ภูผาเลี้ยวเข้ามาส่งคนข้าง ๆ หน้าทางเข้าคอนโดตามที่อีกฝ่ายร้องขอไว้
“วันนี้วินนี่อาจไม่กลับนะเฮีย ส่งข้อความบอกแม่ไว้แล้ว”
“อื้ม”
“เฮียเป็นอะไรรึเปล่า เห็นเงียบ ๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“เปล่า ๆ เฮียกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะ แล้วนี่เราจะนอนค้างกับไอ้หน้าขาวนั่นจริง ๆ เหรอคืนนี้”
“เปล่าสักหน่อย จะไปนอนกับยายเจน เจนพักอยู่คอนโดข้าง ๆ นี้เอง วินนี่นัดเพื่อนไว้แล้วว่าหลังง้อพี่สิงห์เสร็จจะไปหา”
คนได้ยินระบายเสียงหายใจออกมาอย่างคนโล่งอก หลังจากที่นั่งคิดหนักมาตลอดทางว่าจะยอมปล่อยให้เด็กน้อยของเขาไปอยู่กับไอ้หน้าขาวนั่นตลอดทั้งคืนจริง ๆ น่ะเหรอ
“งั้นวินนี่ไปก่อนนะคะ”
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
ภาพของคนตัวเล็กยังสะท้อนที่กระจกข้างของรถยนต์ ภูผาไม่ยอมออกรถสักที ในใจก็เฝ้าแต่ถามตัวเองว่าที่เขาทำไปทั้งหมดวันนี้มันเพื่ออะไรกัน
ตั้งแต่เช้าเมื่อรู้ว่าวินนี่มีนัดกับไอ้หมอนั่น เขาก็ไปบอกแม่กับน้าวันว่าเขาและวินนี่จะไปส่งเค้กของวันนี้ให้เอง ทั้ง ๆ ที่ลูกน้องในร้านก็สามารถไปส่งได้
ลงทุนขับรถออกไปไกลแล้วแกล้งว่ารถเสียบ้าง โทรตามเพื่อนสนิทให้มาเล่นละครเป็นช่างและยื้อเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้บ้าง
เขาทำทั้งหมดไปเพื่ออะไรกัน ในเมื่อสุดท้ายก็เป็นเขาเองที่พาวินนี่มาส่งให้ไอ้หน้าขาวนั่นถึงที่แบบนี้
ภูผาสะบัดหน้าแรง ๆ เรียกสติเข้าร่าง วินนี่จะไปหาแฟนของตัวเองมันก็เป็นสิทธิ์ของเด็กนั่น เขาจะไปเอาสิทธิ์อะไรมาไม่พอใจกัน รถยนต์เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง
ร่างเพรียวบางเดินมาถึงทางเข้าคอนโด ในมือก็ต่อสายหาคนที่เธอคิดว่าอยู่ด้านบนอีกครั้ง
สองเท้าต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงเรียกเข้าอันคุ้นหูดังมาจากสถานที่ไม่ไกล วินนี่กวาดสายตามองหาเจ้าของโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงเรียกเข้า
ดวงตากลมสบเข้ากับสองร่างที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงแถมยังจูบแลกลิ้นกันนัวอยู่ข้างรถยนต์คันหรู ซึ่งเธอรู้ว่าเป็นรถของใคร ร่างกายเหมือนขยับไปเองวินนี่ก้าวเดินตรงไปหาสองร่าง มือถือในมือถูกกำแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
“อื้อ ~ สิงห์จะไม่รับโทรศัพท์หน่อยเหรอคะ”
“ไม่ต้องสนใจหรอก ขึ้นห้องกันดีกว่า เราไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ไหวอะไรคะพี่สิงห์”
“วินนี่!!!” คนตกใจรีบปล่อยมือจากเอวสาวสวยที่ตนเพิ่งจะชวนขึ้นห้องเมื่อครู่ในทันที
“นี่มันอะไรกันคะพี่สิงห์”
“เอ่อ...คือ”
“เด็กนี่น่ะเหรอคะที่สิงห์เล่าให้เมย์ฟัง หน้าตาก็ไม่ได้ดูใสซื่อจนเหมือนทำเรื่องอย่างว่าไม่เป็นสักหน่อย เมย์ว่าคุณโดนเด็กนี่หลอกแล้วแหละค่ะ”
เพี๊ยะ!!
