LOGINเมื่ออาเหมยกลับมาถึงเรือน ก็เห็นไป๋เล่อนั่งอยู่ในสวนหลังบ้าน มือยังคงพรวนดินรดน้ำแปลงผักเล็ก ๆ ที่เพิ่งเพาะเสร็จใหม่ กลิ่นดินชื้นผสมกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกเหมยรอบสวน
“คุณหนู…” อาเหมยเอ่ยเสียงนุ่ม พลางก้าวเข้ามาใกล้
ไป๋เล่อหันหน้ามามอง “เหนื่อยหรือไม่...นั่งพักสักหน่อยแล้วค่อยไปรับอาหารที่ครัว”
อาเหมยจ้องมองเจ้านายครู่หนึ่ง ไป๋เล่อจึงเอ่ยถาม
“มีอะไรหรือ”
อาเหมยเม้มปากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจเอ่ยออกมา
“คุณชายถามว่าท่านจะไม่ไปจากตระกูลเผยใช่หรือไม่ พอบ่าวตอบว่าใช่… ดูแล้วคุณชายคงดีใจมาก แล้วยังฝากวาจามาให้บ่าวบอกว่า เขาจะตั้งใจเรียนและจะดูแลท่านแม่ไม่ให้ลำบาก”
เสียงน้ำจากฝักบัวที่รินรดต้นไม้ในสวนหยุดชะงักเล็กน้อย ไป๋เล่อเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาเหม่อมองเมล็ดผักในดิน ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เป็นข้าเอง…ที่เมื่อก่อนทำไม่ดี ทำให้บุตรชายต้องรู้สึกเช่นนี้”
อาเหมยเม้มปาก ไม่รู้จะปลอบอย่างไร นางจึงโค้งตัวเบา ๆ “ข้าไปยกอาหารเย็นมาให้ท่านนะเจ้าคะ”
ไป๋เล่อพยักหน้าช้า ๆ “อืม…เจ้าไปเถอะ”
คล้อยหลังอาเหมยเงียบหายไป ไป๋เล่อก็ทอดสายตามองสวนเล็กเบื้องหน้า ความคิดพลันย้อนกลับไปยังเรื่องราวในอดีต
หากจำไม่ผิด ตั้งแต่วันที่นางให้กำเนิดบุตรชาย ก็เป็นวันที่ความโปรดปรานทั้งหลายค่อย ๆ เลือนหายไป หลายคราที่นางควรได้รับรางวัล แต่กลับถูกคุณชายรองบอกว่า “มอบให้ซ่งเหยาแทนแล้ว”
ยิ่งนานวันไป๋เล่อยิ่งคิดฝังใจ ว่าที่ ตนเองสูญเสียความโปรดปรานเป็นเพราะเด็กน้อยผู้นี้ อีกทั้งการคลอดบุตรทำให้รูปร่างนางเปลี่ยนไป ความงามยั่วยวนไม่หวนคืน คุณชายรองจึงหันไปหาอนุคนอื่นแทน
ทว่าไป๋เล่อคนใหม่กลับรู้สึกแตกต่าง นางถึงกับรู้สึกว่า สามีเก่าของนางคนนี้ตั้งใจจะกันไม่ให้นางใกล้ชิดกับบุตรชายเสียด้วยซ้ำ
ทว่า…ช่างเถอะ
ไป๋เล่อค่อย ๆ คลายความคิดเหล่านั้น เรื่องเก่าแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว สิ่งที่ทำได้มีเพียงเปลี่ยนแปลงตนเองในตอนนี้เท่านั้น
ทุกเช้าเผยซ่งเหยาจะมาคารวะมารดาก่อนออกไปเรียนเสมอ ไป๋เล่อเองก็มักจะตื่นแต่เช้า ฝึกทำขนมแล้วจัดใส่กล่องไม้เล็ก ๆ มอบให้ลูกชายไว้เป็นอาหารว่างระหว่างวัน
วันเวลาผ่านไป ครัวใหม่ของไป๋เล่อก็เสร็จเรียบร้อย อุปกรณ์ครบครัน กลิ่นหอมของแป้งอบและน้ำตาลลอยออกมาจากเรือนเล็กหลังนั้นแทบทุกวัน ขนมที่นางลองทำก็เริ่มมีหลากหลายมากขึ้น ทั้งขนมอบหอมกรุ่น ขนมงาเคลือบน้ำผึ้ง และขนมแป้งทอดกรอบ ๆ ที่เด็ก ๆ ชอบ
แล้ววันนี้…ไป๋เล่อจะลองทำขนมคล้ายเค้กเป็นครั้งแรก
นางจัดอุปกรณ์ที่ซื้อมาจากตลาดลงบนโต๊ะเรียงราย
สูดลมหายใจลึก
