แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: อวี๋ปู้เหยียน
บทที่ 6

“ยั่วยวนสามีแก?”

เสียงของแม่สวีค่อย ๆ แหลมสูงขึ้นด้วยแรงโกรธ “ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลสวีของฉัน แกคิดเหรอว่าจะมีโอกาสได้รู้จักคนอย่างฉินเซียว? อย่าลืมล่ะ ว่าสิ่งที่แกมีอยู่ทุกวันนี้ เดิมทีมันเป็นของลูกสาวฉันต่างหาก!”

ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวจนเผลอพูดสิ่งที่อัดอั้นออกมา

ถ้าเป็นเมื่อก่อนต่อให้แม่สวีไม่พูดออกมา แต่สายตาที่มองมายังเธอทุกครั้งก็เหมือนกำลังจ้องมองโจรผู้ร้ายที่คอยปล้นทุกสิ่งทุกอย่างจากลูกสาวสุดรักของเธอ

เธอคิดว่าไม่พูดมันออกมาก็ยังจะดีเสียกว่า อย่างน้อยก็ไม่ทำให้บรรยากาศให้แย่ลงไปกว่านี้ เพราะอย่างไรเสีย หลังแต่งงานกับฉินเซียวแล้ว เธอก็ไม่คิดจะกลับมาที่นี่บ่อยนักหรอก

แต่ในเมื่อตอนนี้เธอกำลังจะหย่าอยู่แล้ว การที่ตระกูลสวีทำให้เรื่องราวใหญ่โตถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าเธอยังปล่อยให้ตัวเองถูกผูกมัดด้วยศีลธรรมอีก งั้นเธอก็คงโง่เกินไปแล้วจริง ๆ สมควรถูกเหยียบหัว

สวีเหยียนเช่อเหมือนจะเดาออกว่าเธอคิดจะพูดอะไร กำลังจะยกมือห้าม

แต่สวีเหยียนซีกลับหลบตัวทัน และเอ่ยออกมาทันทีว่า “ถ้าหนูจะพูดว่าตัดความสัมพันธ์กับตระกูลสวี คราวนี้แม่คงไม่คัดค้านอะไรอีกแล้วใช่ไหมคะ”

“...” แม่สวีไม่คิดว่าเธอจะกล้าพูดคำนี้อีกในเวลานี้ แต่พอคิดถึงบางเรื่องก็ทำให้เธอยิ่งเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ “ทุกรอบก็เอาแต่พูดอะไรแบบนี้ สวีเหยียนซี ฉันดูแล้วแก...”

“ผมได้ยินเสียงดังเอะอะของคุณตั้งแต่หน้าบ้าน แบบนี้จะให้ผมเรียกเพื่อนบ้านมานั่งฟังด้วยเลยไหม?” เสียงของพ่อสวีดังขึ้นจากทางเข้าหน้าบ้าน

บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบลงทันที

แม่สวีมีท่าทีสงบลง แต่ก็ยังไม่หยุดบ่น “ก็ลูกอกตัญญูนี่ไง เพิ่งแต่งงานวันเดียวก็กล้าแข็งข้อใส่ฉันแล้ว”

พ่อสวีเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะชำเลืองมองสวีเหยียนซี “เหยียนซี ตามพ่อไปที่ห้องหนังสือ”

เธอจึงเดินตามเขาขึ้นไปยังห้องหนังสืออย่างสงบเสงี่ยม

เมื่อประตูห้องหนังสือปิดลง พ่อสวีที่นั่งลงบนโซฟาจึงเอ่ยด้วยเสียงเข้มว่า “แม่ของลูกก็พูดไม่ผิด เพิ่งแต่งไปแค่วันเดียวเอง สิ่งที่พ่อสอนเรื่องกิริยา มารยาท คุณธรรม ลูกลืมหมดแล้วหรือไง! อย่าลืมสิ ว่าลูกคือคุณหนูตระกูลสวี!”

