แชร์

ลงโทษตนเองซะ

ผู้เขียน: zuey
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-04 14:31:55

ลมพัดบางเบาเรื่อยเฉื่อยหอบเอากลิ่นดินกลิ่นหญ้าพัดโชยมาเข้าจมูกนำพาให้สดชื่นยิ่งนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ซินเยว่ออกจากจวนแม่ทัพหยางในตอนกลางวัน นางทำท่าสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพราะรู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งเป็นอย่างมาก

"ท่านแม่ท่านหิวหรือไม่อดทนอีกนิดนะเจ้าคะ"

ซินเยว่ถามเซวี่ยฟังเฟยด้วยความเป็นห่วง

"ไม่เป็นไรแค่นี้แม่ทนได้ แล้วเจ้าทั้งสองคนเล่าหิวหรือไม่"

เซวี่ยฟังเฟยถามซินเยว่และฮุ่ยหลิง ทั้งสองคนส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกัน หลังจากที่ออกมาจากจวนตระกูลหยางได้สักพัก ตลอดทางที่พวกนางเดินมาเซวี่ยฟังเฟยเอาแต่เงียบอยู่อย่างนั้นซินเยว่ห่วงความรู้สึกของมารดาของนางอยู่ไม่น้อยที่นางต้องหย่าขาดกับสามีที่อยู่กันมาสิบกว่าปี

ตอนนี้ทั้งสามคนเดินออกจากเส้นทางสายหลักมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าด้านนอกที่ติดกับภูเขาไม่ห่างจากเมืองหลวงเท่าใดนัก

"ท่านแม่ข้าว่าเราหาที่พักแถวนี้ไปก่อนดีหรือไม่หากว่าเราเข้าป่าไปลึกมากกว่านี้อาจเจอกับอันตรายจากสัตว์อสูรได้นะเจ้าคะ

เซวี่ยฟังเฟยมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังเมื่อซินเยว่พูดถึงสัตว์อสูร

"ได้ๆ เยว่เอ๋อว่าดีแม่ก็ว่าดี"

เดินเข้าป่ามาได้สักพักก็เจอเข้ากับลานหินที่ด้านหน้าเป็นน้ำตกเล็กๆ ซินเยว่จึงตัดสินใจพักที่นี่คืนนี้นางหันไปบอกมารดา

"ท่านแม่วันนี้เราพักที่ริมน้ำตกนี่กันไปก่อนที่นี่สวยมากเลยทีเดียว"

ซินเยว่รู้สึกชอบที่นี่แต่อยู่ใกล้เมืองหลวงเกินไปอาจไม่ปลอดภัยสำหรับพวกนางนัก ซินเยว่มองมารดาที่ดูสดชื่นขึ้นมามากกว่าเดิมเล็กน้อย

"ท่านแม่ท่านมีพลังปราณขั้นไหนเจ้าคะ

เซวี่ยฟังเฟยแบมือจากนั้นมีแสงสีส้มปรากฏขึ้นที่กลางฝ่ามือของนาง คนที่แผ่นดิน'ชิงหลิว'นี้ถ้าไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ขุนนางในราชสำนัก หรือตระกูลใหญ่ ก็ยากนักที่จะสามารถพัฒนาพลังปราณให้เลื่อนระดับขั้นไปมากกว่าสีแดงเพราะคนธรรมดาไม่มีเงินและทรัพยากรในการซื้อหายาลูกกลอนเพิ่มพลังปราณ ยาลูกกลอนเพิ่มพลังปราณหนึ่งเม็ดราคาหลายพันตำลึง ยิ่งพลังปราณสูงมากเท่าใดการเลือนระดับยิ่งเป็นไปได้ยากเท่านั้น

นักปรุงโอสถที่จะสามารถปรุงยาลูกกลอนเพิ่มพลังปราณออกมาให้ความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วนในแผ่นดินนี้ยังไม่เคยมีใครพบ มีเพียงคนของสำนักแพทย์โอสถเท่านั้นที่สามารถปรุงยาออกมาได้ดี แต่ความบริสุทธิ์นั้นมีเพียงหกส่วนเท่านั้น และนักปรุงโอสถที่อยู่ในแผ่นดินชิวหลิงส่วนมากเป็นคนของสำนักแพทย์ที่ไม่ขึ้นตรงกับแคว้นใด

