แชร์

บทที่ 839

ผู้เขียน: จิ้งซิง
“แพ้แล้ว...”

“พี่ใหญ่หลิงชางถึงกับแพ้แล้ว”

“เป็นไปได้อย่างไร ธิดาศักดิ์สิทธิ์นั่นดูแล้วก็...”

อ่อนแอขนาดนั้น

พวกเขาอยากจะพูดเช่นนี้

แต่ตอนนี้กลับไม่กล้าพูดแล้ว

ฟ่านหลิงชางที่พวกเขาคิดว่ามีฝีมือยิงธนูไร้เทียมทาน กลับมาพ่ายแพ้ในมือของเวินซื่อ

ยิ่งไปกว่านั้น ฟ่านหลิงชางยังเป็นฝ่ายเริ่มท้าทายก่อนเอง

แต่ผลสุดท้ายกลับพ่ายแพ้ยับเยินจนไม่เหลือทั้งหน้าตาและศักดิ์ศรีแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงฟ่านหลิงชาง แม้แต่ฟ่านชิงเฟิงเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจไปชั่วขณะ

ธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้...เป็นพวกเขาที่ดูแคลนนางเกินไปแล้ว

ยังคิดว่าอีกฝ่ายได้เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์เพราะอาศัยเพียงแค่ใบหน้านั่น คาดไม่ถึงว่าจะมีความสามารถที่แท้จริงอยู่บ้าง

“...ฝีมือยิงธนูของท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ช่างเก่งกาจเหนือความคาดหมายจริงๆ”

แม้ฟ่านชิงเฟิงจะกระอักกระอ่วนใจเพียงใด ก็ต้องทำต่อไป

เวลายังไม่ถึงกำหนด ใครจะไปรู้ว่าหลิงชางจะแพ้เร็วขนาดนี้

ต้องยื้อเวลาต่อไปอีกสักหน่อย

“ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์แสดงฝีมือไปคราหนึ่ง คงจะเหนื่อยแล้ว เชิญกลับไปนั่งพักผ่อนก่อนเถิด”

ครั้งนี้เวินซื่อไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปยังที่น
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 874

    ความเศร้าโศกของม่อโฉวซือไท่ เวินซื่อนั้นไม่รู้เลยนางเพียงแค่บอกเรื่องนี้กับม่อโฉวซือไท่อย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้นไม่ใช่ อาจจะไม่บริสุทธิ์ใจขนาดนั้นก็ได้เพราะนางรู้มาตลอดว่า สาเหตุที่ม่อโฉวซือไท่ดีกับนางก็เพราะแม่ของนาง เพราะนางเป็นลูกของหลานจื่อจวินแต่ลูกของหลานจื่อจวินไม่ได้มีแค่นางเท่านั้น แต่ยังมีพี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม และพี่สี่ในอดีตของนางด้วยและระหว่างนางกับคนทั้งสี่นี้ มีความแค้นฝังลึกอยู่แล้ว มิตรภาพในอดีตก็เลือนหายไปหมด เหลือเพียงหัวใจที่เต็มไปด้วยความบาดหมางและเคียดแค้นดังนั้นนางจึงต้องการให้ม่อโฉวซือไท่ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้อย่างชัดเจน เพื่อที่อาจารย์ของนางจะไม่กลายเป็นอุปสรรคต่อการแก้แค้นของนางในวันข้างหน้าวิธีการเช่นนี้เฉยชาเกินไปแต่เวินซื่อก็ไม่เสียใจเพราะคนที่นางต้องการฆ่า ไม่ได้มีเวินอวี้จือเพียงคนเดียวหลังจากให้ม่อโฉวซือไท่เตรียมใจแล้ว เวินซื่อก็ไม่พูดถึงเวินอวี้จืออีก แต่ขยายหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่น“อ้อ อาจารย์รู้ไหมว่าคนที่ลงมือแทนข้าในครั้งนี้คือใคร?”เวินซื่ออมยิ้มมุมปาก นั่งตัวตรงบนเก้าอี้เอ่ยถามม่อโฉวซือไท่“ไม่ใช่จู๋เยวี่ยหรือ?”ม่อโฉวซือไท่เ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 873