“พ่อคะ พ่อพูดผิดแล้วค่ะ ทั้งเมืองจิงรู้ให้ทั่วแล้วว่าหนูเป็นตัวปลอม” สวีเหยียนซีตอบอย่างใจเย็น

“มันสำคัญด้วยเหรอ แค่พวกเรายอมรับหนูเป็นลูกสาวตระกูลสวีก็พอแล้ว”

เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ สวีเหยียนซีก็แทบอยากจะหัวเราะ

เธอต้องยอมรับจริง ๆ ว่าคนในตระกูลสวีแต่ละคนนั้นล้วนเป็นนักแสดงยอดเยี่ยมที่คู่ควรกับรางวัลออสการ์ พวกเขาเหมาะจะไปเป็นหัวหน้าทีมขายตรงเสียมากกว่า

พ่อสวีเอ่ยตักเตือนเพียงพอประมาณ แม้ว่าสวีหว่านหนิงจะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขา แต่สวีเหยียนซีก็คือเด็กที่เขาเลี้ยงและปลูกฝังมาตั้งแต่เล็ก สำหรับเขาแล้ว เธอมีค่าที่ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าสวีหว่านหนิงเสียอีก

เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนเอ่ยต่อว่า “พ่อรู้ว่าเรื่องนี้สำหรับลูกมันไม่ยุติธรรมเลย แต่การที่หนิงหนิงเป็นโรคซึมเศร้าก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นวันสองวัน หมอจิตเวชเองก็บอกว่า สำหรับหนิงหนิงแล้ว ฉินเซียวคือยารักษาที่ดีที่สุด”

“สถานะคุณนายน้อยตระกูลฉินยังคงเป็นของลูก แต่ตอนนี้ต้องการเพียงแค่ลูกปล่อยให้ฉินเซียวได้อยู่เคียงข้างหนิงหนิงชั่วคราว ลูกกับฉินเซียวโตมาด้วยกัน ใครจะกล้าแยกพวกเธอสองคนออกจากกัน? ถ้าหนิงหนิงอาการดีขึ้นแล้ว พ่อจะไม่ลืมบุญคุณของลูกแน่นอน หลังจากนี้พ่อจะช่วยฉินเซียวให้มากขึ้นด้วย”

สวีเหยียนซีกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อเพื่อข่มอารมณ์ไว้ไม่ให้ระเบิดออกมา

เธอรู้ดีว่าอาหารมื้อนี้ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยากที่ตัวเธอจะรับมือไหว

เพียงเพราะเธอเชื่อฟังและว่านอนสอนง่ายมาตลอด เลยทำให้เธอกลายเป็นเครื่องมือที่ใครจะหลอกใช้เมื่อไหร่ก็ได้งั้นเหรอ?

เธอเงียบอยู่นาน ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พ่อคะ พ่อสอนหนูมาตลอดว่าให้เป็นคนซื่อสัตย์ มีหลักการ ผู้หญิงควรรู้จักวางตัวให้ดี โดยเฉพาะในฐานะลูกสาวตระกูลสวี ยิ่งต้องรักษาหน้าและชื่อเสียงไว้”

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้พ่อสวีก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

แต่ก็สายไปเสียแล้ว คำพูดถัดมาของสวีเหยียนซีทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันที

“ตอนนี้พ่อกลับมาบอกให้หนูยกสามีให้สวีหว่านหนิงยืมใช้ นี่คือหลักการที่พ่อสอนมาตลอดอย่างนั้นเหรอ? โรคซึมเศร้าไม่ใช่บัตรผ่านที่จะทำอะไรก็ได้หรอกนะคะ”

“แก!” พ่อสวีเอ่ยด้วยเสียงเข้มขึ้น “คำพูดของแก แทนความคิดของฉินเซียวได้เหรอ?”

คำพูดนี้เหมือนการตบหน้าสวีเหยียนซีอย่างจัง

เธอรู้ดีว่าคำพูดของเธอไม่อาจแทนเขาได้ เพราะฉินเซียวได้ทรยศเธอไปแล้ว

“ถ้าเขาเห็นด้วย หนูยินดีจะถอนคำพูดที่พูดไปเมื่อกี้ และเคารพการตัดสินใจของพวกคุณ แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง”

ได้ยินดังนั้นพ่อสวีก็คลายสีหน้าลง ที่แท้แล้วการพูดอ้อมค้อมของลูกสาวก็เพราะมีเงื่อนไขนี่เอง

เขาพูดว่า “พ่อก็รู้ว่าลูกเป็นเด็กดี มีเหตุผลอยู่แล้ว แล้วข้อแลกเปลี่ยนของลูกคืออะไร?”

