หลังจากที่เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็เคยลองคบกับคนอื่น แต่ก็ไม่มีใครเหมือนกับยี่หวา เขาคบกับผู้หญิงคนอื่นได้ไม่เกินสามเดือน ก็ต้องมีเหตุเลิกรากันไป ส่วนใหญ่จะบอกว่าเขาเย็นชาเกินไป ไม่เหมือนกับคนที่คบกันปกติ แต่เขาไม่เคยเสียใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ในใจของติณณ์ภพ มักจะมีเงาผู้หญิงคนหนึ่ง อยู่ในใจของเขาเสมอ และไม่เคยลืม ไม่คิดว่าผ่านมาห้าปี จะมีโอกาสพบกับเธออีกครั้ง แต่ว่า…มันไม่ง่ายเลย เพราะตอนนี้ยี่หวา ไม่ใช่รุ่นน้อง ที่เคยชอบ และคอยตามติดเขาเหมือนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
คณะแพทย์ / 5 ปีก่อน
“เลิกสี่โมงไม่ใช่เหรอ ฉันก็มาตรงเวลาแล้วนะ หรือว่ายังไม่ลงมา เอ่อพี่คะ คือว่า…”
เธอทักทายรุ่นพี่คณะแพทย์ ซึ่งเป็นผู้หญิง ที่เคยเห็นเดินกับติณณ์ภพ แต่เธอจำชื่อไม่ได้ เมื่อถูกเรียกก็หันมา
“มีอะไรเหรอ”
“คือว่า เห็นรุ่นพี่ติณณ์ไหมคะ คือ…”
“เธออีกแล้ว มาทุกวันไม่รู้จักเบื่อ คณะวิศวะไม่มีเรียนแล้วเหรอ ถึงได้วิ่งมาหาผู้ชายถึงที่นี่”
“ไม่เอาน่า มีนา น้องก็แค่ถามดี ๆ ติณณ์มันไปที่หอสมุดตั้งแต่บ่ายแล้วครับน้อง ไม่ได้โทรถามมันเหรอ”
“ขอบคุณค่ะพี่ ไม่อยากโทรรบกวนพี่ติณณ์ตอนเรียน ก็เลย…”
“เธอมีเบอร์ของติณณ์ด้วยเหรอ"
“มีนา! พอได้แล้วน่า ถ้ายังไงน้องก็ลองโทรหาติณณ์ดูนะ พวกพี่ไปก่อนล่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
รุ่นพี่สาวคนนั้น ยังหันมามองหน้าเธอ ก่อนจะเดินไปกับกลุ่มเพื่อน ยี่หวาทำตัวไม่ถูก จึงเลือกจะเดินกลับมา
“ปกติไม่ไปหอสมุดวันศุกร์นี่นา ทำไมวันนี้ถึงไปล่ะ”
ยี่หวาตัดสินใจเดินไปที่หอสมุด โดยที่ไม่โทรหาติณณ์ภพ ทั้ง ๆ ที่เธอตื๊อเขาตั้งนาน กว่าจะได้เบอร์โทรมา แต่ก็ไม่เคยกล้าโทรหาเขาก่อนเลยสักครั้ง
หน้าหอสมุด
“รุ่นพี่คะ ฉันชอบรุ่นพี่จริง ๆ นะคะ รับคุกกี้เอาไว้ด้วยค่ะ”
“ฉันไม่ชอบของหวาน แล้วก็ไม่รู้จักเธอ จะให้ชอบได้ยังไง”
“ไม่ชอบตอนนี้ อีกหน่อยก็ชอบเอง เราลองคบกันก่อนก็ได้นี่คะ”
ยี่หวาเดินมาถึงหน้าหอสมุด ก็เจอกับสาว ๆ ที่มารอติณณ์ภพอยู่ เธอคิดไม่ผิดจริง ๆ
“พี่ติณณ์คะ!”
