มือบางยกขึ้นเคาะประตูห้องที่น้ำอิงบอกเอาไว้เบาๆ ภายในห้องเงียบไม่ตอบอะไร เธอจึงเคาะซ้ำพร้อมเอ่ย
“คุณทิมคะ ฉันมัทรีนะคะ ฉันจะขอคุยเรื่องทริปเที่ยวน่ะค่ะ”
ยังไม่มีเสียงตอบ มัทรีมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องได้ยิน ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเข้ามางีบหลับในห้องสมุดอย่างแน่นอน
“ฉันไม่รบกวนคุณนานหรอกค่ะ นะคะ”
เธอพยายามทำเสียงให้หวานอย่างที่เคยได้ยินรติยาพูดกับพี่ชายของตน ทว่าข้างในยังเงียบ หญิงสาวกัดปากถอนหายใจ กำลังจะขยับเท้าถอยไปจากตรงนี้เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเบาๆ
“เชิญ”
ร่างบางแทบกระโดดดีใจหากก็ยั้งตัวเองได้ทัน หญิงสาวยิ้มกับตนเองจนพอใจแล้วรีบหุบยิ้มวางสีหน้าให้นิ่งเข้าไว้ก่อนจะเปิดประตูเพื่อก้าวเข้าไปในห้อง
มัทรีแง้มประตูไว้เล็กน้อย ไม่ได้ปิดลงเพื่อแสดงเจตนาว่าเธอเข้ามาไม่นานแล้วจะออกไป ไม่ต้องการรบกวนเวลาของอีกฝ่ายจริงๆ หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ แล้วก็พบกับร่างสูงใหญ่นั่งเอนหลังพิงโซฟา พาดขายาวของเขาบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า สายตาจ้องหนังสือในมือของเขาโดยไม่ได้ใส่ใจที่จะหันมามองเธอแม้แต่น้อย
‘เอาเถอะ ไม่แปลกใจนักหรอก’
หญิงสาวคิดกับตัวเอง รู้ดีว่าฐิติกรไม่ถูกชะตาเธอนัก แม้จะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรแต่ก็ทำใจไว้บ้างเหมือนกันเรื่องนายจ้างไม่ชอบขี้หน้า ทว่าของแบบนี้มันวัดกันที่ฝีมือ
“ฉันมีรายงานสรุปสถานที่เที่ยวของเชียงราย เชียงใหม่ แล้วก็จังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือที่น่าสนใจมาให้คุณน่ะค่ะ”
เธอบอกพร้อมกับก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่าย โดยยืนอยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งชายหนุ่มก็เองลดขาลงวางบนพื้นพร้อมเหลือบตาคู่คมภายใต้แว่นใสมามองเธอก่อนจะมองแฟ้มในมือเธอ คิ้วเข้มกระตุกเล็กน้อย
“ทุ่มทุนสร้างดีนี่”
เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“แต่ผมขี้เกียจอ่าน”
ชายหนุ่มพยักพเยิดหน้าพร้อมบอก
“คุณอ่านให้ฟังก็แล้วกัน”
“หา?”