“หนูยอมยกฉินเซียวให้สวีหว่านหนิง แต่แลกกับการที่หนูจะขอตัดขาดจากตระกูลสวี”

พอได้ยินดังนั้น พ่อสวีก็ลุกพรวดขึ้น “นี่แกกำลังขมขู่ฉันงั้นเหรอ?!”

สวีเหยียนซีตอบอย่างไม่เกรงกลัว “นี่ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการเจรจาต่อรอง”

“ถ้าฉินเซียวรู้ว่าแกกล้าเอาเขามาเป็นข้อต่อรอง แกไม่คิดเหรอว่าเขาจะโกรธมากแค่ไหน?”

สวีเหยียนซีแสยะยิ้ม “เมื่อคืนสวีหว่านหนิงเพิ่งพยายามฆ่าตัวตายก็เพราะว่าหนูกับฉินเซียวจดทะเบียนกัน พ่อกับแม่ยังจะรับมือไหวเหรอถ้าเธอทำอีก?”

เป็นครั้งแรกที่พ่อสวีรู้สึกว่าลูกสาวที่เขาเลี้ยงดูมากับมือ กำลังกลายเป็นคนที่ไม่รู้จัก

เขาไม่เคยสอนเธอให้ทำแบบนี้

ไม่นาน พ่อสวีก็ใจเย็นลง กลับมาสวมบทบาทพ่อที่แสนอบอุ่นอีกครั้ง “ซีซี ถึงแม้เราจะไม่ได้มีความผูกพันทางสายเลือด แต่บุญคุณการเลี้ยงดูก็ยิ่งใหญ่กว่านั้น พ่อรักลูกเหมือนลูกแท้ ๆ มาตลอดนะ”

“บุญคุณนั้น หนูจะจดจำไปตลอดชีวิตค่ะ”

“...” พ่อสวีหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พ่อรู้ว่าที่จริงแล้วใจของลูกไม่ได้รู้สึกปลอดภัยเลย ก่อนหน้านี้พ่อกับพี่ของลูกก็เพิ่งคุยกันว่าจะโอนหุ้นบริษัทให้ลูกด้วยซ้ำ เรื่องนี้เดี๋ยวพ่อจะรีบจัดการให้ทันที ส่วนเรื่องที่ลูกพูดเมื่อกี้ พ่อจะถือว่าเป็นแค่คำล้อเล่น วันพรุ่งนี้พ่อจะให้ลูกมาเซ็นเอกสารโอนหุ้นนะ”

และแล้วเขาก็ตัดสินใจแทนเธออีกครั้งโดยไม่เคยรับฟังความต้องการของเธอเลย

ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะเป็นพ่อลูกกัน

“พ่อคะ หนูเป็นโรคกลัวความสกปรกทางความสัมพันธ์ค่ะ”

“...นี้แกเป็นอะไรไป ทำไมถึงดื้อด้านขนาดนี้!”

“หนูไม่ใช่เด็กอายุสามขวบอีกแล้วนะคะ”

พ่อสวีรู้สึกหนังตากระตุกอย่างแรง เขาทั้งเดือดดาลและจนปัญญาที่จะต่อกรกับเธอ

ในที่สุดสวีเหยียนซีก็เอ่ยขึ้นว่า “พ่อคะ ลองพิจารณาข้อเสนอของหนูให้ดีเถอะค่ะ หนูขอตัวก่อน”

พ่อสวีไม่ได้รั้งเธอไว้ ปล่อยให้เธอเดินจากไป

เมื่อก้าวพ้นจากห้องหนังสือมาได้ สวีเหยียนซีก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะเป็นฝ่ายเริ่มทำร้ายเธอก่อน งั้นก็อย่าโทษที่เธอกำลังจะทำลายมูลค่าทางผลประโยชน์ที่พวกเขาฝากไว้บนตัวเธอก็แล้วกัน

เธอเดินขึ้นไปชั้นบนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใด ๆ เพื่อกลับไปพักผ่อนในห้อง

สำหรับเรื่องการหย่า เธอคิดว่าจะยังไม่ทำในตอนนี้ อย่างน้อยก็จนกว่าจะได้ตัดขาดจากตระกูลสวีอย่างแท้จริง ถึงตอนนั้นการการหย่าคงจะให้ประโยชน์สูงสุดสำหรับเธอ

ในเมื่อต้องการปลดพันธะทั้งสองเรื่อง เธอก็จะจัดการให้เสร็จสิ้นไปในคราวเดียว

ขณะที่เธอกำลังเดินขึ้นบันได โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

ปรากฏว่าเป็นสายจากจ้าวจวิ้นโจว!