เธอเดินเข้าไปหาติณณ์ภพ พอเขาเห็นเธอก็รีบเดินมาจับมือไว้ทันที เมื่อเด็กรุ่นน้องต่างคณะเห็นก็ถึงกับงง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะเห็นว่ายี่หวาสวมเสื้อช็อปของคณะวิศวะเข้ามา
“ยี่หวามาแล้วเหรอ ทำไมมาช้าแบบนี้ล่ะ ไปกินข้าวกันนะพี่หิวแล้ว ขอโทษด้วยนะครับ “แฟนพี่” มาแล้ว คงขอตัวก่อน”
ยี่หวายืนนิ่งเพราะความงุนงง แต่เธอก็รีบรับคำทันที
“ขอโทษทีค่ะ วันนี้หวาต้องอยู่ช่วยรุ่นพี่เก็บของนิดหน่อย ก็เลยมาช้า ว่าแต่... นี่ใครเหรอคะ”
“อ๋อ รุ่นน้องน่ะ แค่แวะมาทักทาย ไม่มีอะไรหรอก”
“หรือว่าที่พวกเขาลือว่า พี่มีแฟนแล้ว ก็คือผู้หญิงคนนี้เหรอคะ”
“ผู้หญิงคนนี้ของเธอ หมายถึงฉันเหรอ มีปัญหาอะไร พูดแบบนี้อยากมีเรื่องเหรอ”
“ใจเย็น ๆ นะยี่หวา อย่ามีเรื่อง”
สาว ๆ ที่เข้ามาหาติณณ์ เริ่มถอยออกมา ใครจะไม่รู้ว่าคณะวิศวะของเธอโหด ดิบ เถื่อนแค่ไหน ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงหน้าหวาน ๆ แบบยี่หวา
“ไม่มีอะไรค่ะ พวกเราก็แค่… สงสัยเท่านั้น”
ยี่หวาหันมามองหน้าติณณ์ทันที
“หวาหิวแล้วค่ะ ไปกินข้าวกันเถอะ”
“ก็ได้ ๆ งั้นเรากลับบ้านกันเลยนะ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ”
สาว ๆ ที่ยืนอยู่ไม่กล้ามองหน้าทั้งคู่ เพราะหน้าแตก และเสียใจอยู่เงียบ ๆ ยี่หวากับติณณ์ เดินออกมาจากหอสมุดและรีบเดินกลับไปที่คณะแพทย์ทันที
“ขอบใจนะยี่หวา ที่ช่วยพี่เอาไว้”
“แค่ขอบใจเหรอคะ นี่หวาช่วยชีวิตพี่ไว้เลยนะ ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่ไม่ตัดสินใจสักที ก็จะเจอเรื่องแบบนี้ไม่หยุด”
ติณณ์ภพหันมายิ้มให้เธอนิด ๆ แต่ยี่หวาที่กำลังโมโหอยู่ไม่ทันเห็นรอยยิ้มหยักมุมปากของผู้ชายเย็นชาตรงหน้า
“เมื่อกี้ พี่ไม่ได้บอกพวกเธอไปแล้วเหรอ”
“อะไรนะคะ พี่…”
ยี่หวานิ่งไป ตอนนี้กลายเป็นเธอ ที่รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า เมื่อเห็นติณณ์ภพยิ้มกลับมา รอยยิ้มที่เธอเคยเห็น และทำให้ตกหลุมรักเขานั่นแหละ
“พี่บอกว่า…”
“เมื่อกี้นี้พี่บอกพวกเธอไปว่า “ยี่หวาเป็นแฟนพี่” ไม่ใช่เหรอ คนที่หน้าหอสมุด น่าจะรู้หมดแล้วนะ เพราะพวกเขายืนฟังอยู่”
ยี่หวายิ้มออกมา และเริ่มทำตัวไม่ถูกว่า ควรจะพูดอะไรดี จู่ ๆ เขาก็ยอมรับเธอเป็นแฟนง่าย ๆ และไม่ทันตั้งตัว
“พูดแบบนี้ แล้วจะให้หวาทำยังไงต่อล่ะคะ”
"อะไรกันเมื่อกี้ยังเห็นห้าว ดึงแขนเสื้อจะต่อยคนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ"
“ก็มันน่าโมโหนี่นา”
เมื่อเธอหยุดพูด ทุกอย่างรอบตัวก็ดันเงียบไปหมด จนได้ยินแต่เสียงรถวิ่งผ่าน ติณณ์ภพจึงหันมายิ้มให้อีกครั้ง
“ยิ้มอีกแล้ว ๆ อย่ายิ้มแบบนั้นบ่อยสิคะ หวาแพ้รอยยิ้มนั่น”
“อะไรนะ มีแบบนี้ด้วยเหรอ”
“อื้ม ที่หวาชอบพี่ ก็เพราะชอบพี่ยิ้มให้ตอนวันแรกที่เจอกัน”
