เข้าสู่ระบบหมิงลี่หยางเดินวนไปมาในห้องของตนเองด้วยความกระวนกระวายใจจนถึงช่วงค่ำเมื่อเห็นว่าฟางถิงถิงไม่กลับมาเสียที
เขาเอาแต่เฝ้าถามอาหลินทุกครั้งที่นางเดินผ่านหน้าห้องเขาว่าถิงถิงกลับมาหรือยัง คำตอบที่ได้มาทุกครั้งคือนางยังไม่กลับมา ทำให้เขารู้สึกนั่งไม่ติดที่
“ข้าไม่เคยทำอะไรบ้าๆ เช่นนี้มาก่อนเลยนะถิงถิง”
เขาเปลี่ยนชุดและสวมหน้ากากและออกไปทางหน้าต่างมุ่งตรงไปยังท่าเรือที่อาหลินบอก ไม่นานเขาก็พบนางที่กำลังเดินกลับบ้านพร้อมกับบุรุษหนุ่มรูปงามในชุดลำลองสบายๆ สีฟ้าอ่อน ทั้งคู่เดินคุยกันอย่างสบายใจพร้อมกับถือของมากมายในมือของบุรุษหนุ่มผู้นั้น
“กรมเจ้าท่า ขุนนางของหย่งโจวดูท่าจะว่างกันมากสินะ”
เขาเฝ้ามองนางจากด้านบน เมื่อนางกำลังจะเดินแยกจากบุรุษหนุ่มผู้นั้นเพื่อกลับไปยังร้านร้อยบุปผา
“ใต้เท้าตง ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะที่ไปเป็นเพื่อนข้าไปรับของ เราแยกกันตรงนี้ก็ได้เจ้าค่ะ”
“แม่นางฟางให้ข้าไปส่งที่ร้านเถิด ของมากมายถึงเพียงนี้เจ้าถือไปคนเดียวคงจะไม่สะดวก”
“ไม่รบกวนใต้เท้าตงเจ้าค่ะ ข้าถือไปได้เจ้าค่ะ”
“อย่าได้ปฏิเสธข้าเลย วันนี้ได้ข่าวว่าคุณชายเฉินผู้นั้นไปหาเรื่องเจ้าถึงที่ร้านอีกแล้วงั้นหรือ”
“ข่าวไปถึงท่านเร็วจริงนะเจ้าคะ"
“เอ่อ มีคนเล่าให้ข้าฟังน่ะ ลูกน้องในกรมข้าไปซื้อของในร้านเจ้าพอดี เขาเลยกลับมาเล่าให้ข้าฟัง ดังนั้น เจ้าก็ระวังเอาไว้ก่อนดีกว่านะ”
“หึ ลูกน้องเล่าให้ฟัง น่าเชื่อตายล่ะ ดูก็รู้ว่าเจ้าคงสั่งให้คนเฝ้าดูนางล่ะสิ ร้ายกาจไม่เบา แต่ตื้นเขินไปหน่อย”
“ขอบคุณใต้เท้าตงเจ้าค่ะ”
“ถิงถิง เจ้าอยู่นี่เอง ข้าตามหาจนทั่ว เห็นว่าค่ำแล้วเจ้ายังไม่กลับถึงร้าน ข้าเป็นห่วงเลยออกมาตาม ท่านนี้คือ…”
ลี่หยางเดินมาแทรกกลางทั้งสองคน ตงหลางมองหน้าบุรุษหนุ่มชุดดำสวมหน้ากากด้วยความรู้สึกแปลกใจ เขาเรียกนางว่าถิงถิงซึ่งดูสนิทสนมกัน ซึ่งแม้แต่เขายังไม่กล้าเรียกนางเช่นนั้น
“คุณชายท่านนี้คือ…”
“ข้าชื่ออาหยาง มารับถิงถิง ท่านคือ”
“ข้าน้อยชื่อตงหลาง เป็นหัวหน้ากรมเจ้าท่าที่หย่งโจว พอดีข้า..”
