนเติบใหญ่จนได้แต่งงาน เขาคือคนที่ภักดีกับนางด้วยชีวิตเป็นท่านอาหย่งคังที่รักนางเสมือนหลานสาวผู้หนึ่ง
"ท่านอาหย่งคัง อีกนานหรือไม่เจ้าคะกว่าจะถึงเมืองหลวง"
หวงไป๋เฟิ่งเปิดผ้าม่านรถม้าแล้วยื่นหน้าออกมาถามด้วยความสงสัย นับจากเดินทางออกมาจากแดนเหนือ นี่ก็เข้าสู่เดือนที่สองแล้วที่นางต้องทนนั่งรถม้าจนขบเมื่อยไปหมด รู้สึกไม่สบายตัวเสียเลย
"อีกสามวันจะเข้าสู่ประตูเมืองหลวงแล้วขอรับ หากท่านหญิงรู้สึกไม่สบายตัวจะขี่ม้าก็ได้นะขอรับ"
หย่งคังเอ่ยขึ้นอย่างใจดี เขารู้ดีว่าท่านหญิงของเขานั้นเป็นสตรีที่มิชอบอยู่ในที่คับแคบ นางชอบการได้โลดโผนอย่างอิสระมากกว่า
"ได้หรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าขอขี่ม้าเล่นจะดีกว่า อยู่แต่บนรถม้าเมื่อยไปหมดแล้ว"
"ทำเช่นนั้นจะไม่งามนะเจ้าคะท่านหญิง"
'ชุนหลัน' สาวใช้ข้างกายที่อายุมากกว่าท่านหญิง 3 ปีเอ่ยขัดขึ้น นางได้รับการอบรมอย่างเข้มงวดจากหัวหน้าสาวใช้ให้ดูแลท่านหญิงให้ดีที่สุด
"ผู้ใดสนกันเล่า อีกตั้งนานกว่าจะถึงเมืองหลวงขอข้าได้ทำอย่างที่ใจอยากทำก่อนเถิด หากเข้าสู่จวนตระกูลหลี่แล้วข้าจะเชื่อฟังชุนหลันทุกประการเลย"
ดวงหน้างามหันมายกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบกระโดดลงมาจากรถม้าที่จอดนิ่งสนิท แล้วเดินไปยังม้าตัวโปรดที่คนของหย่งคังจูงเข้ามา
"ท่านหญิงหลอกบ่าวอีกแล้วนะเจ้าคะ"
ชุนหลันทอดถอนใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้เอ่ยห้ามปรามอีก อย่างน้อยให้ท่านหญิงได้ยิ้มกว้างออกมาเช่นนี้จะดีที่สุด มิรู้ว่าในเมืองหลวงและจวนตระกูลหลี่จะยินดีต้อนรับท่านหญิงของนางมากเพียงใด ภายในใจลึก ๆ ของชุนหลันรู้สึกไม่สงบนัก ตาข้างขวาก็กระตุกถี่ยิบเหลือเกิน
"ข้าคือท่านหญิงย่อมไม่กล่าวคำปดอยู่แล้ว คิกคิก"
หวงไป๋เฟิ่งหันมายิ้มแป้นแล้วกระตุกบังเหียนม้าพุ่งทะยานไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็ว สายลมไหวพัดโบกสะพัดเส้นผมอันดำขลับให้ปลิวไปทางด้านหลัง ใบหน้างดงามเชิดหน้าขึ้นยิ้มรับสายลมแห่งความอิสระเสรีด้วยความพึงพอใจ นี่สิคือสิ่งที่นางโหยหาและต้องการมาตลอด... อิสระ!
