แชร์

บทที่ 7 ข้ามิคิดหนี

ผู้เขียน: เฟยหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-07 02:52:10

เหมยลี่เดินไปอยู่ด้านหลังท่านแม่ทัพ จากที่ตรงนี้ทำให้นางได้สังเกตบุรุษตรงหน้าอย่างถีถ้วน ร่างกายของเขาช่างดูสูงใหญ่และมีแผ่นหลังกว้าง รังสีความมีอำนาจแผ่กระจายออกมาจนใคร ๆ ต้องยำเกรง นางยืนอย่างใจกลัวพร้อมเม้มริมฝีปากล่างเล็กน้อย

“รีบนวดสิ” มู่หยางปรายตามองเล็กน้อย พลางได้กลิ่นหอมจากกายหญิงอัปลักษณ์ช่างเหมือนดอกเหมยไม่มีผิด แต่ถึงแม้กลิ่นกายจะหอมเพียงใดหากใบหน้ายังอัปลักษณ์เช่นนี้ใครจะไปอภิรมย์ได้ “ปิดหน้าของเจ้าไว้ซะ ข้ายิ่งเห็นยิ่งสะอิดสะเอียน”

เหมยลี่พลันดึงผ้ามาปิดบังใบหน้านี้ไว้ ด้วยความรู้สึกที่จุกอยู่ในอก นางควรชินและชาเสียบ้าง แต่พอถูกบุรุษรูปงามเอ่ยด้วยถ้อยคำดูหมิ่นก็ยิ่งรู้สึกว่านางดูไร้ค่ายิ่งนัก

มือเรียวบีบนวดไหล่กว้างซึ่งแข็งจนเส้นยึดจนนางบีบนวดแทบไม่ได้ ฝ่ามือพยายามกดและนวดอย่างเป็นจังหวะเพื่อให้ท่านแม่ทัพพอใจไม่คิดชักดาบมาจี้คอกันอีก

มู่หยางรู้สึกเหมือนมีมดไต่ตามไหล่ เขาไม่ได้รู้สึกคลายเมื่อยแม้แต่น้อย แม่ทัพผู้นี้จึงเกิดอาการหงุดหงิดจึงได้ยกมือตั้งฉากขึ้น

“พอ เจ้านี่มันไม่ได้เรื่อง ไปนั่งเสียข้าจะพาเจ้าไปเรือนข้า”

เหมยลี่ไม่พูดคำใดนางยอมแลกชีวิตนี้เพื่อคุณหนูฟู่ฟู่ ยอมสมอ้างเพื่อให้อิสระแด่นายหญิงผู้เป็นดั่งน้องร่วมสาบาน แม้จะรู้ว่าไม่ได้เข้าไปเป็นภรรยาท่านแม่ทัพ การไปเป็นคนรับใช้ไม่ต่างจากที่นางเป็นอยู่ จึงไม่ทันฉุกคิดหรือหวั่นกลัวไปมากกว่านี้ ขอเพียงแค่อย่าปลิดชีพนางเสียก่อนได้กลับไปเจอคุณหนูฟู่ฟู่อีกครั้งก็เพียงพอ

นางจึงนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม พลางจับผ้าให้ปิดบังใบหน้าอัปลักษณ์ไว้โดยผินหน้าไปทางแม่น้ำเบื้องหน้าซึ่งมีเหล่าดอกบัวอยู่เต็มสองข้างทาง บรรยากาศในตอนนี้น่าอภิรมย์เสียเหลือเกินหากไม่มีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านอยู่ใกล้กาย

ท่านแม่ทัพนั่งขรึมไม่อยากมองหญิงอัปลักษณ์ร่างอรชรสักเท่าไร ทว่าหวั่นใจกลัวนางหนีจากกันหากเป็นเช่นนั้นคงมีโทษทางอาญาเป็นแน่ที่ไม่ดูแลสิ่งพระราชทานให้ดี มู่หยางคิดไม่ตกหากพานางผู้นี้เข้าเรือนจักเป็นเช่นไร คงได้เกิดอาเพศเกิดสิ่งอัปมงคลเป็นแน่

