หลังจากที่อาชารวบรวมหลักฐานทั้งหมดได้จากโรงแรมที่ธงและดารินไปเริงสวาทกันเขายกยื้มมุมปากอย่างผู้มีชัย ในเมื่อคนทั้งสองหญิงผยองลำพองใจว่าตนนั้นอยู่เหนือทุกคนในกระดานนี้
อาชาจะสั่งสอนคนอย่างธงที่ริอาจทำร้ายผู้หญิงของเขา และยังอาจเอื้อมที่จะแตะต้องเหมย วิธีนี้จะว่าเขาโหดร้ายก็ไม่ได้ ในเมื่อคนอย่างธงไม่รู้จักประมาณตน ไอ้เสือเอกสารหลักฐานทั้งหมดมึงเก็บไว้ให้ดีเพราะดูแล้วกูจะได้ใช้ในวิชานี้อาชาหันมาสั่งเสียงเข้มปกติเขาไม่ค่อยอยากจะทำร้ายใครก่อนแต่คนอย่างไอ้ธงหนักกว่าคนอย่างเมฆินทร์เป็นร้อยเท่าแม้กระทั่งผู้หญิงที่ตัวเองหมายปองก็ยังคิดปล่อยข่าวลือทำลายชื่อเสียงได้ลงคอ ครับนาย เสือกล่าวรับแล้วโค้งคำนับเดินออกไปนอกห้อง อาชากำลังจมดิ่งกับความคิดที่จะจัดการกับธงอย่างไรดีเพื่อกำจัดทั้งธงและดารินไปให้พ้นทางแบบสูญสิ้นไม่มีพี่ให้ได้เดินต่อ เมื่อเสียงฝีเท้าของเสือลับไปพร้อมกับเอกสารในมือ อาชาก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกใสบานกว้างที่เผยให้เห็นวิวเมืองยามค่ำคืน แต่ความคิดของเขากลับไม่ได้อยู่ที่แสงสีเหล่านั้น ภาพของเหมยที่เคยยิ้มแย้ม สดใส และใบหน้าที่เศร้าสร้อยเมื่อต้องเผชิญกับข่าวลือที่ธงสร้างขึ้นวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ความโกรธที่เคยปะทุขึ้นเมื่อรู้ความจริง บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็นอันน่ากลัว อาชาค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบคางอย่างใช้ความคิดอย่างถี่ถ้วน "เกมนี้...กูจะเป็นคนกำหนดกฎเอง" เขาพึมพำกับตัวเอง แผนการที่ผุดขึ้นในสมองของอาชาไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่การแก้แค้นหรือทำลายชื่อเสียงของธงและดาริน แต่เขามองไปไกลกว่านั้น อาชาต้องการให้คนทั้งสองพังพินาศจนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก ไม่ใช่แค่การทำลายธุรกิจ แต่เป็นการทำลายทุกสิ่งที่พวกเขายึดมั่นและทะนงตัว เขากดโทรศัพท์เรียกเลขาฯ คนสนิทอีกคนอย่าง "ไอ้เสือ" เสียงทุ้มต่ำสั่งการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว "เสือ...พรุ่งนี้เช้า กูต้องการให้มึงปล่อยข่าวเรื่องการทุจริตในบริษัทของไอ้ธง โดยใช้เอกสารที่กูเคยสั่งให้มึงหามา"ธงที่มาทำงานฝ่ายผู้ช่วยผู้จัดการในไร่ชาพรหมเทพได้แอบขโมยข้อมูลรับเรื่องลูกค้าและรายการผลิตส่งไปให้กับศัตรูอย่างไอ้เมฆินทร์ "แต่ว่า...เรื่องนั้นหลักฐานยังไม่แน่นพอครับนาย" ปลายสายตอบด้วยความลังเลเพราะเขาเองก็ยังไม่มั่นใจว่าเมฆินทร์นั้นได้รับเอกสารอะไรไปบ้าง "ไม่เป็นไร...แค่ปล่อยข่าวลือให้สะพัดพอ" อาชากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "ให้คนในแวดวงธุรกิจเริ่มสงสัย และให้ไอ้ธงมันต้องคอยแก้ข่าวถึงแม้ตัวมันจะเป็นแค่พนักงานผู้ช่วยฝึกหัดวิศวกรแต่มันก็กำลังเริ่มทำธุรกิจเล็กๆของครอบครัวมันเอง" "จากนั้น...