จากนั้นก็เริ่มแยกไข่แดงไข่ขาวออกจากกันอย่างระมัดระวัง ใช้ตะกร้อไม้ไผ่ตีไข่ขาวจนขึ้นฟูเป็นฟองละเอียด จากนั้นจึงค่อย ๆ ใส่น้ำผึ้งป่าแทนน้ำตาล และตักแป้งข้าวเจ้าที่ร่อนแล้วใส่ลงไปทีละน้อย คนให้เข้ากันจนกลายเป็นเนื้อข้นนวล
แล้วค่อยเทส่วนผสมลงในพิมพ์ดินเผากลมเล็ก ๆ ที่ปูด้วยกระดาษน้ำมัน จากนั้นยกไปวางในเตาดินเผาซึ่งอาเหมยเพิ่งก่อไฟไว้จนร้อนกำลังดี นางปิดฝาเตา หัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว
เวลาผ่านไปช้า ๆ กลิ่นหอมหวานละมุนก็เริ่มลอยออกมาจากเตา คล้ายกลิ่นแป้งผสมน้ำผึ้งที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นกลิ่นอบอุ่น เรียกให้บ่าวในเรือนแอบเหลือบมองกันอย่างสนใจ
ในที่สุดเมื่อเปิดฝาเตาออก ขนมก้อนกลมสีเหลืองทองก็ปรากฏตรงหน้า ผิวด้านบนแตกเล็กน้อย ส่งกลิ่นหอมอวลไปทั่วทั้งครัว
ไป๋เล่อยกก้อนขนมออกมาวางบนถาดไม้ มองผลงานด้วยแววตาเปล่งประกาย มือเรียวหักออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ชิมคำแรก เนื้อนุ่มแน่นไม่ต่างจากเค้กที่นางเคยทำในชาติเดิม แม้ยังไม่สมบูรณ์นัก แต่ความหวานหอมก็ทำให้ริมฝีปากนางคลี่ยิ้มอย่างพอใจ
“สำเร็จแล้ว…นี่แหละ ขนมเค้กก้อนแรกของข้า”
เรือนอันถิง
ในทุกเดือนเผยกู้หยางจะต้องมาตรวจสอบความก้าวหน้าในการเล่าเรียนของบุตรชายทั้งสอง เผยอี้หลางกับเผยซ่งเหยา
วันนี้อากาศกำลังดี แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างไม้ไผ่ อาจารย์เชี่ยจัดวางกระดาษแบบคัดลายมือของเด็กทั้งสองลงเบื้องหน้าผู้เป็นบิดา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวศิษย์
“บุตรชายของคุณชายรองล้วนเป็นยอดอัจฉริยะ อักษรของคุณชายสามมั่นคง หนักแน่นดังหินผา ส่วนคุณชายสี่แม้ยังเล็กนัก แต่ลายมือก็งดงามคล่องแคล่วผิดเด็กวัยเดียวกัน ที่สำคัญ...ความตั้งใจเล่าเรียนของคุณชายสี่หาใช่น้อยหน้าใคร”
อาจารย์เอ่ยชมไม่ขาดปาก ก่อนจะเอ่ย “แม้คุณชายสี่จะอ่อนวัยกว่าคุณชายสาม แต่ข้าคิดว่า…ฤดูใบไม้ผลินี้ สมควรให้ทั้งสองเข้าทดสอบสอบขั้นพื้นฐานดู”
เผยกู้หยางเหลือบตามองกระดาษคัดลายมือที่เรียงรายอยู่เบื้องหน้า ลายเส้นเล็ก ๆ ของซ่งเหยาเต็มไปด้วยความพยายามจนสัมผัสได้ ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง ความสงสัยพลันแล่นขึ้นมา ตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่บุตรชายที่เงียบขรึมไม่สนใจเรื่องงราวกลับกลายเป็นเด็กมุ่งมั่นถึงเพียงนี้…
หลังจากพูดคุยเรื่องสำคัญเสร็จ อาจารย์เชี่ยกล่าวลาออกไป
เขาหันสายตาคมเข้มไปยังเปาอัน บ่าวคนสนิทที่ยืนเคียงข้าง
“เจ้าไปสืบมา ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับซ่งเหยาบ้าง”
ความจริงนี่หาใช่ความลับคนในจวนต่างรู้กันทั่ว
เปาอันก้มศีรษะต่ำ ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยช้า ๆ “เรียนคุณชายรอง…ตั้งแต่แม่นางอันไป๋เล่อเริ่มหันมาใส่ใจคุณชายสี่ ทำขนมของว่างให้ด้วยมือตนเอง คุณชายสี่ก็เปลี่ยนไปมากขอรับ”
