แชร์

4. เสียงกระซิบในวังหลวง

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-28 20:52:01

ยามราตรีปกคลุมดินแดนไอยคุปต์อีกครา... แม้ดวงจันทร์จะส่องแสงเหนือแม่น้ำไนล์ หากแต่มิอาจกลบเงามืดแห่งริษยาและเพลิงอิจฉาที่ค่อย ๆ ก่อตัวในพระราชวังหลวง

ข่าวลือเรื่อง ‘นางทาสจากแดนชมพูทวีป’ ผู้ทำให้ฟาโรห์เมเรนคาเร ทรงเปลี่ยนจากความเฉยชา เป็นพระราชาที่ทรงเริ่มยิ้มแย้มและมีพระบัญชากับนางผู้นี้ถี่บ่อยยิ่งนัก... ได้แพร่กระจายไปราวไฟลามต้นกก

และภายในห้องสนมเอก ที่ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักกลางอันงดงามระยับนั้นเอง กลิ่นชาดหอมกรุ่นจรุง... ปะปนกับกลิ่นความเคลือบแคลงใจ

“เจ้าเห็นหรือไม่... ฟาโรห์มิทรงทอดพระเนตรพวกเราอีกต่อไป...” สุ้มเสียงของ ‘เนเฟรตารี’ สนมเอกแห่งวังหลวง ทายาทของตระกูลขุนนางสูงศักดิ์จากเมืองเธบส์ เอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรุ่ม กระวนกระวาย

“แต่ทรงวาดภาพดอกบัว… หัวร่อต่อกระซิกกับนางทาสไร้ตัวตนจากแคว้นล่มสลาย!!!” สนมอีกผู้หนึ่งกล่าวเสริมเสียงแหลมเจือพิษริษยา สายตาดุร้ายจิกมองออกไปยังนอกตำหนักสนมที่อยู่รวมกันนับสิบคน นางมักสอพลอยกยอสนมเอกอยู่เนืองๆ และเพียรพยายามยกตนข่มสนมบรรณาการต่างถิ่นต่างแดนอยู่ตลอด และไม่ยอมน้อยหน้าและลงให้สนมคนใด... ยกเว้นสนมเอกเนเฟรตารี เท่านั้น

ในตำหนักกลางที่พำนักของเหล่าสนมทั้งหลาย จะมีตำหนักสนมเอกอยู่ทั้งหมดสี่ตำหนัก เรียงรายตามแต่ฟาโรห์จะแต่งตั้งขึ้นตามชาติตระกูลต้นกำเนิดความเป็นมาของนางแต่ละคน สนมเอก สนมรองต้น สนมรองฝ่ายซ้าย สนมรองฝ่ายขวา ทั้งสามนางจะขึ้นตรงกับสนมเอกแต่เพียงผู้เดียว สำหรับสนมบรรณาการที่ไม่มีตำแหน่งจะเป็นเพียง สนมปลายแถว ไม่มีที่นั่งในพระราชพิธีใดใด จะถูกจัดให้นั่งรวมกลุ่มกันเรียงรายตามลำดับก่อนหลังที่ทรงรับเข้ามาสู่ตำหนักบูรพา

“อัมพุ… เจ้าคือผู้ใดกัน!!! เนเฟรตารีเอ่ยชื่อนั้นอย่างเยียบเย็น

“นางช่างร้ายกาจนัก!!! ซ่อนคมมีดไว้ใต้พู่กัน ซ่อนเวทมนตร์ไว้ในกลิ่นดอกไม้”

ณ ตำหนักกลางยามดึก เสียงดังกรอบแกรบจากผืนทรายด้านนอกดังเบา ๆ เมื่อสาวใช้คนหนึ่งรีบร้อนโผเข้าประตูหน้าตำหนักของสนมเอก คลานไปคุกเข่าหน้าสนมเอกเนเฟรตารี

“สนมเอก… ข้าได้ยินจากสาวใช้ตำหนักทิศตะวันออกว่า…”

“มีอันใด จึงร้อนรนเข้ามาหาข้า ข้ามิได้เรียกหา ...บังควรรึ เจ้าอยากถูกลงโทษอย่างนั้นรึ!!!” สนมเอกขึ้นเสียงแหลมดุด่าข้ารับใช้

