Masuk“เจ้าชื่ออะไร” ฟางหลินเฉินโยนผ้าแพรทิ้งและก้มลงมาจุมพิตริมฝีปากของหญิงสาว เอ่ยถามเรื่องสำคัญ ทั้งที่ปกติเขาจะไม่ถามชื่อของใครเวลาทำเรื่องพวกนี้ แต่นางฟ้าตรงหน้าทำให้เขาอดใจไม่ได้จริงๆ เขาอยากรู้จักนางมากขึ้น
“ข้า..คือ ท่านไม่รู้หรือ” หญิงสาวมองเขาและขมวดคิ้วด้วยความไม่แน่ใจ เขาไม่รู้จักชื่อของนางจริงหรือ
“หือ?..” เขายังคงถูริมฝีปากไปมาแผ่วเบาบนริมฝีปากของนางอย่างหลงใหล
“ข้า หลิวลี่อิน[1]เจ้าค่ะ” นางได้แต่คิดว่าเขาอาจกำลังสับสน
“อือ ไพเราะจัง เหมือนเสียงของเจ้าเลย” เขาพูดและแนบจุมพิตลงไปบนปากระเรื่อแรงๆ หนึ่งครั้ง
“เอ่อ..ขอบ..ขอบคุณเจ้าค่ะ” หญิงสาวใบหน้าแดงก่ำกับคำชื่นชมนั้น นางคิดว่าเขารังเกียจนางมาโดยตลอด ที่แท้เขาทั้งอ่อนโยนและชื่นชมนาง หรือเขาเพียงกลั่นแกล้ง นางไม่อาจรู้ แต่รู้เพียงยามนี้ในอกของนางสุขสมมากล้นด้วยความอบอุ่น เท่านี้ก็เพียงพอ
“ข้าจะเบามือ เราลองกันใหม่อีกครั้งนะ ข้าสัญญาจะทำให้เจ้ารู้สึกดี ไม่เจ็บปวดอีก” ฟางหลินเฉินเงยหน้าขึ้นมามองสบตากลมโตคล้ายผลซิ่ง[2]ของหลิวลี่อิน
“ลองใหม่..อะไรเจ้าคะ” นางถามด้วยความไร้เดียงสา
“ฮึ..ก็..” เขาจับมืออวบอ้วนของหญิงสาวลงไปบีบคลึงแท่งหยกนุ่มนิ่มของเขา
“เรียกว่า..เข้าหอ ใช่ไหม” เขาถามพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“...” หลิวลี่อินได้แต่เบิกตาโตและเขินอาย ไม่ใช่ว่าพวกเขาเพิ่งเข้าหอกันไปหรอกหรือ นางคล้ายหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อเขานำพาให้มือของนางนวดคลึงความนุ่มนิ่มของเขาจนเริ่มแข็งตัวอีกครั้ง
“อือ..เก่งมากเด็กดี” เขาหอมแก้มกลมเพื่อให้รางวัลที่นางเชื่อฟังและทำให้เขาพร้อมรับศึกใหม่
หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น นางเกร็งตัวเมื่อเขาชันตัวลุกนั่งระหว่างขาของนางอีกครั้ง มองเขาคล้ายหวาดผวาเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่ถูกเขาล่วงล้ำเข้าไปในตัวยังไม่จางจากความรู้สึก เมื่อครู่ เขาทั้งกระแทกกระทั้นจนนางแทบหยุดหายใจ จะให้ลืมได้อย่างไร ยังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเค่อ[3] เขาก็จะทรมานนางอีกแล้วหรือ
“ไม่ต้องเกรง ต่อไปข้าจะเบามือ” เขายิ้มและจับขาอวบงอเข่า ประคองขาของนางไว้อย่างดี ก่อนจะก้มลงไปจูบหัวเข่าของนางเบาๆ และลากริมฝีปากลงไปยังข้อเท้าของนาง เขายังจำได้ว่านางมีจุดเสียวซ่านอยู่ตรงไหน
“อ๊ะ..ท่าน ท่านพี่..” และเป็นดังคาด หญิงสาวร้องออกมาเสียงหลง เพียงเขาใช้ลิ้นสัมผัสข้อเท้าของนางบางเบา
เขาภาคภูมิใจที่ตัวเองค้นพบความลับนี้ ชายหนุ่มตัดสินใจจะทำให้นางฟ้าแสนน่ารักร้องครางจนเสียงแหบแห้งให้ได้ เขาเริ่มลงลิ้นชิมความหวานอย่างตั้งใจ
ฟางหลินเฉินใช้ริมฝีปากแตะและจุมพิตไปรอบข้อเท้าของหลิวลี่อิน ระหว่างที่มือหนึ่งกอดขานางไว้ อีกมือของเขาก็จับแท่งหยกร้อนของตัวเขาถูรอบทางเข้าคับแคบฉ่ำน้ำของหญิงสาว
“อ้า..อา อะ อะ อ๊ะ..” เขายังไม่ทันเข้าไปในช่องแคบ นางก็โอดครวญเสียงสั่นเครือ
ชายหนุ่มยิ้มแย้มมองความสุขที่เขาบรรจงมอบให้นางฟ้าอย่างตั้งใจ เขาถูไถแท่งหยกแกร่งไปรอบๆ จงใจเบียดบี้ติ่งเนินเขาแสนอ่อนไหวที่อยู่ระหว่างกลีบช่องทางเข้า
“อ้า อ้า..”