พวกเขาเป็นขุมกำลังที่มีอำนาจแม้กระทั่งฮ่องเต้ยังต้องให้ความเกรงใจถึงเจ็ดส่วน ใครที่สามารถเข้าสำนักแพทย์โอสถได้จะถูกยกย่องว่าเป็นผู้มีความสามารถ ในแต่ละแคว้นจึงต้องส่งคนเข้าไปสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสำนักแพทย์โอสถเพื่อผลประโยชน์ของแคว้นตน

"บรรยากาศที่นี่ดียิ่งนักเจ้าค่ะ"

ฮุ่ยหลิงนั่งเเช่เท้าที่ริมลำธารห่างจากน้ำตกเล็กน้อยเอ่ยขึ้น ซินเยว่ยิ้มให้กับท่าทางมีความสุขของนาง หลังจากสำรวจบริเวณรอบๆ น้ำตกนางได้เซียงเจียวสุก (กล้วย) และผิงกั่วป่า (แอปเปิล) มาสามสี่ลูก

"ท่านแม่ข้าว่าจะพักที่นี่สามสี่วันแล้วค่อยออกเดินท่างท่านคิดเห็นอย่างไร"

ซินเยว่ปรึกษามารดาเพื่อวางแผนการเดินทางต่อไป

"ได้สิแต่แม่ว่าเราควรมีที่พักที่ดีกว่านี้แม่กลัวว่าบริเวณนี้จะไม่ปลอดภัยจากสัตว์อสูร"

เซวี่ยฟังเฟยออกความเห็น

"เจ้าค่ะลูกก็คิดเช่นนั้น ตอนที่ลูกออกสำรวจรอบๆ บริเวณนี้ได้เจอถ้ำไม่ไกลจากที่นี่ แต่น่าแปลกมากที่ตอนแรกเรากลับมองไม่เห็น "

ซินเยว่นำทางคนทั้งสองให้ตามไปดูถ้ำที่นางเจอ หลังจากสำรวจถ้ำแล้วไม่เจอสัตว์ป่ามีพิษ พวกนางจึงตัดสินใจว่าจะพักที่นี่คืนนี้ ฮุ่ยหลิงเก็บฟืนไม้แห้งมาให้พอสำหรับก่อไฟ เพื่อบรรเทาความหนาวและไล่สัตว์มีพิษออกไป นางแบ่งกองไฟออกเป็นสามกองด้านหน้าถ้ำเผื่อว่าจะมีสัตว์อสูรผ่านมาแม้มันจะช่วยได้ไม่มากนักก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถให้ความสว่างแก่พวกนางในยามค่ำคืน

ชายชุดน้ำเงินได้รับคำสั่งให้ตามซินเยว่ไปจนถึงจวนแม่ทัพหยาง เขาซุ่มดูอยู่สักพักจึงกลับมารายงานนายของตน

 

"นางเป็นคนของจวนแม่ทัพหยางขอรับนายท่าน"

 

บุรุษผมสีเงินยวงคิ้วหนาโก่งได้รูป ดวงตาสีเขียวอมฟ้าดูเย็นชา ขนตาหนาเป็นแพงอนงามจนอิสตรีเมื่อได้เห็นยังนึกอิจฉา ใบหน้าขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาเสียยิ่งกว่าหยกเนื้อดี จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางแดงระเรื่อ องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าช่างลงตัว สันกรามที่เด่นชัดรับกับลำคอระหงยิ่งขับเน้นให้เขาดูหล่อเหลาจนคนธรรมดาไม่สามารถแตะต้องได้

ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาที่ทำให้คนมองชวนตะลึง อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าราวกับสวรรค์สรรค์สร้าง ดูเฉยชาแต่ไม่สูญเสียความงดงามรูปร่างสูงโปร่ง ไหล่กว้างเหยียดตั้งตรงดั่งไม้บรรทัด ดูแข็งแกร่งดังหินผาที่ไม่มีวันสั่นคลอน เอวสอบรับกับขาแข็งแรงกลิ่นอายที่แผ่ออกมาดูมีอำนาจและสูงส่งปานเทพเซียน

บุรุษผู้มีรูปลักษณ์เป็นหนึ่งในใต้หล้านี้ เลิกคิ้วเล็กน้อยขยับปากเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ

"เท่านี้" "เอ่อ!!...."

