ปัง ! กระแทกผนังจนแตกกระจาย ผนังไม่กลับเป็นเพียงรอยขีดข่วน ผู้คุ้มกันทั้งลายออกมาคุ้มกันคุณหนูคุณชายของพวกเขาไว้ตรงกลางป้องกันการโดนลูกหลง เหมยลี่อิงอดพำพึมไม่ได้ “ช่างเป็นพนังไม้ที่แข็งแกร่งสมคำโอ่จริงๆ” “อาศัยสวะเช่นเจ้ากล้าเหิมเกริมกับข้า ช่างไม่รู้จักคำว่า ‘ตาย’สะกดอย่างไร” ดรุณีนางหนึ่งหน้าตาสระสวยสะพายกระบี่เล่มใหญ่ ระเบิดพลังสวะของหนิงม่ายออกมาเต็มที่ พวกเหมยลี่อิงมีผู้คุ้มกัยปิดป้องย่อมไม่เป็นไร เหล่าเสี่ยวเอ้อร์ล้วนหลับไปยังค่ายกลหลังร้านอย่างรู้หน้าที่ มีเพียงรู้ค้าบ้างคนพลังฝีมือต่ำอยู่บ้างทุกลูกหลงกันไปหอมปากหอมคอ ไม่มีใครเข้าไปห้าม ประการแรกเพราะยอกข้าวของในร้านแล้วไม่มีผู้ใดได้รับความเสียหาย นับว่าหญิงสาวนางนั้นควบคุมตนเองได้ดีอยู่บ้าง ประการที่สองผู้ใดจะอยากหาเรื่องใส่ตัวด้วยการแส่เรื่องของผู้อื่น หญิงสาวนางนั้นร่างกายไม่กำยำแต่สังขารแข็งแกร่งยิ่ง ปราบอันธพาลรานถิ่นที่กล่าววาจาแทะโลมนางด้วยหมัดหลุนๆ อีกหมัดตามด้วยอีกหมัด เสียงถูกชกอย่างรุนแรงปานนี้ อันธพาลผู้นั้นโดนอัดไม่กี่ทีก็หลงเหลือเพียงลมหายใจรวยริน ถู
“ข้าจ่ายไปสองจิงสือระดับสามเมื่อท่านเสนอเพิ่มราคาให้ เช่นนั้นมิสู้ให้ข้าสี่จิงสือระดับสามเถอะ”หลงเทียนสือแม้มาจากแคว้นไหนแต่ไม่ใช่ตระกูลยอดยุทธไม่มีเหมืองหินผลึกปราณ เขาไหนเลยจะมีจิงสือมากมายปานนั้น ขณะกำลังจะทักท้วงมองเห็นรูปโฉมของคนที่ออกมาจากประตูเสียงก็พลันขากห้วงไป“นี่เจ้ากะจะปล้นชิงกันหร--”“ข้าจ่ายให้เขาราคานี่จริงๆ เมื่อท่านเสนอเพิ่มราคาก็สมควรใจกว้างกว่านี้สักหน่อย”เหมยลี่อิงงามยามนี้สวมผ้าคลุมเพียงครึ่งหน้า เห็นคิวโก่งเรียวดุจใบหลิว แพขนตาเงาหนาดุจม่านฝน นัยต์ตาดอกท้อสวยหวานราวลูกกวางทั้งเย้ายวนทั้งดูไร้เดียงสา เพียงเท่านี้ก็เผยรูปลักษณ์ปานหยาดฟ้ามาดินของนางจนผู้มองอดไม่ได้จะสูดลมหายใจลึกกับการงานห้องนั้นนางหาได้มีปัญหาอันใด เพียงเหมยลี่อิงไม่ชมชอบพฤติการณ์ของคนผู้นี้ฝ่ายหลงเทียนสือผู้ถูกสบประมาท ตัวเขามาจากราชวงศ์แคว้นใหญ่แคว้นหนึ่ง แต่ไหนแต่ไหนก็ไม่เคยไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เด็กหญิงนางนี้กลับกล้าขัดใจเขา แม้เด็กหญิงผู้นั้นจะเป็นสาวงาม แต่ตัวเขาเป็นลูกผู้ชายกลับถูกผู้อื่นหยามว่าใจไม่กว้างพอ เรื่องนี้ยอมไม่ได้เด็กทั้งสองรวามถึงผู้คุ้มกันฝ่ายพวกเขาจ้องมองกันด้วยความเป็นป