“มิได้...เจ้าค่ะ ข้า...ข้ามีเรื่องอยากเอามาเล่าให้สนมเอกได้รับรู้” เสียงสาวรับใช้ลนลานเกรงกลัว กล่าวอย่างตะกุกตะกัก

“…ฟาโรห์ทรงอยู่ในห้องบรรทม และเรียกหาแต่ อัมพุ นางทาสนั่น...มาถวายการวาดภาพก่อนบรรทมแทบทุกคืน ... เจ้าค่ะ”

เนเฟรตารีลุกพรวดจากเบาะทอง ปลายเล็บที่ทาสีครั่งแดงกำแน่นจนเล็บจิกลงเนื้อ แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นยังไม่เท่ากับความคับแค้นแทบอกระเบิดที่ได้ยินคำพูดประโยคนั้น

“พอกันที!!! เราจะไม่ยอมให้นางทาสนั่นใช้ปลายพู่กันมาทำลายศักดิ์ศรีพวกเราอีก”

น้ำเสียงตวาดดังลั่น จนสนมอื่นๆ ที่อยู่ข้างตำหนักใหญ่โผล่หน้าออกมาซุบซิบด้วยกระหายใคร่รู้เรื่องราว

อีกมุมหนึ่งภายในวังหลวง อัมพุชินีมิได้รู้เลยว่าตนเองตกเป็นเป้าในเงามืด เธอยังคงเดินไปตามเส้นทางหินอ่อนเรียงรายด้วยเสาสลักรูปเทพีฮาเธอร์ มุ่งหน้าไปยังสวนบัวหลวงส่วนพระองค์ ตามคำบัญชาของฟาโรห์เมเรนคาเร ซึ่งทรงประสงค์จะให้เธอวาดภาพใหม่ถวาย

ค่ำคืนนั้น... พระองค์มิได้เสด็จมาดังเคย ทิ้งให้หญิงสาวนั่งรออยู่ริมสระบัวและความเงียบงัน และในเวลาเดียวกัน... แผนร้ายก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว

รุ่งเช้า ณ ห้องพระโอสถหลวง...

เสียงโกลาหลดังขึ้นเมื่อข้าหลวงนางหนึ่งรุดเข้าไปแจ้งว่า...

“น้ำโอสถที่จะถวายพระองค์เมื่อค่ำคืนก่อน มีผู้ลอบเจือสารพิษบางอย่าง…”

เหล่าหมอหลวงตรวจพบว่า ในหม้อดินน้ำสมุนไพรบัวหลวงนั้น มิใช่เพียงกลิ่นบัว แต่กลับเจือสารจากรากพิษแห่งทะเลทราย จะส่งผลร้ายแรงต่อจิตประสาท

“ใครกันที่กล้าทำร้ายฟาโรห์!!!”

กลางท้องพระโรง พระเนตรของฟาโรห์เคร่งขรึมเย็นเยียบยิ่งนัก แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง... คือ พระสุรเสียงรับสั่งตะคอกลั่นสะท้อนกำแพงดังก้องกังวาน

“เรียกอัมพุ มา!!!… ข้าต้องการรู้จากปากนาง”

อัมพุชินีก้าวเข้าสู่ท้องพระโรงท่ามกลางสายตาเกลียดชังและหวาดระแวงของเหล่าสนมและข้าราชบริพาร

พระพักตร์ของฟาโรห์เมเรนคาเรยังคงสงบนิ่ง มิได้แสดงอาการใดที่บ่งบอกถึงความลำเอียง

“อัมพุ… เจ้าคือผู้จัดเตรียมน้ำบัวหลวงเมื่อคืนนี้!!!”

“เพคะ…” เสียงของอัมพุชินีแผ่วเบา หากแต่หนักแน่น

“ข้ากระหม่อมใช้สมุนไพรจากตำรับเดิม... มิได้เปลี่ยนสิ่งใด... ข้ากล้าถวายสัตย์ต่อฟาโรห์ และต่อเบื้องหน้าของเทพีศักดิ์สิทธิ์ ไอซิส

ท่ามกลางความตึงเครียด เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น...

“แล้วกล่องเครื่องสมุนไพรของนาง... เหตุใดจึงพบรากพิษแห่งทะเลทราย!!!”