“โอ๊ย! นี่แกกล้าตบฉันเหรอยายเด็กบ้า!” คนถูกตบยกมือปิดแก้มตัวเองก่อนจะหันมาตวาดใส่หน้าวินนี่
“มากกว่านี้ก็กล้า ใครให้เธอมาวิพากษ์วิจารณ์คนอย่างฉันมิทราบ” คนถูกความโกรธจัดครอบงำก้าวเดินเข้าหาสาวสวยที่แฟนหนุ่มกำลังจะพาขึ้นห้องจนอีกคนถอยหนี
“หยุดนะวินนี่ ทำไมทำตัวไม่น่ารักแบบนี้” เป็นสิงห์ที่รีบแทรกตัวเข้ามาขว้างไว้ได้ทัน
“แล้วพี่สิงห์ละคะ ทำตัวน่ารักนักเหรอ กำลังจะพาผู้หญิงคนอื่นขึ้นห้องเนี่ยนะ”
“ก็เพราะว่าเธอมันไม่ได้เรื่องไงเขาถึงได้หาคนอื่นมาทดแทน” สาวสวยด้านหลังยังคงชะโงกหน้ามาส่งคำพูดที่ทำให้คนฟังอย่างวินนี่ยิ่งหัวร้อนเข้าไปใหญ่
“หุบปาก! อยากโดนตบอีกสักรอบใช่ไหม” มือบางกระชากผมอีกฝ่ายได้ทันพอดี ก่อนจะดึงให้ผู้หญิงปากมากออกมาจากด้านหลังของแฟนหนุ่ม
“โอ๊ย! ปล่อยฉันนะยายบ้า!”
“หยุดนะวินนี่ เลิกบ้าสักที!” ผู้ชายเพียงคนเดียวรีบเข้ามาแกะมือวินนี่ก่อนจะดึงคนที่ตนพามาให้มาหลบด้านหลังอีกครั้ง
“พี่สิงห์กำลังจะประกาศว่าเลือกผู้หญิงคนนี้งั้นเหรอคะ”
“ใช่ แล้วจะทำไม”
เพี๊ยะ!
“ไอ้คนเลว”
“วินนี่ กล้าตบพี่งั้นเหรอ”
คนถูกตบอย่างแรงหันมาด้วยสายตาไม่พอใจอย่างหนัก ก่อนจะคว้าข้อมือเล็กกระชากเข้าหาตัว
“โอ๊ย! ปล่อยวินนี่นะ”
“หึ ก็ถ้าเธอไม่เล่นตัวมาก เรื่องของเรามันก็คงไม่ลงเอยแบบนี้หรอก จะบอกอะไรให้นะ ผู้หญิงอย่างเธอผู้ชายก็แค่อยากหลอกฟันเท่านั้นแหละ ใครจะไปทนอยู่กับผู้หญิงพูดมาก เอะอะก็ใช้แต่กำลังอย่างเธอได้กันฮะวินนี่”
“ว่าแต่คนอื่นตัวเองดีตายแหละ หน้าก็ขาว เห็นในที่มืดก็นึกว่าเจอผี”
“ยายเด็กนี่!” ฝ่ามือใหญ่ถูกง้างขึ้นกลางอากาศ ถ้าคิดว่าคนอย่างวินนี่จะกลัวจนหลับตาละก็อย่าหวัง เธอยังคงจ้องตาท้าท้ายคนตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ
และมันก็ทำให้เธอได้เห็นว่าก่อนที่มือของอีกคนจะถึงหน้าเธอ มีร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยวิ่งเข้ามาต่อยหน้าสิงห์จนล้มไปกองกับพื้นก่อนที่เขาจะได้ทำร้ายเธอ
ภูผาเข้าไปคร่อมร่างที่ตนเพิ่งชกจนล้ม ก่อนจะประเคนหมัดอีกสามสี่หมัดให้ไอ้ปากเสียนี่จนเลือดกบปาก แต่อีกคนก็ไม่ยอมถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวสวนหมัดใส่หน้าคนด้านบนไปบ้างอย่างทุลักทุเล
ภาพของผู้ชายสองคนที่กำลังต่อยกันชุลมุนทำเอาคนดูสองคนยืนอึ้งค้างจนทำอะไรไม่ถูก เป็นวินนี่ที่ตั้งสติได้ก่อนจึงรีบวิ่งเข้าไปดึงร่างของภูผาออกมา
“พอได้แล้วเฮียผา”
อัก!