ติณณ์พึ่งจะรู้ว่า ที่ยี่หวาชอบเขาเพราะเรื่องนี้นี่เอง เขาอดยิ้มไม่ได้ ตอนที่เขาเห็น เธอถูกรุ่นพี่สารภาพรักหน้าคณะ ก็รู้ใจตัวเองแล้วว่า ชอบเธอเหมือนกัน แค่ยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดยังไงเท่านั้นเอง
“สวัสดีครับคุณแฟน จากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะครับ”
“อะไรกันคะ พูดซะเป็นทางการเลย ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีมาก ๆ ค่ะคุณแฟน จากนี้ก็ฝากดูแลกันด้วยนะคะ”
“ว่ายังไงนะ หวาอยากจะเจอมีนางั้นเหรอ ทำไมล่ะ”“หวาก็แค่อยากถามเธอสักครั้ง ถึงแม้ว่าเรื่องจะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ก็อยากรู้ว่า เธอทำแบบนั้นเพื่ออยากให้พี่สนใจแค่นั้นจริง ๆ เหรอ หรือว่าเธอแค่ไม่ชอบหน้าหวา และพยายามทำให้เราสองคนเลิกกัน”“เรื่องนี้พี่ผิดเอง ตอนนั้นพี่เป็นคนเห็นแก่ตัว ยอมรับว่าในตอนนั้นพี่อยากเรียนจบเกียรตินิยม และให้ความสำคัญกับการเรียนมาก จนปล่อยให้มีนา เข้ามาวุ่นวายในชีวิตมากเกินไป ทำให้ทะเลาะกับหวา แต่ว่า…”“หวาอยากไปงานนี้ค่ะพี่ติณณ์”“จริงเหรอ”“ค่ะ หวาไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็ไม่ได้เกิดจากหวาตั้งแต่แรก ดังนั้นหวาอยากไปค่ะ”“แต่ว่าพี่เคยบอกกับมีนาว่า ไม่อยากเจอกับเธอ และทุกครั้งที่มีงานแบบนี้ ไม่อยากให้เธอมาเจอหน้าพี่อีก”ยี่หวาจับมือติณณ์ภพอย่างเข้าใจ เขาเองก็คงโกรธมากเหมือนกัน ถึงได้พูดกับมีนาไปแบบนั้น แต่สำหรับยี่หวา เธอก้าวข้ามเรื่องอดีตพวกนั้นมานานแล้ว การที่เธออยากเจอมีนาอีกครั้ง แค่อยากรู้ว่า อีกฝ่ายจะรู้สึกผิดกับเธอ และเขาบ้างหรือเปล่า ก็เท่านั้นเอง“หวาเข้าใจพี่ติณณ์นะคะ แต่เราไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นก็ได้ เราสองคนไม่จำเป็นต้องหลบหน้าเธ
“แต่ว่านี่มัน…”“ถ้างั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน ลุงจะโอนให้หนู แต่มีข้อแม้ว่าจะมอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน หรือไม่ก็รอให้หนูกับเจ้าติณณ์มีทายาทก่อน แล้วจะยกหุ้นนี้ให้หลานคนแรก แบบนี้ดีมั้ยติณณ์”“ครับลุงภาส ผมไม่มีปัญหาครับ”ติณณ์ภพหันมามองหน้ายี่หวา เธอยิ้มแห้ง ๆ เป็นคำตอบ เขารู้ดีว่า คนอย่างยี่หวาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน แต่ลุงของเขาก็บอกแล้วว่า จะมอบให้ก็ต่อเมื่อทั้งคู่มีทายาท เท่ากับว่าตอนนี้ ยี่หวาก็ไม่ต่างกับถูกมัดมือชกกลาย ๆ นั่นเองห้องของติณณ์ภพ“ลุงภาสแค่หวังดีนั่นแหละ ที่จริงลุงกลัวว่าพี่ จะตัดสินใจไปเมืองนอก และไม่อยู่ช่วยเขาที่โรงพยาบาลน่ะ”“อะไรนะคะ พี่ติณณ์คิดจะไปเมืองนอกด้วยเหรอคะ”ติณณ์ภพเดินมานั่งโซฟาในห้องข้าง ๆ ยี่หวาและดึงเธอเข้ามากอด“พี่ยอมรับว่าเคยคิดเอาไว้ แต่นั่นเป็นก่อนที่จะเจอหวา พี่ไม่คิดเลยนะว่า จู่ ๆ จะได้เจอหวาที่โรงพยาบาล ปกติพี่ไม่เคยเดินไปที่ตึกนั่นเลย เพราะไม่ได้สนใจเรื่องการทดสอบเครื่องมือแพทย์ แต่ว่าวันนั้น หมอธนิตขอให้ไปช่วยดู เพราะหมออีกคนไม่ว่าง พี่ก็เลยไปให้”“เพราะแบบนี้นี่เอง นี่ถ้าไม่เจอกันในวันนั้น พี่ติณณ์ก็จะไปเมืองนอกจริงเหรอคะ”“ใช่แล้วล่ะ ทางโรง