ขบวนเจ้าสาวได้เคลื่อนเข้าสู่ในเมืองหลวงเมื่อเจ็ดวันก่อน หย่งคังได้พาทั้งหมดไปพักยังจวนชินอ๋องในเมืองหลวง โดยที่จวนชินอ๋องมีขันทีคนสนิทที่คอยดูแลจวนออกมารับรองทุกคนเป็นอย่างดี หลังจากหวงไป๋เฟิ่งพักผ่อนราวเจ็ดวัน นางก็ได้เข้าสู่พิธีมงคลสมรสกับเจ้าบ่าวที่จวนตระกูลหลี่อย่างยิ่งใหญ่ตระการตา
แม้ไม่มีบิดาและมารดา รวมถึงพี่ชายมาแสดงความยินดี ทว่าฮ่องเต้หวงลู่หลงได้ทรงส่งองค์รัชทายาทมาร่วมงานในพิธีมงคลนี้ด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าท่านหญิงหวงไป๋เฟิ่งมีพระองค์คอยหนุนหลัง
ห้องหอ
สตรีผู้งดงามในอาภรณ์สีแดงมงคลนั่งมองภาพสะท้อนในคันฉ่องด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด หัวใจของนางเต้นระรัวเมื่อคิดว่าอีกไม่กี่ชั่วยามข้างหน้านางจะกลายเป็นสตรีที่มีพันธะเสียแล้ว
"ท่านหญิงทรงกังวลหรือเจ้าคะ"
ชุนหลันเอ่ยถามขณะเดินไปรินน้ำชาและนำขนมที่แอบไว้ในแขนเสื้อมาให้ท่านหญิงทานรองท้อง
"ทั้งใช่และไม่ใช่ ข้ารู้ดีว่าคนในตระกูลหลี่จะต้อนรับข้าเป็นอย่างดี ทว่า... ข้าไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไรกับการแต่งงานครั้งนี้"
"ท่านหญิงกังวลเรื่องท่านแม่ทัพน้อยนั่นเอง บ่าวได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพน้อยรูปงามและเก่งกาจเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีคุณธรรมเป็นที่สุด ท่านหญิงแต่งกับเขาจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นหรือ... แต่ข้ากลับคิดว่ามันไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้นหรอกชุนหลัน เขาสูญเสียคนรักไปเมื่อสองปีก่อนก็ไม่เคยชายตามองสตรีอื่นหรือคิดจะแต่งงานเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเสด็จแม่เขียนจดหมายเอ่ยถึงคำสัญญาที่ท่านป้าเคยให้ไว้อย่างไม่จริงจังนัก เขากับข้าก็คงไม่ได้แต่งงานกัน"
"เรื่องนี้..." ชุนหลันเอ่ยคำใดไม่ออก
"ช่างเถอะ อะไรจะเกิดก็ให้เกิด ขอแค่เขาให้เกียรติข้าไม่ทำให้ข้าต้องเจ็บปวดใจแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องรักกันก็ได้ เพียงแค่..." ข้าอยากมีความรักที่มั่นคงเหมือนกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ก็เท่านั้นเอง
ประโยคหลังหวงไป๋เฟิ่งไม่ได้เอ่ยออกไป ภายในมือกำพัดที่นางเก็บรักษาไว้อย่างดีกว่า 10 ปีแน่น เขาจะจำได้หรือไม่ว่าเคยพูดสิ่งใดกับนางไว้บ้าง