“อ้อ ใต้เท้า ขอบคุณที่เป็นธุระไปส่งถิงถิงนะ ตอนนี้ข้ามาแล้ว ไหนล่ะของ ถิงถิงกลับบ้านเถอะ ข้าหิวข้าวแล้ว”
ถิงถิงมองเขาอย่างนึกไม่ถึงว่าจะกล้าเรียกนางเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่น และยังบอกตงหลางว่าเขาอยู่บ้านเดียวกับนางอีกจนนางทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าท่านอ๋องผู้นี้คิดอะไรอยู่กันแน่ เหตุใดถึงตามนางออกมาแบบนี้
“เอ่อ ใต้เท้าตง ขอบคุณท่านอีกครั้งเจ้าค่ะที่เป็นธุระให้ อีกสองวันข้าจะไปรบกวนท่านที่กรมเจ้าท่าอีกทีนะเจ้าคะ”
“เอ่อ ได้สิแม่นางฟาง แล้วข้าจะรออยู่ที่กรมนะ เจ้ามาแล้วก็แจ้งเด็กๆ ได้เลย”
“เจ้าค่ะ วันนี้ข้าต้องขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะใต้เท้า ของมีเท่านี้ใช่หรือไม่ ขอบคุณท่านมาก พวกข้าขอตัว ไปเถอะถิงถิง ค่ำแล้วเดี๋ยวจะอันตราย ไปเร็ว”
“เอ่อ ขอตัวเจ้าค่ะใต้เท้าตง เดี๋ยวสิ นี่ …อย่าดึงแขนข้าสิ”
เขากึ่งดึงกึ่งลากถิงถิงออกมาจากตงหลางเพื่อพาเดินกลับบ้าน เมื่อแยกกันออกมาแล้วเขาหันไปดูยังเห็นว่าตงหลางยังยืนมองดูด้วยความเสียดายเขาจึงจับมือนางและเดินกลับร้านอย่างรวดเร็ว
“หึ ท่านอ๋อง ไหนบอกให้ข้าสั่งคนให้จับตาดูแม่นางฟาง แต่ตัวเองกลับออกมาตามเองเสียอย่างนั้น”
เป่าอี้ที่เฝ้าตามท่านอ๋องออกมาถึงกับขำเล็กน้อยกับอาการที่ผิดปกติของเจ้านายของตนเองก่อนจะสั่งองครักษ์หญิงติดตามพวกเขาต่อไปเงียบๆ
“นี่ ปล่อยข้านะ ข้าเจ็บนะ คุณชายหมิง ปล่อยก่อน”
เขาจับมือนางไม่ปล่อยด้วยความหงุดหงิดเมื่อนึกถึงตอนที่เห็นนางเดินหยอกล้อมากับบุรุษหนุ่มแซ่ตงนั่นอย่างอารมณ์ดี แต่พอกับเขา นางกลับหงุดหงิดโวยวาย
“ถิงถิง เหตุใดออกไปจากร้านถึงไม่แจ้งข้าล่ะ”
“แล้วเหตุใดข้าต้องแจ้งท่านด้วยล่ะ ข้าออกไปเอาของที่นี่ประจำอยู่แล้ว ท่านเป็นอะไรไปน่ะ นี่มันเป็นงานของข้า”
“แล้วเหตุใดไม่พาเด็กที่ร้านมาสักคน อาหลานก็ได้ เหตุใดต้องไปคนเดียว แล้วยังไปเดินกับผู้ชายคนอื่นกลางชุมชนแบบนี้อีก มันดูไม่เหมาะ”
“คุณชายหมิง ไม่สิ นี่มันแปลกตรงไหน ข้าไปรับสินค้า ข้ามากับอาหลานและเด็กที่ร้านอีกสองคน แต่ของมันมากข้าเลยให้พวกเขาเอากลับไปก่อน และแวะไปทำเอกสารเพื่อขอรับสินค้าที่จะมาถึงท่าเรือในอีกสองวัน ใต้เท้าตงก็แค่ทำหน้าที่ของเขา ข้าไม่เข้าใจว่ามันผิดปกติอย่างไร”
ถิงถิงเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางต้องมายืนเล่ารายละเอียดพวกนี้ให้เขาฟังอย่างละเอียดราวกับว่านางกำลังไปทำผิดอะไรมาและถูกซักถาม