คำกล่าวนั้นออกจากปากของเนเฟรตารี ซึ่งปรากฏกายขึ้นอย่างกรีดกราย หันหน้าชำเลืองด้วยสายตาเยาะหยันไปที่อัมพุชินี พร้อมด้วยข้ารับใช้ของนางสองคนที่สะบัดหน้าไม่พอใจ

ในสถานการณ์ตึงเครียด ข้าราชบริพารต่างจับจ้อง หากแต่ฟาโรห์กลับหรี่พระเนตร คล้ายตรึกตรองวิเคราะห์อย่างลุ่มลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณ

“จงนำอัมพุ...ไปยังห้องขังชั่วคราว ข้าต้องสอบสวนให้รู้...และสิ้นสงสัย”

คำบัญชานั้นทำให้หัวใจของเธอหล่นลงสู่พื้นหินอ่อนแทบหมดแรง เธอถูกคุมตัวไปยังคุกกำแพงหินใต้พระราชวัง... สถานที่แห่งนี้ทั้งคับแคบ ทั้งร้อนระอุ เต็มไปด้วยความมืดมน แทบไร้ลมหายใจ

สามวันผ่านไป

ไม่มีใครมาเยี่ยมเยือน ไม่มีข่าวจากพระองค์ ไม่มีแสงอาทิตย์ ในความเงียบสงัดนั้น อัมพุชินีหลับตานิ่ง นั่งสมาธิ มือประสานกันในท่ารูปดอกบัวบนตัก... อย่างเดียวดาย แม้ข้ารับใช้ที่ติดตามมาสองคนก็ไม่อาจฝ่าฝืนคำบัญชา สั่งห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เข้ามาอยู่ในคุกกับเธอ

หากแม้นชะตาจะพรากเธอไป… เธอก็ยินดี หากแต่ความสัตย์จริงยังคงเป็นพยานให้เธอ ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ในสายตาแห่งองค์ฟาโรห์

จนกระทั่งรุ่งสางวันที่สี่…

ประตูหินถูกเปิดด้วยพระหัตถ์ของฟาโรห์เมเรนคาเร พระองค์ทรงยืนอยู่ตรงหน้าในอาภรณ์เรียบง่าย มิใช่ชุดทรงในราชพิธี พระเนตรทอดมองอัมพุชินีอย่างจับจ้อง ก่อนตรัสเบาๆ

“ข้าพบว่า ร่องรอยในกล่องสมุนไพรของเจ้านั้น... มีรอยรากพิษกระบองเพชรสด ซึ่งเจ้าไม่เคยใช้… นั่นยืนยันว่ามีผู้วางกลลวง” พระหัตถ์ของพระองค์ยื่นมาประคองมือสั่นเทาของเธอให้ลุกขึ้นยืนต่อหน้าพระองค์

“ข้าขออภัยต่อเจ้า... อัมพุ”

น้ำตาหยดหนึ่งไหลจากดวงตาของหญิงสาวลงบนฝ่าพระหัตถ์ของฟาโรห์หัวใจหิน แต่บัดนี้หัวใจที่บุด้วยกำแพงน้ำแข็งเริ่มหลอมละลายลง ด้วยน้ำตาของนางทาสจากแดนไกล

“ข้ากระหม่อมไม่เคยถือโทษโกรธพระองค์… แต่ข้าเจ็บปวดนักเพราะพระองค์ไม่ทรงเชื่อที่ข้าได้ทูลไป”

พระองค์มิได้ตรัสใดใดต่อ หากแต่จูงมืออัมพุชินีขึ้นมาจากคุกด้วยพระองค์เอง ท่ามกลางสายตาเหล่าสนมและข้าราชบริพาร ทันทีที่ถึงท้องพระโรง พระองค์ทรงตรัสต่อที่ประชุม...

“ต่อแต่นี้ไป... อัมพุ จักไม่เป็นนางทาส นางคือ ‘ผู้ถวายโอสถและจิตรกรหลวง’ ประจำราชสำนัก” เสียงฮือฮาดังขึ้น... ขณะสนมเอกเนเฟรตารีกัดฟันแน่น เสียงดังกรอดๆ แอบชำเลืองอัมพุชินีอย่างแค้นเคือง

ในเงามืดนั้น...

