แชร์

บทที่ 7

ผู้เขียน: จุ้ยหลิงซู
คำพูดของไทเฮาไม่มีใครได้ยิน

และตอนที่ฮองเฮาเห็นอ๋องเจวี้ยนในชุดมงคลเดินเข้ามา ดวงตาก็มีเงามืดทมึนหลั่งทะลัก

ของชั้นต่ำที่นังแพศยานั่นคลอดออกมา จะแต่งงานมีพระชายาแล้ว!

ไม่ ฝันไปเถอะ!

พิธีวันนี้ นางจะล่มมันเสีย!

ฮองเฮาคิดในใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา เอียงหน้าไปเอ่ยกับองค์จักรพรรดิเสียงแผ่วเบาว่า "องค์จักรพรรดิมักจะกังวลเรื่องสุขภาพของอ๋องเจวี้ยน ดูเอาเถิด อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่ว่าเติบโตมาสูงใหญ่หล่อเหลาหรอกหรือ?"

อายุสั้นอะไรกัน ทำไมไม่เห็นว่าจะดูอายุสั้นตรงไหน?

องค์จักรพรรดิหัวเราะร่า "แม้จะบอกว่าอายวนจะดูคล้ายกับไท่ซ่างหวงตอนหนุ่มก็เถอะ แต่พอดูแบบนี้พวกเราพี่น้องก็ดูคล้ายกันอยู่พอควรนะ"

พอได้ยินองค์จักรพรรดิพูดถึงไท่ซ่างหวง ฮองเฮาก็แค้นจนเข็ดฟัน

นี่เป็นเพราะเจ้าคนชั้นต่ำนี่หน้าตาคล้ายกับไท่ซ่างหวง ดังนั้นตั้งแต่เล็กจึงถูกไท่ซ่างหวงปกป้องไว้ หลายต่อหลายครั้งก็จัดการเขาไม่ได้เสียที

ไท่ซ่างหวงกลัวว่าเขาที่ร่างกายอ่อนแอพอโตมาจะแย่งอะไรกับใครไม่ไหว ก่อนหน้าที่จะตายถึงกับทิ้งโองการไว้ให้แก่เขา รอจนเขาเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ พอรับพระชายา ก็จะมีคนนำของขวัญชิ้นใหญ่มามอบให้กับเขา

กระทั่งองค์จักรพรรดิเองก็ยังไม่รู้ว่าไท่ซ่างหวงทิ้งอะไรไว้ให้อ๋องเจวี้ยน

พิธีมงคลใหญ่ของอ๋องเจวี้ยนวันนี้ ของขวัญชิ้นใหญ่ที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ในครั้งนั้นอาจจะมีคนนำมาส่งเข้ามา ดังนั้นพวกเขาจึงล้วนมาอยู่ที่นี่

เหล่าขุนนางกลับมองอ๋องเจวี้ยนอย่างสนอกสนใจ

ยี่สิบปีมานี้ จำนวนครั้งที่อ๋องเจวี้ยนกลับเมืองหลวงคือนับนิ้วได้ มาเร็วไปไว ถ้าไม่ใช่นั่งรถม้ากลับมาก็คือนั่งเกี้ยว มีคนน้อยมากที่ได้เห็นหน้าตาของเขา

ตอนนี้พอเห็นความหล่อเหล่าของอ๋องเจวี้ยนก็ล้วนวางตาลงไม่ได้กัน

"ดูคล้ายกับท่านไท่ซ่างหวงสมัยยังหนุ่มมากจริงๆ" มีขุนนางชราทอดถอนใจขึ้น

"แต่อ๋องเจวี้ยนทำไมจึงสวมหน้ากากล่ะ?"

