ตอนที่ 9 ต้องดีขึ้นหวังเจียงจิงนำชุดที่ตัดเรียบร้อยมาส่งให้ไป๋เล่อ ขณะนั้นไป๋เล่อกำลังเตรียมขนมไปขายพรุ่งนี้ บนโต๊ะไม้เรียงรายไปด้วยขนมไม่น้อยกว่าห้าสิบชิ้น หลากหลายรูปแบบ ทั้งขนมงาเคลือบน้ำผึ้งหอมกรุ่น ขนมอบหวานละมุนที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ขนมแป้งทอดกรอบสีทองอร่าม และแม้แต่ขนมก้อนฟูนุ่มที่แต่งหน้าด้วยครีมเนียนขาวราวหิมะ ดูละม้ายเค้กในชาติเดิมของไป๋เล่อไป๋เล่อเห็นอีกฝ่ายก็กล่าวทักอย่างอารมณ์ดี “พี่สาวท่านมาพอดี...นั่งลงก่อนมาชิมขนมที่ข้าจะเตรียมไปขายพรุ่งนี้” หวังเจียงจิงมองก้อนขนมฟูนุ่มที่ปาดครีมขาวเนียนวางเรียงอยู่บนถาดไม้ กลิ่นหอมละมุนลอยอวลเต็มห้องเจียงจิงจึงคีบขนมกินอย่างระมัดระวัง ครีมเนียนนุ่มติดตะเกียบเล็กน้อย นางจ้องเพียงครู่ก่อนจะยกเข้าปาก รสหวานนุ่มละลายทันทีที่สัมผัสปลายลิ้น ความหอมของน้ำผึ้งผสมความละมุนของครีม ทำให้ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว“นี่มัน…ละมุนราวกับหิมะ ข้าไม่ใช่คนชอบกินหวานทว่ารสหวานนี้ไม่บาดคอ เนื้อนุ่มราวกับเมฆ นี่มันขนมอะไรกัน” ไป๋เล่อยิ้มบางแล้วเอ่ยเสียงนุ่ม “ข้าเรียกมันว่า ซวงเกา… ขนมที่นุ่มราวหิมะ ละมุนดุจน้ำค้าง”อาเหมยกับเจียงจ
ตอนที่ 8 ความเปลี่ยนแปลง เมื่ออาเหมยกลับมาถึงเรือน ก็เห็นไป๋เล่อนั่งอยู่ในสวนหลังบ้าน มือยังคงพรวนดินรดน้ำแปลงผักเล็ก ๆ ที่เพิ่งเพาะเสร็จใหม่ กลิ่นดินชื้นผสมกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกเหมยรอบสวน“คุณหนู…” อาเหมยเอ่ยเสียงนุ่ม พลางก้าวเข้ามาใกล้ไป๋เล่อหันหน้ามามอง “เหนื่อยหรือไม่...นั่งพักสักหน่อยแล้วค่อยไปรับอาหารที่ครัว” อาเหมยจ้องมองเจ้านายครู่หนึ่ง ไป๋เล่อจึงเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ” อาเหมยเม้มปากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจเอ่ยออกมา“คุณชายถามว่าท่านจะไม่ไปจากตระกูลเผยใช่หรือไม่ พอบ่าวตอบว่าใช่… ดูแล้วคุณชายคงดีใจมาก แล้วยังฝากวาจามาให้บ่าวบอกว่า เขาจะตั้งใจเรียนและจะดูแลท่านแม่ไม่ให้ลำบาก”เสียงน้ำจากฝักบัวที่รินรดต้นไม้ในสวนหยุดชะงักเล็กน้อย ไป๋เล่อเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาเหม่อมองเมล็ดผักในดิน ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เป็นข้าเอง…ที่เมื่อก่อนทำไม่ดี ทำให้บุตรชายต้องรู้สึกเช่นนี้”อาเหมยเม้มปาก ไม่รู้จะปลอบอย่างไร นางจึงโค้งตัวเบา ๆ “ข้าไปยกอาหารเย็นมาให้ท่านนะเจ้าคะ”ไป๋เล่อพยักหน้าช้า ๆ “อืม…เจ้าไปเถอะ”คล้อยหลังอาเหมยเงียบหายไป ไป๋เล่อก็ทอดสายตามองสวนเล็กเ