“ใช่แล้ว ฮูหยิน เจ้าช่างน่ามองยิ่งนัก น่ารักที่สุด..” เขาชื่นชมเสียงสั่นพร่า แม้เรียวลิ้นนุ่มของเขายังคงตวัดลิ้นไปรอบข้อเท้าขาว
“อ๊ะ!!...” หลิวลี่อินตัวสั่นสะท้าน ลืมสิ้นความเจ็บปวดก่อนหน้า นางไม่อาจควบคุมสติหรือความอับอายใดอีก ปล่อยให้ตัวเองเสียวซ่านสะท้านไหวกับการหยอกล้อของสามี ยิ่งเขาถูไถนางก็ยิ่งขาดสติ ทุกสิ่งเริ่มเลือนราง รู้สึกได้เพียงแรงบดเขี่ยตรงติ่งเนินชมพูที่เขากลั่นแกล้งอย่างตั้งใจ
“อ้า..อา..อ๊ะ อ้า!!!!” ในที่สุดความรู้สึกก็ถูกกระหน่ำจนหลั่งรดออกมา สายน้ำอ่อนหวานพุ่งจนเปื้อนผ้าปูที่นอนเปียกเป็นวง
แต่ยามนี้ผู้ใดจะสนใจรอยเปียกเปื้อนกันเล่า หลิวลี่อินทั้งสั่นเทา ทั้งสุขสม จนคล้ายมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความพร่ามัว หอบหายใจสั่นระริกน่าเอ็นดู
ส่วนฟางหลินเฉินก็มองภาพงดงามนั้นอย่างตกตะลึง นางช่างงดงามยามที่สุขสมหลั่งริน เซ็กซี่จนหัวใจของเขาเจ็บปวดหายใจไม่ออกตามหญิงสาวไปด้วย แม้ทั้งมือและแท่งหยกของเขาจะเปียกน้ำหวานของนาง แต่นั่นก็เพียงผลักความต้องการของเขาให้ไปสุดขอบมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
“น่ารัก..น่ารักจัง” เขาปล่อยข้อเท้านวลเนียน ชื่นชมราวท่องบทสวด ก้มลงไปจูบปิดปากหญิงสาว
“คุณหอมมาก..กลิ่นของเจ้าช่างเย้ายวนยิ่งนัก” เขากระซิบชิดริมฝีปาก และเอื้อมมือลงไปจับแท่งหยกถูรอบทางเข้าระหว่างขาของหญิงสาวผู้สั่นระริก
“อา..อะ..” หลิวลี่อินที่แทบขาดใจจากการเสร็จสม สติของนางค่อยๆ กลับมายังร่องรักที่เขาเริ่มผลักความแข็งใหญ่เข้าไปอีกครั้ง
“ฮูหยิน..เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก” เขาครางระหว่างพาตัวเองไปเป็นหนึ่งเดียวกับฮูหยินแสนน่ารักของเขาจนลึกสุดทาง
“อา..อ้า..” หญิงสาวฝืนทนความเสียวซ่านไม่ไหว นางยกมือขึ้นผลักอกแกร่ง เพราะนางเพิ่งถูกพาไปยังสุดขอบเหว ภายในช่องแคบยังคงอ่อนไหวเกินจะรับ แต่เขากลับไม่ยอมหยุด บดเบียดความใหญ่หนาและยาวของเขาเข้าไปลึกแล้วลึกอีก
ครั้งนี้แม้จะเจ็บปวด แต่หลิวลี่อินกลับรู้สึกทั้งเจ็บทั้งสุขสม ในใจคล้ายต้องการความเจ็บเพิ่มสักหน่อยเพื่อตัวเองจะได้กระอักความเสียวซ่านออกมาอีกครั้ง แต่เขากลับอ่อนโยนยิ่งนัก เพียงผลักเข้าในตัวนางเบาๆ และหอมแก้มของนางอย่างนุ่มนวลละมุน
ฟางหลินเฉินกอดไหล่กลมและจูบเลียไปรอบคออิ่มนุ่ม เสียงหอบหายใจของหญิงสาวยังคงกระชั้นสั่นเครือ บางครั้งเขาอดรนทนไม่ไหวก็แอบขบกัดบ้าง แต่ขยับเข้าออกอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าเช่นนี้ไม่อาจพานางฟ้าโบยบินไปยังยอดเมฆา