แผนแรกแม้ล้มเหลว แต่เกมการเมืองในวังไอยคุปต์เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

และ อัมพุชินี... กำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางของแรงริษยาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   10. ความทรงจำฟาโรห์

    สองคืนต่อมา ฟาโรห์เมเรนคาเรทรงรับสั่งให้อัมพุชินี ต้มโอสถสมุนไพรถวายที่ภายในห้องทรงบรรทม หลังจากทรงวาดภาพกับเธอช่วงก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้ายามใกล้พลบค่ำเป็นเวลาแห่งสายลมพัดเอื่อยอ้อยสร้อยจากผืนทรายโดยรอบ โชยเอาลมหายใจแห่งชีวิตตามลำน้ำไนล์ หอบกระแสความอบอุ่นผ่านลอดเข้าบานประตูสลักหินโบราณ คลื่นแห่งชีวิตภายนอกกำแพงพระราชวัง คือหมุดหมายของเหล่าราษฎร ที่ดำรงชีพอย่างเรียบง่าย สงบสุข และปราศจากภัยร้าย ด้วยเพราะบารมีขององค์ฟาโรห์พระองค์นี้ ทว่าสำหรับตัวตนของพระองค์แล้วกลับหาความสงบภายในยากยิ่งเหลือเกิน แม้จะทรงประทับอยู่ภายในพระราชวังใหญ่โตอวดโฉมงดงามแม้แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว...ในหทัยนั้นมิได้มีอารมณ์ที่เรียกว่า สงบสุข มีแต่เรื่องให้ทรงทุกข์กังวล ไม่ว่าจากงานราชการเมือง การปกป้องนคร นโยบายดูแลเหล่าผู้คนภายใต้พระราชอำนาจ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องวุ่นวายจากความอิจฉาริษยาจากทุกซอกทุกมุมภายในราชสำนัก ตั้งแต่สนม ข้าในราชสำนัก ไปจนถึงเหล่าเสนาบดีทุกระดับชั้นราชกิจขององค์ฟาโรห์มิใช่การทำหน้าที่แค่ประทับอยู่บนบัลลังก์แล้วสั่งการเท่านั้น แต่พระองค์ยังต้องส่งเหล่าทหารลับออกไปสอดส่อง เพื่อเป็นหูเป็นตาช่วยพ

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   9. ศิลปะบำบัดอาการ

    ใจที่เคยแข็งดั่งหินผา กลับละลายเมื่อสบตา ... หทัยไยโหยหาแต่นาง”... ... ... ...บรรยากาศยามพลบค่ำ ณ ห้องทรงงานส่วนพระองค์ม่านสีงาช้างบางเบาปลิวไหวพลิ้วตามสายลมเอื่อยอ่อนจากลำน้ำไนล์ เสียงพิณบรรเลงแผ่วแว่วประสานร้อยเรียงตามจังหวะของเส้นสายจากมุมตำหนัก แสงตะเกียงน้ำมันทาทาบลงบนพระพักตร์องค์ฟาโรห์เมเรนคาเร พระเนตรยังไม่ห่างจากภาพวาดบนผืนผ้าเบื้องหน้าภาพนั้น คือ ดอกบัวหลวงสีฟ้า แซมด้วยสีทอง วาดด้วยมือของ จิตรกรหลวง เดิมนางคือหญิงทาสจากแดนกัมโพชน์ นามว่า...อัมพุชินี“เหตุใดเจ้าจึงเลือกวาดดอกไม้ดอกนี้” ฟาโรห์ตรัสถามโดยยังไม่ละสายตาจากภาพหญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงเนิบช้า“เพราะดอกบัว... คือสิ่งเดียวที่งอกงามแม้อยู่ในโคลนตม ... ข้ากระหม่อมเพียงวาดสิ่งที่คล้ายหัวใจของพระองค์เพคะ” ฟาโรห์นิ่งไปครู่หนึ่ง... ก่อนเอื้อมพระหัตถ์รับพู่กันอีกด้ามจากเธอยามราตรี เป็นเวลาที่ฟาโรห์พระองค์นี้พยายามใช้บำบัดอาการลึกลับของพระองค์มาตลอด ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนว่า พระองค์มีอาการอะไร แม้บรรดาสนมทั้งหลายยังไม่เคยได้ใกล้ชิดกับพระองค์ก่อนทรงบรรทม แต่ก็มีเสียงกระซิบในวังหลวงเล่าลือถึงอาการสุดพิสดารพระองค์เองก็เค