    ผลปรากฏว่ารอยยิ้มของม่อโฉวซือไท่ยิ่งเยือกเย็นลงไปอีก “บางครั้งดูภายนอกก็ไม่มีอันตราย แต่ที่อันตรายที่สุดคือคนกันเอง โดยเฉพาะผู้ชาย!”เวินซื่อ “...”นางยังสามารถพูดอะไรได้อีก?ไม่เป็นไร ยอมโดนดุด่าแต่โดยดีจะดีกว่าขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้ วินาทีต่อมาม่อโฉวซือไท่ก็กดนางให้นั่งลง “เอาล่ะ ไม่คุยกับเจ้าแล้ว”ม่อโฉวซือไท่ถอนหายใจ มองเด็กน้อยคล้ายสหายเก่าที่อยู่ตรงหน้า นางเอ่ยด้วยความยินดีเคล้าโศกเศร้า “นังหนูนี่ ตั้งแต่แรกที่ขึ้นภูเขามาข้าก็มองออกแล้วว่าเจ้ามีความคิดบางอย่าง มีหัวใจที่ทุ่มสุดตัว ดังนั้นข้าจึงเป็นห่วงเจ้าอยู่เสมอ”ที่จริงแล้วภัยอันตรายทั่วไปนางเชื่อว่าเวินซื่อสามารถรับมือได้ด้วยตัวเอง แต่หากเผชิญกับสถานการณ์ที่จนตรอกจริง ๆ สิ่งที่ม่อโฉวซือไท่เป็นกังวลก็คือเวินซื่อจะยอมเลือดเข้าตา ให้ตายก็ไม่ยอมก้มหัวให้ใครในสายตาของม่อโฉวซือไท่ มองเห็นเวินซื่อเหมือนเชือกที่ถูกขึงไว้แน่นแต่ไหนแต่ไร นางไม่เคยปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลายแม้แต่น้อยแต่เชือกถูกขึงไว้อยู่ตลอดเวลา เมื่อเวลาผ่านไปนาน ภายใต้สายลมและแสงแดด มันจะไม่ขาดไม่แยกกันตลอดไปได้อย่างไร?ดังนั้นม่อโฉวซือไท่จึงรู้สึกกลัวนางกล

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 872

    เวินซื่อในเวลานี้ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาจะพบเจอในวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่แค่ฮ่องเต้และหลินเนี่ยนฉือเท่านั้นยังมีอีกคนหนึ่งก็รอนางอยู่ด้วยหลังจากกลับมาที่อารามสุ่ยเยว่ เวินซื่อก็ถูกรายล้อมไปด้วยอาจารย์อาและศิษย์พี่หญิงที่คอยปลอบขวัญนางด้วยความห่วงใย“กลับมาก็ดีแล้ว หลายวันมานี้อาจารย์คิดถึงเจ้าอยู่ตลอด พาพวกเราไปทำพิธีสวดมนต์อยู่หลายรอบ เพื่อชาวชางโจวและเพื่อเจ้าด้วย”ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่เอนตัวเข้าไปใกล้หูของนางแล้วกระซิบว่า “ตอนนี้อาจารย์อาจจะยังคัดลอกพระสูตรให้เจ้าอยู่ รีบไปพบนางเถอะ”เวินซื่อยิ้มออกมาทันใด แล้วหันหลังรีบจ้ำพรวด ๆ ไปหาอาจารย์ม่อโฉว“อาจารย์ อาจารย์!”ทันทีที่มาถึงด้านนอกเรือนของม่อโฉวซือไท่ เวินซื่อก็ตะโกนเรียกสองครั้งอย่างอดใจรอไม่ไหวเมื่อเดินมาถึงประตู เวินซื่อยังไม่ทันได้ยกมือผลักประตู ประตูนั้นก็เปิดจากทางด้านในแล้ว“อู๋โยว?!”ม่อโฉวซือไท่กำลังยืนอยู่ด้านหลังประตู มองดูนางด้วยสีหน้าเบิกบาน“อาจารย์ ศิษย์กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”ใบหน้าของเวินซื่อแย้มยิ้มขึ้นมา แต่ดวงตาทั้งสองของม่อโฉวซือไท่กลับแดงก่ำในทันใด จนแทบหลั่งน้ำตา“นังหนูนี่ ที่ไหนอันตรายก็ไปที่นั่นจริง ๆ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 871

    หลังจากเต๋อกงกงและคนอื่น ๆ จากไปแล้ว เป่ยเฉินหยวนก็หันมามองเวินซื่อ “จะพักในเมืองหลวง หรือกลับไปที่อารามสุ่ยเยว่ก่อนดี?”ทางด้านจวนสกุลหลานได้เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว หากเวินซื่อรู้สึกเหนื่อยเกินไป ก็สามารถพักอยู่ที่นั่นสักคืนได้จริง ๆแต่สิ่งที่เวินซื่อไม่รู้ก็คือ ที่เป่ยเฉินหยวนพูดถึงนั้นไม่ใช่ฝั่งสกุลหลานจิตใจของใครบางคนกำลังกระสับกระส่าย คว้าโอกาสได้ก็อยากจะลองทดสอบดูน่าเสียดายที่จิตใจของเวินซื่อเป็นเสมือนท่อนไม้ ไม่เข้าใจความนัยที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขาเลย เพียงส่ายศีรษะอย่างจริงจังพร้อมพูดว่า “ไม่ได้กลับไปนานแล้ว อาจารย์น่าจะเป็นห่วงมากมาโดยตลอด กลับไปที่อารามให้เร็วหน่อยดีกว่า อาจารย์กับพวกศิษย์พี่หญิงจะได้สบายใจ”“ตกลง ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้คนส่งท่านกลับไป”ในใจลึก ๆ เป่ยเฉินหยวนยังอาลัยอาวรณ์ อยากอยู่กับนางอีกสักพัก แต่เขาก็ไม่ได้กลับไปนานแล้ว ทางฝั่งจวนอ๋องก็อาจมีเรื่องราวเกิดขึ้นไม่น้อยอย่าว่าแต่ตอนนี้เลย อีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาก็จะมีงานยุ่ง ดังนั้นจึงทำได้เพียงมอบหมายให้คนอื่นไปส่งเวินซื่อเวินซื่อก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้แต่เวลานี้ คนที่สนใจได้มาแล้ว...“ช้าก่อน พี่หญิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 870