เขาจึงลุกขึ้นนั่งชันเข่า ยังคงผลักดันตัวเองเข้าออกทางคับแคบเปียกปอน มือใหญ่เอื้อมไปอุ้มขาสองข้างของหญิงสาวมาแนบอก ยกข้อเท้าทั้งสองมาระดับริมฝีปากและเริ่มจุมพิตลิ้มเลียอีกครั้ง
“อ๊า...” เสียงร้องแหบพร่าของนางกลับมาดังอีกครั้ง
ชายหนุ่มผลักดันตัวเองแรงขึ้น ระหว่างที่สองแขนแกร่งกอดขานุ่มเนียนไว้ ปากของเขาก็ดูดดื่มกัดกินข้อเท้านวล บางครั้งยังเลื่อนริมฝีปากไปดูดกลืนปลายนิ้วเท้าสะอาดขาวของหลิวลี่อินด้วย
“อ้า..อา..อะ อ๊ะ อ้า อ้ะ..อา”
[1]ลี่อิน แปลว่า เสียงที่งดงาม ไพเราะ
[2]ดวงตาผลซิ่ง ว่ากันว่าดวงตาแบบนี้จะทำให้ดูอ่อนเยาว์ สะท้อนถึงความใสซื่อบริสุทธิ์ ใครเห็นก็อยากจะเข้าหาด้วยความเอ็นดู ผลซิ่ง คือ แอปริคอท เป็นผลไม้มีเมล็ดคล้ายอัลม่อน ภายนอกคล้ายลูกพีชและบ๊วย
[3]หนึ่งเค่อ คือ 15 นาที
หลังจากที่ตระกูลฟางมาอาศัยอยู่ในจวนหลิวคับแคบได้เกือบเดือน ในที่สุดนางเจินหมานก็เพิ่งลากตัวสามีกลับจวนฟางได้เพราะต้องมีผู้นำในการทำการค้า หลิวฟู่จงเฝ้ามองรถม้า และคิดว่าตัวเองจะได้มีโอกาสใกล้ชิดหลานชายแล้วแต่หลายสิ่งไม่เป็นดังคาด..ในห้องโถงใหญ่ของตระกูลหลิว บรรยากาศอำมหิตแผ่ซ่านไปทั่ว เมื่อบิดาและสามีของหลิวลี่อินต่างพากันแย่งอุ้มลูกชายของนาง บุรุษอายุมากผู้หนึ่งที่มักสงบนิ่งเยือกเย็นเสมอ และอีกคนที่ยังหนุ่มแน่นเย่อหยิ่งหน้าหนา พวกเขากำลังกลายเป็นคู่แข่งที่ดุเดือดในการแย่งชิงอุ้มเด็กน้อย“ข้าเป็นตา! ข้าควรจะได้อุ้มก่อน!” หลิวฟู่จงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยเสียงแข็งกระด้าง ขณะยื่นมือมาทางหลานชายที่อยู่ในอ้อมแขนของฟางหลินเฉิน“แต่ข้าเป็นบิดาของเขา ข้าก็ต้องการอุ้มบุตรของข้าบ้างนะ ท่านพ่อตา” ฟางหลินเฉินยิ้มบางๆ พลางเบี่ยงตัวออกห่างจากมือของเจ้ากรมหลิวเล็กน้อย ไม่ยอมให้อีกฝ่ายแตะตัวลูกชาย&l
ในทุกวันที่หลิวลี่อินไปสอนในสถานศึกษาสำหรับสตรี ฟางหลินเฉินมักตามติดนางไปด้วย ทำตัวเป็นคนรับใช้ของภรรยาอย่างเต็มใจและขยันขันแข็ง แม้ว่าขนบธรรมเนียมจะบ่งบอกว่าภรรยาควรเป็นผู้ดูแลสามี แต่เขาก็ไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านั้น ด้วยใจที่มุ่งมั่นจะบูชาภรรยาด้วยการดูแลของเขาทุกเช้า เขาจะปัดกวาดที่นั่งของภรรยาในห้องเรียนด้วยตัวเอง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโต๊ะและเก้าอี้ของนางสะอาดเรียบร้อย