แต่สายตาของคนตรงหน้าทำให้นางต้องพูดอธิบายออกไปเพราะเขายังไม่ยอมปล่อยมือนาง อีกมือก็ยังหอบของให้นางอยู่
“ท่านบาดเจ็บอยู่นะ เอาของมานี่ ข้าถือเอง”
เขาดึงมือกลับพร้อมกับจูงมือนางเดินกลับร้านตามเดิมจนนางรู้สึกว่ามือที่ถูกเขาจับมีไฟประหลาดแล่นแปล๊บๆ ในมือนั้น ผสมกับความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย มากกว่าเดินกับใต้เท้าตงเสียด้วยซ้ำ
“ต่อไปหากจะออกมาอีกก็บอกข้า ข้าจะมาเป็นเพื่อน และไม่จำเป็นก็อย่าเดินกับขุนนางบนถนน คนจะมองเจ้าไม่ดี”
“แล้วที่ข้าเดินกับท่านเล่าเจ้าคะ ท่านก็เป็นบุรุษ และตอนนี้ยังจับมือข้าไม่ปล่อยอีก ปล่อยมือข้าก่อนสิ”
“ไม่ได้”
“ทำไมเจ้าคะ”
“เดี๋ยวเจ้าจะเดินหลง ข้างหน้าเริ่มมืดแล้ว รีบกลับบ้าน ข้าต้องทำแผลแล้ว เจ้าลืมหรือไม่”
“แต่ว่าแผลของท่านน่าจะสมานตัวแล้ว ไม่จำเป็นต้อง....”
“โอ๊ยย…. เจ็บ”
“คุณชายหมิง เป็นอะไรไป”
“จู่ๆ ก็…เจ็บมาก แผลข้าเหมือนจะแตก รีบกลับบ้านกันก่อน แล้วรีบดูให้ข้าที”
“ถ้าเช่นนั้นก็รีบกลับเถอะลี่หยาง ท่านเดินไหวหรือไม่ ข้าพยุงท่านไปเอง ค่อยๆ เดิน”
“ข้ายังไหว เราไปกันเถิด”
ถิงถิงเริ่มกังวลว่าแผลของเขาจะแตกเพราะวันนี้เขาช่วยนางเอาไว้ก็ออกแรงไปไม่น้อย นี่ยังออกมาเดินตามหานางอีก
นางจะเลิกโกรธเขาชั่วคราว อาการบาดเจ็บของเขาจำเป็นต้องรักษาให้หาย เขาจะได้กลับจวนอ๋องได้ แต่คนที่ถูกพยุงนั้นกลับลอบยิ้มอย่างพอใจ อย่างน้อยวันนี้เขาก็ทำภารกิจสำเร็จลุล่วงทุกอย่างที่เขาพอใจ
"ท่านเปลี่ยนชุดก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมน้ำมาเช็ดตัวให้ท่านเจ้าค่ะ"
“ได้สิ”
นางเอาของวางและแยกตัวออกไปเพื่อสั่งให้อาหลินเตรียมน้ำและเตรียมต้มยา ซึ่งนางเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงเวลาที่จะยกไปให้ท่านอ๋องเท่านั้น
“คุณหนู ให้พวกข้ายกไปเลยหรือไม่เจ้าคะ”
“ยกตามข้ามาเลยก็ได้”
อาหลินและสาวใช้อีกสองคนยกน้ำที่ใช้เช็ดตัว ถาดยาและผ้าพันแผลเดินตามถิงถิงเข้าไปที่ห้องของท่านอ๋อง ก่อนจะเข้าไปนางจึงเคาะประตูก่อน
“คุณชายหมิง ท่านเปลี่ยนชุดเรียบร้อยหรือยังเจ้าคะ”
“เรียบร้อยแล้ว เข้ามาเถอะ”
ถิงถิงเปิดประตูนำสาวใช้เขาไปเมื่อพวกนางวางของเสร็จจึงรีบออกไปจากห้องทันทีโดยไม่รอให้นางเรียกจนนางนึกแปลกใจไม่น้อย สาวใช้ของนางเหตุใดจึงกลัวท่านอ๋องมากขนาดนี้
“ข้าจะแกะผ้าพันแผลให้ท่านนะเจ้าคะ”
“ได้สิ ระวังหน่อยนะ ข้ารู้สึกว่ามีเลือดไหลออกมา”
“จริงหรือ แผลจะฉีกหรือไม่ ข้าไปเรียกท่านหมอมาทำให้ดีกว่า”
“อย่านะ อย่าไป….”
