ท่านอ๋องเกือบสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปก่อนจะหันมามองหน้าลี่อิน
“เจ้า ชวนข้าไปที่ใดนะ”
“ไปห้องท่านอ๋องไง ไปทำแผล พระองค์ตกใจสิ่งใดเพคะ”
“อ่อ เจ้าจะทำแผลให้ข้าเช่นนั้นหรอกหรือ”
“ท่านอ๋องเลี้ยงข้าวแล้ว หม่อมฉันก็ต้องตอบแทนบ้้างสิ จะได้ไม่ติดค้างกัน”
“ก็ได้ ตามมาสิ”
ท่านอ๋องเดินนำนางมายังห้องของเขาพร้อมกับสั่งให้หวังเจานำกล่องยาเข้ามาวางให้หงลี่อิน เมื่อวางกล่องยาลง นางจึงได้แกะผ้าพันแผลของเขาออก นางเห็นแผลด้านในแล้วนึกสยอง นี่คือฟันของนางจริงๆงั้นหรือ
“แผลลึกมากเหมือนกันนะ”
“นี่เจ้ากำลังเป็นห่วงข้า หรือกำลังชมฝีมือกัดของตัวเองกันแน่”
“แน่นอน ต้องชมตัวเองสิกัดได้เยี่ยม แผลงามมาก”
“แมวพยศ”
“ท่านอ๋องว่าอะไรนะเพคะ”
“เปล่า โอ๊ย เจ้าเบาๆหน่อยสิ”
“พระองค์นี่ก็แปลก ตอนกัดไม่เห็นจะร้อง”
“ข้าขอโทษ”
ลี่อินชะงักไปเมื่อนางค่อยๆทายาให้เขาอย่างระวัง นางค่อยๆเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ
“ท่านอ๋องขอโทษหม่อมฉันเรื่องอะไรเพคะ”
“เรื่องเมื่อคืน ข้าไม่คิดว่าเจ้าเฉียนเซินนั่น จะมือไว จนไปคว้าเอวเจ้าข้าขอโทษที่ห้ามเขาไม่ทัน”
ลี่อินหยุดนิ่งไป ที่จริงแล้วนางกำลังดีใจอยู่ ท่านอ๋องที่เย็นชาราวน้ำแข็ง โหดเหี้ยมราวสัตว์ป่าแต่พูดขอโทษนางด้วยเรื่องนี้ เพียงเท่านี้นางก็พอใจมากแล้ว เมื่อนึกถึงภาพที่เขาขู่จะฆ่านางมาหลายรอบ
“หม่อมฉันจะพันแผล”
“เจ้าไม่โกรธแล้ว”
“ท่านอ๋องก็ขอโทษแล้วนี่ หลังจากนี้....”
“ข้าจำเป็นต้องพึ่งเจ้า”
“อย่าได้หางานที่อันตรายมาให้หม่อมฉันอีกก็แล้วกัน”
“ข้า..จะพยายาม”
ลี่อินเงยหน้ามองเขา ก่อนจะก้มไปพันแผลของเขาต่อจนเสร็จ ผ้าพันแผลของนางทำได้เร็วและสวยกว่าที่หวังเจาทำให้เขามากนัก ลี่อินเก็บยาก่อนจะหันไปถามเขา
“เหตุใดท่านต้องทำตัวให้มีความลับขนาดนี้ ทำอย่างกับว่าท่านจะก่อกบฏอย่างนั้นแหละ”
ท่านอ๋องหยุดนิ่งไปสายตาเขาเริ่มเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาและไร้ความรู้สึกเช่นเดิมก่อนจะเดินมาดึงแขนนางอย่างแรง
“โอ๊ยท่านอ๋อง ข้าเจ็บนะ”
“หวังเจา!!”