ยี่หวาถลึงตามองหน้าติณณ์ภพทันที แม้แต่หมอธนิตเอง ก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ดูเหมือนว่าในห้องนี้ จะมีแค่ท่านผู้อำนวยการเท่านั้น ที่รู้ว่าติณณ์ภพเป็นใคร“พี่ติณณ์ นี่มันเรื่องอะไรกันคะ”เธอพยายามกัดฟัดถามเขารอดไรฟัน เพื่อไม่ให้ท่านประธาน ที่หันมามองหน้าทั้งคู่และยิ้มสงสัย เขาหันไปจับมือเธอ และแนะนำอย่างเป็นทางการ“ยี่หวา นี่คือคุณ “ภาสกร” ท่านประธานบอร์ดของโรงพยาบาล แล้วก็… เป็นลุงแท้ ๆ ของพี่ด้วย”ยี่หวาตั้งตัวไม่ติด และรีบยกมือไหว้ ภาสกร อีกครั้ง“สวัสดีค่ะ ขอโทษค่ะที่หวาไม่ทราบมาก่อน”“ไม่เป็นไรหรอกหนูยี่หวา ตามสบายเถอะไม่ต้องเกร็ง นี่แฟนแกที่เคยเล่าให้ลุงฟังสินะ”“ครับลุงภาส นี่ยี่หวา เธอเป็นแฟนผมครับ”“เอาล่ะ ๆ มีอะไรค่อยว่ากัน ไม่ต้องตกใจไปหรอก ในนี้ก็มีแต่คนกันเองทั้งนั้น อ้าวคุณหมอธนิต ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าติณณ์มันก็ไม่ได้บอกคุณ ว่ามันเป็นใครน่ะ”“เอ่อ… เรื่องนี้ผมเองก็พึ่งจะทราบเหมือนกันครับ”“ไม่แปลกหรอก ติณณ์มันไม่ค่อยชอบพูดเรื่องครอบครัว เอาล่ะไม่ต้องตกใจ”แต่มันจะง่ายที่ไหนกันล่ะ จู่ ๆ ยี่หวาก็พึ่งรู้ว่า แฟนหนุ่มของเธอ เป็นถึงหลานชาย ท่านประธานบอร์ดของโรงพยาบ
วัลลภถึงกับคอตก แต่ครั้งนี้เขาคงหาข้อแก้ตัวอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ เพราะก่อนหน้านั้น เขาเองก็ยอมรับว่า ใช้อำนาจเพื่อช่วยเหลือฟางไปหลายเรื่องเหมือนกัน แค่ไม่คิดว่าเรื่องคดีเล็ก ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในแผนก จะถูกขุดขึ้นมาด้วยในวันนี้“เรื่องนี้ผม…”“ตอนนี้ผมให้คุณมีทางเลือกอยู่สองทาง คือยอมขายหุ้นคืน เพื่อจะได้ไม่ต้องวุ่นวายไปถึงการประชุมบอร์ดในเดือนหน้า ถ้าหากไปถึงขั้นนั้น คุณคงรู้ใช่มั้ยว่า กรรมการบอร์ดบริหาร คงไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่ ๆ และหุ้น 5% ของคุณ ก็คงจะไม่มีมูลค่าอีกต่อไปเช่นกัน”“ท่านประธานครับ เรื่องนี้ผม…”"หรืออีกทางหนึ่ง ยอมขายหุ้นให้ผมคืนในราคาเดิม เงินปันผลในส่วนของคุณในปีนี้ ผมจะยังให้ครบถ้วนเหมือนเดิม แต่คุณต้องถอนตัวออกจากโรงพยาบาล ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก รวมถึงหน้าที่ของคุณในโรงพยาบาลนี้ด้วย แล้วผมจะไม่ติดแบล็กลิสต์คุณ ว่ายังไงคุณวัลลภ"วัลลภรู้ดีว่า นี่เป็นทางที่ถูกบังคับให้เลือก เขารู้ว่าพวกบอร์ดบริหารไม่มีทางเก็บคนไม่มีประโยชน์เอาไว้ และเขาที่ทำผิดอยู่หลายครั้ง ถ้าเรื่องนี้เข้าที่ประชุมจริง ๆ ก็คงไม่มีใครเข้าข้างเขา การเลือกทางที่สอง จะปลอดภัยกับเขามากที่สุด“ท่านประธาน