หน้ากากของอ๋องเจวี้ยนทำขึ้นเป็นพิเศษ เล็กๆ แค่ครึ่งเดียว ไม่ได้ปิดบังใบหน้ามากนัก แต่ก็ยังนับเป็นหน้ากากอยู่

ทุกคนล้วนตกตะลึง

"เคยมีคนพูดว่าอ๋องเจวี้ยนโดนพิษจนต้องไปพบหมอผี ชีวิตช่วยกลับมาได้ แต่อาการพิษกระจายไปบนใบหน้าเขา และไม่อาจขจัดออก ดังนั้นหน้าจึงเละไป จะใช่สาเหตุนี้ไหมนะ?"

มีคนแอบกระซิบข้อมูลที่ตระกูลตนเองได้รับออกมา

ฮึ่ม...

ถ้าว่าเช่นนี้ อ๋องเจวี้ยนก็หน้าเละเป็นผีไปครึ่งหนึ่งหรือ?

คงต้องน่ากลัวมากแน่ ไม่เช่นนั้นจะสวมหน้ากากทำไม?

"ไม่รู้ว่าคุณหนูฟู่เห็นอ๋องเจวี้ยนแล้วหรือยัง"

"มาแล้วมาแล้ว! เจ้าสาวมาแล้ว!" มีคนร้องขึ้นมา

ในสวนดอกไม้ ที่มุมหนึ่ง สาวใช้สองคนประคองฟู่จาวหนิงซ้ายขวาเดินเข้ามา

ชุดมงคลแดงปักทอง สวมอยู่บนร่างกายสูงโปร่ง นางย่างเท้าเชื่องช้า ท่วงท่าสง่างาม เดินเข้ามาราวกับภาพวาด

ฟู่จาวหนิงคนมากมายล้วนรู้จัก ถึงอย่างไรนางช่วงนี้ก็พัวพันอยู่กับเซียวเหยียนจิ่งบ่อยๆ คนไม่น้อยเห็นนางเป็นตัวตลกไปแล้ว

แต่ก่อนหน้าก็ไม่เห็นว่าฟู่จาวหนิงที่ไม่เผยใบหน้า แค่เดินเข้ามาก็จะสั่นคลอนจิตใจคนมากมายได้ขนาดนี้

อ๋องเจวี้ยนมองฟู่จาวหนิงที่ถูกพามาอยู่เบื้องหน้าเขา

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่สงบนิ่งของนาง ไม่มีหายใจหอบถี่ และไม่มีความตึงเครียด ดูผ่อนคลายสบายมาก

"ท่านอ๋อง" หงจั๋วนำผ้าแพรแดงด้านหนึ่งส่งไปเบื้องหน้าเขา อีกด้านหนึ่งถูกฟู่จาวหนิงจับไว้ในมือ

อ๋องเจวี้ยนรับมา เอ่ยเสียงต่ำกับฟู่จาวหนิงว่า "ตอนนี้จะถอนตัวยังทันนะ"

"ถ้าท่านอ๋องไม่เสียใจ ก็กราบไหว้ฟ้าดินกันเถิด" เสียงของฟู่จาวหนิงลอดออกมาจากในผ้าคลุมแดง น้ำเสียงแจ่มชัดแน่วแน่

"ดี"

อ๋องเจวี้ยนจูงผ้าแพรแดง พานางเข้ามาในโถงพิธีมงคล ยืนอยุ่เบื้องหน้าไทเฮาองค์จักรพรรดิ

แม้จะสวมผ้าคลุมแดงอยู่ แต่ฟู่จาวหนิงก็เหมือนสัมผัสได้ถึงสายตามากมายที่ตกอยู่บนตัวตนเอง

"เดิมทีพิธีแต่งงานของอ๋องเจวี้ยนก็ควรจะจัดอย่างอึกทึกคึกโครม ยิ่งใหญ่อลังการจึงจะถูก แต่การที่รีบร้อนเช่นนี้ จึงตกแต่งโถงพิธีมงคลจนเหมือนชาวบ้านทั่วไป เทียบเชิญงานมงคลอย่างเป็นทางการก็ยังไม่ทันได้ส่ง แขกเหรื่อก็เชิญมาไม่เพียงพอ ขบวนริ้วแดงสิบลี้วนรอบเมืองสามรอบก็ไม่มี นี่ช่างผิดต่ออ๋องเจวี้ยนเสียเหลือเกิน"

ฮองเฮามองอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าด้วยกัน ยิ่งมองก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ เพราะไม่รู้ทำไม สองคนนี้พอยืนอยู่ด้วยกันก็รู้สึกว่าคู่ควรกันเสียจริง

นางถอนหายใจเบาออกมา มองฟู่จาวหนิง "แต่ข้าก็คิดไม่ถึงเลย ว่าในเมืองหลวงแคว้นเจาของพวกเรา จะยังมีหญิงสาวเช่นคุณหนูฟู่อยู่อีก วันแต่งงานยังไปถอนหมั้นต่อหน้าธารกำนัลกลางถนน แล้วยังหาสามีใหม่ส่งๆ อีกด้วย"

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนกลั้นหายใจ ไม่กล้าส่งเสียง

ฟู่จาวหนิงเองก็ใจเต้นขึ้นมา

ฮองเฮากำลังบอกว่าเธอไร้มารยาทไม่รู้จักพิธีการอ้อมๆ อยู่สินะ?

เพราะว่านางทำผิดต่ออ๋องเจวี้ยน หรือว่ากำลังประชดอ๋องเจวี้ยนที่แต่งกับนาง หญิงสาวที่ไปก่อเรื่องจนโด่งดังไปทั้งเมืองในวันเดียวคนนี้กัน?

ฟู่จาวหนิงไม่ใช่คนนิสัยที่ชอบอดทนกล้ำกลืนอยู่แล้ว

พอสิ้นเสียงฮองเฮา นางก็เอ่ยปากขึ้น ด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกับฮองเฮา

"จาวหนิงเองก็ไม่คิดเช่นกัน ว่าข่าวจะส่งไปยังวังหลวงเร็วเช่นนี้ แต่ว่าในเมื่อฮองเฮาก็ทรงได้ยินแล้ว ก็คงจะรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ต่อรัฐทายาทเซียว ที่วันแต่งงานไม่ยอมไปรับเจ้าสาว แต่ยังอยู่บ้านสวมชุดไว้ทุกข์ ซ้ำยังมาโอบกอดผู้หญิงคนอื่นที่กลางถนนด้วยใช่หรือไม่?"

คนทั้งลานจ้องมองนางอย่างตกตะลึง

คุณหนูฟู่ตอนนี้ยังกล้าพูดอีกหรือ? แล้วยังปะทะกับฮองเฮาอีกด้วย

หญิงสาวที่ถอนหมั้นแล้วออกเรือนอีกครั้งกลางถนน ความกล้าหาญนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเอาไปเปรียบด้วยจริงๆ!

ฟู่จาวหนิงเอ่ยต่อ "จาวหนิงเดิมทีก็ไม่ได้รู้จักมักจี่กับรัฐทายาทเซียวเท่าไรนัก ไม่ต้องพูดเรื่องความรู้สึกเลย ก็แค่การแต่งงานจากการหมั้นหมายของสองตระกูล รวมไปถึงเห็นแก่สุขภาพของท่านปู่ จึงทำให้ต้องจำใจแต่งงานกับรัฐทายาทเซียวก็เท่านั้น"

อ๋องเจวี้ยนในดวงตาเปล่งประกาย

ไม่ค่อยรู้จักมักจี่กับรัฐทายาทเซียวหรือ? นี่อยากบอกว่านางไม่ได้ชอบเซียวเหยียนจิ่งใช่ไหม?