เธอรับสายแล้วกดเสียงลงให้ต่ำที่สุด “ท่านประธานจ้าวคะ”

“ผมโทรไปไม่ถูกเวลาหรือเปล่าครับ สถาปนิกสวี” น้ำเสียงของจ้าวจวิ้นโจวฟังดูเหมือนมีรอยยิ้มเจืออยู่ ปลายเสียงเต็มไปด้วยความคลุมเครือชวนให้คิด

เปลือกตาของสวีเหยียนซีกระตุก เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่านี่เป็นวิธีการพูดคุยปกติของเขา หรือเขาแค่จงใจพูดแบบนี้กับเธอคนเดียว

“เปล่าค่ะ” เธอตอบกลับอย่างสุขุม “การเริ่มงานคือวันพรุ่งนี้ การที่คุณเรียกฉันแบบนี้คงจะเร็วไปหน่อยนะคะ”

“ก็แค่ให้คุณชินไว้ก่อน”

จริงเหรอ? ทำไมเธอกลับรู้สึกว่าการโทรครั้งนี้เป็นแค่การหาเรื่องมาพูดคุยเท่านั้น

“โอ๊ย...”

เสียงหวานแผ่วชวนให้คิดดังขึ้นอย่างกะทันหัน

มือที่กำลังจะบิดลูกบิดประตูชะงักงัน สวีเหยียนซีหันขวับไปยังทิศทางของเสียง ซึ่งมาจากห้องนอนของสวีหว่านหนิง

ในเวลาเดียวกัน จ้าวจวิ้นโจวในสายก็ได้ยินชัด “สถาปนิกสวี แน่ใจนะว่าผมไม่ได้ขัดจังหวะอะไรคุณอยู่?”

“คุณจะคิดยังไงก็แล้วแต่เลยค่ะ แต่ขอโทษนะคะ ฉันต้องวางสายก่อน” เธอกดตัดสายทันที ก่อนก้าวเท้าตรงไปยังห้องน้องสาวทันที

เสียงหอบหายใจแผ่วพร่าดังชัดขึ้นเรื่อย ๆ ชวนให้จินตนาการไปถึงเรื่องที่ไม่งาม

เมื่อมายืนอยู่หน้าประตูห้องนอนที่แง้มอยู่ ภายในปรากฏภาพของสองร่างที่กำลังแนบชิดกัน

หลังของสวีหว่านหนิงแนบชิดผนัง สองมือกอดรอบต้นคอชายหนุ่ม ปล่อยให้เขาก้มหน้าซุกไซ้หน้าอกของเธอ

เมื่อหันมาเห็นสวีเหยียนซี สวีหว่านหนิงก็เลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มท้าทายที่แฝงด้วยความรู้สึกสะใจ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หย่าเสร็จ ท่านประธานฉวยโอกาสเป็นสามีใหม่   บทที่ 96