เผยกู้หยางชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาวูบไหวชั่วขณะหันกลับมามองกระดาษลายมืออีกครั้ง
เขาผู้พยายามกีดกัน สร้างเรื่องราววางแผนไม่ให้บุตรสนิทสนมกับมารดามาหลายปีกับทลายลงง่ายดายเพียงนี้
ความรู้สึกนี้ช่างซับซ้อนที่ยากจะอธิบาย
ตอนที่ 109 อิสระที่ห่างไปเรือนพักของอันไป๋เล่ออบอวลด้วยกลิ่นน้ำหอมที่นางกลั่นเมื่อคืน สายแดดยามสายลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาแตะปลายผมของนางที่ยังยุ่งเล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่นหลังจากดื่มจนเมามายเมื่อคืนอาเหมยบิดผ้าชุบน้ำอุ่นแล้วช่วยเช็ดใบหน้าให้นาง พลางเอ่ยอย่างระมัดระวัง “เมื่อเช้า…มีราชโองการไปถึงจวนตระกูลเผยแล้วนะเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่าน…คือพระชายาเอกแห่งจวนซินอ๋องอย่างเป็นทางการแล้ว”ไป๋เล่อชะงักเงยหน้า ดวงตาที่ยังพร่าเพราะง่วงวูบเบิกกว้างขึ้นทันที“มีราชโองการแล้วหรือ? เหตุใดถึงรีบเร่งถึงเพียงนี้…อิสระของข้า…กำลังจะหายไปแล้วจริง ๆ”ไป๋เล่อพึมพำแผ่วเบา ดวงหน้านวลสะท้อนความเวทนาปนเสียดายเพราะนางรู้ดี นับจากวันนี้เป็นต้นไป แม้เผยกู้หยางจะไม่เอ่ยห้าม ไม่เคยตำหนิในสิ่งที่นางทำแต่ความเป็น “ซินอ๋อง” ที่ประทับตราบนตัวเขา…ย่อมหมายถึงพันธนาการที่พัวพันมาถึงนางด้วยนางยกมือแตะแก้มที่เย็นชืดเบา ๆแววตาเจือความขื่นขมและยอมรับในชะตา“ต่อจากนี้…ข้าคงจะทำตามใจเช่นเดิมไม่ได้แล้วจริง ๆ”อาเหมยลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง แต่ก็แฝงความเป็นห่วงอย่างจริงใจ“วันนี้…หากท่านพอมีแรง ข้
ตอนที่ 108 การยอมรับช้าวันถัดมาแสงแรกยังไม่ทันส่องเต็มลานหิน ข่าวใหญ่ก็แพร่สะพัดราวไฟลามป่าไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็วข่าวลือที่ว่ากลายเป็นความจริงผู้คนไม่จำเป็นต้องคาดเดาอีกต่อไปเพราะราชสำนักส่งราชทูตถือผืนแพรแดงปักลายมังกรทองมาถึงหน้าจวนแม่ทัพเผย ตั้งแต่รุ่งสางเสียงประกาศราชโองการดังขึ้นชัดถ้อยชัดคำสะท้อนก้องไปทั่วตรอกซอกซอยที่ยังไม่ทันตื่นเต็มที่ราชทูตยกผืนแพรขึ้นเหนือศีรษะ อ่านด้วยน้ำเสียงดังกังวาน“โดยพระราชประสงค์แห่งฮ่องเต้ กู้เสียนหรง ทรงมีพระราชดำริให้โอรสผู้กำเนิดจากสายเลือดแท้ ผู้ถูกเลี้ยงดูนอกวังด้วยเหตุแห่งความจำเป็นในอดีต คือ เผยกู้หยาง ได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘ซินอ๋อง’“ด้วยตำแหน่งอ๋องที่ตั้งขึ้นใหม่ทรงแต่งตั้งอันไป๋เล่อ ให้ดำรงตำแหน่งพระชายาเอกแห่งซินอ๋องและแต่งตั้งหวังเจียงจิงให้ดำรงตำแหน่งชายารองแห่งซินอ๋องให้ทั้งสองดูแลกิจการในตำหนักซินอ๋องตามระเบียบราชสำนักและเป็นเกียรติแก่ตระกูลของทั้งสองสืบไป”ขันทีหลวงเอ่ยราชโองการจนสิ้นทุกถ้อยคำ ก่อนจะยื่นม้วนผ้าไหมสีทองให้เผยกู้หยางก็ก้าวออกมารับด้วยท่วงท่าสงบนิ่งเมื่อเขาประคองราชโองการไว้ในมือ ขันทีก็ผ่อนลมหายใจเบา ๆ