“ขอรับ”
“ไปส่งแม่นางหงที่จวน”
“เอ่อ…”
“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าสั่งงั้นหรือ ไปส่งนางเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้อง!! หม่อมฉันกลับเองได้ ท่านอ๋องไม่ต้องลำบาก หลังจากนี้เราก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ถือเสียว่าหม่อมฉันไม่ได้มาที่นี่ก็แล้วกัน ขอตัวก่อน”
หงลี่อินเดินออกจากจวนไปด้วยความรวดเร็ว หวังเจารีบวิ่งตามนางออกมา
“คุณหนูหงขอรับ คือว่า ให้ข้าไปส่งนะขอรับ”
“ไม่ต้องหรอกท่านไปดูแลท่านอ๋องเถิด อารมณ์เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงอย่างกับคนป่วย อย่าให้เขาเป็นบ้าจนไปไล่กัดผู้อื่นเข้าก็พอ ข้าขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ”
“เอ่อ คุณหนู คือ…เฮ้ยย ท่านอ๋อง แล้วแบบนี้ใครเขาจะไปช่วยท่านทำงานได้”
หงลี่อินเดินออกจากจวนอ๋องและมุ่งตรงกลับจวนทันที เมื่อเดินเข้ามาที่จวนก็พบว่าโอหยางยังอยู่ในจวนกับซินมี่
“อ้าวพี่ใหญ่ ท่านกลับมาแล้วหรือ เหตุใดท่านจึงเดินมาเองเล่า ไม่มีรถม้ามาส่งงั้นหรือ”
“เหตุใดต้องมีรถม้ามาส่ง ข้าเดินมาเองได้ ขอตัวก่อน”
“เอ่อลี่อิน เรื่องเจ้ากับท่านอ๋องนั่นมันอย่างไรกันงั้นหรือ ไม่อธิบายให้พวกข้าฟังเสียหน่อยหรือ”
“จะมีอะไรกันเล่าเจ้าคะ ก็ข้าแค่ช่วยคุณชายซูเพื่อนท่านมิใช่หรืออย่างไรล่ะ ก็แค่กันเขาออกไป ก็เท่านั้น จบแล้วก็แยกย้าย เอาล่ะ ข้าขอตัวก่อนนะเหนื่อยมากเลย”
“เอ่อ ได้ๆ ข้าเองก็จะกลับแล้วเช่นกัน ไว้พบกันใหม่”
“ไว้พบกันเจ้าค่ะพี่โอหยาง”
จวนท่านอ๋อง
“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านจึงทะเลาะกับคุณหนูหง แล้วพรุ่งนี้จะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ หากไม่ไปกับนาง มีหวังสกุลหลิงได้จับได้ว่าพวกท่านโกหก”
“ข้าไม่สน พวกเขาก็ได้ลูกเขยไปแล้วนี่ ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเสียหน่อย”
“ท่านลืมคุณหนูสกุลลี่ไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ลี่ฟาง นางจะไปงานนี้ด้วยงั้นหรือ”
“ไปสิพ่ะย่ะค่ะ พระองค์เห็นงานไหนที่พระองค์ไปแล้วนางไม่ไปบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วงานนี้ได้เชิญสกุลหงไปด้วยหรือไม่”
“สกุลหงเป็นสกุลขุนนางชั้นสูง ได้รับเชิญอยู่แล้วเพียงแต่ว่าท่านเสนาบดีไม่ค่อยอยู่จวน เขาประจำอยู่แต่ในวัง ไม่มีเขาออกงานก็แทบจะไม่มีคนออกงานแทนเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“วุ่นวายจริง ข้าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนางอีก”
“ถ้าเช่นนั้น ท่านเลือกคุณหนูลี่งั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“หวังเจา เจ้าอยากไปเก็บขี้ม้าที่ชายแดนหรือไม่”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าป่วย ไม่ไป”
“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องตอบรับเทียบเชิญไปแล้ว และวันนี้สกุลหลิงก็เห็นแล้วว่าท่านไม่ได้ป่วย”
“เหตุใดน่าเบื่อเช่นนี้”
“ไม่น่าเบื่อหรอกขอรับ ท่านจะได้เห็นด้วยว่าฝ่าบาทประชวรจริงหรือไม่”
เวยห่าวหรานหยุดนิ่งไปชั่วครู่และถอนหายใจออกมา
“เข้าใจแล้ว ข้าจัดการเอง ส่งจดหมายไปให้นาง”
“พ่ะย่ะค่ะ!!”
