แชร์

บทที่ 1415

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วซือหรานเอะอะขนาดนี้ในจวน ตามหลักการเนี่ยคุนไม่มีทางไม่มีปฏิกิริยา

แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เช่นนั้นก็มีแค่ความเป็นไปได้เดียว...

"เนี่ยคุนไม่อยู่ในจวนแล้ว" จั๋วซือหรานคาดเดาออกมา "ไปย้ายกองหนุนแล้วกระมัง"

จั๋วซือหรานขี้เกียจจะไปสนใจว่าเขาไปเคลื่อนย้ายกองหนุน ไปโยกย้ายกองหนุนอะไรหรือเปล่า

นางรู้สึกว่าคงไม่ได้เก่งกว่ากองหนุนของนางหรอก

ถึงยังไง ผู้ที่ใช้ชื่อว่า '...อันดับหนึ่งในใต้หล้า' ปกติจะต้องแข็งแกร่งเอามากๆ

ส่วนเฟิ่งหลานก็พาพ่อของนางเข้ามาหาอย่างไว รถเข็นคันหนึ่งถูกลากมาถึงหน้าจวนเจ้าเมือง

ถ้าหากยังเป็นพวกคนใช้จวนเจ้าเมืองก่อนหน้าล่ะก็ เฟิ่งหลานคงได้ถูกสร้างความลำบากแน่

แต่คนใพวกนั้นถูกจั๋วซือหรานตะเพิดไปแล้ว

ที่เหลืออยู่คือทาสอาชญากรที่ซื้อมาเมื่อวานนี้ ยิ่งไปกว่านั้นทาสอาชญากรเหล่านี้เฟิ่งหลานเองก็มาซื้อด้วยกันกับจั๋วซือหราน

ดังนั้นเฟิ่งหลานพอเห็นก็จำทาสอาชญากรเหล่านี้ได้?

เฟิ่งหลานตกตะลึงในใจ ใต้เท้าคนนี้ให้ตายสิ...แค่คืนเดียวเท่านั้น! แค่คืนเดียวเท่านั้นนะ!

นางก็ให้พวกเขามาดูแลจัดการแล้วรึ?

และทาสอาชญากรเหล่านี้หลายคนก็จำได้ ถึงคนหาข่าวที่มาซื้อพวกเขาพร้อมกับใต
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1427

    จากคำพูดของเฟิงเหยียน ไม่นานก็รวบรวมสถานการณ์รวมของตำหนักเซินหลัวแห่งสภาผู้อาวุโสได้แล้วมีน้อยคนนัก ที่จะไม่มีญาติพี่น้องเลยอย่างแท้จริง คนที่อาภัพไร้ญาติมิตรแบบนั้น มีอยู่ไม่มากแน่นอนต่อให้ไม่มีพ่อแม่แล้ว บางครั้งก็ยังมีญาติสายข้างบางส่วนอยู่ลุงป้าน้าอาอะไรแบบนี้ ก็น่าจะยังมีอยู่บ้างคนของตำหนักเซินหลัว ตราบใดที่ยังมีญาติพี่น้องอยู่ ญาติพี่น้องเหล่านี้ ก็จะกลายเป็นเครื่องมือสำหรับทดสอบคนของตำหนักเซินหลัว"สังหารพวกเขาจนหมด" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น "ตำหนักเซินหลัวจะให้พวกเขา สังหารญาติเหล่านั้นจนหมด ถ้าแต่เดิมเป็นญาติที่ไม่ได้ผูกพันอะไรกันนัก หรือเป็นญาติที่ไม่ดีกับพวกเขาอยู่แล้ว กัดฟันทำไปก็ยังพอไหว""แต่ถ้ามีญาติพี่น้องที่ดีกับพวกเขาปรากฏขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่เด็กเข้าไปยังตำหนักเซินหลัว ก็ล้วนจำความกันได้แล้ว แน่นอนว่าต้องจำญาติเหล่านี้ได้""คงจะไม่คิดไม่คาดฝันแน่นอน ว่าญาติพี่น้องเหล่านี้จะต้องกลายมาเป็นหินลับมีดให้กับตนเอง..."ตอนที่พูดคำเหล่านี้ เฟิงเหยียนกดเสียงลงต่ำมาตลอดฟังออกไม่ยากว่าเขารังเกียจสิ่งเหล่านี้อย่างที่สุดจั๋วซือหรานฟังแล้วก็ขมวดคิ้วแน่นเฟิงเหยียนไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1426