มัทรีกะพริบตางุนงง ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้แต่เธอก็รีบตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็จะไม่เห็นรูปนะคะ ว่าสวยหรือเปล่า”
“ไม่จำเป็นต้องดูหรอก ถ้าไปก็เห็นเอง ผมอยากรู้ว่าคุณจะนำเสนอได้น่าสนใจแค่ไหนมากกว่า”
หญิงสาวถึงกับนิ่งไป แต่ก็ยังนึกหาคำอธิบายต่อ
“คุณไม่ต้องรีบดูก็ได้ค่ะ ค่อยๆ ดูไปก็ได้ค่ะ คิดว่าอ่านเล่นแก้เบื่อ”
“ผมอยากให้คุณอ่านให้ฟัง”
ฐิติกรย้ำทีละคำพร้อมสีหน้าราวกับอาจารย์ก็ไม่ปาน
มัทรีเม้มปาก ตัดสินใจยกแฟ้มของตัวเองขึ้นมาเปิด พออ้าปากจะอ่านก็ปิดลง
“ฉันทำเป็นภาษาอังกฤษ อ่านไม่ยากหรอกค่ะ”
เธอยังพยายามต่อรองเพราะคิดว่าไม่จำเป็นเลยสักนิดที่ต้องอ่านให้อีกฝ่ายฟัง ที่สำคัญเธอไม่ชินที่จะพูดต่อหน้าคนหรือในที่ประชุม ตั้งแต่ทำงานมาก็ไม่เคยต้องเสนองาน แม้แต่สมัยเรียนเธอก็มักจะเลือกทำเอกสารมากกว่าเป็นคนพรีเซนต์
“แค่อ่านสิ่งที่คุณเขียน ไม่เห็นยากตรงไหน”
ตาคู่คมจ้องเธอด้วยสายตาท้าทาย มัทรีไม่อยากให้อีกฝ่ายสบประมาทตนเองได้ สุดท้ายก็ยอมพูด ทว่าไม่ได้อ่านสิ่งที่ตัวเองเขียน เธอนำเสนอด้วยภาษาไทย โดยเปิดสถานที่ที่ตนหาข้อมูลดูเป็นภาพประกอบ
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเคยไปที่ไหนบ้าง คุณมีบ้านอยู่ที่นี่ อาจจะไปมาแทบจะทุกที่แล้วก็ได้ แต่ฉันไม่เคยมาเชียงราย เพราะฉะนั้นที่ที่ฉันเลือกทั้งหมดเป็นความคิดและความสนใจของฉันเอง”
มาถึงตอนนี้ฐิติกรวางหนังสือของเขาแล้วเปลี่ยนมากอดอกไขว่ห้างนั่งฟังเธออย่างจริงจังโดยไม่ละสายตา ทว่ามัทรีรู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรหรอก เขาเพียงแค่อยากจับผิดเธอมากกว่า
“มาเชียงรายเราก็ควรไปพระธาตุดอยตุงก่อน จากนั้นก็ค่อยไปที่อื่นซึ่งฉันคิดว่าวันแรกเราเที่ยวที่ใกล้ๆ กันก็น่าจะพอแล้ว ดอยตุงมีทั้งพระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง มีกิจกรรมให้เดินชมวิวบนทรีท็อปวอล์ก หอแห่งแรงบันดาลใจ แล้วก็มาสวนรุกขชาติรอดูพระอาทิตย์ตกดินที่นั่นได้ค่ะ”
เธอพยักหน้าหลังพูดจบทริปแรกที่คิดเอาไว้
“แค่นี้?”
“ค่ะ นี่เป็นทริปที่ฉันเห็นว่าน่าไปเป็นอันดับแรก”
“แล้วที่อื่นๆ?”
“ในเมื่อคุณให้ฉันอ่านให้ฟัง ฉันก็จะเลือกทีละทริปค่ะ”
“แล้วถ้าผมไม่อยากไปที่นี่ล่ะ ไม่มีตัวเลือกอื่นหรือไง”
มัทรีตาวาววับ คำถามของเขาเหมือนยียวนก็จริงแต่ขณะเดียวกันมันก็บอกได้ว่าฐิติกรเองน่าจะต้องการไปเที่ยวอยู่บ้าง ไม่ได้คิดจะมานอนพักอยู่ที่นี่ไปวันๆ
“ถ้าอยากมีตัวเลือกคุณก็เอาไปดูเองก็ได้นี่คะ”
เธอยื่นแฟ้มไปให้ชายหนุ่ม