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” ไป๋เล่อหัวเราะเบา ๆ “น่าระอายนักข้ายังมีเรื่องจะขอรบกวนท่านอีกสักอย่าง” ไป๋เล่อยกตะกร้าหวายเล็กขึ้นมา หยิบกล่องผักสลัดวางลงบนโต๊ะไม้ตรงหน้าเจียงจิง“นี่คือน้ำปรุงผักงาน้ำผึ้งที่ข้าลองทำ…พี่สาวช่วยชิมแล้ววิจารณ์ให้ตรงไปตรงมาหน่อยเถอะ ข้าตั้งใจจะเอาไปขาย”เจียงจิงเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็หยิบตะเกียบคีบผักสดที่ราดน้ำปรุงขึ้นมาชิมอย่างตั้งใจ รสหวานละมุนของน้ำผึ้งผสานความหอมมันของงาแตะปลายลิ้น ก่อนจะตามด้วยรสเปรี้ยวบางเบาที่ช่วยตัดเลี่ยน ขณะชิมดวงตาของนางเป็นประกายขึ้นทำให้ไป๋เล่อใจชื้นขึ้นหลายส่วน“เป็นการกินผักสดที่แปลกใหม่ รสชาติดีมาก ทว่าหวานไปนิดสำหรับคนไม่ชอบหวาน…แต่กลิ่นหอมใช้ได้เลย”เจียงจิงวางตะเกียบแล้วเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม “หรืออาจจะแยกรสเปรี้ยว หวานจะดีกว่า”ไป๋เล่อพยักหน้าเห็นด้วย “ขอบคุณพี่สาวที่ชี้แนะ” เจียงจิงมองนางอย่างสนใจ “เจ้าจะทำส่งร้านอาหารที่ใดหรือ” ไป๋เล่อสายหน้า “ข้าจะตั้งแผงขายข้างทาง” คำตอบนั้นทำให้เจียงจิงถึงกับชะงักไปชั่วครู่ นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ หญิงงามผู้นี้จะไปขายของข้างทาง ทว่าทุกคน
อาเหมยลอบกวาดตามองรอบร้าน “นั่งลงกินด้วยกันเถอะ” ไป๋เล่อเอ่ยขึ้น“เจ้าค่ะ....คุณหนู...ท่านต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ข้าจะไปซื้อให้เอง”ไป๋เล่อส่ายหน้า นางเองก็ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองต้องการสิ่งใด นางหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนนึกขึ้นได้ “แต่ข้าต้องไปขายเครื่องประดับเพิ่มอีก...ไม่งั้นเงินคงไม่พอทำครัวให้เสร็จ”อาเหมยลอบกังวล เกรงว่าเครื่องประดับจะไม่พอขาย เพราะคุณหนูนางซื้ออะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด เกือบจะยามโหย่วแล้ว สตรีทั้งสองถึงได้เวลากลับเรือน ลมเย็นยามบ่ายพัดผ่านกำแพงตระกูลเผย เมื่อก้าวเข้ามาในลานก็เห็นบ่าวชายสามคนกำลังขะมักเขม้นตอกไม้และเรียงอิฐเป็นผนังครัวไป๋เล่อเดินเข้าไปใกล้พลางถามเสียงเรียบ“นี่ใกล้จะเสร็จแล้วหรือ”หนึ่งในบ่าวเงยหน้าขึ้นยิ้ม “ขอรับ…คงเหลืออีกไม่กี่วัน”ไป๋เล่อพยักหน้ายิ้มพอใจ “ดี ๆ” ก่อนหันกลับเข้าเรือนครัวเล็กด้านใน แม้ยังไม่สมบูรณ์นัก แต่ก็พอมีพื้นที่ให้ทำงานได้ นางหยิบถุงงาขาวที่ซื้อมาเมื่อวานวางลงบนโต๊ะ จากนั้นเทงาลงกระทะดินเผา คั่วด้วยไฟอ่อน กลิ่นหอมอุ่นลอยอบอวลไปทั่วห้องอาเหมยเข้ามาถาม “คุณหนูให้บ่าวช่วยอะไรหรือไม่เจ้าคะ”“เจ้าไปล้างผักพวกนั้น”