"แต่ว่าจาวหนิงก็แสนจะโชคดี เกี้ยวเจ้าสาวยังไม่ทันหามเข้าจวนตระกูลเซียวก็มีคนทำให้ข้าได้เห็นธาตุแท้ของรัฐทายาทเซียว และได้พบกับชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมเหนือผู้อื่นอย่างอ๋องเจวี้ยน ทิ้งตาปลาคว้าไข่มุก จาวหนิงเลือกทำผิดหรือ? หรือว่าฮองเฮาคิดว่าที่จาวหนิงเลือกอ๋องเจวี้ยนเป็นสิ่งผิด?"

ตอนที่นางพูดคำนี้ก็หันไปมองอ๋องเจวี้ยน

อ๋องเจวี้ยนสีตาหม่นลงเล็กน้อย

ไทเฮาเองก็มองฟู่จาวหนิงอยู่ตลอด

หญิงสาวคนนี้กำลังเปลี่ยนความคิด ยิ่งไปกว่านั้นยังบีบให้ฮองเฮาพูดว่านางทำไม่ถูกไม่ได้ด้วย มิเช่นนั้นจะเท่ากับเขาสู้เซียวเหยียนจิ่งไม่ได้

ท่านอ๋องเซียวก็เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกับองค์จักรพรรดิเท่านั้น ลูกชายของลูกพี่ลูกน้อง จะมาเทียบกับลูกชายคนเล็กที่ไท่ซ่างหวงรักที่สุด น้องชายขององค์จักรพรรดิได้อย่างไร ไม่มีทางเทียบกันได้

ฮองเฮาต่อให้เกลียดชังอ๋องเจวี้ยนแค่ไหน ก็ไม่อาจพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิได้

"คุณหนูฟู่นี่ช่างปากคอคมคายเสียจริง"

ฮองเฮาประโยคนี้พูดออกมาจนเสียงดูเย็นชา

"ข้าก็แค่กังวลว่าอ๋องเจวี้ยนที่รีบร้อนแต่งงาน จะจัดงานได้ไม่ยิ่งใหญ่พอ แต่คุณหนูฟู่ก็พูดออกมาเสียมากมาย ปากนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ"

"เอาล่ะเอาล่ะ ในเมื่ออายวนก็ยอมรับแล้ว พวกเราไม่ต้องกังวลแทนเขาหรอก" ไทเฮาเอ่ยขึ้นบ้าง "ฤกษ์ดีแล้วใช่ไหม? ควรกราบไหว้ฟ้าดินได้แล้ว"

เมื่อไทเฮาเอ่ยขึ้น ฮองเฮาในใจจะไม่ยินดีเช่นไรก็พูดอะไรต่อไม่ได้แล้ว

องค์จักรพรรดิกลับมองอ๋องเจวี้ยนอย่างตั้งใจ "เซียวหลันยวน เจ้าคิดจะรับฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาจริงใช่หรือไม่ คิดดีแล้วนะ?"

อ๋องเจวี้ยนยังไม่ทันเอ่ยปาก ด้านนอกก็มีเสียงคนตะโกนขึ้นมา "เขาจะไม่แต่ง!"
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2581