“มีเวลาตั้งสามเดือน ค่อยๆ ดูไปก็ได้ค่ะ สนใจที่ไหนก็ไป”
“งั้นผมไม่ไป คุณออกไปได้แล้ว”
ชายหนุ่มสะบัดหน้าหันไปหยิบหนังสือของเขาขึ้นมาอ่านต่อ
หญิงสาวมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ก้าวเข้าไปใกล้ร่างสูงใหญ่มากขึ้นพร้อมยื่นแฟ้มให้อีกครั้ง
“นี่คุณ ฉันอุตส่าห์อดนอนทั้งคืนเพื่อทำมันเลยนะ ดูสักหน่อยมันไม่เสียเวลาคุณนักหรอก ฉันไม่ได้บอกให้คุณดูตอนนี้ ถ้าขี้เกียจดู เอาไปให้แฟนคุณดูก็ได้ เธอคงยังไม่เคยมาเชียงราย เธอน่าจะอยากไป”
ประโยคนี้ทำให้ฐิติกรหันมามองเธอตาดุ แต่มัทรีก็ยังยัดเยียดแฟ้มไปให้เขา
“รับไปสิคะ”
ชายหนุ่มมองสิ่งที่เธอยื่นให้ครู่หนึ่งก่อนจะยอมหยิบไป คนให้มองอย่างใจชื้นขึ้น ตาคู่สวยวาวขึ้น ปากอิ่มเกือบจะแย้มยิ้มแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมือหนาฉีกกระดาษด้านในแฟ้มเป็นสองท่อนตามขวางก่อนจะโยนลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้าเขา
มัทรีมองตามแฟ้มของตนด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ใจวูบโหวง ตาร้อนผ่าว หญิงสาวเงยสบดวงตาคู่คมกริบที่มองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างรับไม่ได้กับการกระทำของอีกฝ่าย นี่หรือรางวัลในการอดหลับอดนอนของเธอ
“ถ้าคุณไม่อยากอ่าน ผมก็ไม่อยากดู”
“ก็ไม่เห็นต้องฉีกเลยนี่”
เธอเอ่ยเสียงเครือทั้งที่พยายามบังคับให้นิ่งแล้วหากก็ทำได้ไม่ดีนัก
“ไม่มีใครอยากอ่านมันก็ไร้ค่า”
เสียงชายหนุ่มยังคงราบเรียบ ขณะที่มัทรีกำลังกะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำที่มาหล่อเลี้ยงดวงตาของตนมากกว่าปกติ
“คุณควรรู้เอาไว้ว่าต้องทำตามคำสั่งนายจ้าง”
เขาย้ำให้เธอรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ต่อรอง
มัทรีไม่ได้โต้ตอบเขาอีกแล้ว ไม่อยากมองหน้าชายหนุ่มด้วยซ้ำ หญิงสาวก้มลงจะหยิบแฟ้มเพื่อจะออกไปจากห้อง แต่กลับถูกอีกฝ่ายคว้าไปก่อนทำให้เธอพยายามจะคว้ากลับมา แต่กลายเป็นเสียหลักโถมตัวเข้าไปหาร่างสูงใหญ่แทน เมื่อรู้ตัวจะถอยก็ไม่ทันแล้ว
ร่างบางล้มลงไปในอกกว้าง ปากอิ่มชนเข้ากับลำคอแกร่งอย่างไม่สามารถยั้งได้ ตัวกระแทกกับอกของเขาเต็มๆ แถมขาก็คร่อมระหว่างต้นขาแข็งแรง หญิงสาวนิ่งงันไปกับสิ่งที่ไม่คาดคิดนี้ และดูเหมือนฐิติกรเองก็ชะงักไปเช่นกันทว่าเสียงเรียกที่ดังแว่วมาทำให้มัทรีรีบวางมือผลักไหล่หนายันตัวเองออกห่างจากร่างสูงใหญ่
“ทิม อยู่ในนี้หรือเปล่า”
ร่างบางถอยออกมายืนกำมือข้างลำตัว ดวงตาคู่สวยดำขลับที่ดูตระหนกสบกับตาคมสีน้ำตาลอ่อนโดยไม่มีใครเอ่ยอะไร แล้วคนที่เรียก