กูจะให้เสือปล่อยภาพและคลิปจากโรงแรมที่ธงกับดารินไปมีอะไรกับดาริน" "แต่ถ้านายปล่อยข่าวเรื่องดาริน...นั่นจะส่งผลกระทบถึงคุณดารินอย่างแรงเลยนะครับครับ" เสือเตือนด้วยความหวังดี เพราะเขาเองก็เห็นใจดารินเล็กน้อยที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้แม้ว่าเธอจะเคยร้ายมาก่อนแต่ไม่ควรต้องมารับอะไรแบบนี้ "กูรู้...แต่ไม่ต้องห่วง" อาชาตอบเสียงเรียบ "ไอ้ธงมันจะได้รู้ว่าการเล่นกับไฟมันเป็นยังไง ส่วน ดารินก็จะได้รู้ว่าอย่าแตะต้องผู้หญิงของกู"อาชาที่รู้สึกโกรธและโมโหเรื่องที่ดารินได้ใช้วาจาทำร้ายจิตใจหลานสาวสุดที่รักอย่างหนูน้อยลิลลี่วัย 4 ขวบและแถมยังวางแผนการเตรียมทำร้ายจิตใจของเหมยผู้หญิงที่เขารักและหมายปองให้เป็นแม่ของลูก "เรื่องการทุจริต...แค่ทำให้มันเสียสมาธิ และทำให้มันปวดหัว ส่วนเรื่องความสัมพันธ์...จะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือและทำลายชื่อเสียงของพวกมันทั้งคู่"อาชาพูดกับเสือปลายสายอย่างเยือกเย็นเขาไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไงแต่การที่ตัดสินใจทำลายชีวิตคนทั้งสองคนเขาตัดสินใจโดยไม่ต้องคิด "ถ้าเรื่องความสัมพันธ์ถูกเผยแพร่ออกไป...ดารินจะเสียหายหนักกว่าธง...และอาจจะส่งผลถึงธุรกิจครอบครัวของเธอด้วย" "ดี!" อาชาเอ่ยด้วยความพึงพอใจ "นั่นแหละสิ่งที่กูต้องการให้มันเป็น ให้มันรู้ว่าการคิดจะทำลายผู้หญิงของกู...มันต้องเจอกับอะไร" หลังจากวางสายจากเสือ อาชาก็ยกมือขึ้นนวดขมับ เขาไม่ได้รู้สึกดีใจที่ต้องใช้แผนการนี้ แต่มันเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งคนอย่างธงและดารินไม่ให้ทำร้ายคนบริสุทธิ์อย่างเหมยได้อีก อาชาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่กระจกบานใหญ่ เขามองภาพสะท้อนของตัวเองในนั้น แววตาที่คมกริบแต่กลับซ่อนความรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย การทำลายคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากทำ แต่เมื่อสถานการณ์บีบบังคับ...คนอย่างเขาก็ต้องเลือกที่จะลงมือ "ธง...ดาริน...พวกมึงจะได้รู้ว่านรกในใจกูมันเป็นยังไง" ที่บ้านพักตากอากาศของอาชา ชายหนุ่มกำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้าอย่างสบายอารมณ์ ในขณะที่หน้าจอไอแพดตรงหน้ากำลังฉายข่าวสารและกระแสบนโซเชียลมีเดียที่กำลังลุกเป็นไฟเรื่องของธงและดาริน เขาไม่ได้รู้สึกสะใจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิด ในทางกลับกัน ที่บริษัทของธง บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด โทรศัพท์จากลูกค้ายังคงดังไม่หยุด และพนักงานหลายคนเริ่มซุบซิบกันถึงอนาคตของบริษัท "แกเห็นข่าวหรือยังวะ?" พนักงานคนหนึ่งกระซิบกับเพื่อน "ผู้ช่วยผู้จัดการของเราดันไปมีเรื่องเล่นสวาทกับผู้หญิงจนภาพหลึุด "แถมยังมีข่าวลือเรื่องทุจริตอีก...