    บทที่ 96“มึงมันเหี้ย!”สวีเหยียนซีด่าคำหยาบอย่างชัดถ้อยชัดคำจนทำให้ใบหน้าของสี่คนที่อยู่ไม่ไกลแสดงความประหลาดใจออกมาในระดับที่แตกต่างกันสวีเหยียนซีมีใบหน้าสวยโดดเด่น ปกติจะมีกิริยามารยาทงดงามตามธรรมชาติ ความประทับใจแรกที่ทุกคนเห็นเธอคือเป็นลูกคุณหนูจากตระกูลใหญ่แต่เมื่อเธอพูดคำหยาบ มันกลับดูแตกต่างอย่างไม่น่าเชื่อจ้าวจวิ้นโจวยกยิ้ม นั่นแหละถึงจะดูเหมือนคนกำลังโกรธดวงตาของสวีเหยียนซีฉายแววตาเย็นชา “เรื่องนี้ ฉันจะจำคุณไปตลอดชีวิต!”“ไม่นะ!” ฉินเซียวคว้ามือเธอไว้ “ผมผิดไปแล้ว เสี่ยวซี! ผมจะไปหาหมอที่เก่งที่สุดในโลกมารักษาอาจารย์ถังเดี๋ยวนี้ ผมจะขอโทษเขา ผมจะหาทางชดเชยให้แน่นอน ได้โปรดอย่าโกรธผมเลยนะ อย่าไม่สนใจผม”เมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวจวิ้นโจวก็เย็นชาลงทันทีเขาสาวเท้าเดินเข้าไปเมื่อลู่อวี่ที่กำลังโมโหอยู่เห็นว่าเจ้านายของเขากำลังจะไปเป็นฮีโร่ช่วยสาวงาม เขาก็ตามไปอย่างตื่นเต้น “บอสไปแล้ว เราก็ไปเหมือนกัน!”ทว่าฟางห่าวและอู๋เสว่นีกลับจับแขนเขาคนละข้างอย่างรู้ใจฟางห่าวพูดว่า “แค่บอสก็พอแล้ว”“โธ่เอ้ย คนเยอะก็มีพลังมาก พวกเราไปเป็นกำลังเสริมให้สถาปนิกสว

  • หย่าเสร็จ ท่านประธานฉวยโอกาสเป็นสามีใหม่   บทที่ 95

    บทที่ 95สวีหว่านหนิงส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่งพลางมองฉินเซียวอย่างน่าสงสาร“พี่ฉินเซียว อย่าไปเชื่อที่พวกเขาพูดนะคะ ฉันไม่ได้ทำเลย! ไม่ได้ทำจริง ๆ!”ฉินเซียวจะไปเชื่อคำพูดของเธอได้อย่างไรเธอเป็นคนแบบไหน เขารู้ดีที่สุด“รู้ไหมว่าพ่อของเธอเพิ่งถูกควบคุมตัวเมื่อคืนนี้?” ฉินเซียวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ แทนที่จะอยู่อย่างสงบ เธอกลับเลือกที่จะทำเรื่องน่าอับอาย ถ้าพ่อฉันไม่สั่งให้ฉันมา เธอก็คิดเหรอว่าเรื่องไร้สาระของเธอแบบนี้ฉันอยากจะยุ่งด้วย?”คำพูดนี้เป็นการข่มขู่สวีหว่านหนิง แต่ก็เป็นการบอกสวีเหยียนซีทางอ้อมว่าเขาไม่ได้มาด้วยความสมัครใจสวีหว่านหนิงเม้มปาก น้ำตาเม็ดโตไหลลงมาไม่หยุด “พี่ฉินเซียว ฉันเป็นภรรยาของพี่นะคะ”“หุบปาก!” ฉินเซียวตะคอกใส่เธอด้วยความรำคาญ“คุณตำรวจจางครับ เราจะยืนดูละครรักที่นี่เหรอครับ?” จ้าวจวิ้นโจวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาตำรวจจางก็รู้สึกปวดหัวเช่นกัน เขาจึงส่งสายตาให้เพื่อนตำรวจคนอื่น ๆ แล้วสวีหว่านหนิงก็ถูกบังคับให้ควบคุมตัวไปเธอทั้งร้องไห้ทั้งเรียกหาพี่ฉินเซียว แต่ใครบางคนกลับไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเธอเลยจนกระทั่งเสียงของเ