คนถูกดึงให้ลุกขึ้นไม่วายแตะเข้ากลางท้องของคนที่ยังนอนหมอบอยู่กับพื้นอีกรอบ ก่อนจะชี้หน้าขู่อีกคนเสียงเหี้ยม
“ถ้ากูเห็นมึงมายุ่งกับวินนี่อีกนะ กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่ไอ้เหี้ย! ไป กลับกันเถอะ”
แม้น้ำเสียงที่ข่มขู่คนบนพื้นจะดูน่ากลัว แต่ท้ายประโยคที่หันมาพูดกับคนตัวเล็กกลับดูอ่อนโยนเหลือเกิน
วินนี่ถูกพาตัวออกจากตรงนั้นโดยคนที่กำลังจับมือเธอเดินตรงไปยังรถซึ่งจอดอยู่ที่เดิมที่เขามาส่งเธอเมื่อกี้ วินนี่นึกว่าภูผากลับไปแล้วซะอีกเพราะเห็นอีกฝ่ายขับรถออกไปแล้วกับตา
ดวงตากลมยังคงจ้องมองแผ่นหลังกว้างของคนที่เดินนำ มันยังให้ความรู้สึกเหมือนเดิมไม่มีผิด ตั้งแต่วันแรกที่เธอเจอเขาจนกระทั่งถึงวันนี้ ความรู้สึกที่ว่ามันกว้างมากจริง ๆ กว้างจนเหมือนสามารถบดบังเธอจากเรื่องร้าย ๆ ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะเจอเรื่องแย่ ๆ แค่ไหน ขอแค่ยืนอยู่ข้างหลังเขาแบบนี้ ในหัวใจมันก็รู้สึกเหมือนปลอดภัยและอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ร่างบางถูกพามาส่งขึ้นเบาะก่อนจะเป็นภูผาที่รัดเข็มขัดให้เธอเหมือนเธอเป็นเด็กที่ทำอะไรเองไม่เป็นยังไงยังงั้น
ภายในห้องโดยสารถูกปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้ง วินนี่หันมองใบหน้าของคนข้าง ๆ ขอบตาเริ่มแดงและร้อนผ่าวขึ้นมา
ภูผาจอดรถตามสัญญาณไฟที่ขึ้นสีแดง ก่อนจะหันมามองหน้าคนที่นั่งข้าง ๆ
“นึกว่าเฮียกลับบ้านไปแล้วซะอีก”
“เฮียรู้สึกเป็นห่วงเรา ก็เลยวนกลับไปดู”
“ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เฮียต้องมาเจ็บตัวแบบนี้”
“ถ้าจะร้องเพราะเฮียถูกต่อยก็อย่าร้อง”
“ฮึก ฮืออออ ~” เสียงร้องไห้โฮดังมาทันทีที่เขาพูดจบ
อารมณ์ขุ่นมัวมันเริ่มก่อตัวในใจของภูผาอีกครั้ง บอกว่าอย่าร้องเพราะเขาถูกต่อยไง แต่วินนี่กลับร้องแบบนี้ แสดงว่าร้องไห้ให้ไอ้หน้าขาวนั่นใช่ไหม
แต่แล้วความไม่พอใจก็หายวับไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
“ทำไมเฮียต้องบังคับให้วินนี่ทำสิ่งที่วินนี่ไม่อยากทำด้วย ฮึก ปากเฮียแตกจนเลือดออกขนาดนี้จะให้วินนี่นั่งหัวเราะรึไงกัน ฮือออ รีบขับรถกลับบ้านเลย”
คนร้องไห้น้ำมูกไหลรีบเช็ดหน้าก่อนจะสูดน้ำมูกกลับเข้าจมูกเสียงดัง มือชี้ไปยังร้านขายยาข้างทางที่ยังเปิดอยู่
“จอดที่ร้านยาด้วย วินนี่จะไปซื้อยามาทำแผลให้เฮีย”
“หึ น้ำมูกเต็มหน้าแบบนี้กล้าลงไปเหรอ”
“ไม่ต้องพูดมาก นั่งรอเงียบ ๆ ไปเลย เกิดแผลที่ปากเลือดออกมากกว่าเดิมจะทำไงฮะ”
คนบ่นเสร็จรีบวิ่งลงจากรถเข้าไปซื้อยาและอุปกรณ์ทำแผลก่อนจะรีบวิ่งออกมา ทุกการกระทำของคนตัวเล็กอยู่ในสายตาของคนที่นั่งยิ้มคนเดียวในรถตลอดเวลา
.