หวงไป๋เฟิ่งครุ่นคิดอยู่ในใจของตนเอง ขณะนั้นเองบานประตูก็ได้ถูกเปิดออกมาพร้อมกับเงาร่างอันสูงใหญ่ของบุรุษเดินเข้ามาภายในห้องหอ เขาก้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเจ้าสาวที่ผ้าผืนบางสีแดงปิดคลุมหน้าเอาไว้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"คุณหนู บ่าวขอตัวก่อนนะเจ้าคะ"
ชุนหลันรีบค้อมกายแล้วเดินออกไปจากห้องหอทันที เวลานี้ถึงคราวที่คู่บ่าวสาวจะได้มีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันแล้ว ส่วนนางที่เป็นสาวใช้ก็ออกมายืนรออยู่ด้านนอก
"ท่านหญิงไป๋เฟิ่ง" น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกสตรีตรงหน้า กลิ่นสุราอบอวลไปทั่วร่างกายของเขาชวนให้รู้สึกมึนเมาไปด้วย
"ท่านแม่ทัพน้อยหลี่" นางเอ่ยตอบเสียงเบา
"ฟังดูเหินห่างมิน้อย ไม่ได้เจอกัน 10 กว่าปีท่านหญิงคงสบายดีใช่หรือไม่"
"ไม่อาจกล่าวว่าสบายดี แต่ก็ไม่ได้ทุกข์นักเจ้าค่ะ" หวงไป๋เฟิ่งเอ่ยตอบ
'หลี่เหวินซาน' แม่ทัพน้อยผู้กุมทหารกว่าหนึ่งแสนนายเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ เขาหยิบไม้คันชั่งขึ้นมาเปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาว ทันทีที่เขาได้เห็นใบหน้าของท่านหญิงหวงไป๋เฟิ่ง ลมหายใจของบุรุษพลันหยุดชะงักไปชั่วครู่ เขากะพริบตาปริบ ๆ เพื่อดูให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป เนื่องจากภาพตรงหน้าของเขาคือสตรีที่มีรูปโฉมงดงามจนสามารถกล่าวว่างามล่มเมืองได้
นางมีใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วเรียวยาวดั่งคันศรเรียงเส้นสวย ขนตาดำยาวงามงอนรับกับดวงตากลมโตที่ใสกระจ่างดั่งดวงดาราบนฟ้า จมูกโด่งเชิดขึ้นบ่งบอกว่านางเจ้าอารมณ์มิใช่น้อย ไล่ลงมาที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อดั่งผลผิงกั่วชวนให้ลำคอรู้สึกแห้งผาก กอปรกับผิวกายขาวเนียนละเอียดราวกับไข่มุกน้ำงาม ยิ่งนางใส่อาภรณ์สีแดงมงคลยิ่งขับเน้นผิวกายของนางให้ดูสว่างไสวจนดวงตาของเขาพร่ามัว
นี่น่ะหรือคือท่านหญิงน้อยที่ตัวอ้วนกลมดั่งซาลาเปาเดินได้เมื่อ 10 กว่าปีก่อน?
นางเปลี่ยนไปราวกับคนละคนจนเขาตั้งตัวแทบไม่ทัน ใจบุรุษพลันสั่นไหวขึ้นมาชั่วครู่ก่อนจะเลือนหายไปในทันทีี
นางงดงามมากเสียจนเขาทำตัวไม่ถูกเลย นี่ไม่ถูกต้อง!!