  • หย่าเสร็จ ท่านประธานฉวยโอกาสเป็นสามีใหม่   บทที่ 94

    บทที่ 94สวีเหยียนซีรู้สึกชาไปหมด “นี่คือคำชมเหรอคะ?”จ้าวจวิ้นโจวยิ้ม “ไม่งั้นล่ะ?”ไม่นานพวกเขาก็มาถึงสถานีตำรวจ และบังเอิญมากที่ฉินเซียวก็มาถึงเช่นกันเมื่อฉินเซียวเห็นพวกเขามาด้วยกัน ดวงตาที่ลุกเป็นไฟของเขาก็แทบจะทะลุเข้าไปร่างของจ้าวจวิ้นโจวเมื่อมองมาที่สวีเหยียนซี สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความคับแค้นใจและเจ็บปวดดูยังไงก็เหมือนผู้หญิงที่ขี้น้อยใจสวีเหยียนซีรู้สึกรำคาญ จึงไม่มองตรง ๆ แต่ต่อให้อยากจะมองก็ไม่มีโอกาส เพราะจ้าวจวิ้นโจวเดินบังเธอไว้มิด และก้าวเท้าเข้าไปพร้อมกับเธอฉินเซียวกำหมัดแน่นและรีบตามไป ฟางห่าวเดินเข้ามาขวางหน้าเขาอย่างไร้เสียง “คุณชายรองฉิน ที่นี่คือสถานีตำรวจนะครับ”“ไม่ต้องให้นายเตือน” เขาแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะสาวเท้าก้าวเข้าไปข้างในเมื่อสวีเหยียนซีเห็นอู๋เสว่นีและลู่อวี่ก็พูดว่า “สถาปนิกอู๋ สถาปนิกลู่”ในขณะเดียวกัน สวีหว่านหนิงที่ได้ยินเสียงของเธอก็เดือดพล่านทันที เธอวิ่งออกจากห้องสอบสวนโดยไม่สนใจว่าตำรวจกำลังสอบปากคำเธออยู่เมื่อเห็นสวีเหยียนซี เธอก็แสดงสีหน้าดุดัน “สวีเหยียนซี!”สวีเหยียนซีตกใจที่ถูกเธอตะคอกใส่อู๋เสว่นีตะโกนว่า “สถาปนิกสวี

  • หย่าเสร็จ ท่านประธานฉวยโอกาสเป็นสามีใหม่   บทที่ 93

    บทที่ 93สวีเหยียนซีที่แปรงฟันอยู่ถึงกับหยุดชะงักทันทีอืม? หือ!?โหยวฉียังคงพูดต่อไป “เพราะมีคนไปขุดเรื่องที่เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กกับฉินเซียว แม้แต่รูปถ่ายสมัยมัธยมต้น มัธยมปลาย มหาวิทยาลัยของพวกเธอก็ถูกเอามาโพสต์ด้วย ดังนั้นพอเห็นชาวเน็ตคนนั้นพูด ทุกคนก็เริ่มเชื่อและเริ่มวิเคราะห์กันยกใหญ่”“แล้วสวีหว่านหนิงดันกระโดดเข้าไปด่าเอง เลยทำให้ทุกคนเชื่อว่าเธอคือคนที่เป็นมือที่สามจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ เธอโง่หรือเปล่านะ ขุดหลุมฝังตัวเองชัด ๆ”“ตอนแรกเป็นข่าวเรื่องบริษัทฮุ่ยตี๋เลี่ยงภาษี แต่ตอนนี้ในอินเทอร์เน็ตมีแต่คนด่าว่าเธอเป็นมือที่สามและด่าว่าฉินเซียวเป็นผู้ชายหน้าเหี้ย”สวีเหยียนซีหัวเราะอย่างจนใจ “ทำไมเธอถึงได้เอาตัวเองไปตายแบบนี้”โหยวฉียังคงหัวเราะไม่หยุด “ใช่ นี่เรียกว่าอะไรนะ ขุดหลุมฝังตัวเอง กรรมตามสนองแล้ว!”หลังจากวางสายจากโหยวฉี สวีเหยียนซีก็ทำอาหารเช้าง่าย ๆ แล้วนั่งทานไปพลางดูเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตไปพลางมีข่าวมากมายที่ถูกลบไปแล้ว ดังนั้นจึงเห็นได้เพียงเล็กน้อยไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่ลบข่าวจะต้องคือตระกูลสวีหรือไม่ก็ตระกูลฉินเมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็ขับรถไปยังบริษัทย่า