หลังจากนั้น เขายังจัดเตรียมอาหารว่างสำหรับหลิวลี่อิน โดยจัดใส่จานอย่างปราณีต สิ่งที่หลิวลี่อินต้องทำก็เพียงนั่งลงและอ้าปาก เพราะเขาจะคอยป้อนใส่ปากของนางอย่างบรรจงไม่เพียงแค่นั้น ฟางหลินเฉินยังถือกล่องเครื่องเขียนของนางทุกครั้ง เดินตามไปทุกที่ นั่งเฝ้านางอยู่ใกล้ๆ ขณะนางสอนเหล่าสตรีร้องเพลงและบรรเลงดนตรี ราวกับเงาที่ไม่เคยห่างหายทุกการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความเอาใจใส่และความรักที่แสดงออกอย่างชัดเจนเกินกว่าที่สามีในยุคนั้นจะทำกันได้ ทว่าความรักของเขานั้นกลับยิ่งลึกซึ้งเมื่อถึงเวลาพักผ่อน
ฟางหลินเฉินเดินไปเดินมานอกห้องคลอด ใจเต้นระรัวและเหงื่อซึมทั้งฝ่ามือ เขาไม่เคยรู้สึกกังวลเช่นนี้มาก่อน ตั้งแต่ที่เขาจำความได้ ทั้งชีวิตเขาเต็มไปด้วยความสามารถ เขารู้ว่าหากเขาพยายามย่อมเกิดผลดีตามมา เขามีความสามารถพอจะทำเพื่อสิ่งต่างๆ อยากได้สิ่งใดก็ต้องลงมือทำแต่ในวันนี้ ชะตากรรมของอีกสองชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา ร่างเล็ก ๆ ที่กำลังจะเกิด และหลิวลี่อิน ภรรยาของเขาที่กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด โดยไม่อาจทำสิ่งใดได้เลยเขาเคยรู้สึกหงุดหงิดกับเด็กในครรภ์ที่ทำให้หลิวลี่อินไม่สามารถกินอาหารได้ตามปกติ นางอ่อนแรงและต้องได้รับการดูแลตลอดเวลา และสิ่งที่ทำให้เขาหนักใจที่สุดคือการที่เขาไม่สามารถนอนร่วมกับนางได้เหมือนเคย แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความรู้สึกในขณะนี้ เสียงร้องของนางดังขึ้นทุกครา ทำให้เขาเจ็บปวดแทบใจขาด“เธอต้องปลอดภัย!” ฟางหลินเฉินพึมพำกับตนเอง เสียงแผ่วเบาที่แฝงไปด้วยความห่วงใย“นางจะไม่เป็นไร ไม่
เรื่องนี้ทำให้ทุกคนงงงันไม่ต่างกัน ฟางเซิ่งฝูและนางเจินหมาน บิดามารดาของฟางหลินเฉินไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุใดบุตรชายผู้เคยกระตือรือร้นกับการเพิ่มอนุถึงกับเปลี่ยนใจในพริบตาแม้กระทั่งหลิวฟู่จง บิดาของหลิวลี่อินก็งงงันที่เห็นลูกเขยผู้ไม่เคยสนใจเรื่องการศึกษากลับมุ่งมั่นสร้างสถานศึกษาสำหรับสตรีขึ้นมาเช่นนั้น ทั้งยังยกย่องบุตรสาวของเขาให้เป็นอาจารย์ผู้สอน นางมีทั้งเกียรติและศักดิ์ศรีสูงส่ง เขาผู้เป็นบิดาจึงภูมิใจยิ่งนักแต่ผู้ที่ดูจะตกใจมากที่สุดกลับเป็นแม่เลี้ยงและน้องสาวของหลิวลี่อิน พวกนางที่เคยคิดว่าหลิวลี่อินจะโดนสามีทอดทิ้ง