บทที่ 33สาเหตุที่แท้จริงหลี่เหวินซานมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยอาการสงบ คราแรกเขาก็เตรียมใจมาแล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเป็นแน่ แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องในจวนตระกูลชุนจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ "กุมตัวไปขังคุกหลวงทั้งหมด ยกเว้นนาง" เขาเอ่ยสั่งการเสียงเข้มก่อนจะชี้มือไปยังฟางหรู จินเกอที่ติดตามมาด้วยได้เข้ามาควบคุมตัวฟางหรูเพื่อพาไปสืบสวนต่อไป เรื่องของนางนั้นมีเบื้องลึกเบื้องหลังไม่ธรรมดาเลยค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์ฟางหรูถูกนำตัวมาขังยังคุกของค่ายทหารเขี้ยวพยัคฆ์ มือเท้าของนางถูกตรึงด้วยโซ่ตรวนที่ยากจะหลบหนีออกไปได้ ห้องขังนี้เป็นห้องขังเดี่ยวที่มีไว้สำหรับนักโทษสำคัญ หลังจากหลี่เหวินซานเข้าไปรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้แล้ว เขาก็ได้มาหาฟางหรูเพื่อไต่สวนนางต่อไป ยังคงมีเรื่องของชุนอวิ๋นที่เขายังไม่รู้ รวมถึงการตายที่แท้จริงของนาง ด้วยตอนนี้ชุนฮูหยินได้เสียสติจนมิอาจให้การอะไรได้อีกแล้ว"เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วยสินะฟางหรูที่สวมรอยอวิ๋นเอ๋อร์" ใบหน้าคมเข้มตวัดสายตามองอดีตสาวใช้ข้างกายของชุนอวิ๋น มิน่าเล่านางถึงได้เลียนแบบชุนอวิ๋นอย่างไร้ที่ติ ทั้งยังรับรู้เรื่องราวข
บทที่ 32ปิดจบเรื่องนี้หลี่เหวินซานมองทุกคนไปมา ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเป็นเขาที่ไม่รู้อะไรเลย ทุกคนต่างร่วมกันแสดงงิ้วฉากใหญ่นี้ขึ้นมา โดยที่ไม่คิดว่าตัวเขานั้นจะรู้สึกเจ็บปวดใจเช่นไร ทั้งที่สามารถบอกเขาก่อนได้"ท่านพี่คงกำลังคิดว่าเหตุใดพวกเราถึงไม่บอกท่านใช่หรือไม่ ดังเช่นที่ท่านพี่ไม่บอกข้าว่ากำลังทำอะไรอยู่ ปล่อยให้ข้านอนร้องไห้หลังจากกลับจากโรงเตี๊ยม ถ้าไม่ใช่เพราะอาเฟิงแอบมาบอกว่าทุกอย่างที่ท่านพี่ทำลงไปเพื่อสืบหาตัวจริงของชุนอวิ๋น ข้าคงได้เป็นบ้าตายและทำเรื่องไม่ยั้งคิดไปเสียแล้ว" หวงไป๋เฟิ่งยังคงรู้สึกน้อยใจสามีในเรื่องนี้ นางยังเสียใจที่เขาเข้าข้างชุนอวิ๋นและดูเป็นห่วงอีกฝ่ายมากเรื่องเกิน"เรื่องนั้น... พี่ทำไปเพราะต้องการกันเจ้าให้ออกห่างจากเรื่องนี้ มันอันตรายมากนะเฟิ่งเอ๋อร์ ชุนอวิ๋นผู้นั้นเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่านางมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ และเหตุใดนางถึงได้สวมรอยได้เหมือนกับชุนอวิ๋นตัวจริงยิ่งนัก เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวพันแค่เพียงพวกเราแต่ยังเกี่ยวข้องกับบ้านเมืองด้วย""ข้ารู้ว่าท่านพี่เป็นห่วงข้า แต่เราเป็นสามีภรรยากันก็มิควรมีเรื่องปิดบังกันมิใช่หรือเจ้าคะ วันนั้นท่านพี่ก็