ชายหนุ่มก็เข้ามา มัทรีจึงถือโอกาสนี้หมุนตัวออกไปจากห้องในทันที ปล่อยให้สาวสวยต่างชาติมองตามอย่างสงสัย
=====
“มัทคิดถึงคุณมาก อยากรักคุณที่สุด”มัทรีแนบร่างลงไปหาร่างสูงใหญ่แล้วกระซิบบอกลำแขนเรียวโอบลำคอแกร่งแน่นถูไถตัวเองกับชายหนุ่มพร้อมส่งเสียงครวญแผ่วเบาด้วยความรัญจวนที่ตนเป็นผู้สร้างขึ้น อกอวบกลมกลึงแนบสนิทกับอกแกร่งเสียดสีไปพร้อมกับสัดส่วนอ่อนไหวเบียดกายแกร่งยิ่งพาให้ร่างสาวทรมานมากกว่าเดิม แต่เธอก็ยังมุ่งมั่นที่จะปลุกเร้าอีกฝ่ายให้ต้องการเธอมากขึ้นไปอีก“รักเลยสิครับคนดี ผมพร้อมแล้ว”ฐิติกรบอกเสียงแตกพร่าพร้อมมือหนากุมบนสะโพกอวบเต็มมือบีบกระชับอย่างเรียกร้องต้องการ“อุ๊ย”คนเป็นฝ่ายเริ่มก่อนสะดุ้งนิดๆ เพราะกระแสซาบซ่านถูกมือหนาจุดไฟเพิ่ม ความแกร่งที่แนบสนิทอยู่ร้อนลวกไปหมดทั้งที่อยู่ในน้ำ ทำให้เธอเองก็ไม่สามารถฝืนทนความต้องการจากเรือนกายได้อีกต่อไป สะโพกสวยขยับสูงขึ้นก่อนจะค่อยครอบครองชายหนุ่มอย่างเชื่องช้า“โอย...ที่รัก ได้โปรด เร็วหน่อย”ผู้ถูกกระทำอดร้องขอออกมาไม่ได้เพราะเขาแทบจะสะกดอารมณ์อยากกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว แต่ในเมื่อมัทรีคิดจะเป็นฝ่ายเริ่มครั้งแรกเขาจึงอยากอดใจรอ มือหนาเกร็งจนบีบสะโพกอวบอย่างหนักมือมัทรีกัดปากกลั้นใจ มือกำจิกไหล่หนาทั้งสองข้างแน่นขึ้น เมื่
การเป็นแม่คนมันเหนื่อยอย่างนี้นี่เอง มัทรีเข้าใจมารดาที่เป็นห่วงและหวงเธอในตอนที่รู้ว่ามีแฟนเป็นชาวต่างชาติแล้ว ก็ท่านอุตส่าห์อดหลับอดนอน ป้อนข้าวป้อนนมกว่าจะโตขึ้นมาได้ หากจะต้องไปอยู่ไกลก็คงใจหายเป็นธรรมดามัทรีคลอดลูกสาวมาได้หกเดือนแล้ว เธออยู่ที่บ้านของบิดามารดาของฐิติกรในเบอร์ลินเพราะคุณอรกนิตอยากช่วยเลี้ยงหลาน ทว่าท่านก็จ้างพี่เลี้ยงอายุไล่เลี่ยกับท่านที่ไว้ใจได้มาให้มัทรีด้วย ความจริงหญิงสาวอยากให้แม่มะเหมี่ยวมาช่วยดูแล ซึ่งท่านเองก็อยากมา แต่ติดตรงที่น้องสาวของเธอใกล้คลอดลูกเช่นกัน และเพิ่งคลอดหลังเธอหนึ่งเดือนต่อมา มารดาจึงจำเป็นต้องอยู่ดูแลหลานที่นั่น โดยน้องสาวเธอคลอดลูกชายแม้จะเสียใจที่มารดาเดินทางมาไม่ได้แต่หญิงสาวก็เข้าใจ อีกอย่างคุณอรกนิตเองก็ดูแลเอาใจใส่เธออย่างดี คุณเจอเซ่เองหากมีเวลาว่างก็ตรงมาหาหลานในทันที ทั้งสองคนรักและชอบเด็กมาก ทว่าความเครียดหลังคลอดก็ทำให้เธอค่อนข้างอารมณ์ร้อนกว่าปกติไม่น้อย“ผมคิดถึงคุณกับลูกมากเลยที่รัก เสร็จงานแล้วจะรีบกลับครับ”หลังฐิติกรขอดูหน้าลูกระหว่างวิดีโอคอลคุยกัน จากนั้นอีกฝ่ายก็บอกรักแล้ววางสายไปชายหนุ่มจำเป็นต้องไปประชุมที่เมือง