    ฟู่จาวหนิงยกนิ้วโป้งให้กับเซียวหลันยวน"ตอนนี้ท่านมีความรู้เรื่องแพทย์บ้างแล้วนี่นา มองออกด้วยว่าเป็นตำรับยาบำรุงครรภ์""สามปีก่อนตำรับยาที่เจ้าใช้ข้าเคยเห็นอยู่ แน่นอนว่าต้องจำได้สิ"เซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้เรียนแพทย์มา เพียงแต่ตอนนั้นตำรับยาที่ฟู่จาวหนิงกินเขาเองก็ได้อ่านอย่างละเอียดอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นเขายังคอยมองดูของที่นางกินเข้าปากอย่างระมัดระวังด้วย ดังนั้นจึงจำวัตถุดิบยาที่เกี่ยวข้องได้กระทั่งของที่สตรีมีครรภ์ไม่ควรกินไม่ควรแตะต้องเขาก็ยังจำเอาไว้ดังนั้นตอนนี้พอเขาเห็นตำรับยานี้ก็สามารถมองออกได้ทันที"หนิงหนิง เจ้า..."สายตาของเซียวหลันยวนเหลือบมองลงไปบนท้องนางตามสัญชาตญาณ กลั้นหายใจ รู้สึกตึงเครียดหน่อยๆก่อนหน้านี้เดิมทีเขายังคิดว่า จาวหนิงตั้งครรภ์แค่ครั้งเดียวก็พอ จะลูกชายหรือลูกสาวก็ได้ถึงอย่างไรการคลอดเด็กสำหรับหญิงสาวแล้ว ถือเป็นเรื่องที่เหมือนเดินผ่านประตูผีเลยทีเดียวฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ก็เคยคิดว่าตนเองจะตั้งครรภ์แค่ครั้งเดียวพอแต่ว่า น่าจะเพราะเด็กสองคนในครรภ์ที่แล้วว่าง่ายเกินไป ไม่ดื้อไม่ซนเกินไป คลอดออกมาได้ง่ายเสียขนาดนั้น จึงทำให้นางตอนนี้กัง

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2580

    เซียวหลันยวนวางชามชาลง แล้วจึงเหยียบขึ้นเส้นทางกลับเมืองหลวงอีกครั้งพอเข้าเมือง ความเจริญรุ่งเรืองและความคึกคักก็พุ่งเข้ามาทันทีในเมืองดอกไม้บานสะพรั่ง ประชาชนและพ่อค้าที่สัญจรไปมา ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่มาสองปีหรือว่าเพิ่งจะเข้ามา ก็อดไม่ได้ที่จะต้องมองไปรอบๆ เนื่องจากถูกทิวทัศน์อันงดงามของเมืองหลวงและร้านรวงต่างๆ รายรอบดึงดูดและข้างถนนก็ยังมีร้านรวงอีกไม่น้อย วางขายของกระจุกกระจิกต่างๆ ของเหล่านี้พ่อค้าที่มาจากภายนอกก็ชอบไปเดินชม เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาไปสถานที่อื่นแล้วยังไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความสดใหม่พ่อค้าที่มายังตงฉิงช่วงนี้ ยังมีบางส่วนที่พาครอบครัวมาด้วย น่าจะเพราะพอกลับไปเล่า เหล่าภรรยาและลูกก็รู้สึกสนใจต่อตงฉิงอย่างมาก ดังนั้นคนที่มีฐานะหน่อยจึงพาครอบครัวมาด้วยด้วยเหตุนี้ บนถนนเมืองหลวง จึงสามารถมองเห็นคนต่างถิ่นที่พาครอบครัวเข้ามาด้วย"องค์จักรพรรดิกลับเมืองแล้ว"ขณะที่รถม้าของเซียวหลันยวนแล่นไปตามถนนใหญ่ ประชาชนสองฝั่งทางถนนกับเหล่าพ่อค้าก็มองเข้ามา ในสายตาล้วนเป็นความภาคภูมิใจ สีหน้าล้วนแสดงถึงความเลื่อมใสศรัทธา"นั่นคืออ๋องเจวี้ยนหรือ?" ข้างทางม