ไม่รู้บริษัทเราจะรอดไหม" อีกคนเสริม ธงที่ได้ยินบทสนทนานั้น ถึงกับกำหมัดแน่น เขาไม่เคยต้องรับมือกับความเสียหายทางชื่อเสียงขนาดนี้มาก่อน แต่ที่ทำให้เขาโกรธมากกว่าคือการที่ดารินโทรมาต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด "ธง! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! นายเป็นคนจัดการเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ!" เสียงของดารินดังลอดออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ "ฉันเสียงานไปกี่งานแล้วรู้ไหม! นักธุรกิจของฉันที่มันแย่อยู่แล้วมันก็ยิ่งแย่ไปอีกนายทำบ้าอะไรของนาย!"ดารินเองที่จ้องจะจับเมฆินทร์คนที่เธอหมายปองก็หมดอนาคตแน่นอนเพราะเธอเตรียมจะถีบหัวส่งธงไปให้พ้นทางเธอเพื่อจะได้จับคนที่มีอำนาจพอๆกับอาชา "แล้วเธอคิดว่าฉันดีใจหรือไง!" ธงตะคอกกลับ "ข่าวทุจริตในบริษัทฉันก็กำลังเป็นปัญหา ฉันกำลังจะพังเพราะเรื่องของเธอ!" "นายกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง!" ดารินกรีดเสียงสูง "ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันก็ไม่..." "พอ! เรื่องนี้เราต้องหาคนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน" ธงตัดบทก่อนจะกดวางสาย ธงรู้ดีว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดต้องเป็นคนที่ใหญ่และมีอำนาจกว่าเขามาก และเขาพอจะเดาได้ว่าใครคือคน ๆ นั้น ในขณะที่ธงกำลังนั่งครุ่นคิดหาทางแก้ไข จู่ ๆ ก็มีข้อความส่งเข้ามาจากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย "เกมนี้เพิ่งเริ่มต้นเอง...หวังว่านายจะชอบบทเรียนที่ฉันเตรียมไว้" พร้อมกับข้อความนั้นคือภาพถ่ายที่ส่งมาจากในโรงแรมวันนั้น และเป็นภาพที่ชัดเจนกว่าที่สื่อได้ไป ธงกำโทรศัพท์แน่นด้วยความโกรธ "ไอ้...อาชา!" เขาพึมพำออกมาอย่างเดือดดาล "มึงมันจอมมารร้ายชัด ๆ" ในทางกลับกัน อาชาที่ได้รับรายงานจากเสือว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนแล้ว เขายกยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัย ในขณะที่สายตาของเขามองไปยังภาพของเหมยที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขกับลิลลี่ที่บ้านของเธอ สำหรับเขา การที่ธงและดารินกำลังเผชิญกับผลกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นนั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการสั่งสอนและเรื่องที่เขาฟ้องร้องดารินที่วางยาในคราวนั้นดารินก็ต้องหาเงินมาสู้เป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปกป้องคนที่เขารัก และในตอนนี้... เขากำลังทำได้ดี "เหมย...เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น" เขากระซิบกับตัวเองอย่างอ่อนโยนแล้วหันกลับมามองเหมยที่กำลังนอนอยู่บ้านพักตากอากาศริมทะเลที่เขาพาเธอมาให้ห่างไกลจากทั้งสองหนุ่มโดยมีหนูลิลลี่นอนอยู่ข้างกายเขายิ้มอย่างมีความสุข เขาไม่ได้รู้สึกภูมิใจที่ต้องใช้แผนการนี้ แต่เมื่อมีคนคิดร้ายกับคนที่เขารัก เขาพร้อมจะกลายเป็นปีศาจร้ายเพื่อปกป้องเธอ และจากนี้ไป... เขาจะก้าวเข้าไปในชีวิตของเธออย่างเต็มตัว เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะปลอดภัยจากอันตรายทุกอย่างจากนี้ไปหลังจากที่ธงกับดารินต้องเผชิญกับพายุข่าวฉาวที่โหมกระหน่ำไม่หยุด อาชาก็เริ่มแผนการขั้นต่อไปอย่างเงียบเชียบและแยบยลยิ่งกว่าเดิม เขารู้ดีว่าการทำลายชื่อเสียงเป็นเพียงแค่การสร้างรอยร้าว แต่การทำให้คนล่มจมอย่างแท้จริงคือการทำลายรากฐานทางการเงินและอำนาจอาชานั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างหรูหรา วงหน้าคมคายฉายแววครุ่นคิดลึกซึ้ง ขณะที่นิ้วเรียวเคาะเบา ๆ เป็นจังหวะบนโต๊ะไม้เนื้อดี ข่าวความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในบริษัทของธงและชีวิตของดารินถูกรายงานเข้ามาเป็นระยะธงไม่เพียงแต่ต้องวุ่นวายกับการแก้ข่าวเรื่องการทุจริตที่ไม่มีมูลความจริง แต่เขายังต้องรับมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจที่เริ่มถอนตัวเพราะไม่มั่นใจในตัวเขา ดารินเองก็ไม่ต่างกัน จากที่เคยเป็นสาวสังคมผู้ทรงอิทธิพล บัดนี้เธอกลับกลายเป็นคนไร้ตัวตนในวงการ เพราะไม่มีใครกล้าคบหาและทำธุรกิจด้วย อาชาเห็นว่าคนทั้งสองเริ่มอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด และนี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะลงมืออาชาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของ 'เสือ' อีกครั้ง เสียงปลายสายรีบรับทันทีเพราะรู้ดีว่านายของเขามีเรื่องสำคัญจะสั่งการ"เสือ...เตรียมคนให้พร้อม" อาชาสั่งด้วยน้ำเสียงรา
หลังจากที่อาชารวบรวมหลักฐานทั้งหมดได้จากโรงแรมที่ธงและดารินไปเริงสวาทกันเขายกยื้มมุมปากอย่างผู้มีชัย ในเมื่อคนทั้งสองหญิงผยองลำพองใจว่าตนนั้นอยู่เหนือทุกคนในกระดานนี้ อาชาจะสั่งสอนคนอย่างธงที่ริอาจทำร้ายผู้หญิงของเขา และยังอาจเอื้อมที่จะแตะต้องเหมย วิธีนี้จะว่าเขาโหดร้ายก็ไม่ได้ ในเมื่อคนอย่างธงไม่รู้จักประมาณตนไอ้เสือเอกสารหลักฐานทั้งหมดมึงเก็บไว้ให้ดีเพราะดูแล้วกูจะได้ใช้ในวิชานี้อาชาหันมาสั่งเสียงเข้มปกติเขาไม่ค่อยอยากจะทำร้ายใครก่อนแต่คนอย่างไอ้ธงหนักกว่าคนอย่างเมฆินทร์เป็นร้อยเท่าแม้กระทั่งผู้หญิงที่ตัวเองหมายปองก็ยังคิดปล่อยข่าวลือทำลายชื่อเสียงได้ลงคอครับนาย