บทที่ 31ข่าวร้ายมาเยือนจวนตระกูลหลี่ตกอยู่ในสถานการณ์เคร่งเครียด เมื่อหวงไป๋เฟิ่งเกิดอาการตกเลือด สายวันนี้นางกำลังเล่นตุ๊กตาไม้กับโม่ลี่อินและหลี่ฉิงเซียว จู่ ๆ นางก็เกิดอาการปวดหน่วงที่ท้องอย่างรุนแรง แต่ที่น่าตกใจคือมีเลือดไหลออกมาจากหว่างขา ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างอยู่ในอาการตื่นตระหนก "ฮือ ๆ ป้าฉะใภ้ไม่ฉะบายเพราะอินเอ๋อร์ ฮือ ๆ" โม่ลี่อินที่เห็นเหตุการณ์อยู่ในอาการหวาดผวา นางคิดว่าเพราะหวงไป๋เฟิ่งเล่นกับนางจึงได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ หลี่เพ่ยจูต้องรีบเข้ามากอดปลอบบุตรสาวเป็นการใหญ่"ไม่ใช่ความผิดของอินเอ๋อร์ของแม่หรอกนะ ป้าสะใภ้แค่ไม่สบายชั่วครู่เดี๋ยวก็จะออกมาเล่นกับอินเอ๋อร์แล้ว""จริงนะเจ้าคะ ทั่นแม่ไม่หลอกข้านะ""แม่เคยหลอกเจ้าหรือ วันพรุ่งป้าสะใภ้ก็มาเล่นกับเจ้าได้แล้ว แต่ว่าวันนี้เราต้องปล่อยให้ป้าสะใภ้พักผ่อนก่อนนะ""อื้อ ๆ อินเอ๋อร์จะไปฉวดมนต์ขอพรให้ป้าฉะใภ้หายป่วยไว ๆ เจ้าค่ะ"เด็กน้อยเดินตามมารดากลับไปยังเรือนนอนของตน ก่อนจะผล็อยหลับไปโดยที่นอนกอดตุ๊กตาตัวโปรดเอาไว้...หลี่เหวินซานมาถึงจวนตระกูลหลี่โดยใช้เวลาน้อยกว่าปกติมากนัก เขารีบตรงดิ่งไปยังเรือนนอนของหวงไป๋เฟิ่งทั
บทที่ 31ไม่ปล่อยผ่านคืนนั้นหลี่เหวินซานนอนที่ห้องด้านข้าง เขาไม่ได้เข้าไปนอนในห้องกับหวงไป๋เฟิ่ง ทิ้งให้หญิงสาวต้องนอนเพียงคนเดียวท่ามกลางอากาศที่เริ่มเย็นลง เรื่องการนอนแยกห้องนอนนี้ต่างลือกันไปทั่วในหมู่บ่าวไพร่ รวมไปถึงเจียวจูผู้คอยส่งข่าวให้กับตระกูลชุนด้วย หลังจากนางทำงานเสร็จก็ปลีกตัวออกจากประตูด้านหลังจวนแล้วลอบมุ่งหน้าสู่ตระกูลชุนคำรายงานของเจียวจูนั้นชุนเจ๋อรับฟังด้วยอาการสงบ เขามอบเงินให้กับข่าวนี้ไปไม่น้อยเลย สร้างความพึงพอใจให้กับเจียวจูเป็นอย่างมาก หญิงสาวรีบกลับจวนตระกูลหลี่ทันที ทำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น!ห้องหนังสือตระกูลชุนชุนอวิ๋นเข้ามาพบชุนเจ๋อตามคำสั่งของเขาด้วยท่าทีสงบ นางนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามเพื่อรอฟังว่าเขาเรียกนางมาที่นี่ทำไม"ท่านพ่อเรียกหาข้าหรือเจ้าคะ""ใช่แล้ว สายของเราเพิ่งมาส่งข่าวเรื่องในตระกูลชุน แม้ว่าที่ผ่านมาเจ้าจะทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมที่ทำให้ทั้งสองแตกคอกัน แต่ข้าคิดว่าความพยายามของเจ้าอาจจะเสียเปล่าก็เป็นได้""ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ""ท่านหญิงหวงไป๋เฟิ่งอาจจะท้อง!" "อะไรนะเจ้าคะ!!" ชุนอวิ๋นลุกพรวดด้วยความตกใจ "เรื่องนี้ยังไม่