.
.
“เจ็บไหม”
“ไม่เจ็บเลย มือวินนี่เบาที่สุด” ใบหน้าหล่อฉีกยิ้มกว้างให้คนที่นั่งซับยาสมานแผลที่มุมปากให้ตน
“ถอดเสื้อออกค่ะ”
“คิดจะทำมิดีมิร้ายเฮียรึเปล่าเนี่ย”
“ยังจะเล่นอีก เร็วค่ะ วินนี่จะดูว่ามีแผลที่อื่นอีกไหม”
คนแกล้งหวงตัวยอมถอดเสื้อยืดสีเทาของตนออกแต่โดยดี ร่างกายที่มีมัดกล้ามสวยงามตามฉบับคนออกกำลังกายสม่ำเสมอปรากฎต่อสายตาของเด็กน้อย แม้จะเห็นมาบ่อยครั้งแต่ครั้งนี้กลับทำเอาวินนี่รู้สึกร้อนที่หน้าแปลก ๆ ก่อนจะต้องสะบัดหน้าไล่ความรู้สึกบางอย่างให้ออกไปจากหัว
ดวงตากลมมองสำรวจหาร่องรอยการบาดเจ็บตามร่างกายกำยำ ก่อนจะต้องสะดุดกับรอยนิ้วตรงแขนของภูผา คงเป็นรอยนิ้วของสิงห์ที่พยายามจะหยุดเขา น้ำตาลื่นหล่นลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
“เฮียเจ็บมากไหม ฮึก วินนี่ขอโทษนะที่ทำให้เฮียต้องมาเจ็บตัวอีกแล้ว”
นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่พี่ชายข้างบ้านของเธอต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอแบบนี้ ตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ต่อยตีกับคนที่มาแกล้งเธอก็ต้องต่อยตีกับผู้ชายเลว ๆ ที่เข้ามาหลอกเธอ เขาปกป้องเธอมากี่ครั้งแล้วนะ ถ้าให้นับเธอคงนับมันไม่ไหว
“บอกว่าไม่ต้องขอโทษไง ไม่ได้เจ็บอะไรมากเลย ตั้งแต่กลับมาวินนี่ได้ยินเฮียพูดสักคำรึยังว่าเจ็บ”
ใบหน้าหวานส่ายไปมาแทนคำตอบ ร่างกายยังคงสั่นเทาจากการร้องไห้
“ไม่ร้องนะเด็กดี เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาตาบวมหน้าบวมไม่สวยเอานะ” คนอายุมากกว่าเช็ดน้ำตาให้อีกคนอย่างอ่อนโยน
สองสายตาสอดประสานกันนิ่งอยู่เกือบนาที ก่อนที่ใบหน้าเล็กจะถูกมือที่ยังวางอยู่ข้างแก้มดึงเข้ามาใกล้
ริมฝีปากหนาทาบทับลงกับกลีบปากสวย บดคลึงอย่างช่ำชองจนคนอ่อนประสบการณ์ยอมเผยอริมฝีปากให้เขารุกล้ำเข้ามาอย่างเอาแต่ใจ
“อื้อ ~”
เสียงหวานดังอยู่ในลำคออย่างห้ามไม่ได้ รสจูบที่เริ่มเร่าร้อนของเขามันกำลังแผดเผาสติของเธอจนไม่อาจจะต้านทานอะไรได้เลย
ร่างบอบบางค่อย ๆ ถูกดันให้ล้มลงไปนอนกับเตียงนุ่ม โดยที่ริมฝีปากของคนด้านบนยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
อัยย์ลดารับรู้ถึงความเย็นที่ประคบลงมาตามตัวแต่มันก็ไม่ได้ช่วยระบายความร้อนรุ่มในกายไปได้เลย ดวงตาคู่สวยพยายามเปิดปรือขึ้นและก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นตาและจำไม่ได้ด้วยว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ภาพสุดท้ายที่จำได้คือใบหน้าแฟนหนุ่มในงานวันเกิดของกันต์ดนัยเธอหันไปมองคนที่กำลังเช็ดตัวให้เธอรู้ว่าเขาเป็นใคร"กันต์อัยย์ร้อนไปทั้งตัวเลย""รู้แล้วว่าร้อนกำลังเช็ดตัวให้ หรืออยากอาบน้ำ" เขาคุยกับอีกฝ่ายเสียงเรียบ ตั้งแต่กลับห้องมากันต์ดนัยก็ได้ยินเสียงผู้หญิงละเมอว่าร้อน ๆ มาจากในห้องนอน เขาเดินเข้ามาก็พบว่าเป็นอัยย์ลดา ส่วนไอ้เพื่อนตัวดีก็นอนหมดสติอยู่ด้านนอกปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น เขาจึงต้องเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้เธออยู่แบบนี้"มันร้อนแปลก ๆ" สองมือเล็กพยายามถอดเสื้อผ้าตัวเองออก แต่กลับถูกมือหนาคว้าไว้"จะทำอะไรอัยย์"
"เอ่อ...คือวันนั้นเราไม่ว่างแล้วน่ะ เราฝากเตเอาของขวัญไปให้กันต์ด้วยได้ไหม""วันก่อนอัยย์บอกว่าว่างนี่""คือเรานัดซ้อนกับเพื่อนคนอื่นน่ะ ขอโทษนะ" อัยย์ลดาจำต้องโกหกแฟนหนุ่มไป ความจริงเธอแค่ยังไม่พร้อมเจอหน้ากันต์ดนัยก็เท่านั้น รวมถึงไม่รู้ด้วยว่าหากไปเจอเขาพร้อมเตชินท์เธอจะเผลอทำร้ายจิตใจคนรักรึเปล่า"นั่นเพื่อนกันต์นี่"เพราะเสียงใครบางคนดังขึ้นอัยย์ลดาและเตชินท์จึงได้หันไปมองก็พบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมากับกันต์ดนัย ผู้ชายคนนั้นคล้ายจะเดินเข้ามาทักแต่ก็ถูกคนข้างกายคล้องคอเดินหนีไปอีกทาง"เต เต!" อัยย์ลดาเพิ่มเสียงในการเรียกแฟนหนุ่มเพราะอีกฝ่ายยืนนิ่งค้างอยู่นาน"ครับ""เรากลับกันเลยไหม"
เตชินท์เปิดประตูเข้าไปยังคอนโดของเขาและกันต์ดนัยซึ่งใช้พักช่วงปิดเทอม นิ้วยาวกดเปิดไฟเมื่อความสว่างกระจายทั่วเขาก็ต้องพบกับห้องในสภาพเละเทะเต็มไปด้วยกระป๋องเบียร์ และคนที่เมาคอพับไปบนโต๊ะเล็กหน้าทีวี"ไอ้กันต์ ลุก" คนตัวขาวเดินเข้าไปเขย่าบ่าเพื่อน"อย่ามายุ่ง""ลุก ไปอาบน้ำแล้วมานั่งคุยกัน""ไม่คุย""งั้นก็เอาก่อนคุย"เตชินท์บีบข้างแก้มคนเมาให้หันหน้ามารับจูบเขาแทน เสียงแลกลิ้นที่ดังอยู่ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของทั้งคู่ เขาดันกันต์ดนัยให้ล้มนอนราบไปกับพื้นก่อนจะจัดการถอดเสื้อตัวเองออก อีกฝ่ายก็จัดการเสื้อผ้าของตัวเองออกเช่นกันสองริมฝีปากประกบเข้าหากันอีกครั้งและครั้งนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัวยิ่งร่างกายเปลือยเปล่าได้สัมผัสกันและกันแบบนี้อารมณ์ในกายยิ่งพลุ่งพล่านจนอยากจะฉุดรั้
"ทำไมตื่นเช้าจังกันต์" อัยย์ลดาทักเพื่อนที่ยืนชงกาแฟอยู่ในโซนห้องครัวของห้องพักโดยไม่กล้าสบสายตาอย่างที่เคย อาจเพราะยังรู้สึกแปลก ๆ กับเรื่องเมื่อคืนก็ได้"อื้ม นอนไม่ค่อยหลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ"คนฟังถึงกับสะดุ้งกับคำตอบ ใบหน้าขาวเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะรีบบอกตัวเองว่ามันไม่มีอะไรหรอก กันต์ดนัยก็ดูปกติดีนี่นา"เอาขนมปังกับไข่ดาวไหมเดี๋ยวเราทำให้""ได้ก็ดีนะ""ไปนั่งรอได้เลยไม่เกินห้านาที""อัยย์""ว่าไง""โตเป็นแม่บ้านแม่เรือนแล้วเหรอเนี่ย รู้สึกเหมือนเมื่อวานยังเป็นแค่เด็กขี้แยร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่เลย""อะไรของกันต์จะจบมหาลัยกันแล้วนะ เราก็ต้องฝึกทำเรื่องพวกนี้ไว้บ้างสิ"