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2579

    หยกตงฉิงขายออกไปครึ่งปีแล้ว และค่อยๆ มีชื่อเสียงขึ้นมาในแต่ละแคว้น อีกทั้งด้วยเหตุผลอีกหลายประการ ปัจจุบันปริมาณยังไม่มากพอ ดังนั้นราคาจึงถูกปั่นจนสูงลิบฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเสวียนทั้งสองคนหารือถึงความร่วมมือกับพ่อค้าใหญ่ในแคว้นต่างๆ ในนี้มีคำสั่งซื้ออยู่ไม่น้อยเลย แค่เหมืองหยกของตงฉิงแห่งนี้ ก็สามารถนำกำไรมหาศาลมาให้ตงฉิงได้แล้วเพราะการปรากฏตัวของหยกตงฉิง จึงดึงดูดพ่อค้าจำนวนมากหันมาสนใจตงฉิงมากขึ้นและตงฉิงตอนนี้ถ้าจะเข้ามาต้องได้ใบรับรองที่ด่านชิงอวี้ก่อน ด่านชิงอวี้นี้ เฉิงอวิ๋นเจี้ยนนำคนเข้าไปประจำการอยู่พวกเขามีสายลับอยู่ พอพบว่าคนที่จะเข้าตงฉิงมีพิรุธ ก็จะส่งข่าวไปที่ตงฉิงอย่างรวดเร็ว และหอเมืองของตงฉิงก็จะเตรียมปืนใหญ่พิทักษ์แคว้นขึ้นทันทีพวกของเซียวหลันยวนในช่วงสองปีที่ตระเตรียมเรื่องเหล่านี้ หลายครั้งที่ทำงานหนักจนลืมกินลืมนอน ยุ่งกันมากๆแต่ก็อาจเป็นเพราะต่างฝ่ายต่างยุ่ง จึงไม่มีมีเวลาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายจากปากของคนอื่น ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงกลับมีแนวโน้วที่ดีขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะตอนที่ได้ยินประชาชนหรือข้าร

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2578

    ความหมายที่ว่าเซียวหลันยวนไม่ได้ตรงไปตรงมานักก็คือ สองปีนี้อันที่จริงเขาก็ส่งสายลับไปหาเรื่องแคว้นต่างๆ อยู่เนืองๆคนพวกนั้นจะทำทุกวิถีทางเพื่อส่งข้อมูลผิดพลาดให้กับจักรพรรดิของแต่ละแคว้น หรือไม่ก็สร้างความขัดแย้งและปัญหาบางอย่างในหมู่ขุนนางพวกเขา เพื่อให้พวกเขาไม่หันมาสนใจตงฉิงมากนักกระทั่งยังทำให้พวกเขาคิดว่า ตงฉิงทางนี้เกิดภัยธรรมชาติขึ้นอีกครั้ง ต่อให้พวกเขามาแย่งชิงไปก็ไม่คุ้ม ไม่ค่อยได้รับประโยชน์เท่าไรตอนนี้ในเมืองหลวงแคว้นต่างๆ พอได้ยินชื่อตงฉิง ก็มีข่าวลวงผิดพลาดสับสนวุ่นวายอยู่ไม่น้อยเลยเซียวหลันยวนไม่สนใจสักนิดว่าตงฉิงตอนนี้จะมีชื่อเสียงดีหรือไม่ดี เพราะตอนนี้สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือช่วงชิงเวลาที่เพียงพอมาทำให้ตงฉิงขยับขยายอย่างแข็งแกร่งขึ้นมา"แต่เหมือนข้าจะเห็นว่าช่วงนี้ในเมืองหลวงมีคนหน้าใหม่ไม่น้อยเลยนะ" อันชิงเอ่ยขึ้น"มีคนที่ดูเหมือนพวกพ่อค้าเข้ามาไม่น้อยเลย" องค์หญิงหนานฉือเองก็พูดขึ้นมาฟู่จาวหนิงยิ้มๆ "แน่นอน เรื่องอย่างหาเงินหากำไร พวกพ่อค้ามักจะมีความรู้สึกไวอยู่เสมอ ขณะที่พวกเราส่งข่าวลวงไปทางแคว้นต่างๆ พวกนั้น ก็จะแอบส่งข่าวปกติให้กับพ่อค