เหตุใดนายท่านถึงได้สนใจหญิงอัปลักษณ์ที่ไม่มีแม้แต่พลังปราณซ้ำยังทำตัวเป็นตีนแมวเช่นนางด้วยนะ จวนแม่ทัพหยางยากจนถึงเพียงนั้นหรือนางถึงได้ออกมาขโมยของในโรงเตี๊ยมเช่นนี้

ชายชุดน้ำเงินอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง โดยลืมไปว่านายของเขากำลังนั่งรอฟังอยู่ตรงหน้า บุรุษผมสีเงินแผ่กลิ่นอายเย็นเยียบกดข่ม บุรุษชุดสีน้ำเงินกระอักเลือดออกมาคำโตเพราะไม่สามารถทนแรงกดดันของพลังมหาศาลที่ไม่สามารถวัดค่าได้ของเขา แม้พลังของบุรุษชุดสีน้ำเงินจะอยู่ขั้นหยวนหยิงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านายท่านแล้ว เหมือนเขาเป็นเพียงมดปลวกที่ไร้ค่าเท่านั้น

"เยี่ยจื่อลงโทษตัวเองซะ"

บุรุษผมสีเงินไม่แม้แต่จะเหลือบตามององครักษ์ข้างกายคำสั่งของเขาถือเป็นที่สุด เมื่อทำงานไม่ได้ดั่งที่เขาต้องการก็ย่อมต้องรับโทษนี่เป็นกฎที่มีมาช้านาน

"ขอรับ ขอบคุณนายท่านที่เมตตา"

เยี่ยจื่อคุกเข่าลงข้างหนึ่งยกกำปั้นขวาขึ้นแนบอกซ้ายทำท่าคารวะแล้วหายวับไป

"เยี่ยเฉิง"

สิ้นเสียงเขาบุรุษชุดสีดำใบหน้าเย็นชาผิวขาวราวหิมะสูงใหญ่ไม่แพ้เยี่ยจื่อคุกเข่าลงตรงหน้าชายผมสีเงิน

"ไปสืบมา"

เขาเพียงพยักหน้าแล้วหายตัวไปทันที

เยี่ยจื่อและเยี่เฉิงเป็นองครักษ์คนสนิทที่อยู่ข้างกายเขามานาน แต่เยี่ยจื่อกลับไม่เคยทำงานได้เรียบร้อยเช่นเยี่ยเฉิงสักครั้ง เขาถูกนายท่านลงโทษบ่อยที่สุดแต่เขาก็ยังคงได้อยู่ข้างกายนายท่านเหมือนเดิม นั่นเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับองครักษ์เงาอีกหลายคน

ยามห้าย (21.00-22.59) ซินเยว่ออกจากถ้ำมาคนเดียวอย่างเงียบๆ นางเดินลัดเลาะไปด้านหลังจวนแม่ทัพหยาง ขุดเอาย่ามที่ฝังดินไว้แล้วลอดเข้าไปตรงรอยแตกที่กำแพงหลังเรือนท้ายจวน

ซินเยว่หยุดดูอยู่หลังพุ่มไม้สักพัก ไม่เห็นองครักษ์เดินตรวจตราจึงลอบเข้าไปในครัวใหญ่ ห้องครัวมีเพียงตะเกียงจุดไว้เพียงหนึ่งดวง ห้องฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องที่มีเอาไว้สำหรับบ่าวที่นอนเฝ้าห้องครัว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ยอดชายาจอมจักรพรรดิ   บทส่งท้าย ความย่อยยับของนครเทียนจิ่ง