หนึ่งชั่วยามผ่านพ้นพลันถึงเวลามืดค่ำเรือลำนี้ได้จอดเทียบท่า แต่ยังไม่ถึงที่หมายอย่างใจคิด มู่หยางจึงคิดหาม้าเร็วเพื่อเดินทางต่อ

ทั้งสองมาถึงเมืองที่เต็มไปด้วยไฟประดับจากโคมสีแดงเต็มสองข้างทางราวกับมีงานประเพณี เหมยลี่ซึ่งไม่เคยได้ออกจากเรือนของผู้นำแคว้นอันจึงรู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย ดวงตากลมโตทอประกายเป็นแสงระยิบระยับอยากเดินเที่ยวเล่นใจจะขาด ครั้นหันไปมองบุรุษร่างสูงที่อยู่เบื้องหน้าครึ่งก้าวพลันหดหู่ใจอยู่ไม่น้อย ทั้งยังตอนนี้ท้องของนางได้ร้องเพราะหิวจนไส้กิ่วเพราะยังไม่มีสิ่งใดตกถึงท้อง หากได้หมั่วโถวสักหนึ่งลูกก็คงจะดี

“ช้าก่อนท่านแม่ทัพ ข้าหิวท่านอนุญาตให้ข้าซื้อหมั่นโถวสักลูกได้รึไม่”

เหมยลี่เอ่ยรั้งเมื่อเห็นว่าท่านแม่ทัพกำลังก้าวเดินไปเบื้องหน้า หากไม่รีบเรียกไว้คงได้อดไปถึงเช้าเป็นแน่

“ข้าไม่อนุญาต” น้ำเสียงตัดเยื่อใยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงห้วน

“ข้าขอร้องเถิด ข้าหิวเดินทางต่อคงได้หมดแรง” เหมยลี่อ้อนวอน นางอยากมีชีวิตรอดไม่ใช่ต้องตายทั้งที่ยังไม่ได้ไปไหน ทว่าเมื่อคาดสายตาเล็กน้อยท่านแม่ทัพดันดึงกระชากชายแขนเสื้อของนางให้เดินตามไป

“ท่าน ท่านเดี๋ยวสิท่าน” นางพยายามรั้งแรงสุดกำลัง แต่หาสู้แรงของบุรุษไม่

มู่หยางเดินลากหญิงอัปลักษณ์มายังร้านหมั่นโถวที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนพูดกับพ่อค้าที่อยู่หน้าเตานึ่ง

“หมั่นโถวสองลูก” มู่หยางซื้อหมั่นโถวสองลูกอย่างจำใจ ก่อนโยนให้หญิงอัปลักษณ์ราวกับเห็นนางเป็นขอทาน

“ขอบคุณท่านแม่ทัพ ท่านมีน้ำใจยิ่ง” เหมยลี่รู้สึกประทับใจกับการกระทำแสนเล็กน้อยที่ท่านแม่ทัพมอบให้ ถึงแม้จะไม่แสดงออกทางคำพูดก็ตามที แต่การที่ไม่ปล่อยให้นางอดตายนับว่าดีที่สุดแล้วสำหรับนาง

เหมยลี่ยังคงถูกลากให้เดินตาม ท่านแม่ทัพมิอาจปล่อยให้หญิงอัปลักษณ์คาดสายตาไปได้ นางจึงต้องเดินตามไปทุกหนทุกแห่งโดยไม่รู้ว่าเขากำลังหาสิ่งใดอยู่กันแน่

“ท่านแม่ทัพ ท่านจักพาข้าไปที่ใด” เหมยลี่จึงเอ่ยถาม

“เงียบปากเจ้าเสีย” ทว่ากลับถูกตะคอกใส่ เหมยลี่จึงก้มหน้าปิดปากและเดินตามไปอย่างสงบเสงี่ยม