เขาดึงมือนางเอาไว้ ที่จริงแล้วเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่เมื่อครู่พอเปิดดูที่บาดแผลเหมือนจะไม่เจ็บแล้วจึงได้ชกไปที่แผลเพื่อให้มีเลือดซึมออกมาเท่านั้น เพื่อจะได้เป็นข้ออ้างให้นางมาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาทั้งเช้าและเย็น หากว่านางเรียกหมอมาตรวจ หมอต้องรู้แน่ว่าเขาทำอะไรกับบาดแผล
“ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะดูอาการให้ท่านก่อน หากไม่หนักอะไรเราก็แค่ทายาแล้วพันแผลตามเดิม”
“ไม่น่าจะหนักหรอก เจ้าทำแผลเถอะ”
ถิงถิงเริ่มแกะผ้าพันแผลออก เขาจงใจโน้มตัวเข้าไปสูดกลิ่นกายของนางตอนนางเอี้ยวตัวมาแกะผ้าพันแผลออก ทุกครั้งเขาก็มักจะทำเช่นนี้ จนนางร้องด้วยความตกใจทำเอาเขาถึงกับสะดุ้งและหันมามองนาง
“ตายจริง แผลเปิดแล้ว ต้องรีบใส่ยาก่อนเจ้าค่ะ"
“ข้าตกใจหมดเลย นึกว่าคนร้ายโจมตี เจ้าตะโกนเสียงดังเชียว”
“เหตุใดแผลจึงเปิด เลือดออกมาด้วย ท่านรอสักครู่ ข้าขอเช็ดทำความสะอาดก่อน แล้วจะทายาให้”
เขาปล่อยนางทำไปจนเสร็จเมื่อนางเริ่มพันแผล เขาก็เผลอสูดกลิ่นกายนางอีกครั้ง มือหนาของเขาเผลอโอบรัดตัวนางเข้ามาอย่างลืมตัวจนนางตกใจ
“ลี่หยาง ท่านจะทำอะไร”
“ข้า….ถิงถิง คือว่าข้า…”
เขาจับคางนางขึ้นมาสบตาเขา ไม่ทันจะพูดสิ่งใด ปากหนาของเขาก็ก้มลงจูบนางทันที …..