    “เสี่ยวเป่าเจ้าต้องช่วยข้า”เสี่ยวเป่าเหมือนจะรู้ว่าเสี่ยวหงต้องการจะทำอะไร มันกระโดดไปที่นางแล้วคายแก่นพลังของมันวางไว้บนมือของเสี่ยวหง ซินเยว่ที่กำลังโรมรันอยู่กับไป๋ซวี่เฟิงไม่ทันเห็นสิ่งที่พวกเขากำลังทำ‘ฝากเจ้าดูแลนางด้วยนะแล้วอย่าลืมไปตามหาข้าเล่า’เสี่ยวหงพูดกับเสี่ยวเป่าที่ตัวหดเล็กลงกลายเป็นก้อนขนอีกครั้ง เสี่ยวหงใช้แก่นพลังของนางและเสี่ยวเป่าที่บำเพ็ญมายาวนานเพื่อผนึกร่างของไป๋ซวี่เฟิงเอาไว้จากนั้นนางระเบิดแก่นพลังของตนเพื่อทำลายดวงจิตของเขาก่อนที่นางจะหายไป เสี่ยวหงส่งกระแสจิตมาที่ซินเยว่‘แม้ว่าข้าจะตายไปแล้วเกิดใหม่อยู่ที่ใดข้าและเจ้าจะยังคงผูกพัน ในชาตินี้ข้าตายไปก่อนเมื่อถึงเวลาจุติอีกครั้งหวังว่าเจ้าจะตาหาข้าจนพบ’น้ำตาหยดสุดท้ายหลั่งออกมาจากดวงตาหงส์คู่งามของเสี่ยวหง ไป๋เยี่ยนหลงดึงร่างของซินเยว่ให้ออกห่างจากรัศมีแรงระเบิด ไป๋ซวี่เฟิงดินรนเพื่อให้หลุดจากการผนึกของเสี่ยวหงแต่เพราะมีแก่นพลังของเสี่ยวเป่าด้วยเขาจึงต้องสลายหายไปพร้อมกับนางท้องฟ้าที่เคยเเดงฉานกำลังมีฝนตกลงมาเหมือนท้องว่ากำลังหลั่งน้ำตาให้กับเสี่ยงหง ซินเยว่ร้องเรียกหาเสี่ยวหงทั้งน้ำตา เสียงร้องไห้ของนางดั

  • ยอดชายาจอมจักรพรรดิ   เจ้าฆาตกรโรคจิต

    ชายชุดดำนับร้อยค่อยๆ เปิดเผยตัวแต่ละคนมีพลังขั้นเจี๋ยตันขึ้นไปทั้งนั้น ไป๋เยี่ยนหลงยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นเหมือนกับเขามิได้หวันเกรงให้กับคนของไป่ซวี่เฟิงเลยสักนิดด้านซินเยว่ยังคงหลับไม่ตื่นวนเวียนอยู่ในภาพฝันที่นางได้อยู่ร่วมกับคนตระกูลหยางอีกครั้ง นางรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่กับพวกเขาแต่ความรู้สึกลึกๆ เหมือนกำลังโหยหาบางสิ่งแต่นางไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร นางนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวในศาลาใกล้สระบัวท่าทางของนางเหงาหงอยเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่ง“หลานรักปู่มีของที่ต้องการมอบให้เจ้า”ท่านปู่ของนางเดินเข้ามาในศาลา ซินเยว่หันมาสนใจ หยางตงฉวนท่านปู่ของนาง“นี่คือสิ่งที่จำกัดพลังของเจ้าเอาไว้ เมื่อถึงเวลาเจ้าจะต้องได้ใช้มันแน่”เขาได้มอบป้ายหยกรูปหงส์ให้นางถึงเวลาที่หลานจะต้องไปแล้ว อย่าลืมว่าพวกเราตระกูลหยางทุกคนอยู่ข้างหลานตลอดเวลาไม่เคยไปไหน”ซินเยว่พยักหน้า ครอบครัวของนางมายืนรอส่งนางที่หน้าประตูจวนทุกคนโบกมือให้นางทั้งยังอวยพรให้ซินเยว่ได้พบกับเขาผู้นั้น นางไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นหมายถึงอะไร ก่อนที่ซินเยว่จะฟื้นกลับมาร่างของนางเปล่งแสงสีแดงเปลวเพลิงค่อยก่อตัวเป็นรูปร่างเหมือนไข่