"เต อย่า กันต์หลับอยู่ข้าง ๆ นะ" รูปประโยคดูเหมือนจะห้ามปรามแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกไปกลับเบาหวิวไม่มีความหนักแน่นเลยสักนิด"มันเมาหลับลึกไปแล้ว นะครับ เตทนไม่ไหวแล้ว เตคิดถึงอัยย์มากรู้ไหม อยากเข้าไปอยู่ในตัวอัยย์ใจจะขาดอยู่แล้ว" เขากระซิบบอกเธอเสียงพร่า ขณะที่มือข้างหนึ่งล้วงน้องชายที่อัดอั้นมานานของตัวเองออกมาจากกางเกงนอนตัวบาง เขาชักรูดมันไม่กี่ทีท่อนลำในมือก็ตื่นตัวพร้อมรบแล้วมืออีกข้างยังใช้ดันผิวเตียงเพื่อไม่ให้ทิ้งน้ำหนักทับคนรักจนอึดอัด"เราไปทำกันในห้องน้ำไม่ได้เหรอ อัยย์กลัวกันต์ตื่น" อัยย์ลดายังพยายามเบี่ยงหน้าหลบจูบของคนด้านบนเพราะเกรงว่าหากปล่อยตัวปล่อยใจจนมีอะไรกันตรงนี้อาจจะทำให้คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ตื่นขึ้นมาเห็นก็ได้เราสามคนเป็นสายเที่ยว ว่างเมื่อไหร่ก็นัดกันเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้าง และมีบ่อยครั้งเช่นกันที่ต้องนอนร่วมห้องโดยมีเตชินท์นอนคั่นกลางตลอด และครั้งนี้ก็เช่
คำเตือนเนื้อหาในนิยาย (โปรดอ่านก่อนอ่านนิยาย)***เน้นย้ำ นิยายเรื่องนี้เป็นแนว 3Pตัวละครหลักมีความสัมพันธ์ทั้งรูปแบบชายxหญิง และ ชายxชาย (ตำแหน่งบนเตียงไม่ตายตัว)*******************EP1 รักสามเรา[3P] "เอ่อ คนไหนแฟนอัยย์เหรอ กันต์หรือเต?""ถามจริงสามคนนี้เป็นอะไรกัน เห็นไปไหนก็ไปกันสามคนตลอด?""คู่ไหนกันแน่เราเดาไม่ถูกเลย อัยย์กันต์ อัยย์เต หรือกันต์กับเต?"'อัยย์ลดา' มักได้ยินคำถามในเชิงสงสัยใคร่รู้ในความสัมพันธ์รัก ๆ ใคร่ ๆ ของเธอทำนองนี้บ่อย ๆ และคงไม่ใช่แค่เธอแต่อีกสองหนุ่มอย่าง 'กันต์ดนัย' และ 'เตชินท์' เองก็คงได้รับคำถามเหล่านี้บ่อยเช่นกันจะไม่ให้ทุกคนสงสัยได้อย่างไรไหวเพราะทั้งสามคนต่างก็เป็นคนที่หน้าตาดี โดยเฉพาะสองหนุ่มเขาเป็นที่หมายตาของสาว ๆ หลายคน อีกทั้งยังขยันทำตัวให้คนรอบข้างหรือคนที่พบเห็นสงสัยไปได้ไม่ยากว่าทั้งสามคนเป็นอะไรกันกันแน่ ทั้งท่าทางสนิทสนมถึงเนื้อต้องตัว การดูแลเอาใจใส่ที่ดูยังไงก็ต้องมากกว่าเพื่อนอย่างแน่นอนสำหรับอัยย์ลดาเธอมักตอบชัดเจนตลอดว่า..."เตอ่ะแฟนเรา ส่วนกันต์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว"อัยย์ลดากับกันต์ดนัยรู้จักกันตั้งแต่เด็ก บ้านเราสองคน