วังบูรพา“เร็วๆ เข้า เอาน้ำมา เตรียมผ้ามาอีก เร็วๆ เข้า”“แม่นม ออกหรือยัง” “ยังเพคะองค์รัชทายาท”“ข้าเข้าไปดูได้หรือไม่”“ไม่ได้ๆๆๆ เพคะ พระองค์รออยู่ตรงนี้เพคะ”“แต่ถิงถิงร้องหาข้า ท่านได้ยินหรือไม่ ให้ข้าเข้าไปเถอะ”“ไม่ได้เพคะ”“อ๊าาาาา ลี่หยาง อึ๊ยยยย”“เบ่งเพคะพระชายา เบ่ง หนึ่ง สอง สาม อึ๊ยยยยย”“อึ๊ยยย ลี่หยาง ท่านพี่ อ๊าาาาา”“ออกหรือยังเล่า ปัดโธ่!!”“เดี๋ยวๆ อย่าเข้าไปนะลี่หยาง เจ้าจะบ้าหรือ สตรีทำคลอดอยู่”“แต่เสียงถิงถิงเรียกข้าอยู่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ นางเจ็บอยู่ ข้าจะเข้าไป ปล่อยข้านะ”“ไม่!! อย่าไป มารอตรงนี้ เจ้าเข้าไปก็ช่วยนางไม่ได้ รออยู่นี่”“ฟ่านหยวนผิง ปล่อยข้านะ ถิงถิง!!”“อ๊าาาาา ท่านพี่ อื้ออออ”“เบ่งอีกทีเพคะ”“กรีี๊ดดดดดด”“ปล่อยข้านะ ปล่อยยย!!!” ลี่หยางวิ่งเข้าไปที่ห้องคลอด เสียงตกใจของคนในนั้นทำเอาทุกคนทำตัวไม่ถูก ถิงถิงเองก็หลับตาอยู่ แต่ภาพที่เขาเห็นนั้นทำเอาสติของลี่หยางหลุดลอย จนแม่นมดันตัวเขาออกไป“เป่าอี้ รีบเอาตัวองค์รัชทายาทออกไปเร็วเข้า ใครปล่อยให้พระองค์เข้ามา”“ข้าบอกเจ้าแล้ว มานั่งตรงนี้” ลี่หยางกำลังตกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็นเ
สายตาดุที่ส่งมาที่หมิงลี่หยางทำเอาเขาเกรงว่าคืนนี้จะได้นอนนอกห้องเลยไม่กล้าโกหก จึงได้เริ่มเล่าเรื่อง ที่จริงเว่ยจีไม่ควรพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย เขาเองก็ไม่นึกอยากให้ถิงถิงโกรธเท่าใดนัก“ข้าสืบรู้มาว่าหงลี่กบดานอยู่ใกล้ๆ จวนน่าสงสัยก็มีอยู่หลายที่ แต่ที่ติดตามดู ที่จวนคหบดีน่าสงสัยที่สุด ก็เลยเลือกที่จะไปที่นั่น”“ท่านออกงานกับเว่ยจีตอนนั้น ท่านเริ่มสงสัยหรือยัง”“ที่จริงข้าหลอกใช้นางเพื่อให้พวกเขาโจมตี ข้านึกแปลกใจแต่แรกแล้วที่เขาไม่โจมตีเว่ยจีกับจวนนั้น ข้าเลยรู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติ”“ท่านรู้ตอนไหนว่าตงหลางคือเจ้าสำนักหงลี่”“หลังจากงานเทศกาลฤดูร้อน”“ท่านรู้แต่ไม่บอกข้างั้นหรือ”“ข้าไม่มีเวลาบอกเจ้าต่างหาก ข้ารู้ระหว่างทางกลับไปเมืองหลวง เลยส่งคนไปเฝ้าร้านเจ้าเอาไว้ และรู้ข่าวว่าพวกหงลี่ก็ไปที่ม่านโจวแล้ว ข้าเลยเบาใจ เพียงแค่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกมันต้องไปม่านโจว ที่แท้ก็เพราะเจ้านี่เอง” ถิงถิงหันกลับมาและเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะเรื่องนี้นางก็ผิดที่ไม่ได้บอกเขาว่านางเป็นท่านหญิงของม่านโจว“นั่นแสดงว่าพวกมันตามข้าไปที่ม่านโจวสินะเจ้าคะ”“ใช่ ข้าก็เลยหมดห่วง แต