    จั๋วซือหรานย่อตัวลงมา ยื่นมือไปปลดหน้ากากบนหน้าเขาออกส่วนเฟิงเหยียน ก็ใช้ฝักกระบี่ของกระบี่ประจำตระกูล จัดการดึงฝักมีดสั้นที่หลังของคนคนนี้ออกมาสายตาของเฟิงเหยียนขรึมลง สายตาจับจ้องฝักมีดสั้นของเขาเป็นระยะจากนั้นก็เอียงตามองหาร่องรอยของมีดสั้นสองเล่มนั้นจั๋วซือหรานปลดหน้ากากของเขาออกอย่างราบรื่น เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ค่อนข้างหล่อเหลาว่ายังไงดีล่ะ ถ้าหากเป็นใบหน้าแบบนี้ ใครมาเห็นเข้าก็คงรู้สึกว่าน่าจะเป็นพวกบัณฑิตที่จะไปสอบข้าราชการแน่ไม่ควรจะเป็นนักฆ่าที่จับมีดคอยไล่สังหารคนในยามราตรีแบบนี้สายตาจั๋วซือหรานเฉียบคมมาก มองเห็นรอยประทับที่ข้างคอเขาอย่างรวดเร็ว"อื๋อ?" จั๋วซือหรานหรี่ตาลง มองตราประทับนั่นที่ข้างคอเขาดูแล้วเหมือนถูกประทับตราลงไป แล้วก็ยังดูเหมือนหลังถูกประทับตราแล้วค่อยสักสีลงไปด้วยจั๋วซือหรานแหงนตามองเฟิงเหยียน ถามขึ้นเสียงต่ำว่า "ท่านมาดูนี่สิ ท่านรู้จักตราประทับนี้ไหม?"เฟิงเหยียนหามีดสั้นสองเล่มที่กระเด็นออกไประหว่างต่อสู้เจอแล้ว หยิบไว้ในมือเดินตรงเข้ามาพอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน จึงก้มลงเหลือบมองตราประทับที่อยู่ข้างคอคนผู้นี้ผาดหนึ่งเขาพยักห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1425

    พริบตานี้เอง สือหลินก็ตระหนักได้ว่าติดกับเข้าแล้วแต่เขากลับไม่มีทางถอย คนบนเตียงไม้ลุกขึ้นมาแล้วร่างนั้นใช่หญิงสาวเสียที่ไหน!สือหลินถอยหลังอย่างรวดเร็ว เขาถนัดลอบสังหาร วิชาร่างก็โดดเด่นมาแต่ไหนแต่ไรแต่ถอยได้ไม่มากนัก ก็สัมผัสได้ถึงแรงต้านที่มองไม่เห็นขวางทางถอยหนีของเขาเอาไว้"นี่มัน..." เขาถลึงตาโตขึ้นทันควันสือหลินเองก็พบแล้ว ว่าการโจมตีของชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ ไม่ได้มีทักษะที่สลับซับซ้อนอะไรเลยในมือเขากำดาบยาวสีดำเล่มหนึ่ง มีเพียงคมดาบเท่านั้นที่เป็นประกายขาวเจิดจ้าราวหิมะพอเห็นก็รู้ว่าเป็นอาวุธวิเศษที่หาได้ยากยิ่ง ทว่าพอเขาถือไว้ในมือกลับเหมือนกำลังถือมีดทำครัวอยู่อย่างไรอย่างนั้นไม่มีทักษะอะไร แค่ฟันเข้ามาหาเขาอย่างสะเปะสะปะกระทั่งเหมือนเด็กน้อยจับมีดเลยด้วยแต่ก็ยังทำให้คนรู้สึกตึงมือ เพราะว่า...ทางถอยหนีถูกพลังที่มองไม่เห็นสกัดเอาไว้เหมือนแมลงวันไร้หัวที่ถูกขังอยู่ในมิติเล็กๆ ไม่ว่าจะหมุนยังไง ก็เจอเข้ากับกำแพง เจอแต่กับกำแพงอยู่ตลอดถ้างั้น ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ต่อให้เป็นแค่เด็กน้อยที่ถืออาวุธฟันสะเปะสะปะไปมาการเคลื่อนไหวที่ดูไร้เดียงสาในเวลาปกติ ซึ่ง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1424

    พอเสียงเขาขาดลง ก็เห็นจั๋วซือหรานทำเสียงชู่วขึ้นมา จากนั้นนางก็เชิดคางไปด้านหน้าบอกว่า "มากันแล้ว"ความสนใจของเฟิงเหยียนล้วนอยู่บนตัวนาง พอได้ยินนางเตือนมา จึงหันไปมองยังเรือนของชิ่งหมิงและเป็นไปตามคาด เงาดำเงาหนึ่งแอบบุกเข้าไปในเรือนของชิ่งหมิงจั๋วซือหรานเห็นว่าเงาดำนั่น ไม่ได้คิดจะลอบโจมตีอะไร แต่กลับ..ผลักเปิดบานประตูเข้าไปตรงๆ เสียอย่างนั้นจั๋วซือหรานจุ๊ปาก "นี่เรียกว่าลอบสังหารได้ด้วยหรือ? นี่มันเชิญชวนเข้าสู่กับดักชัดๆ? แล้วด้วยพลังป้องกันของชิ่งหมิง..."นั่นเป็นเตาสามขาใบหนึ่งเชียวนะพลังป้องกันของเตาสามขาใบหนึ่ง!เอาจริงๆ ต่อให้เป็นจั๋วซือหราน ก็ยังไม่อยากจะเผชิญหน้ากับชิ่งหมิงในฐานะคู่ต่อสู้เลยความรู้สึกนั่นก็เหมือนกับหลักการที่นางไม่อยากจะสู้กับอสูรกลืนแมลงนั่นล่ะไม่ใช่ว่าจะเอาชนะไม่ได้ แต่มันต้องสู้กันจนเหนื่อยใจถ้าพรรณนาให้แม่นยำหน่อย...ก็เหมือนทำกัวซานั่นล่ะ สู้แทบตายแต่อีกฝ่ายเลือดลดแค่นิดเดียวนี่ถ้าเป็นการโจมตีระยะไกลก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าต้องสู้แบบเผชิญหน้ากันล่ะก็ ไม่ใช่แค่กัวซาที่เจ็บแค่ผิวเผินนะ แต่ยังเสี่ยงถูกโต้กลับได้ด้วยแล้วก็ตามคาด ในห้องก็ไม่มี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1423