ท่านอ๋องถึงกับตกใจเสียงขานรับของลูกน้องคนสนิทและองครักษ์ประจำกายที่แข็งขันในการส่งจดหมายไปให้หงลี่อิน ราวกับรู้ใจว่าเขาคิดเช่นไรและต้องการสิ่งใด ทั้งๆที่เขาอยากจะจบเพียงเท่านี้ เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนางอีก
จวนเสนาบดีหง
“ปึก”
จดหมายที่ปักไปที่เสาต้นเดิม แต่หงลี่อินเดินออกจากห้องไปแล้วตั้งแต่เช้าเมื่อแม่นมมาบอกว่าวันนี้ท่านพ่อแจ้งให้นางไปออกงานเทศกาลไหว้เจ้าแม่กวนอิมในเมืองแทนเขาเพราะท่านพ่อติดภารกิจฝึกเหล่าทหารอยู่ที่กองทัพนอกเมืองจึงกลับมาไม่ทัน นางจึงเร่งแต่งตัวและออกจากจวนไปตั้งแต่เช้า
“ออกรถได้”
รถม้าของจวนเสนาบดีมุ่งหน้าไปยังวัดเจ้าแม่กวนอิมซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองต้าหมิง รถม้าของท่านอ๋องมาถึงก่อน เมื่อเขาลงจากรถ เขายังไม่เห็นหงลี่อินจึงหันไปถามหวังเจา
“เจ้าส่งไปแล้วแน่หรือ เหตุใดไม่เห็นนางเล่า”
“ท่านอ๋อง ข้าส่งไปแล้วจริงๆขอรับ”
“ลี่ฟางคารวะท่านอ๋องเพคะ”
“ตามสบายเถิด”
“ขอบพระทัยเพคะ ท่านอ๋องเหตุใดวันนี้มาเร็วเพคะ หรือว่าเป็นเพราะหม่อมฉัน”
“จวนเสนาบดีหงมาถึงแล้ว”
“ท่านอ๋อง มาแล้วขอรับ”
“อ้อ แม่นางลี่เชิญตามสบายนะ ข้าขอตัวสักครู่”
ลี่ฟางหันไปมองรถม้าที่พึ่งจอดสนิิท ท่านอ๋องเดินไปที่รถคันนั้นเมื่อประตูเปิดออกมา หงลี่อินเดินออกมาด้วยชุดสีขาวเดินลงมา นางต้องตกใจเมื่อเห็นว่าท่านอ๋องเวยมายืนรอรับนางอยู่ที่รถม้า
“ท่านอ๋อง เหตุใดเจอพระองค์อีกแล้ว”
“เดินลงมาดีๆ อย่าพูดมาก”
ท่านอ๋องกัดฟันและยิ้มให้นาง ลี่อินทำหน้าแปลกใจ และมองเขาสลับกับลี่ฟางอย่างไม่เข้าใจ เมื่อเขาดึงกระชากนางลงมา จากรถม้าทำให้นางล้มไปจนซบอกเขาและเริ่มผละออกแต่เขาดึงนางเอาไว้
“เจ้าไม่อ่านจดหมายหรืออย่างไร”
“จดหมายอะไร”
“ข้าส่งให้เมื่อเช้า”
“หม่อมฉันไม่รู้เรื่อง”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงมางานนี้ได้”
“ท่านพ่อหม่อมฉันสั่งให้มา ก็ท่านอ๋องสั่งโบยฮูหยินของเขาจนบาดเจ็บ นางยังออกมาไม่ได้ท่านลืมแล้วหรือ”
ที่แท้นางก็ไม่ได้อ่านจดหมายที่หวังเจาส่งไปให้ แต่โชคเข้าข้างเขาอีกครั้งที่นางเป็นผู้ที่ออกงานนี้แทนฮูหยินรองของเสนาบดีหงเขาจึงทำตามแผนเดิมได้
“แผนวันนี้คือ เดินกับข้า”
“ท่านใช้ข้าเป็นไม้กันหมาลี่ฟางสินะ หึ”