หย่งโจว / ร้านร้อยบุปผา“เร็วๆ เข้าเร็วๆ เอาผ้าแดงมาเพิ่มอีก ไม่ทันแล้วเร็วๆ ตรงนั้นล้างเสร็จหรือยัง มาช่วยตรงนี้ก่อน”“อาหลาน ผลไม้นี่เอาไว้ตรงไหน”“วางไว้ที่โต๊ะกลางด้านในเลย”“ป้าลี่ๆ ไปรับชุดที พวกนางมาแล้วเร็วๆ”“ได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้ อาเถาเอ๊ย มาช่วยยกเครื่องประดับเจ้าสาวหน่อยเร็ว”“เจ้าค่ะๆ”“อาหลาน เจ้าจัดการไปถึงไหนแล้ว”“ฮูหยิน นายท่าน เกือบแล้วเจ้าค่ะ พวกท่านจะไปที่ใดกันเจ้าคะ”“ข้าจะไปจวนท่านเจ้าเมือง อาหลาน ที่เหลือฝากเจ้าดูด้วยนะ”“รับทราบเจ้าค่ะ เชิญฮูหยินกับนายท่านเลยเจ้าค่ะ” ถิงถิงและลี่หยางเดินขึ้นรถม้าพร้อมกับตะกร้าที่ใส่ผลไม้ชุดหนึ่งเอาไว้ รถม้าเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านร้อยบุปผามุ่งตรงไปที่จวนเจ้าเมือง พวกเขากลับมาที่หย่งโจวหลังพระราชพิธีมงคลสมรสที่เมืองหลวง และมาที่นี่ได้เกือบสองเดือนแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งร้อยวันของหลินเยว่ซินหลังจากที่หมิงลี่หยางแจ้งข่าวให้ท่านเจ้าเมืองและส่งร่างไร้วิญญาณของนางกลับมาที่หย่งโจว รถม้าจอดสนิทตรงหน้าจวนท่านเจ้าเมือง เมื่อพวกเขาเดินลงจากรถม้า และเดินเข้าไปในจวนที่บัดนี้เริ่มเงียบเหงามากกว่าเดิม“องค์รัชทายาทกับพร
มือเรียวของพระชายาเลื่อนลงไปใต้น้ำเพื่อสัมผัสบางสิ่งที่ทิ่มนางอยู่ในน้ำสักพักแล้ว เมื่อนางพบแล้วจึงได้เริ่มขยับเจ้าแท่งแกร่งนั้นรูดขึ้นลง ทำเอาผู้ที่ถูกสัมผัสแทบจะทนไม่ไหว“ถิงถิง อย่าพึ่งใจร้อน ข้ายังไม่พร้อม เจ้าอย่าพึ่ง อาาา” ถิงถิงเองก็ไม่ฟังเสียงขอร้องของเขา นางแนบตัวเข้าไปชิดก่อนจะส่งลิ้นนั้นไปเล่นกับยอดอกสีเข้มตรงหน้าซึ่งนางหวังจะทำเช่นนี้มานานแล้ว หมิงลี่หยางที่ถูกสัมผัสที่รุกล้ำจากนางถึงกับทนไม่ไหว เขาไม่เคยถูกสัมผัสเช่นนี้มาก่อน มันช่างรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้เพราะปกติเป็นเขาที่จู่โจมนาง“ถิงถิง อาาา นี่เจ้า...”“รู้สึกอย่างไรเพคะ”“ข้า จะไม่มีแรงยืนแล้ว...”“อีกนิดเดียวเพคะ”“ไม่นะ อาาา ถิงถิง เบาลงหน่อย อย่าเร่งแบบนั้น อ๊ะ อึ๊ยยย อาาา” ถิงถิงสลับลิ้นไปมาระหว่างแผงอกกว้างของเขาสองข้าง สัมผัสนั้นทำให้ผู้ที่ถูกรุกเริ่มทนไม่ไหวเขาดึงตัวนางออกและจับนางยกตัวขึ้นที่ขอบอ่าง“พอแล้ว ข้าทนอีกไม่ไหวแล้ว ถิงถิง เจ้าต้องรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้”“ท่านพี่ เดี๋ยวสิ อ๊าา อย่าเร็วนักสิเพคะ อ๊าาา”“ไม่ได้ ข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เจ้าเป็นคนเริ่ม