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   8. ผู้ร้าย (ยัง) ลอยนวล

    ในเงามืดของวังหลวง มิตรอาจเป็นศัตรู และศัตรู… อาจคือ คนที่ชิดใกล้... ... ... ...เงาราตรีครอบคลุมวังหลวงแห่งไอยคุปต์อีกครั้ง สายลมจากแม่น้ำไนล์พัดผ่านม่านบางเบาในตำหนักหลวง แต่หทัยของฟาโรห์เมเรนคาเรยังมืดมน...ไร้ทางออกใคร… กันแน่ที่บงการอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารอัมพุชินีภายในห้องขังใต้พระราชวังหลวงนาเยรี สนมคนโปรดที่เคยถวายงานพัด บัดนี้ถูกนำตัวมาเบื้องหน้าฟาโรห์อีกครั้ง ดวงตาของนางแดงก่ำ ร่างกายสั่นระริกหวั่นโทษทัณฑ์ถึงแก่ชีวิต"เจ้ารู้...ใช่หรือไม่ฮะ!!! ว่าข้าอาจประหารเจ้าทั้งที่ยังไม่ทันถามเหตุผล"สุรเสียงของฟาโรห์นิ่งเย็นยะเยียบ แต่แววพระเนตรที่กำลังจ้องนางกลับเปี่ยมไปด้วยพายุอารมณ์ เมื่อทรงรับฟังคำยืนยันนั้นอีกครั้ง"ข้ากระหม่อม... ไม่ได้ลอบวางยาพิษ เพคะ... ข้าเพียงทำตามคำสั่ง""ของใคร!!!" ฟาโรห์ตวาดลั่นนาเยรีสะดุ้งสุดตัว ก่อนกล่าวเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน..."พระมารดาเงา เพคะ...!!!" นางยังยืนยันคำพูดเดิมทันทีที่นางเอ่ยนามนั้น บรรยากาศในห้องขังหยุดนิ่ง เหล่าทหารเวรยามไม่กล้าแม้แต่กะพริบตาแต่ในขณะนี้ดวงเนตรของฟาโรห์เมเรนคาเรกลับนิ่งสงบ...ทรงหรี่พระเนตรลงราวกับกำลังตรึกตรองอย่างถ

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   7. ปริศนายาพิษ

    “คมมีดนั้นคือเพียงปลายทาง แต่ยาพิษ… ซึมซาบถึงใจกลางวิญญาณ”... ... ... ...กลิ่นคาวโลหิตที่คละคลุ้งในลมหายใจแห่งรัตติกาลนั้น ยังติดอยู่ในนาสิกของฟาโรห์เมเรนคาเร…เวลาล่วงมาหลายชั่วยาม ร่างของอัมพุชินีหญิงงามผู้เคยเปล่งปลั่งดั่งบัวหลวงในยามรุ่งอรุณ บัดนี้...ไม่ดีขึ้น แต่กลับนอนนิ่งไร้เสียงอยู่ภายใต้ผ้าห่มขลิบทองบนแท่นบรรทมภายในห้องรับรองข้างห้องบรรทมของฟาโรห์ สีหน้าซีดเซียวบนดวงหน้างามผ่อง ขณะนี้ดุจวิหคถูกแรงลมร้ายกำลังพัดมา...พรากเอาดวงวิญญาณของเธอไปโลหิตหล่อเลี้ยงทั่วหทัยของพระองค์เย็นวาบด้วยปริวิตกอย่างยิ่งยวดย้อนคืนสู่เหตุการณ์ก่อนหน้า…เสียงกรีดร้องของอัมพุชินีที่กำลังขอความช่วยเหลือ ขณะนักฆ่าในชุดผ้าคลุมดำจู่โจมเธออีกครั้ง หลังจากมีดสั้นแค่เฉียดหัวไหล่ฉีกผิวบริเวณนั้นเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ด้วยยาพิษที่ชโลมไว้ตรงปลายแหลมนั้นที่ทำให้เธอทรุดหนัก หลังจากแพทย์หลวงได้รักษาบาดแผลได้เพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้นหลังคาภายในราชวังหลวงราวกับสั่นสะเทือน แผ่กระแสความวุ่นวายปกคลุมไปทั่วทุกตำหนัก“นางจิตรกรหลวงได้รับบาดเจ็บ!!! มีดอาบยาพิษ!!!”ย้อนรอยนาทีแห่งมัจจุราช ... ซึ่งฟาโรห์ในขณะนั้นเสด็จอ