แม้จะอยากท้องและแต่งงานให้เร็วที่สุดทว่ากว่ามัทรีจะได้แต่งงานกับฐิติกรก็เป็นปลายปีต่อมาอย่างที่มารดาของเธอเคยบอกเอาไว้ อีกอย่างเธอก็ไม่ท้องอย่างที่คิด แม้จะพยายามใช้เวลาด้วยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็มีช่วงที่ต้องห่างกัน และทั้งที่ผู้ใหญ่ของชายหนุ่มมาสู่ขอเธอแล้ว ทว่าฤกษ์ที่ได้มาก็คือปลายปีนั่นเองทั้งคู่จัดการแต่งแบบไทยที่บ้านในฮัมบูร์กของฐิติกรเพราะตั้งใจใช้ที่นี่เป็นเรือนหอ ซึ่งครอบครัวของเธอทุกคนบินมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแม้แต่ละคนจะไม่เคยนั่งเครื่องบินนานก็ตาม รวมถึงพิสินีด้วยมัทรีเคยเจอกับตติยะและเอื้อมธารพี่ชายกับพี่สะใภ้ของชายหนุ่มสองสามครั้งในตอนที่ชายหนุ่มพาเธอไปไหว้ญาติผู้ใหญ่ที่บ้านสวน และคุยงานกับพี่ชายในวันหยุดโดยให้เธอติดสอยห้อยตามไปด้วยเพราะหญิงสาวหลงลูกชายลูกสาวฝาแฝดของทั้งคู่มากในคืนแรกที่แต่งงานทั้งคู่นอนหลับไปด้วยกันอย่างเหนื่อยล้า แม้จะคิดอยู่ว่าต้องมีอะไรกัน ทว่าสุดท้ายแล้วมัทรีที่อาบน้ำก่อนก็หลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน ฐิติกรจึงไม่อยากปลุกหญิงสาว กว่าทั้งคู่จะได้มีเวลาเป็นส่วนตัวด้วยกันจริงๆ ก็หลังจากส่งครอบครัวของหญิงสาวขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยในหนึ่งสัปด
“มัทอยากให้ผมทำให้หรือให้เดินหน้าต่อเลย”ฐิติกรขยับหน้าขึ้นมากระซิบถามคนที่หลับตาขมวดคิ้วมุ่น เห็นชัดว่าเธอยังเกร็งและกลัวอยู่มัทรีลืมตาขึ้นมาสบตาคมที่มองอยู่ แววตาเขาดูห่วงใยเธอทว่าสีหน้ากลับราวกับกำลังไม่สบาย หน้าหล่อคมแดงก่ำ น้ำเสียงก็แตกพร่าจนน่ากลัว รู้ได้ในทันทีว่าฐิติกรกำลังทรมาน ทว่าชายหนุ่มก็ยังถามเธอก่อนมือบางกอดลำคอหนาอีกครั้งด้วยความเต็มอกเต็มใจ ดวงหน้าเล็กขยับสูงขึ้นจูบปากได้รูปเม้มย้ำ ก่อนจะเป็นฝ่ายส่งลิ้นเข้าไปซอกแซกลูบโลมอีกฝ่ายเอง กระทั่งได้ยินเสียงทุ้มดังในลำคอราวข่มอารมณ์เธอจึงผละออกมาจูบแก้มสากแล้วย้ายมาข้างหูเขาเพื่อกระซิบบอก“ทำให้มัทท้องนะคะ”คนได้ยินนิ่งงันไปอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ทว่าลิ้นเล็กที่แตะไล้ตรงใบหูทำเอาสมองเขาแทบหยุดทำงาน“มัทอยากท้อง”หญิงสาวย้ำอีกครั้งก่อนจะขบติ่งหูเขาเหมือนที่เขาทำกับเธอฐิติกรส่งเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอเพราะคนเรียนรู้เร็ว แล้วขยับร่างสูงใหญ่ของตัวเองขึ้น นิ้วเกี่ยวเอวกางเกงอีกฝ่ายลงพร้อมซับในไปจนจรดปลายเท้าเล็ก จากนั้นก็ตามด้วยกางเกงบอกเซอร์ของตัวเองระหว่างนั้นตาคมไม่ละจากเรือนร่างขาวอวบอิ่มน่ามองเลยแม้แต่วินาทีเดียว แม้มัทรีจะเอียงห