  • ยอดชายาจอมจักรพรรดิ   ปลดผนึก

    ซินเยว่นั่งมองภาพของการต่อสู้ของตระกูลหยางจนจบ นางค่อยๆ ออกเดินไปท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาจนกระทั่งถึงหน้าประตูจวนของตระกูลเจียว ซินเยว่สะบัดมือหนึ่งครั้งประตูบานใหญ่สองบานแตกกระจุยไม่เหลือชินดี“เจียวเมิ่งออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้ วันนี้ข้าหยางซินเยว่จะไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไปแม้แต่คนเดียว”ซินเยว่ยืนถือกริชอยู่ท่ามกลางสายฝนดวงตาของนางแดงก่ำไปด้วยความคั่งแค้น พลังของนางทำให้องครักษ์ที่เฝ้าประตูต้องถอยห่างเพราะแรงกดดันและความร้อนที่แผ่ออกมา เสี่ยวเป่าในร่างสัตว์อยู่ตัวยักษ์คำรามเสียงดังก้องฟ้า องครักษ์ขั้นเจี๋ยตันถึงกับกระอักเลือดออกมาองครักษ์ของตระกูลเจียวออกมาล้อมซินเยว่เอาไว้ ทุกคนล้วนระดับขั้นเจี๋ยตันขึ้นไปแต่สายตาของนางไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย เจียวมิ่งเดินออกมาพร้อมองครักษ์ที่คอยกางร่มให้เขามองมาที่ซินเยว่ด้วยความสงสัยตอนนี้ใบหน้าของนางได้ถูตี้ซางพรางเอาไว้ทำให้มองเห็นเป็นผู้อื่น“แม่นางน้อยเจ้าบุกมาทำลายประตูจวนตระกูลเจียวเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยหรือซินเยว่หัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้าเขา“เจ้าเฒ่าสารพัดพิษ”นางสบถด่าเจียวเมิ่งออกไปอย่างสะใจ“นา

  • ยอดชายาจอมจักรพรรดิ   บทลงโทษต่อผู้ที่คิดร้ายต่อนาง

    “ทะ... ท่านจ้าวผู้ครองนครได้โปรด....”ลี่ผิงยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบประโยคร่างของนางก็กระเด็นออกไปไกลหลายจั้ง นางพยายามพยุงร่างที่บอบช้ำของตนหมอบคลานมาเบื้องหน้าของไป๋เยี่ยนหลง ลี่ผิงเห็นสายตาที่แสนอำมหิตของเขานางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ“โปรดเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”ไป๋เยี่ยนหลงไม่สนใจลี่ผิงอีกต่อไป เขาอยากรีบกลับไปอยู่กับสตรีแสนซุกซนที่เอาแต่บ่นทำปากขมุบขมิบน่ารักอยู่ด้านในแล้ว“ทำลายตันเถียนส่งไปส่วนลึกของหุบเขาทมิฬ”สิ้นคำของไป่เยี่ยนหลงลี่ผิงก็กรีดร้องขอความเมตตาแต่คนของไป๋เยี่ยนหลงก็เข้ามาลากนางออกไปจากตรงนั้น เยี่ยจื่อส่ายหน้าด้วยความจนใจพลางมองร่างของลี่ผิงที่กำลังถูกลากออกไป แค่ถูกส่งไปยังส่วนลึกของหุบเขาทมิฬโอกาสรอดของนางก็แทบไม่มีแล้ว นี่นายท่านยังให้ทำลายตันเถียนของนางอีกชีวิตนี้ของลี่ผิงไม่มีทางรอดกลับมาอย่างแน่นอน เมื่อจัดการตัวต้นเรื่องเสร็จแล้วจากนั้นไป่เยี่ยนหลงก็หันมาจัดการคนที่มาจากแผ่นดินชิวหลิง“ทำลายตันเถียนแล้วส่งกลับไปที่แคว้นฉิง ป่าวประกาศการกระทำของพวกเขาให้คนแผ่นดินชิวหลิงได้รู้ให้ทั่ว”สิ้นคำไป่เยี่ยนหลงก็ลุกออกไปจากท้องพระโรงทันที ที่ไป๋เยี่ยนหล