ตอนที่ 107 จบลงเช่นนั้นเผยกู้หยางยกมือเรียกเปาอันเสียงต่ำ“ไปนำพิณของข้ามา”ไม่นาน พิณไม้แกะลายงามก็ถูกนำมาวางลงเบื้องหน้า เขาลูบคันพิณเบา ๆ ก่อนจะนั่งลงยืดหลังสง่างามสายพิณถูกรั้ง รัวแผ่วเป็นท่วงทำนองแรกเสียงพิณใสราวหยาดน้ำแข็งละลายแตะลงบนอากาศเงียบงันอย่างนุ่มนวลไป๋เล่อที่กำลังผสมสุราอยู่ถึงกับหยุดชั่วครู่ราวกับทุกหยดเสียงกำลังแตะลงกลางห้วงใจนางนางสูดลมหายใจแผ่ว ๆ “ท่านเล่นได้งดงามยิ่งนัก”เผยกู้หยางปรายตามองนางคล้ายจะยิ้ม แต่ยังไม่เอื้อนเอ่ยท่วงทำนองยังคงไหลพลิ้ว ไม่รีบร้อน ไม่ช้าเกินไปไป๋เล่อลงมือชงสุราต่อเนื่องมือเรียวขาวขยับคล่องแคล่ว บดดอกเหมยในถ้วยรินสุรา หยดน้ำผึ้งเพียงปลายช้อนแล้วใช้ข้อมือหมุนถ้วยเบา ๆ ให้ของเหลวผสมเข้ากันเสียงสายพิณพลันเปลี่ยนจังหวะดึงยาว ลึก และกังวานคล้ายจะตอบรับจังหวะการเคลื่อนไหวของนางโดยไม่ได้นัดหมายไป๋เล่อหัวเราะแผ่ว มุ่นคิ้วในท่าทีหยอกล้อความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมผุดวาบขึ้นมาเหมือนม่านบางที่ถูกเปิดออก เพลงพิณของเขาผสานกับฤทธิ์สุรายิ่งพาให้ร่างกายเบาไร้น้ำหนักนางลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปกลางลานเรือนที่ถูกแสงตะเกียงแตะวาบชายกระโปรงพลิ
ตอนที่ 106 รักษาแผลใจไป๋เล่อเห็นชายหนุ่มเงียบงัน ดวงตานิ่งลึกจนยากจะอ่านความคิดนางจึงลดน้ำเสียงลงให้อ่อนโยน ราวกับจะปลอบประโลมบางสิ่งที่เขาไม่เอ่ยออกมา “เหยาเอ๋อร์เป็นเด็กดี…ทำสิ่งใดก็มักคำนึงถึงผู้อื่นก่อนเสมอ เมื่อเติบโตขึ้น เขาจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด”นางเอ่ยเบา ๆ คล้ายลมพัดผ่านปลายผม “ทั้งความลำบากใจของท่าน และของนางผู้นั้นที่จากไป...ข้าเชื่อ..เขาจะไม่กล่าวโทษใครทั้งนั้น”เผยกู้หยางเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ขยับปลายนิ้วเล็กน้อย เดินตรงไปยังโต๊ะเตี้ยด้านข้าง แล้วนั่งลงอย่างเงียบสงบ เปาอันรีบก้าวเข้ามา วางไหสุราขนาดใหญ่สองสามไหไว้ตรงหน้าเจ้านาย ก่อนค้อมศีรษะถอยไป เผยกู้หยางยกไหหนึ่งขึ้น แค่ยกก็ได้กลิ่นแรงทะลุฝาเขาเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม กลิ่นเย็นของความนิ่งสงบแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น“เห็นว่าเจ้าต้องการสุราแรง ๆ… ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าจะเอาไปทำสิ่งใด แต่ข้าก็ให้คนไปหาไว้ไม่น้อย”ไป๋เล่อหลุบตาลงเล็กน้อยเหลือบมองไหสุราหลายใบที่วางเรียงอยู่ตรงมุมโต๊ะ การเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหันของเขาทำให้นางอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้เสียงหัวเราะนั้นอ่อนนุ่มดุจสายลมเฉียดผ่านกลีบดอกไม้ ทำให้บรรยากาศภายในเรือนอ