ฐิติกรพามัทรีมาฮัมบูร์กในวันหยุด ชายหนุ่มมีบ้านของตัวเองอยู่ที่นี่ เป็นบ้านในแถบปริมณฑลนอกเมืองฮัมบูร์ก มีความเป็นธรรมชาติต่างจากบ้านของบิดามารดาเขาที่เบอร์ลิน แต่ชายหนุ่มก็บอกว่าพวกท่านมีบ้านพักตากอากาศอยู่อีกเมืองหนึ่งเช่นกัน หญิงสาวฟังแล้วก็ได้แต่เก็บความว้าวเอาไว้ในใจ ตั้งแต่มาถึงเยอรมนีสิ่งที่เธอสัมผัสได้ก็มีแต่ความรวยและรวยของชายหนุ่ม“คุณมีจักรยานด้วยเหรอคะ”เธอเห็นจอดอยู่ในบ้านใกล้กับครัวจึงถามขึ้น“น่าจะของแม่บ้านที่มาทำความสะอาดที่นี่เอาไว้ขี่ไปที่ใกล้ๆ ล่ะมั้ง”ชายหนุ่มบอกไม่ใส่ใจนัก ขณะขนกระเป๋าทั้งคู่เข้าไปในห้องนอน ส่วนมัทรีมองตาวาวแล้วเย็นวันนั้นหญิงสาวก็ขี่จักรยานออกมาเที่ยวเล่นรอบๆ มัทรีชอบบรรยากาศของที่นี่มาก นอกจากต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี มีบึงน้ำไม่ไกลนักแล้ว ยังมีองุ่นสตรอว์เบอร์รี่เต็มสองข้างทาง เธออยากปลูกแบบนี้ไว้ในบ้านของตัวเองบ้าง“คุณชอบที่นี่ไหม”ชายหนุ่มถามขึ้นขณะที่เธอกำลังทำบทเรียนใหม่ในโปรแกรมกราฟิก หากก็ใส่หูฟัง ฟังเพลงคลอไปด้วยเบาๆ จึงได้ยินที่เขาถาม“มากค่ะ”มัทรีเงยหน้าขึ้นมามองคนที่มีเพียงเสื้อคลุมบนร่างสูงใหญ่ด้วยความรู้สึกวาบหวิว คอแกร่งและแผงอกหนาน
“รู้ไหมยายอุ๊ถามแม่ว่ายังไง ถามว่าลูกสาวได้ผัวฝรั่งเหรอ”มัทรีเข้ามาช่วยมารดาทำอาหารตอนเช้าตรู่ และก็ได้ฟังอีกฝ่ายบ่นตั้งแต่กลับจากตลาดจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุด“แล้วแม่ตอบว่าไงล่ะ”“ก็บอกว่าเป็นแฟนน่ะสิ”มารดาเธอทำตาดุใส่ขณะบอก ทว่ามัทรีกลับยิ้มขำ“ที่วัดนี่ไม่มีใครกล้าเข้ามาถาม แต่เอาไปนินทากันทั้งตลาด”“มันก็ธรรมดาแหละแม่”“อยากพูดกันดีนัก แม่เลยบอกไปว่าบ้านฝรั่งเขารวยมาก รถตู้หรูนั่นก็รถเขาเอง แต่งกับแกแล้วเขาก็จะพาไปอยู่เยอรมัน แต่บ้านที่ไทยเขาก็มีนะ เขามาพักผ่อนบ่อยๆ เอาไปบอกต่อกันให้ถูกด้วย”“ฮ่าๆๆ โอ๊ย...”มัทรีหัวเราะเสียงดังจนโดนมารดาตีเข้าที่แขนไปหนึ่งที แต่เธอก็ยังขำจนตัวโยนทว่าไม่กล้าปล่อยเสียงออกมา เดี๋ยวโดนตีอีก“ยังจะมามัวขำอีก ตกลงแฟนเราเขาจะพาผู้ใหญ่บ้านเขามาหาพ่อกับแม่เมื่อไร”จู่ๆ มารดาก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาทำเอามัทรีอดมองอย่างแปลกใจไม่ได้“แม่จะยกให้แล้วเหรอ”“ยัง”“อ้าว?”“แต่ฉันอยากรู้เอาไว้ ถ้าใครมาถามอีกจะได้บอกให้เอาไปพูดต่อได้ถูก ถึงจะนินทา มันก็ต้องให้นินทาเรื่องจริง”“โธ่แม่ คนนินทา พูดเรื่องจริงก็ไม่สนุกสิ”หญิงสาวบอกยิ้มๆ แต่มารดาค้อนขวับ“ถ้าเขาจะมาเร็วๆ นี