“ที่นี่มิมีม้าเร็วเลยรึ” มู่หยางถาม

“มิมีขอรับ ท่านชายนั่งเกวียนได้รึไม่” ชายคนดูแลเกวียนพูด เมื่อสังเกตดูการแต่งกายของคนเบื้องหน้าจึงพูดอย่างสุภาพขึ้น

“ข้าต้องการแค่ม้า” สิ่งที่มู่หยางต้องการไม่ใช่เกวียน

“ที่นี่ไม่มีขอรับ เกวียนนี้เป็นสิ่งเดียวที่จะพาไปได้”

“เจ้าถอดเกวียนแล้วให้ข้าขี่ม้าไปไม่ได้รึ” มู่หยางเห็นว่ายังมีม้าตั้งสองตัวที่นำพาเกวียนไปได้เหตุใดถึงไม่มอบม้าให้แก่เขา

“ขออภัย ข้าทำเช่นนั้นมิได้” ชายดูแลพูด หากขายม้าไปแล้วคงต้องหาซื้อม้าตัวใหม่ซึ่งหายากเสียเหลือเกิน เขาจึงไม่อาจมอบให้ได้

“ข้าไปรถเกวียนนี่ก็ได้ พาข้าไปเมืองหลวงที” ท่านแม่ทัพจึงยอมลดละความพยายามต่อกลอน เขาจึงจ่ายอัดให้กับบุรุษผู้นี้

“ได้ขอรับ”

“ขึ้นไป” มู่หยางหันมาพูดกับสตรีนางเดียว

เหมยลี่จึงปีนขึ้นเกวียนอย่างไม่อิดออด ก่อนนั่งลงที่สุดมุมหนึ่งเพื่อเว้นระยะระหว่างนางกับท่านแม่ทัพ คนตัวสูงใหญ่ได้เข้ามานั่งในเกวียนพื้นที่สี่เหลี่ยมได้แคบไปถนัดตาจนดูอึดอัดอยู่ไม่น้อย เขาต้องอดทนไปจนกว่าจะถึงที่หมายในอีกไม่กี่เพลาข้างหน้า

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 73 ความตื่นเต้นที่รอคอย

    “อร่อยยิ่งนัก” เซียวจ้านเอ่ยชมคนงานที่พากันชิมต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ทำให้คนทำยิ้มกว้าง“ท่านว่าข้าทำขนมขายไปด้วยจักดีรึไม่” ลี่หลินพูด“เจ้าจักขยันเกินไปแล้ว ข้าคงต้องหาแม่ครัวสักคนมาช่วยเจ้าขาย”“ข้ามิได้ขยันถึงเพียงนั้นสักหน่อย ข้าทำไหวก่อนหน้านี้ข้าอยู่ในครัวของโรงเตี๊ยมเชียวนะ”“เจ้าอยากทำสิ่งใดข้าจักมิขัด เพียงแต่ให้เจ้าคลอดบุตรออกมาเสียก่อนเถิด”“เจ้าค่ะ คงอีกมินานเกินไป”“ร้านของเจ้าเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เจ้าชอบมันรึไม่” เซียวจ้านพูดพลางมองไปยังร้านที่ถูกจัดวางไว้เป็นอย่างดี อีกไม่ถึงวันก็เสร็จแล้ว“ร้านของท่านกับข้าต่างหาก” นางมิอาจครอบครองร้านแห่งนี้ไว้เพียงผู้เดียว เพราะเซียวจ้านเป็นผู้ลงทุนแทบทั้งหมด“สมบัติของข้าก็เหมือนเป็นของเจ้า” สายตาคมหันมามอง“จักเป็นเช่นนั้นได้เยี่ยงไร ข้ามิใช่ภรรยาของท่านสักหน่อย” ใบหน้านวลแดงระเรื่อขึ้นทันที“เจ้าก็แต่งเข้าเรือนข้าสิ”“ข้ามิพูดกับท่านแล้ว ข้าไปพักผ่อนสักประเดี๋ยวจักดีกว่า” ลี่หลินเลี่ยงที่จะพูดต่อ นางจึงลุกขึ้น“ข้าพาเจ้าไป” เซียวจ้านรีบลุกตามพร้อมประคองนางไปด้วยเขาได้พานางมาจนถึงเตียง ลี่หลินมองบุรุษตรงหน้าที่ดูแลกันเป็น