  • ยอดชายาจอมจักรพรรดิ   การแสดงที่ไร้ที่ติ

    ฉิงอิงหลางดันเจ้ามังกรตัวโตหัวมันเยิ้มไปด้วยน้ำหวานของสตรีใต้ร่างเขาทีเดียวจนสุดลำ เสียงของนางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ฉิงอิงกลางทนไม่ไหวอีกต่อไปเขาไม่มีเวลามาปลอบโยนนางเพราะเขาต้องทำให้นางเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์เสียก่อน องค์ชายสามแห่งแคว้นฉิงกระแทกเอวสอบเข้าใส่สตรีใต้ล่างอย่างไม่ยั้งผ่านไปเพียงไม่นานเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของนางก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องครวญครางอย่างเสียวซ่าน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังพับพับตลอดเวลา ชายหญิงในห้องร้องครวญครางประสานกันดังแว่วออกมาด้วยความเสน่หารัญจวนอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะมาได้ยินก่อนหน้าที่ฉิงอิงหลางจะมาถึงบ้านร้างนอกเมือง เงาสองร่างยืนตระกองกอดกันอยู่บนต้นไม้เหมือนเฝ้ารอใครบางคน และเพียงไม่นานฉิงอิงหลางที่อยู่ในชุดดำก็อุ้มร่างของสตรีหายเข้าไปในบ้านร้างจากนั้นเสียงครวญครางอย่างรัญจวนของทั้งสองก็ดังแว่วมาอย่างไม่ขาดสาย สตรีที่ยืนอยู่บนต้นไม้เมื่อได้ยินเสียงน่ารังเกียจของชายหญิงในบ้านร้าง ใบหน้างามของนางก็แดงซ่านลามไปถึงลำคอ ไป๋เยี่ยนหลงมองสตรีอันเป็นที่รักในอ้อมแขนด้วยสายตาเอ็นดู"ช่างน่าตายยิ่งนัก"เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นมาก็คือซินเยว่ตัวจริงที่อยู่ในร่างของไซซีย

  • ยอดชายาจอมจักรพรรดิ   ลักพาตัว

    ชายชุดดำอีกคนเอ่ยขึ้นเขาก้าวเข้าหาซินเยว่เพียงก้าวเดียวก็ถึงตัวของนางได้อย่างง่ายดาย ชายชุดดำใช้สันมือฟาดไปที่ต้นคอของซินเยว่อย่างไม่ออมมือนางสลบไปทันที แต่ก่อนที่ชายชุดดำทั้งสองจะทันได้เคลื่อนย้ายร่างของซินเยว่ที่สลบไม่ได้สติออกไปจากห้องนั้น ชายชุดดำผ้าปิดหน้าห้าคนกระโดดออกมาขวางเอาไว้ ผู้มาทีหลังไม่รั้งรอให้ชายชุดดำทั้งสองได้ตั้งตัวพวกเขาฟาดพลังปราณใส่ชายชุดดำทั้งสองทันทีชายชุดดำทั้งสองกระโดดหลบพลังที่ผู้มาทีหลังซัดมาที่พวกเขาได้อย่างหวุดหวิดแล้วภายในห้องก็เกิดการต่อสู้ขึ้น ชายชุดดำทั้งสองที่มาก่อนหน้าไม่มีโอกาสที่จะพาร่างของซินเยว่ออกไปจากห้องนั้น เพราะมัวแต่พัวพันอยู่กับการต่อสู้กับชายชุดดำที่มาทีหลังคนหนึ่งได้โอกาสจึงอุ้มร่างของซินเยว่แล้วกระโดดหายออกไปจากตรงนั้นทันที"พวกเจ้าเป็นใครเหตุใดจึงมาขัดขวางภารกิจของข้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร"ชายชุดดำที่เหลืออยู่อีกสี่คนไม่มีใครตอบคำถามชายชุดดำทั้งสองที่มาก่อนเมื่อพวกเขาเห็นสหายอุ้มร่างของซินเยว่ออกไปแล้วพวกเขาทั้งสี่ก็แยกตัวกันหนีออกไปจากห้องนั้นทันทีชายชุดดำที่มาก่อนเมื่อเห็นว่าตนถูกชิงตัวเป้าหมายไปแล้วก็คิดจะติดตามไปเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status