แสงอ่อนยามเช้าเพิ่งคลี่ตัวลอดผ่านแนวไม้ไผ่ สายลมบางเบาพัดพากลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกเหมยที่ปลูกริมรั้วเข้ามาในสวน เสียงนกร้องประสานกับเสียงน้ำจากอ่างหินหยดลงเป็นจังหวะ ทำให้บรรยากาศเงียบสงบจนเหมือนเวลาหมุนช้าลงไป๋เล่อนั่งจิบชาช้า ๆ ดวงตาเหม่อมองไอหมอกบางที่ลอยเหนือสระบัว ครู่หนึ่งเสียงฝีเท้าก็แว่วดังมาจากทางเดินไม้ด้านหน้า ตามด้วยเสียงใสของเด็กชาย“อี้เหนียง…ลูกมาคารวะ ก่อนออกไปเรียนขอรับ”เผยซ่งเหยาในชุดผ้าฝ้ายสะอาดสะอ้าน เดินเข้ามาหยุดตรงหน้า ก้มศีรษะให้ตามมารยาท แววตาใสซื่อยังคงมีรอยเกรงใจอยู่เล็กน้อย หลังจากเมื่อวานได้พูดคุยกับมารดาวันนี้เขาถึงได้ใจกล้ามาคารวะอีกฝ่ายไป๋เล่อวางถ้วยชาแล้วพยักหน้ายิ้ม“ไปเถอะ ตั้งใจเรียนให้มาก”“ขอรับ” เด็กชายตอบเสียงใสด้วยความดีใจเสียงฝีเท้าของเด็กชายเพิ่งลับหาย อาเหมยที่ยืนรออยู่ไม่ไกลก็เดินเข้ามาโค้งตัวเล็กน้อย“คุณหนู ข้าจะไปยกอาหารมื้อเช้ามาให้เจ้าค่ะ”ไป๋เล่อพยักหน้ารับ “อืม…เอามาที่ศาลาหน้าสวนก็แล้วกัน”หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ ไป๋เล่อกลับเข้าไปในห้องแต่งตัว นางเปิดตู้ไม้ขนาดใหญ่ เมื่อวานไปเดินตลาดชุดของนางเด่นเกินไป นางสำรวจทีละชุด พลางพึมพำกั
เรือนอันถิงภายใน ห้องหนังสือของเรือนอันถิง มีเสียงพู่กันลากผ่านกระดาษอย่างแผ่วเบา เผยกู้หยางในชุดสบายสีครามเข้มกำลังนั่งคัดอักษร มือใหญ่ทรงพลังแต่เคลื่อนไหวอย่างงดงาม ทุกจังหวะลากเส้นชวนให้หลงใหล ใบหน้าเรียวยาวคมสัน คิ้วเรียวราวคมกระบี่โค้งเฉียบขาด จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูป ทั่วทั้งกายแผ่กลิ่นอายสูงส่งเย็นเยียบไร้ความเสเพลที่แสดงออกยามต่อหน้าผู้อื่นบ่าวรับใช้ประจำตัว เปาถังเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าแผ่วเบา“เรียนนายท่านรอง... วันนี้อี้เหนียงสี่ส่งจดหมายถึงท่านอัน แจ้งว่าจะไม่ออกเรือนใหม่และวันนี้นางก็ออกไปซื้อเครื่องครัวกับเครื่องเรือนจำนวนหนึ่งขอรับ”พู่กันในมือเผยกู้หยางหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาคมวาวสะท้อนประกายเย็นเยียบ“ไม่แต่งใหม่หรือ... หรือนางยังคิดว่ามีหวังกับข้า?”เปาอัน ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย“เหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้นนะขอรับ”“งั้นหรือ...” มุมปากเผยกู้หยางยกขึ้นเพียงน้อย ดวงตาฉายแววครุ่นคิด “ผิดแปลกนัก… จับตาดูนางเอาไว้สักหน่อย”“ขอรับคุณชาย...” เปาอันรายงานเสร็จก็เดินออกไปไม่รบกวนอีกฝ่ายรุ่งเช้าสายลมบางเบาพัดผ่าน กลิ่นหอมของด