    ตลอดเส้นทางนี้ เวินซื่อถูกฟ่านจุ้ยเจ้าคนพูดมากนี่รบกวนจนแทบจะทนไม่ไหวทุกครั้งที่นางไล่ให้เขาไปคุยกับคนอื่น เขาก็จะเบิกตากลมโตใสซื่อนั่นแล้วกล่าวว่า “แต่ข้ารู้จักแค่พี่หญิงคนเดียวนี่นา คนอื่นข้าก็ไม่รู้จัก ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนก็พอจะรู้จัก แต่ข้าไม่กล้านี่นา”เรื่องที่กลัวเป่ยเฉินหยวน ฟ่านจุ้ยพูดออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำแต่เวินซื่อกลับยิ่งรำคาญมากขึ้นสุดท้ายนางจึงไล่เขาไปที่ขบวนรถนักโทษที่คุมตัวคนสกุลฟ่าน แล้วให้เขาไปหาฟ่านซิ่วซิ่วเอาเอง“เช่นนั้นข้าทำนางเป็นเหรินจื้อได้หรือไม่?”พอเด็กหนุ่มได้ยินว่าไปหาฟ่านซิ่วซิ่วได้ ดวงตาก็พลันเป็นประกายขึ้นมา“ไม่ได้ ถ้านางตายกลางทางเจ้ารับผิดชอบหรือ?”“เช่นนั้นข้าตัดแขนตัดขานางมาหั่นเป็นชิ้นๆ ไว้เล่นได้หรือไม่?”เวินซื่อ “?”“ย่อมไม่ได้ เจ้าตัดแขนตัดขานางจนหมด แล้วมันจะต่างอะไรกับการทำเหรินจื้อกัน?”“ย่อมแตกต่างกันสิ”ฟ่านจุ้ยแกล้งโง่พลางเอ่ยขึ้น “เหรินจื้อต้องยัดใส่ในไห แต่ถ้าแค่ตัดแขนตัดขาก็ไม่นับว่าเป็นเหรินจื้อแล้วนี่นา”เวินซื่อตวาดอย่างเกรี้ยวกราด “ไสหัวไป”“ได้เลยขอรับ!”สุดท้ายฟ่านจุ้ยก็ยังคงไปหาฟ่านซิ่วซิ่วอยู่ดีแ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 869

    แววตาของฟ่านจุ้ยสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “ก็ได้ เช่นนั้นดูเหมือนว่าคงต้องรอครั้งหน้าค่อยช่วงชิงคำชมจากพี่หญิงแล้ว”เวินซื่อไม่ได้สนใจคำพูดของเขา เพียงแต่กล่าวว่า “แม้เวลาที่ข้าจะอยู่ที่นี่ยังไม่แน่นอน แต่ในไม่ช้าก็จะออกเดินทางกลับเมืองหลวง หากเจ้ายังจะตามไปด้วย เช่นนั้นก็ไปเก็บข้าวของให้เรียบร้อย เตรียมพร้อมออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟ่านจุ้ยก็เปลี่ยนเป็นท่าทีจริงจังขึ้นมาทันที “ได้ น้องต้องกลับไปเก็บข้าวของสักหน่อยจริงๆ”“จริงสิพี่หญิง ท่านกับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนวางแผนจะจัดการกับฟ่านซิ่วซิ่วผู้นั้นอย่างไรหรือ?”ฟ่านจุ้ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหันเวินซื่อหันหน้าไปมองเขา “เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม?”ฟ่านจุ้ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “น้องกับฟ่านซิ่วซิ่วผู้นั้นมีความแค้นส่วนตัวกันเล็กน้อย อยากจะทำนางเป็นเหรินจื้อเล่นดูสักหน่อย ไม่ทราบว่าพี่หญิงพอจะ...”มุมปากของเวินซื่อกระตุก “เลิกคิดได้เลย นางจะต้องถูกคุมตัวกลับเมืองหลวงไปพร้อมกับคนของสกุลฟ่าน ถึงตอนนั้นจะถูกตัดศีรษะหรือถูกเฉือนทั้งเป็น ก็ไม่ถึงตาเจ้าหรอก”“เช่นนั้นก็ได้”ฟ่านจุ้ยจึงได้แต่หันหลังเดินจากไปอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status