เสือกล่าวรับแล้วโค้งคำนับเดินออกไปนอกห้องอาชากำลังจมดิ่งกับความคิดที่จะจัดการกับธงอย่างไรดีเพื่อกำจัดทั้งธงและดารินไปให้พ้นทางแบบสูญสิ้นไม่มีพี่ให้ได้เดินต่อเมื่อเสียงฝีเท้าของเสือลับไปพร้อมกับเอกสารในมือ อาชาก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกใสบานกว้างที่เผยให้เห็นวิวเมืองยามค่ำคืน แต่ความคิดของเขากลับไม่ได้อยู่ที่แสงสีเหล่านั้นภาพของเหมยที่เคยยิ้มแย้ม สดใส และใบหน้าที่เศร้าสร้อยเมื่อ
หลังจากที่อาชารวบรวมหลักฐานทั้งหมดได้จากโรงแรมที่ธงและดารินไปเริงสวาทกันเขายกยื้มมุมปากอย่างผู้มีชัย ในเมื่อคนทั้งสองหญิงผยองลำพองใจว่าตนนั้นอยู่เหนือทุกคนในกระดานนี้ อาชาจะสั่งสอนคนอย่างธงที่ริอาจทำร้ายผู้หญิงของเขา และยังอาจเอื้อมที่จะแตะต้องเหมย วิธีนี้จะว่าเขาโหดร้ายก็ไม่ได้ ในเมื่อคนอย่างธงไม่รู้จักประมาณตนไอ้เสือเอกสารหลักฐานทั้งหมดมึงเก็บไว้ให้ดีเพราะดูแล้วกูจะได้ใช้ในวิชานี้อาชาหันมาสั่งเสียงเข้มปกติเขาไม่ค่อยอยากจะทำร้ายใครก่อนแต่คนอย่างไอ้ธงหนักกว่าคนอย่างเมฆินทร์เป็นร้อยเท่าแม้กระทั่งผู้หญิงที่ตัวเองหมายปองก็ยังคิดปล่อยข่าวลือทำลายชื่อเสียงได้ลงคอครับนาย เสือกล่าวรับแล้วโค้งคำนับเดินออกไปนอกห้องอาชากำลังจมดิ่งกับความคิดที่จะจัดการกับธงอย่างไรดีเพื่อกำจัดทั้งธงและดารินไปให้พ้นทางแบบสูญสิ้นไม่มีพี่ให้ได้เดินต่อเมื่อเสียงฝีเท้าของเสือลับไปพร้อมกับเอกสารในมือ อาชาก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกใสบานกว้างที่เผยให้เห็นวิวเมืองยามค่ำคืน แต่ความคิดของเขากลับไม่ได้อยู่ที่แสงสีเหล่านั้นภาพของเหมยท
หลังรับรู้ความจริง เหมยรู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก โลกที่เคยสดใสและปลอดภัยในไร่ชาพรหมเทพพลันมืดมนลง เธอไม่คิดเลยว่าการมีอยู่ของเธอจะทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ “คุณอาชา... เหมยไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ” เธอพูดเสียงแผ่ว ปนกังวลอยู่ดีๆเธอก็ตกเป็นเป้านิ่งให้กับธงและแฟนเก่าของอาชา “เหมยไม่คิดว่าพี่ธงเขาจะเป็นคนที่มีด้านลบขนาดนี้ ขอโทษนะคะที่มันอาจจะเป็นเพราะเหมยทำให้กลายเป็นตัวภาระและทำให้คุณเดือดร้อน” อาชากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เขาเข้าใจความรู้สึกของเธอดี แต่ครั้งนี้เขาไม่ยอมให้เธอเป็นฝ่ายหลบหนีอีกแล้ว “ไม่ คุณเหมยต้องรับรู้เรื่องนี้” อาชาพูดเสียงจริงจัง “ผมไม่เคยรู้สึกว่าเธอเป็นความเดือดร้อน คุณเหมยเป็นสิ่งที่ผมอยากปกป้องที่สุด เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปบ้านพักตากอากาศริมทะเลของผมดีกว่าไปพักผ่อนสมองกันสักพักก่อนที่หนูน้อยลิลลี่จะเปิดเทอมดีไหมครับ”อาชาถามเหมยด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นเพราะเขามีแผนการบางอย่างเอาไว้ในใจ เหมยเงยหน้าขึ้นมองอาชาด้วยสายตาที่สับสนและกังวลใจแต่เธอรู้ว่าอาชาเป็นผู้ชายที่เธอเลือกและรักไปแล้วเธอจะเชื่อใจเขาอย่างสุดหัวใจ "ก็ดีเหมือนกันค่ะ เหมยว่าก่อนเราไปพักผ่อนก่อนที่ยายหนูลิล