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 72 ค่อย ๆ สร้าง

    ลี่หลินตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ นางได้เข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารเช้าไว้ให้เซียวจ้านได้ทาน ความอัดอั้นที่ติดอยู่ในใจได้ถูกเปิดเผยไปตั้งแต่เมื่อวาน แต่ก็ยังรู้สึกเคอะเขินมิกล้าสู้หน้า สัมผัสที่แสนนุ่มนวลที่ริมฝีปากยังตรึงใจไว้มิหายใบหน้าอัปลักษณ์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พลางจับทัพพีคนโจ๊กในหม้อไปด้วยเซียวจ้านได้ตื่นขึ้นมาเขาก็มุ่งตรงไปยังห้องนอนของลี่หลิน แต่ได้ยินเสียงในครัวและกลิ่นหอมของอาหารเสียก่อนจึงเดินเข้าไปหานางที่นั่น“ไยเจ้าตื่นเช้านัก” เซียวจ้านมองนาง“ข้านอนมิค่อยหลับ” ลี่หลินตอบโดยมิกล้าสบตา“ลี่หลิน”“ไยท่านเรียกข้าเช่นนี้” ลี่หลินมองบุรุษตรงหน้าโดยพลัน“เจ้าคือลี่หลินมิใช่ ให้ข้าเรียกเจ้าว่าลี่หลินได้รึไม่”ลี่หลินพยักหน้าให้ อย่างไรเสียนางก็คือนางมิใช่เหมยลี่ถูกเรียกเช่นนี้ก็รู้สึกดีอยู่มิน้อย“ต่อไปนี้เจ้าก็ใช้ชื่อนี้เถิด ที่นี่เป็นเมืองใหม่มิมีผู้ใดรู้จักเจ้า อีกอย่างจักได้มิมีผู้ใดตามหาตัวเจ้าพบอีก” สายตาของเซียวจ้านหรี่ลงเล็กน้อย คนเดียวที่เขามิอยากให้หวนมาเจอหญิงอัปลักษณ์อีกหนก็คือมู่หยางนั่นเอง“เจ้าค่ะ”“ที่เจ้านอนมิหลับเป็นเพราะข้ารึไม่”“ไยท่านคิดเช่นนั้น”“ข้าเองก็น

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 71 ความจริง

    อาหารมากมายถูกวางเต็มโต๊ะจนลี่หลินเลือกทานไม่ถูก นางมิคิดเลยว่าคุณชายเซียวจ้านจักมีเงินถุงเงินถังถึงเพียงนี้ถึงได้ใช้เงินอย่างไม่คิดอะไรนัก ซึ่งต่างจากนางอยู่มากโขจักใช้จ่ายสิ่งใดก็ต้องคิดแล้วคิดอีก“เจ้ากินเยอะ ๆ เถิด อาหารพวกนี้มิถูกใจเจ้ารึเยี่ยงไร” บุรุษข้างกายหันมาถาม พลางรินน้ำชาไปด้วย“มิใช่ แต่อาหารเยอะถึงเพียงนี้ข้าเกรงว่าจักกินไม่หมด”“มิหมดก็มิเห็นเป็นอะไร”“ท่านนี่เป็นเศรษฐีสินะถึงมิได้คิดเป็นเดือดเป็นร้อน”“ถ้าข้าบอกว่าใช่ล่ะ...ข้าสามารถเลี้ยงเจ้าได้ตลอดชีวิต”“ข้ามิได้ถามถึงสิ่งนั้นสักหน่อย”ลี่หลินพลันหน้าแดง นางรีบคีบอาหารใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ส่วนบุรุษข้างกายก็เอาแต่ยิ้มกริ่มและคีบอาหารใส่ในชามให้“ท่านกินบ้างเถิด”“เห็นเจ้ากินข้าก็อิ่มแล้ว” เซียวจ้านยิ้ม“ท่านอย่ามาพูดเล่น ใครกันจักมาอิ่มทิพย์ท่านมิใช่เทพสักหน่อย” ลี่หลินคีบอาหารให้เซียวจ้านบ้าง“ขอบใจที่เป็นห่วงข้า” การกระทำเล็กน้อยทำให้เซียวจ้านเอ็นดูอยู่มิน้อยทั้งสองทานอาหารร่วมกันจนอิ่ม สตรีมีครรภ์ก็แน่นท้องจนแทบเดินมิไหว เซียวจ้านจึงพานางออกมาเดินย่อยสักหน่อยในวันนี้ยังมีลมหนาวพัดเอื่อย เซียวจ้านมิลืมคลุมเสื้อก