วัลลภและกัลยา นั่งตัวลีบอยู่ในห้อง ทั้งสองคนเงียบกริบ เมื่อหมอติณณ์ภพบอกว่า นำหลักฐานบางส่วนมาให้ท่านประธาน“เห็นบอกว่าคนที่ถูกจับ เป็นญาติของคุณเหรอ”ท่านประธานหันมามองหน้าคุณวัลลภ ที่นั่งอยู่ตรงข้าม“ครับท่านประธาน เรื่องนี้ผมรู้ดีว่ามันมีต้นสายปลายเหตุ ที่จริงเกิดจากเรื่องแค่เล็กน้อย ผมก็เลยอยากจะมาคุยเพื่อไกล่เกลี่ยดูก่อน”“ใช่ค่ะท่าน อีกอย่างการที่ตั้งกล้องแล้วแอบถ่ายแบบนี้ มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะคะ ถ้าพวกคุณจะเอาเรื่องลูกฉัน เรื่องนี้ฉันก็จะฟ้องเช่นกัน”กัลยารีบพูดแทรกขึ้นมา หลังจากที่วัลลภพูดยังไม่ทันจบ ท่านประธานนั่งฟังทั้งสองฝ่าย“มีคลิปต้นเรื่องมั้ย ผมยังไม่เห็นสำนวนที่ส่งไปที่ตำรวจ”“มีครับท่านประธาน อยู่ที่ผมครับ ยี่หวา…”“ค่ะ”ยี่หวาต่อสัญญาณไม่นาน ภาพคลิปทั้งหมดที่เธอถ่ายเอาไว้ ก็ถูกโชว์ขึ้นที่จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ในห้อง ผอ.ทันที คราวนี้คนที่ถึงกับพูดไม่ออกก็คือกัลยา เพราะแต่ละคลิป แสดงออกถึงความผิดอย่างตั้งใจโดยชัดเจน“นี่มัน…ตั้งใจจับผิดลูกสาวฉันชัด ๆ ดูสิคะ”“จับผิดเหรอ คุณป้าคะนี่เป็นสัญญาณภาพจากกล้องวงจรปิดในโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นภาพที่ไม่อาจเปิดเผยได้ก็จริง แต่ถ้าใค
“ได้สิ งั้นก็รีบไปกันเถอะ”หมอธนิตเองก็ไม่รู้ว่า หมอติณณ์มีแผนการอะไรอยู่ตอนนี้ เพราะเขาไม่ได้บอก ส่วนยี่หวาเองก็รู้แค่ในส่วนที่ต้องรู้เหมือนกัน แต่เธอเชื่อให้ติณณ์ภพ เลยไม่ถามเขา เมื่อทั้งสามคนขึ้นไปที่ห้องผู้อำนวยการ เขาก็ต้องแปลกใจ เพราะในห้องนั้น มีคุณวัลลภ และผู้หญิงอีกคน ที่พวกเขาไม่รู้จักนั่งอยู่ห้องผู้อำนวยการ แผนกศัลยกรรม“อ้าว พวกคุณมาพอดีเลย มานั่งก่อนสิ”หมอติณณ์ดึงตัวยี่หวาเอาไว้ ปล่อยให้ธนิตเดินเข้าไปก่อน และเขากับเธอจึงเดินตามไปทีหลัง เมื่อนั่งลงแล้ว ผู้อำนวยการถึงได้แนะนำให้ทุกคนรู้จัก“เอ่อ นี่คุณวัลลภ และคุณกัลยา เธอเป็น…”“ฉันเป็นแม่ของฟาง เธอนี่เองเหรอที่หาเรื่องลูกสาวฉัน จนต้องเข้าไปนอนคุกตั้งหลายวัน!”“กัลยา” ลุกขึ้นมาชี้หน้ายี่หวาด้วยความโกรธ วัลลภรีบดึงตัวเธอลงมาทันที“ใจเย็น ๆ ก่อน ฉันบอกแล้วไงว่า ค่อย ๆ คุย เอ่อ คุณหมอติณณ์ภพครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีว่ากัลยาน้องสาวผม พึ่งจะทราบข่าวและมาที่กรุงเทพ ก็เลย…”“คุณพาเธอมาในวันนี้ ด้วยเหตุผลอะไรครับคุณวัลลภ”“เอ่อ คือว่าผมแค่อยากจะมาตกลงกับคุณ แล้วก็คนไข้ของคุณ เรื่องหลานสาวของผม ว่าพอจะ…”“ลูกสาวฉันไม่ได้ทำผิด