ทางด้านธงและดารินก็ยังคงไม่ยอมแพ้ แม้ว่าดารินจะแพ้อย่างราบคาบเมื่อเจออาชาเล่นไม้แข็ง ให้บอดี้การ์ดลากเธอออกจากไร่ชาพรหมเทพอย่างไม่ใยดี แถมยังสั่งห้ามไม่ให้ดารินเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเขาอีก ขณะที่ทั้งสองกำลังพลอดรักกันอยู่ที่โรงแรมเดิม ธงที่รู้สึกถึงแรงแค้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยิ่งวิ่งเข้าใกล้เหมยมากเท่าไหร่ เหมยก็ยิ่งวิ่งออกห่างเขามากเท่านั้น ธงรู้สึกเหมือนเสียศักดิ์ศรีและโดนหยามหน้า "ดารินครับ ทำไมคุณถึงได้ทำพลาดขนาดนั้น คุณไม่เคยรู้เลยเหรอว่าไอ้อาชามีหลานสาว" ธงที่นอนอยู่บนตักของดารินก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ "แล้วใครมันจะไปรู้ล่ะคะ ว่าอีเด็กเปรตนั่นจะเป็นหลานสาวของอาชา" ดารินก็รู้สึกโมโหไม่น้อยที่อยู่ดี ๆ ก็ต้องมาล้มละลายเพียงเพราะเด็กคนเดียว "แล้วเราจะทำยังไงต่อไปล่ะครับดาไหนจะมีไอ้เมฆินทร์อีกคนนึงที่มาตามป้วนเปี้ยนจีบเหมย" ธงก็ยังคงอยากเอาชนะอาชาและเมฆินทร์อยู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเหมยและอาชาได้ก้าวหน้าเกินกว่าที่เขาจะแตะถึง "เหลือแต่คุณแล้วค่ะที่ต้องเข้าไปทำลายความสัมพันธ์ของสองคนนั้น เอาให้ทั้งสองคนมันแตกหัก ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันยิ่งดี แล้ว
เมฆินทร์ที่กลับจากการทำธุระของตัวเองก็คิดถึงเหมยไม่แพ้อาชาหรือธง วันนี้เขาตั้งใจจะเข้าไปเจอเหมยที่คาเฟ่และซื้อของมากมายกลับมาฝากเธอ “ถังลี่ วันนี้กูจะเข้าไปที่ไร่ชาพรหมเทพ จะเอาของที่กูซื้อไปฝากคุณเหมย มึงให้เด็กเอาของขึ้นรถให้กูด้วย” เมฆินทร์หันไปสั่งบอดี้การ์ดคู่ใจ “ผมจัดการให้นายเรียบร้อยแล้วครับ นายจะไปเลยไหมครับ” ถังลี่หันมาถามผู้เป็นนาย เมฆินทร์พยักหน้า เขาลุกออกจากห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์หรูแล้วก้าวขึ้นรถสไตล์ยุโรป ใจของเขาอยากจะเจอหน้าสวย ๆ ของเหมย และเขาก็อยากจะเข้าไปสืบหาเรื่องราวของอาชาที่จะทำการเซ็นสัญญากับมิสเตอร์จางเพื่อตัดหน้าบริษัทของเขาด้วย “ได้ครับนาย แต่ว่านายมั่นใจเรื่องที่ดินที่เราซื้อไว้ให้มิสเตอร์จางจริง ๆ ใช่ไหมครับ” ถังลี่รู้สึกว่าอาชามีความเงียบผิดปกติ “มีอะไรหรือเปล่าวะ” เมฆินทร์หันมาถามขณะกำลังดูตารางงานอยู่ด้านหลังรถ “ผมว่าบอดี้การ์ดของไอ้อาชาและตัวมันเงียบผิดปกติ เพราะโครงการนี้มันเคยคิดจะสู้กับเราหลายหน ทำไมมันถึงเงียบหายไป” ถังลี่รู้สึกถึงความผิดสังเกต “มันก็จริงอย่างที่มึงพูด ส่งคนของเราจับตาดูมันทุกฝีก้าว ลองดูว่ามันจะบินไปสิงคโปร์เมื่อไหร่