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 70 เจ้าใช่เหมยลี่หรือไม่

    ดวงตากลมมองบุรุษตรงหน้าที่ค่อย ๆ หย่อนกายลงนั่งอยู่ข้างกาย นางมิรู้ต้องทำตัวเยี่ยงไรดีจึงได้แต่เก็บมือไว้และปล่อยให้มือใหญ่บีบนวดขาของนางเซียวจ้านค่อย ๆ ทิ้งน้ำหนักมือให้เบาที่สุด บุรุษที่เสเพลในเมื่อก่อนกลับใจเต้นแรงต่อหน้าดอกไม้งามอย่างเหมยลี่กว่าทุกครั้ง เขามิเคยเป็นเยี่ยงนี้กับใคร แต่น่าแปลกใจยิ่งนักเมื่อสบนัยน์ตาของนางกับเหมือนมิใช้เหมยลี่คนเดิมที่เขาเคยรู้จักลี่หลินที่ถูกจ้องหน้าจากบุรุษตรง ๆ ต้องหลุบตาลงมองมือตัวเอง หัวใจของนางหวั่นไหวไปกับเซียวจ้าน สัมผัสที่ขาก็ยิ่งทำให้วูบวาบเสียจนหน้าร้อนผ่าว“ท่าน ข้าหายเมื่อยแล้ว” หัวใจแทบระเบิดออกมาเสียให้ได้ ลี่หลินจึงเลือกหยุดไว้เพียงเท่านั้นมือใหญ่จึงละออกพลางมองนาง “เจ้าพักผ่อนเสียเถิด ถ้าเจ้าหิวเจ้าก็มาเคาะประตูห้องข้า แล้วข้าจักพาเจ้าไปตลาด”“เจ้าค่ะ”เซียวจ้านเดินออกไปจากห้องนี้ ลี่หลินจึงเอนกายลงนอนทั้งที่หัวใจยังกระสับกระส่าย ร่างกายของนางอ่อนเพลียง่ายเหลือเกินคงอีกมินานแล้วสินะที่เจ้าแป้งในท้องจะได้ลืมตาดูโลกใบนี้ นางอยากเห็นเสียเหลือเกินว่าลูกของเหมยลี่น่าชังเพียงใดบุรุษชุดดำเดินทอดน่องไปอย่างใช้ความคิด พาใจให้เหม่อลอยไปกับ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 69 ชีวิตใหม่ของลี่หลิน