ตงฟู“เกราะปราณธาตุระดับสอง งานฝีมืออันยอดเยี่ยมของอวี๋เยวี่ยเจินเหรินเปิดประมูลแล้ว เริ่มต้นเพียงสิบจิงสือระดับสามเท่านั้น”“หญ้าน้ำแข็งจากหุบเขาเหมันต์…”“เตาเพลิงหลีสามห่างโซ่ชั้นดี…”ดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันสาดแสงร้อนระอุ ผู้คนกลับเดินเบียดเสียดเนื่องแน่นเต็มถนน เสียงจอกแจ้กจอแจต่อรองราคาของร้านค้า กลิ่นของเงินตราที่อวลฝุ้งในอากาศที่บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองน้อยแห่งนี้ตงฝูเมืองน้อยภายใต้อาณาเขตของหุบเขาแพทย์บุปผาเป็นหนึ่งในเมืองที่คึกคักไม่แพ้ที่ใด ยิ่งใกล้รอบคัดเลือกศิษย์ของเหล่าสำนักแพทย์ร่นเข้ามา กลิ่นหอมเงินตราก็ยิ่งสะพัดไปทั่วทั้งเมือง เหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายล้วนแต้มรอยยิ้มการค้า มือดีดลูกคิดเสียงกรุ้งกริ้งเป็นจังหวะ ทั้งเมืองถูกเติมด้วยชีวิตชีวาของผู้สัญจรไปมาเหล่าแรงงานตัวเล็กๆ ในเมืองยิ่งพากันทำงานอย่างคึกคักฮึกเหิม ยิ่งกิจการร้านที่พวกเขาทำกำไรได้มากเท่าไร ย่อมหมายความว่าเงินส่วนแบ่งค่าจ้างที่พวกเขาจะได้รับย่อมมากตามไปด้วยต้าอี้เสี่ยวเอ้อร์แห่งโรงเตี๊ยมตงหลิงเป็นหนึ่งในนั้น ตั้งแต่เช้าจรดเย็นเขายิ้มรับเหล่าลูกค้าที่เข้าพักอย่างเจื้อยแจ้ว ยอดขายรายการอาหารที
ธุลีแดงย้อมโลหิตแดงฉานเจิ่งนองทั่วจวนสายรองสกุลเซียว เสียงกรีดร้องร่ำไห้ดังกึกก้อง ครานี้จวนสกุลเซียวสายหลักลงมือไร้ปราณี สังหารไม่ละเว้นไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนถูกจัดการสิ้นแทบไม่หลอเหลือไว้แม้แต่ต้นหญิงสักต้นนัยน์ตาดอกท้อสีหวานเหม่อมองเปลวเพลิงโหมไหม้กลืนกลิ่นจวนสายรองลงไปช้า ไม่นานก็หลงเหลือเพียงเถ้าตะโกดำ ความรุ่มร้อนที่แพร่กระจายผ่านอากาศลวกผิว กลับดับไฟแค้นที่เคยหม่นไหม้ในใจลงไปได้ส่วนหนึ่งเหมยลี่อิงมองกองไฟขนาดใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านเต้นระริกไปในอากาศ สูดกลิ่นสนิมบางๆ และกลิ่นคาวคลื่นเหี้ยนของเนื้อหนังที่เผาไหม้จนแทบอาเจียน ช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยไฟไหม้ครั้งนี้เงียบสงบกว่าครั้งนั้นคงเป็นคนเหล่านั้นตายไปหมดแล้ว เหฟล่าลูกหลานสกุลเซียวสายอื่นๆ ที่ล้อมวงมองก็ไม่รู้จะพูดอะไร จอมยุทธทุกคนล้วนจิตใจเข้มแข็งแต่ใช่ว่าจะเย็นชาจนไร้ความเศร้าโศกการล่มสลายของสิ่งใดไม่เคยเป็นเรื่องน่ายินดีแต่การปราณีศัตรูก็คือทำร้านตนเองมันคือความโลภ โลภที่จะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ทะเยอทะยานที่ช่วงชิงสิ่งต่างๆ เราทุกคนล้วนต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอดอยู่ในโลกอันวิปราศที่เจ้าไม่ฆ่าก็ต้องถูกฆ่าการดำเนิ