    พอรู้ว่าเนี่ยคุนกลับมารอบหนึ่ง จั๋วซือหรานก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย"เขาทำให้พวกเจ้าลำบากใจหรือเปล่า?" จั๋วซือหรานถาม"ไม่ขอรับ" เยว่จานตอบ "เดิมทีข้าก็คิดว่าเขาจะสร้างความลำบากใจให้เรา ถึงอย่างไรก็มีแต่พวกเราที่อยู่ที่นี่ คนใช้เดิมแต่ก่อนของเขาล้วนไม่อยู่กันแล้ว"พวกเขากระทั่งเตรียมใจจะถูกเจ้าเมืองเนี่ยลงโทษเสียด้วยซ้ำ กระทั่งว่าเยว่จานกำชับกับพวกเขาเอาไว้แล้ว ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องอดทนเอาไว้รอนายท่านตื่นแล้วค่อยว่ากัน"แต่คิดไม่ถึงว่า เขากลับไม่พูดอะไรเลย แค่กลับมารอบหนึ่ง จากนั้นก็ออกไปอย่างรวดเร็ว"พอได้ยินคำนี้ของเยว่จาน จั๋วซือหรานก็เลิกคิ้วขึ้นยังไม่ทันที่นางจะได้ถามละเอียด เยว่จานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยต่อมาว่า "แต่ข้ารู้สึกว่า เจ้าเมืองเนี่ยกลับมารอบนี้น่าจะมีอะไรอยู่ด้วย"จั๋วซือหรานมองเขา "อื๋อ? ไหนว่ามาซิ?"เยว่จานเอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ "แม้เขาจะไม่พูดอะไร แต่กลับถามว่าตอนนี้ท่านพักอยู่เรือนหลังไหนในจวน ข้าคิดว่าเขาน่าจะคิดทำอะไรกับท่านอยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้บอกข้อมูลจริงกับเขาพูดถึงตรงนี้ เยว่จานก็เอ่ยขอโทษเสียงต่ำ "ใต้เท้า ตอนนั้นสถานการณ์ไม่อำนวยให้ข้าเข้ามาถามท่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1422

    พอดีตอนนั้นมีตระกูลหนึ่งสร้างความสัมพันธ์กับใต้เท้าในเมืองหลวงคนหนึ่ง บอกว่าขอแค่จัดการลงโทษสองตระกูลนี้เสียทรัพย์สินของตระกูลจงก็จะมอบให้กับใต้เท้าคนนี้ทั้งหมดตระกูลจงเป็นแค่ตระกูลพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น จะไปสู้รบปรบมือกับใต้เท้าในเมืองหลวงได้อย่างไร...แค่โอกาสจะเรียกร้องความเป็นธรรมก็ยังไม่มีทั้งสองตระกูลจึงถูกเนรเทศออกมา หากเป็นความผิดถึงขั้นประหารทั้งตระกูล ก็คงจะสั่นสะเทือนไปถึงเมืองหลวงแล้วแต่เพราะเป็นแค่การเนรเทศเท่านั้น บวกกับการจัดการสินบนอย่างทั่วถึง เรื่องนี้จึงไม่เกิดกระแสใดแล้วเงียบหายไปเฉยๆพวกเขาสองตระกูลถูกเนรเทศไปไกล ระหว่างทางก็ถูกขายมาที่หลวนหนานนี้อีกหลังจากจั๋วซือหรานได้ยินเรื่องของเยว่จาน นางก็แหงนตาขึ้นมองเยว่จาน "ใต้เท้าที่มาจากเมืองหลวงคนนั้น คงจะไม่ใช่..."จั๋วซือหรานไม่ทันพูดจบ เยว่จานก็พยักหน้า "ขอรับ องค์ชายห้าซือคงอวี้นั่นเอง""แล้ว..." จั๋วซือหรานทอดถอนใจขึ้นมา "บังเอิญจริงๆ"สายตาของเยว่จานจ้องมองจั๋วซือหรานนิ่ง "ดังนั้นใต้เท้าจึงวางใจได้ ใต้เท้ามีบุญคุณการสร้างชีวิตใหม่กับพวกเราสองตระกูล ไม่ใช่เพียงช่วยชีวิตเราเท่านั้น แต่ยังแก้แค้นให้พวกเร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status