บทที่ 30หลี่เพ่ยจูชุนฮุ่ยผิงตกใจกับการกระทำของชุนอวิ๋นมาก นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่นางถูกอีกฝ่ายทำอย่างนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นพี่ใหญ่ของนางจะยอมนางมาโดยตลอด"จะ เจ้ากล้าทำร้ายข้า ข้าจะไปฟ้องท่านพ่อ""ไปสิ รีบไปฟ้องท่านพ่อเลยนะ แล้วมาดูกันว่าท่านพ่อจะทำอย่างไร" ชุนอวิ๋นตอกกลับด้วยน้ำเสียงกดต่ำ สายตาที่นางใช้มองชุนฮุ่ยผิงมีแต่ความเกลียดชังที่อัดแน่นอยู่ในอก"จะ เจ้ามันบ้าไปแล้ว" ชุนฮุ่ยผิงรู้สึกหวาดกลัวพี่สาวต่างมารดาผู้นี้เป็นครั้งแรก นางรีบวิ่งหนีจากไปทันทีเพื่อไปฟ้องชุนเจ๋อ ทว่ากลับต้องพบกับความผิดหวังเมื่อชุนเจ๋อมิได้สนใจนาง ทั้งยังบอกให้นางเตรียมตัวเข้าวังให้ดี อีกไม่กี่วันจะต้องร่วมคัดเลือกพระชายาในองค์รัชทายาท ชุนฮุ่ยผิงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องประหลาด เหตุใดท่านพ่อถึงได้ยอมพี่สาวคนนี้มากนัก ไม่ปกติ! ทุกคนในตระกูลไม่มีใครปกติเลยสักคน แม้แต่แม่ใหญ่ก็เช่นกัน...ชุนอวิ๋นนั่งมองกล่องไม้เนื้อหอมขนาดเล็กที่เอากลับมาจากบ้านผู้เฒ่าจื่อด้วยสายตาเหม่อลอย จู่ ๆ น้ำตาของนางก็ไหลออกมาด้วยความรู้สึกเศร้าใจที่กดซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ"ข้าทำถูกแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ..." น้ำเสียงหวานเอ่ยกับ
บทที่ 29ขอคนรักคืนชุนอวิ๋นลุกขึ้นยืนมาเผชิญหน้ากับหวงไป๋เฟิ่งอย่างไม่หลบเลี่ยง ในสายตาของนางมองอีกฝ่ายด้วยความถือดี ในเมื่อนางทำให้หลี่เหวินซานกลับมาสานความสัมพันธ์กับนางไม่ได้เพราะเขาเกรงใจท่านหญิงผู้นี้ เช่นนั้นนางก็จะเอ่ยปากขอคนรักของนางคืน!"ชุนอวิ๋น! เจ้าพูดอะไรออกมา" หลี่เหวินซานลุกพรวดด้วยความตกใจ"ท่านพี่เหวินซาน ข้าต้องขอโทษท่านด้วยที่ข้ามิอาจจะลืมเลือนท่านได้ แม้ว่าความทรงจำของข้าจะไม่ได้หวนคืนกลับมาทั้งหมด แต่ข้าก็จดจำความรักของเราทั้งสองได้อย่างแม่นยำ ท่านอย่าได้หลอกตัวเองอีกต่อไปเลยเจ้าค่ะ ท่านแค่เกรงใจนางแต่มิได้รักนาง!"ทุกคนต่างตกตะลึงกับคำพูดของชุนอวิ๋นผู้นี้ หวงไป๋เฟิ่งกำหมัดแน่นด้วยความโกรธที่สตรีผู้นี้กล้ามาเอ่ยวาจาเช่นนี้ต่อหน้านาง ลืมไปแล้วหรือว่านางคือผู้ใด!"ดีนี่! เจ้าช่างอาจหาญไม่กลัวตายเสียจริง กล้ามาพูดจาแทนสามีของข้าได้อย่างหน้าตาเฉย ราวกับตัวเองไปนั่งอยู่ในใจของเขาอย่างนั้นแหละ ข้าล่ะนับถือเจ้าจริง ๆ ชุนอวิ๋น" ชุนอวิ๋นเข้ามาจับมือของหวงไป๋เฟิ่ง พร้อมกับเอ่ยประโยคที่ทำให้คนในห้องตกตะลึงกับความใจกล้าของนางอีกครั้ง"ข้าขอท่านพี่เหวินซานคืนจากท่านหญิงได้ห