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2577

    หนึ่งปีต่อมา ทุกด้านของตงฉิงก็เข้าที่เข้าทางแล้วและตอนนี้เอง จักรพรรดิและเหล่าขุนนางของแคว้นอื่นจึงเพิ่งได้ยินข่าวที่มากขึ้นของตงฉิงอันที่จริงครึ่งปีก่อนพวกเขาเองก็ได้ยินมาแล้วแต่ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้ใส่ใจนัก รู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนแค่ถูกจักรพรรดิเจาบีบจนไม่มีทางเลือก ดังนั้นจึงต้องหาทางรอดในสถานการณ์สิ้นหวังก่อนหน้านี้แต่ละแคว้นก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ส่งคนออกไปสำรวจซากปรักหักพังของตงฉิง ซึ่งมีทั้งที่หาไม่พบ มีทั้งหาพบบ้างบางส่วน จากนั้นก็ได้พบว่ามันเป็นเมืองร้างที่ "ตาย" ไปในกระแสประวัติศาสตร์แล้วต้องใช้แรงคนและทรัพยากรมหาศาลเลยทีเดียว แล้วพวกเขาเองก็มีแผ่นดินของตนเองอยู่แล้ว จึงไม่ได้ไปทุ่มเทเสาะหาต่อเท่าไรนักดังนั้นในใจคนมากมาย ตงฉิงก็เป็นเช่นนั้น เจอกับซากปรักหักพังแล้วทำไมล่ะ? เมื่อไม่มีคน ทั้งหมดก็สูญเปล่าจะให้พวกเขาส่งคนมากมายเข้ามา ก็น่าจะต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจ ไม่รู้ว่าจะต้องลงทุนเงินทองอีกเท่าไรจึงจะสร้างให้ดีขึ้นได้ทุกคนแม้จะสนใจต่อทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ในอดีตของตงฉิง แต่ถ้าจะต้องบุกเบิกก็ไม่มีความสนใจกันแล้วดังนั้น ต่อให้รู้ว่าเซียวหลันยวนพาคนไปที่ตงฉิ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2576

    สามเดือนต่อมา ตงฉิงฟื้นฟูแคว้นราชวงศ์ตงฉิงเซียวหลันยวนขึ้นเป็นจักรพรรดิ มีนามว่าจักรพรรดิหมิงหนึ่งเดือนต่อมา จักรพรรดิหมิงสถาปนาฟู่จาวหนิงขึ้นเป็นฮองเฮา เซียวหลิงอี้ลูกชายคนโตขึ้นเป็นองค์รัชทายาทซืออวี๋ชิงจวินเป็นราชครูแคว้น เสิ่นเสวียนเป็นเสนาบดีซ้าย อันเหนียนเป็นเสนาบดีขวาฟู่จิ้นเชินขึ้นเป็นพระสัสสุระแห่งราชวงศ์ฟู่จาวเฟยถูกแต่งตั้งเป็นขุนพลเฟยหู่ จงเจี้ยนเป็นผู้บัญชาการราชองครักษ์ถังอู๋เจวี้ยนไม่ต้องการเป็นข้าราชการ ถังอู๋เยว่เข้าร่วมสำนักหมอหลวง แต่เพียงแค่ดูแลการรับแพทย์มาชั่วคราวเท่านั้น เพราะตอนนี้สำนักหมอหลวงยังมีแค่คนไม่กี่คนส่วนต่งฮ่วนจือศิษย์พี่รองฟู่จาวหนิงก็พาคนเข้ามาหลายคน แนะนำให้เข้าไปยังสำนักหมอหลวงองค์หญิงหนานฉือกับอันชิงทั้งสองคนเปิดสำนักศึกษาหญิงขึ้นแห่งหนึ่ง มีชื่อว่าสำนักศึกษาอวิ๋นจานหน่วยตีอาวุธของตงฉิงปัจจุบันถือว่าสำคัญอย่างยิ่งยวด ถังอู๋เจวี้ยนเองก็มีตำแหน่งอยู่ในนี้ คอยช่วยงานชั่วคราวฮองเฮาฟู่จาวหนิง ในช่วงนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความรอบรู้และพรสวรรค์หลากหลายของนาง นางแทบจะกลายเป็นคนที่มีความสามารถในทุกที่ สำนักหมอหลวงมักเชิญนางไปสอน หน่วยตีอา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status