ธุลีโลกีพัดแปรผันลอยฝุ้งเหนือนภา หมู่เมฆาเคลื่อนคล้อย ฤดูกาลผันผ่านจากวสันตสู่เหมันต์ ดวงจันทร์แวกว่ายเหนือธารดารา โลกาหมุนวนเริงระบำ พริบตาเวลาก็ผันผ่านล่วงเข้าปีที่สองนับตั้งแต่ประตูใหญ่จวนสกุลเซียวปิดลงมือเหี่ยวชราของสตรีมีอายุหยิบปิ่นหยกน้อยบันถาดไม้ บรรจงปักลงบนศีรษะเด็กหญิงที่นั่งอยู่หน้าคันฉ่อง เหมยลี่อิงหาวหวอดแทบไม่อยากลืมตา แม่นมฟูใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดหน้าให้นาง แว่วเสียงสาวใช้ไล่จับจิ้งจอกน้อยแต่เช้าตรู่โม่เสวี่ยพริบตาก็กลายเป็นเงาสายหนึ่งกระโจนเข้าสู่ตักเด็กหญิง แม้แต่สาวใช้ขั้นเลี่ยนชี่ยังไม่อาจจับมันได้มันร้องงี๊ดๆ พลางส่ายหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมใส่กระดิ่งโง่ๆ นั่นไว้ที่คออย่างเด็ดขาดเหมยลี่อิงหัวเราะคิกคักกล่าวกับมันว่า “มันไหนเลยจะเป็นกระดิ่งไม้ธรรมดา เจ้าดูอาคมที่สลักไว้นี่ซิมันช่วยปิดบังสายเลือดจิ้งจอดสวรรค์ในร่างเจ้า ต่อไปเจ้าก็สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ”ใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยขนมุ่ยลงเล็กน้อย มันแม้เข้าใจแต่ยังไม่ยินยอมอยู่บ้าง เหมยลี่อิงจึงหยิบป้ายไม้ที่ไม่เคยห่างกายนางออกมาให้มันดู “ดูสิ เจ้ามีกระดิ่งไม้อันหนึ่ง ข้ามีป้ายไม้อันหนึ่ง พวกเราเป็นคู่หู่กันเ
ท่ามกลางสรรพเสียงอื้ออึงที่แสนเลือนลางห่างไกล เหมยลี่อิงล่องลอยอยู่ในห้วงภวังค์ “บังอาจ!” จวนรโหฐานสกุลเซียวเงียบสงัด ผู้อาวุโสไท่ซังโมโหโกรธาจนปลายหนวดสั่นระริก “นี่มันเรื่องอะไรกัน” ถึงกับมีตนลงมือกับลูกหลานสกุลเซียวใต้จมูกของเขา จะให้ตัวเขาผู้อาวุโสเอาหน้าไปไหวที่ไหน “ผู้อาวุโสสามไท่ซังโปรดระงับโทสะ เรื่องนี้จะถูกสอบสวนอย่างถึงที่สุด” เซียวอวิ๋นกล่าวด้วยนัยน์ตาโหดเหี้ยม ผู้อาวุโสสามไท่ซังอยู่ในอำนาจมานานปีคลื่นลมเช่นใดบ้างไม่เคยพบเห็น ย่อมเข้าใจความลำบากใจของประมุขตระกูลดี เขาเฝ้ามองนายน้อยใหญ่สกุลเซียวที่ระงับเหตุปะทุปราณของน้องชายและช่วยเหลือน้องสาวอย่างสุขุมเยือกเย็น ก่อนมองตระกูลเซียวสาขาบ้างสายด้วยนัยน์ตาเย็นชา ดูท่าสกุลเซียวคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตัดเนื้อร้ายออกไปบ้าง “ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะจัดการให้เรียบร้อย ระหว่างนี้เราผู้อาวุโสจะยังไม่กลับลานบรรพชนจนกว่าเรื่องราวจะคลี่คลาย” ความหมายคือเจ้าสามารถออกหน้าจัดเต็มที่ เราผู้อาวุโสจะให้เจ้าหยิบยืมอำนาจได้ตามใจ “ขอบคุณผู้อาวุโสไท่ซังที่เมตตา” เมื่อเหมยลี่อิงฟื้นขึ้นมาด้วยยาพิษปลอมๆ จากระบบ นางก็ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เรีย