  • หย่าเสร็จ ท่านประธานฉวยโอกาสเป็นสามีใหม่   บทที่ 92

    บทที่ 92เพราะสวีกั๋วหมิงถึงกับยอมเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องสวีเหยียนเช่อ แต่เมื่อคิดอีกที เขาก็เป็นลูกชายแท้ ๆ เป็นผู้สืบทอดนี่นา “งั้นก็น่าเสียดายแย่เลย!” โหยวฉีตบมือครั้งหนึ่งด้วยสีหน้าเสียดายอย่างเต็มที่ “คาดว่าน่าจะเสียหายเป็นหลายพันล้าน” คำพูดของจ้าวจวิ้นโจวทำให้โหยวฉีรู้สึกสะใจขึ้นมาอีกครั้ง “แบบนี้มันสะใจจริง ๆ!” สวีเหยียนซีเงียบไป แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลก ๆ ท้ายที่สุด จ้าวจวิ้นโจวก็ขับรถไปส่งโหยวฉีกลับบ้านก่อน เมื่อเหลือแค่พวกเขาสองคนในรถ บรรยากาศก็เงียบสงบเป็นพิเศษ “อยากถามอะไรก็ถามสิ จะอั้นไว้ทำไม” เมื่อได้ยินเช่นนั้น สวีเหยียนซีก็กะพริบตาปริบ ๆ แล้วเงยหน้ามองเขา “ไม่ถามเหรอ?” “ฉันรู้สึกว่าคุณจงใจปล่อยสวีกั๋วหมิงและลูกชายเขาไปอีกแล้ว” เธอไม่อยากคิดแบบนี้ แต่เมื่อรวมกับสไตล์การทำงานของจ้าวจวิ้นโจวที่ผ่านมาแล้ว มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ถ้าจะบอกว่าเพราะเขานึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับตระกูลสวี มันก็ดูไม่ถูกต้องอยู่ดี “ฉลาดจริง ๆ” จ้าวจวิ้นโจวหัวเราะเบา ๆ และไม่ปิดบัง “พูดแล้วมันก็บังเอิญจริง ๆ ตอนแรกผมแค่ต้องการให้พวกเขาล้มไม่เป็นท่า อย่างน้อยจ

  • หย่าเสร็จ ท่านประธานฉวยโอกาสเป็นสามีใหม่   บทที่ 91

    บทที่ 91จ้าวจวิ้นโจวเดินลงมาจากรถ เมื่อสวีเหยียนเช่อและฉินเซียวเห็นเขา ทั้งคู่ก็ลดความโกรธลงอย่างพร้อมเพรียงกัน ถึงขนาดมีท่าทีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ผู้ชายสามคนต่างก็ดูดีในแบบของตัวเอง สวีเหยียนซีรู้สึกพูดไม่ออก ได้แต่มองฟ้า ทำไมปากของโหยวฉีถึงได้แม่นยำขนาดนี้นะ เอาล่ะ ตอนนี้มันคือการแสดงละครของชายสามคนจริง ๆ แล้ว เธอไม่อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่งในตอนกลางคืน โหยวฉีเป็นคนรักใครรักจริง ใครดีกับสวีเหยียนซี เธอก็จะดีกับคนนั้นด้วย ในช่วงเวลานี้ จ้าวจวิ้นโจวได้รับคะแนนพิเศษในใจของโหยวฉีมากมายเหลือเกิน ตอนนี้เธอจึงทักทายอย่างกระตือรือร้น “ประธานจ้าว จัดการเรื่องเสร็จแล้วเหรอคะ” จ้าวจวิ้นโจวล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยมือข้างเดียว เขารู้สึกสนิทกับโหยวฉีมากกว่าคนอื่น เพราะเธอเป็นเหมือนครอบครัวเพียงคนเดียวของสวีเหยียนซี “อืม เกือบจะเรียบร้อยแล้ว คุณโหยวฉีขับรถมาเหรอ?” “เปล่าค่ะ นั่งแท็กซี่มา” โหยวฉีคล้องแขนสวีเหยียนซี “ประธานจ้าวคะ ช่วยไปส่งพวกเราหน่อยได้ไหมคะ” “ได้เลย ไปกันเถอะ” โหยวฉีแอบเพิ่มคะแนนให้จ้าวจวิ้นโจวอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะอะไรเลย เพียงเพราะจ้าวจวิ้นโจวไม่ได้มองเธอด้วยสาย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status