หลังจากที่หลิวฟู่จงไปรับนางกลับบ้านเดิมพวกนางยังกลั่นแกล้งให้หลิวลี่อินทำงานบ้านหลายอย่างโดยที่หลิวฟู่จงไม่รู้ ยามนี้กลับต้องเห็นนางกลายเป็นอาจารย์ผู้สอนในสถานศึกษาใหญ่โตที่ฟางหลินเฉินตั้งใจสร้างเพื่อยกย่องความสามารถของนางน้องสาวของหลิวลี่อินแสดงความอิจฉาอย่างชัดเจน นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดฟางหลินเฉินจึงเลือกที่จะทุ่มเทเพื่อพี่สาวท
หญิงสาวคล้ายตกใจไม่น้อย แต่เมื่อเขายังคงถูไถเบาๆ เพื่อยืดเวลาแห่งวสันต์ออกไปอีกนิด นางจึงยกมือมาลูบปลายแท่งเสาสวรรค์อย่างรู้ใจ แม้ตัวนางจะสั่นเล็กน้อยและหายใจลำบาก“อะ..อ้าปากลี่เอ๋อร์..” เขาสั่งเสียงแตกเครือลี่เอ๋อร์ถูกเขาสั่งสอนมานาน ยามนี้นางได้แต่มองเขาอย่างคลั่งไคล้และอ้าปากตามคำสั่งของสามี เขาจดจ่อปลายเสาค้ำใหญ่ที่ยังคงมีสายน้ำรักยืดหยดเหนียวข้นลงในปากนาง พร้อมเสียงครางสั่นระริกที่บ่งบอกว่าเขารู้สึกดีมาก“อือ..เด็กดี..นางฟ้า..” เขาชื่นชมเสียงแหบพร่า ขยับสะโพกเข้าออกริมฝีปากระเรื่อของนางอย่างหลงใหล ความอบอุ่นในโพรงปากของนางทำให้เขารู้สึกสั่นซ่านไปทั้งแท่งหยกและทั่วร่างกาย“ดูดแรงอีกหน่อย” เขาสั่ง ทั้งที่เพิ่งพวยพุ่งความคิดถึงตลอดเดือนใส่ใบหน้าของนาง แต่คล้ายเขายังไม่พอใจ ยังต้องการต่อเวลาหฤหรรษ์ออกไปให้ยาวนานยิ่งขึ้น หรือไม่ก็เริ่มต้นความสุขสมอีกครั้งเมื่อนางดูดดื่มให้เขาเข้าลึกลงไปใ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับความต้องการของตัวเอง คิดเพียงความพอใจของตนเอง จนกระทั่งเวลานี้ ยามที่น้ำตาของนางพรั่งพรู เขาไม่อาจทนเห็นน้ำตาของนางอีกต่อไป“ไม่แต่งอนุ..ข้ามีเพียงเจ้า” ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดร้าวลึก นี่คือครั้งแรกที่ฟางหลินเฉินรู้สึกว่าความสุขของนางสำคัญกว่าสิ่งใดในโลก ความทะนงและเห็นแก่ตัวของเขาพังทลายทุกครั้งที่นางสะอื้นไห้ ราวถูกกดทับด้วยหินก้อนใหญ่“ข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงแทบคลั่งอยู่แล้ว” ฟางหลินเฉินกัดฟัน หัวใจบีบรัดจนเขาแทบลืมหายใจมือของเขาสั่นระริก หัวใจเหมือนกำลังจะหลุดออกจากอก คำพูดที่เคยพร่ำบอกรักบูชาสาวอ้วนคนอื่นๆ มันง่ายดายเมื่อไม่เคยต้องเผชิญกับน้ำตาของหลิวลี่อิน นางเป็นทุกอย่างสำหรับเขา ไม่เคยมีใครทำให้เขาเจ็บปวดได้เท่านี้มาก่อน เขารู้ว่าไม่สามารถทนเห็นนางทุกข์ใจได้ เขาจำต้องยอมรับว่าจะทำทุกอย่างเพื่อนางใช้ชีวิตเพื่อนางเท่านั้น..