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   6. สงครามเงาแห่งตำหนักใน

    แผนร้าย ลอบสังหาร และเพลิงริษยาที่แผดเผา...ลงตรงกลางตำหนักจิตรกรหลวง... ... ... ...กลางค่ำคืนที่กระแสลมร้อนแห้งแล้งพัดเอื่อยอ้อยสร้อยแผ่วผ่านเงาแห่งแสงจันทรา ที่ค่อยๆ ทอดผ่านม่านผ้าไหมสีทองบางเบาภายในตำหนักของจิตรกรหลวง อัมพุชินีนั่งวาดภาพอยูในห้องของตนอย่างเงียบๆ สีน้ำจากกลีบบัวหยดแต้มลงบนผืนผ้าอย่างบางเบา ดวงตาของเธอยังคงเปล่งประกายแห่งความฝัน แม้หัวใจจะรู้ดีว่าโลกเบื้องหลังม่านผ้าสีงามนั้นไม่เคยอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อยเพียงไม่กี่วัน นางทาสจากกัมโพชน์กลับกลายมาเป็น ‘จิตรกรหลวง’ และผู้ถวายงานอย่างใกล้ชิดแด่ฟาโรห์เมเรนคาเร นามของเธอเริ่มกระซิบผ่านจากปากต่อปากในหมู่สนมชั้นสูง สะกิดความรู้สึกให้เกิดแรงกระเพื่อมขยายจากวงเล็กกลายเป็นวงกว้างของบรรดาหญิงงามผู้อยู่ในวังมานานนับสิบปี“ข้าจะไม่ยอมให้หญิงทาสไร้รากเหง้าเช่นนาง ลอยหน้าลอยตาอยู่ต่อไป!!!” เสียงเย็นเยียบของ ‘เมเรตา’ สนมรองต้นผู้มากด้วยอำนาจยิ่งกว่าสนมเอกเนเฟรตารี ดังสะท้อนก้องในห้องประชุมลับกลางค่ำคืน หญิงงามจากราชวงศ์แห่งธีบส์ผู้ถูกขนานนามว่า ‘นกยางขาวแห่งลุ่มน้ำไนล์’ กลับกลายเป็นสตรีที่ขุ่นมัวด้วยแรงริษยาสูงยิ่งกว่านางผู้ใด“พระองค

  • อัมพุชินี จอมใจไอยคุปต์   5. ภารกิจแรก (ซ่อนนัยยะ)

    ค่ำคืนนี้ พระราชวังหลวงแห่งไอยคุปต์เรืองรองทอประกายแสงแห่งดวงตาเทพรา พระจันทร์ทรงกลดฉาบแสงเงินบนหลังคาทองคำของตำหนักทุกหลัง และในท่ามกลางอุทยานหลวงที่เงียบสงบ ท้องฟ้าดูเหมือนจะเฝ้ามองการเริ่มต้นของบริบทที่สำคัญยิ่ง ...ที่มีเพียงหัวใจสองดวงเท่านั้นที่เข้าใจความหมายในท่วงทำนองความเป็นไปอัมพุชินี ยืนอยู่หน้าตำหนักขนาดย่อมติดสวนบัวหลวง ที่เพิ่งได้รับพระราชทานจากฟาโรห์เมเรนคาเร พร้อมตราตำแหน่ง "จิตรกรหลวงแห่งไอยคุปต์" เธอเป็นหญิงทาสคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ของพระราชวังทองคำแห่งนี้คำกล่าวขานนี้ไม่ใช่เพียงชื่อเรียก หากคือ 'เกียรติยศ' ที่ไม่มีนางทาสนางใดในไอยคุปต์เคยได้ครอบครองมาก่อนพื้นที่ทำงานภายในตำหนักที่นางได้รับนั้นไม่ได้กว้างใหญ่ แต่ทว่าเต็มไปด้วยแสงเทียน กลิ่นบัวหลวง และพู่กันที่จัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะหินมีผืนผ้าเปลือกไม้จากแคว้นอียาเทป รอให้ศิลปะจากปลายนิ้วเรียวของเธอมอบชีวิตให้อย่างมีสีสัน“ตำแหน่งนี้...หาใช่เพื่อข้าแต่ผู้เดียว...”อัมพุชินีพึมพำ...“หากเพื่อแคว้นที่ล่มสลาย เพื่อพระบิดา เพื่อความทรงจำที่มิอาจถูกลบเลือน”ในขณะเดียวกัน ฟาโรห์เมเรนคาเร เสด็จกลับสู่ตำหนักปร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status