“เดี๋ยวสิ พระชายา เจ้าจะมาทำแบบนี้มันผิดธรรมเนียมนะ คือว่าข้ารอเจ้ามาตั้งสิบวัน สิบวันเชียวนะ แล้วเจ้าจะมาเมินข้าเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง เสด็จอาก็บอกว่า…”“นี่ท่านเมาหรือเพคะ หากอยากจะดื่มต่อท่านก็ออกไปดื่มกับพวกเขาไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้ หากจะอยู่ก็นอนนิ่งๆ วันนี้หม่อมฉันเหนื่อยมาก คุยไม่ไหวแล้ว”“ข้าก็ไม่ได้ชวนเจ้าคุยเสียหน่อย ถิงถิง เรามาสร้างเจ้าตัวเล็กคนใหม่กันเถอะนะ”“….”“ถิงถิง แต่ข้ายังไม่ง่วงเลย …. ถิงถิง..ไม่จริงน่ะ หลับไปแล้วงั้นหรือ” หมิงลี่หยางหันไปมอง นางหลับสนิทไปแล้วโดยไม่รอเขาพูดจบด้วยซ้ำไป แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอกันสิบวัน และพิธีวันนี้ก็เหนื่อยเอามากๆ จริงๆ ไม่แปลกที่นางจะเหนื่อย“เข้าห้องหอแต่ไม่ได้ชื่นชมเจ้าสาว ข้านี่ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ” หมิงลี่หยางทำได้แค่ล้มตัวลงนอนและกอดถิงถิงเอาไว้เท่านั้นในคืนนี้ จะทำอย่างไรได้เมื่อนางไม่ยอม จะมาขืนใจเอาตอนนี้ก็เสี่ยงจะถูกเมินไปอีกหลายวัน เพราะเขาพลั้งปากเองจะโทษผู้ใดได้ พรุ่งนี้ค่อยง้อนางก็แล้วกันวันรุ่งขึ้น หมิงลี่หยางค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมา แต่เขารู้สึกว่าคนข้างๆ ที่เขากอดอยู่มีอาการแปลกๆ เหตุใดเขารู้
งานประกาศผลการประลอง แขกเกือบทุกคนที่ยังอยู่ในงาน องค์ชายต่างแคว้นทุกคนล้วนมีความยินดีที่จะอยู่ร่วมงานจนถึงพิธีมงคลสมรสของทั้งคู่ หลังจากจัดพิธีมงคลสมรสแล้วจะจัดให้มีงานล่าสัตว์ขึ้นด้วย ทั้งนี้ทุกคนต่างตื่นเต้นเพื่อรองานที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองงานนี้อย่างใจจดใจจ่อ“เอาล่ะทุกท่าน ตอนนี้ได้เวลาแล้ว ขอประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการในการประลองเพื่อเลือกคู่ของท่านหญิงฟ่านถิงถิงจวิ้นจู่แห่งม่านโจว องค์รัชทายาทแห่งฉีโจว องค์ชายหมิงลี่หยาง” หมิงลี่หยางในชุดองค์ชายเต็มยศสีเหลืองทองปักเลื่อมมังกรเดินเข้ามาในงานพิธีเพื่อรับมอบลูก “ซิ่วฉิว” ซึ่งเป็นลูกกลมๆ ที่ทำจากผ้าไหมมีพู่ห้อยอยู่รอบๆ ซึ่งถิงถิงยืนถือเอาไว้ที่ด้านหน้า ชุดของนางก็เป็นสีขาวทองปักเลื่อมสีทองรูปนกยูงเช่นกัน เมื่อเดินมาถึง ถิงถิงจึงได้มอบลูก ซิวฉิวให้เขารับเอาไว้และทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปทำการคารวะฝ่าบาทก่อนจะหันออกมาและเดินออกจากท้องพระโรงเพื่อรอขึ้นรถม้าสำหรับแห่รอบเมืองเพื่อฉลองกับชาวเมืองม่านโจว“เหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ แต่หม่อมฉันง่วงนอน”“อยู่ในขบวนแห่ แต่เจ้ากลับง่วงได้ เก่งไปหรือไม่ถิงถิง เจ้ามองดูราษฎ