ตอนที่ 105 ลำบากใจเผยซ่งเหยาเดินเข้ามาหาไป๋เล่ออย่างช้า ๆ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าโดยไม่ลังเล ท่วงท่านั้นเต็มไปด้วยความหนักแน่นเกินกว่าวัย ดวงตากลมใสจ้องมองมารดาอย่างลึกซึ้งจนไป๋เล่อใจสั่นวูบเสียงของเขาแผ่วเบา แต่ชัดเจนดุจคมมีด“เมื่อก่อน…ข้าดีใจมากเหลือเกินที่มีท่านแม่อยู่กับข้า ความยินดีนั้นบดบังความผิดแปลกหลายอย่างที่ข้าควรสังเกต”เขาหยุดหายใจสั้น ๆ ราวกับกำลังข่มใจ “ข้าเฝ้ามองท่านแม่มาตั้งแต่ข้ายังเล็กที่สุด…การพูด การเดิน สีหน้าท่าทาง ทุกอย่างของท่าน ข้าล้วนจำได้ขึ้นใจ”แววตาของเด็กชายสั่นวูบหนึ่ง แต่ยังไม่ละไป“และนับวัน…ท่านก็ยิ่งไม่เหมือนเดิม”ไป๋เล่อสะอึก หัวใจเต้นแรงจนเจ็บหน้าอกซ่งเหยาเม้มปากก่อนเอ่ยต่อ“เดิมที ข้าคิดว่าข้าคิดมากเกินไป แต่ทุกครั้งที่ข้ามองท่านแม่ ข้า…กลับยิ่งแน่ใจว่าอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป”สายลมเย็นพัดเข้ามาทางหน้าต่าง พาให้ม่านไหวเบา ๆ แต่ความเงียบภายในเรือนกลับหนักอึ้งจนอึดอัดจนกระทั่งซ่งเหยาเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ความสงสัยทั้งหมด…ถูกยืนยันในวันที่ข้าเห็นพวกนักพรตทำพิธีส่งวิญญาณที่เรือนไผ่แห่งนั้น”ไป๋เล่อหลับตาเพียงเสี้ยวอึดใจ ก่อนเอ่ยออ
ตอนที่ 104 ส่งวิญญาณเจียงจิงก้าวขึ้นรถม้าได้ไม่นาน อาเหลียนก็รีบตามขึ้นมานั่งเคียงข้าง ใบหน้าซีดเล็กน้อยด้วยความกังวล ก่อนเอ่ยถามเสียงเบาแต่สั่นเครือ“ฮูหยินรอง…เรื่องนี้เชื่อถือได้หรือเจ้าคะ?”คำถามนั้นทำให้บรรยากาศภายในรถม้าสะท้อนความตึงเครียดทันทีเจียงจิงหันไปมองสาวใช้อย่างจริงจัง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งตำหนิ“ที่ก่อนหน้านี้นางไม่พูด ก็เพราะยังไม่มั่นใจในข่าว หากข้าไม่ถามด้วยตนเอง นางก็คงไม่กล้าเอ่ยปากส่งเดช เจ้าอย่าได้แคลงใจไป๋เล่อเด็ดขาด”อาเหลียนสะดุ้ง รีบก้มศีรษะลงแทบจะชิดตักของตนเอง“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! บ่าวมิได้ตั้งใจหมิ่นน้ำใจฮูหยินใหญ่ บ่าวเพียงแต่…กังวล เพราะเรื่องนี้มันช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปจริง ๆ”เจียงจิงถอนหายใจเบา ๆ ราวกับเพิ่งระงับความสั่นไหวในอกได้เล็กน้อย นางรู้ดีว่าอาเหลียนหาได้คิดร้าย เพียงแต่ตกใจกับความจริงที่เหนือความคาดหมายไปไกล“ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ไป๋เล่อ…ถึงแม้เรื่องนี้จะผิดพลาดขึ้นมาสักประการ นางก็ไม่มีวันคิดร้ายต่อข้าเด็ดขาด”นางหยุดไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยประโยคที่แฝงรอยยิ้มบางในน้ำเสียง“อีกอย่าง หากพูดถึงเรื่องเหลือเชื่อ…สำหรับไป๋เล่อแล