    คนเดินทางจากแดนไกลได้ย้ายถิ่นฐานมายังอีกเมืองหนึ่งที่ห่างไกลซึ่งมีผู้คนอยู่แน่นหนา แม้มิได้เป็นเมืองหลวงแต่ก็เป็นเมืองท่าดี ๆ นี่เอง เพราะมีพื้นที่ติดกับทะเลอันกว้างใหญ่ ที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนหลายชาติพันธุ์นับว่าเหมาะแก่การทำการค้าได้เป็นอย่างดี“ถึงแล้ว เจ้าค่อย ๆ เดินลงมา” เซียวจ้านเดินลงจากรถม้าก่อน เขายื่นมือไปให้หยิงอัปลักษณ์ได้จับลี่หลินจับมือใหญ่โดยไม่ลังเล ก่อนค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินลงมาพร้อมประคองท้องตัวเองด้วยนางได้เดินตามเซียวจ้านเข้าไปในเรือนที่มิได้ใหญ่โตมากนัก แต่ก็มีลานกว้างเหมาะแก่การตั้งโต๊ะขายอาหารได้อยู่มากพอสมควร“เจ้าชอบที่นี่รึไม่” บุรุษรูปงามเอ่ยถาม“ข้าชอบ” ลี่หลินตอบอย่างเหนียมอาย นางดันไปนึกคิดสิ่งที่อยู่ในใจเสียได้“เข้าไปดูเถิด” เซียวจ้านผายมือให้ลี่หลินจึงได้ทีเดินเข้าไปสำรวจภายในเรือนแห่งนี้ นางมิสนใจห้องนอนสักเท่าไร เพราะสิ่งที่ทำให้ตื่นตามากยิ่งกว่าห้องใด ๆ คือห้องครัวของนางนั่นเองห้องครัวที่ไม่เล็กไม่แคบจนเกินไป มีเตาใส่ผืนตั้งหม้อตั้งสามเตา ทั้งยังมีอุปกรณ์ครบชิ้นและของแห้งที่ถูกเก็บไว้เป็นอย่างดีถูกใจคนชอบทำอาหารยิ่งแท้“ห้องครัวนี้เล็กแคบไปรึไ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 68 ได้โปรดเมตตาข้า

    เสียงเกือกม้าดังเป็นจังหวะที่ว่องไวนำพาท่านแม่ทัพมุ่งตรงไปยังเรือนตระกูลกู้ บุรุษผู้มีใบหน้าเคร่งเครียดจากเรื่องราวที่ถาถมเข้ามาจนพะวงหน้าพะวงหลัง หากเขามิกลับมาหาภรรยาเอกก็คงดูใจจืดใจดำเกินไป และคงถูกตำหนิจากพ่อตาและท่านแม่ได้มู่หยางจึงเร่งเดินทางไกลมาจนถึงเรือนตระกูลกู้ในเวลาต่อมา บุรุษร่างสูงกระโดดลงจากหลังม้าด้วยท่าทางสง่างาม ก่อนเดินเข้าไปภายในเรือนผู้รับใช้ทั้งหญิงและชายต่างก้มโค้งเมื่อเห็น มู่หยางมิได้สนใจมอง เพียงแต่มุ่งตรงไปยังห้องพักของต้าเหนิง“มู่หยาง” สตรีสูงวัยที่ยืนอยู่หน้าห้องสะใภ้เอกพอดีเอ่ยทักบุตรชายเมื่อเห็นหน้า“นางเป็นเยี่ยงไร”มู่หยางถามด้วยความเป็นห่วงเยี่ยงไรแล้วต้าเหนิงก็ยังเป็นภรรยาเอก และบุตรที่อยู่ในครรภ์ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจักเมินก็คงมิได้แล้ว“นางปลอดภัยดี เจ้าเข้าไปดูบุตรชายของเจ้าสิ” ฮูหยินชิงชิงยิ้มจาง ๆ ให้มู่หยางขมวดคิ้วพลางคิดว่าต้าเหนิงถึงกำหนดคลอดแล้วหรือ เขาละเลยจนลืมวันลืมคืนเยี่ยงนี้ได้เยี่ยงไรฝ่ามือใหญ่จึงผลักประตูแล้วเดินเข้าไปหาทั้งสอง สายตาคมมองเห็นต้าเหนิงนอนอยู่บนเตียงไม้โดยที่มีทารกตัวเล็กจิ๋วถูกห่อด้วยผ้าสีแดงอย่างดี“เจ้าร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status