จวนสกุลหง“เจ้าสาวจวนเสร็จหรือยัง ขบวนเจ้าบ่าวอีกสองเลี้ยวถนนก็จะมาถึงแล้วนะ”“ใกล้แล้วเจ้าค่ะ”“ลี่อิน ตื่นเต้นหรือไม่”“เจียอี ขอบใจเจ้ามากนะที่เป็นธุระให้ทุกเรื่องเลย หากไม่ได้เจ้าข้าก็คงจัดการอะไรไม่ถูก”“อย่าได้ห่วง งานนี้ข้าเองก็จัดการท่านอ๋องให้ทุ่มสุดตัว พระองค์ยอมเทหมดหน้าตักเพื่อเจ้าเลยนะ ชุดแต่งงานนี่สั่งทำพิเศษใช้ช่างเย็บดิ้นปักทองฝีมือดีเกือบสิบคนรุมกันปักเลยถึงได้เสร็จทัน”“ขบวนเจ้าบ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูหงเรียบร้อยหรือไม่เจ้าคะ”“พี่อี้เหวินมาช่วยข้าที”“เจ้าค่ะคุณหนูอิน”“พี่อี้เหวิน ข้าบอกท่านแล้วว่าอย่าเรียกพวกเราว่าคุณหนู ท่านเป็นฮูหยินใต้เท้าโอหยาง เหตุใดท่านจึงลืมตัวอยู่เรื่อยเลย หากท่านเรียกอีกทีข้าจะโกรธแล้วนะ”“ข้าขอโทษๆลี่อิน ข้าจะไม่ลืมอีกแล้วเจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ”“ต้องแบบนี้สิ แล้วข้าเล่า”“จ้าๆเจียอี ไปกันเถิด ท่านอ๋องมาถึงหน้าประตูแล้ว”อี้เหวินและเจียอีพยุงเจ้าสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าเรียบร้อยแล้วออกไปรอเจ้าบ่าวมารับที่หน้าจวน เมื่อพิธีการเริ่มขึ้นนำความปราบปลื้มใจให้กับผู้มาร่วมงานเมื่อส่งตัวเจ้าสาวให้เจ้าบ่าวที่อยู่บนหลังม้าเพื่อพานางกลับไปยังจวนอ๋องเพื่อ
จวนท่านอ๋อง“กล้าเอาชีวิตและบ้านเมืองเป็นเดิมพัน หมากกระดานนี้ ข้าจะเป็นผู้ล้มมันเอง หวังเจา ตามพวกนางมา” “พ่ะย่ะค่ะ”“พวกเจ้าสามคนต้องทำให้เงียบและแนบเนียนที่สุด คอยสังเกตนางเอาไว้”“เพคะท่านอ๋อง พวกหม่อมฉันทราบแล้ว”“หากแม่นมนั่นไว้ใจพวกเจ้าแล้วก็ทำตามแผนได้เลย หลอกนางเอาของไปซ่อน ปล่อยข่าวลือเท็จเพื่อให้นางไปกระตุ้นหยงฮวาให้หายโดยเร็ว”""รับบัญชาเพคะท่านอ๋อง""ห้องของเฟยซี“พรุ่งนี้เราไปจวนท่านตากันดีหรือไม่”“ดีเจ้าค่ะท่านแม่”“ถ้าเช่นนั้นเจ้ารีบนอนนะ”“แล้วท่านพ่อจะไปกับเราด้วยหรือไม่เจ้าคะ”“ท่านพ่อมีงาน คงจะไม่ได้ไปกับเรา”“แล้วท่านพ่อจะไปหาข้าที่จวนท่านตาหรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากให้ท่านพ่อสอนเขียนอักษรกับวาดภาพอีกเจ้าค่ะ”“คืนนี้เจ้านอนก่อนนะ”“ก็ได้เจ้าค่ะ”เฟยซีหลับสนิทไปแล้ว ลี่อินที่นอนข้างๆนางในห้องที่ท่านอ๋องจัดเอาไว้เพื่อเป็นห้องส่วนตัวของเฟยซี เพื่อจะได้ให้นางเก็บของได้สะดวกเพราะตอนนี้ทั้งอุปกรณ์การศึกษาและของเช่นล้วนมากขึ้นลี่อินเผลอหลับไปโดยไม่ได้ห่มผ้าให้ตัวเอง จนเมื่อตกดึก เมื่อท่านอ๋องประชุมกับหวังเจา ท่านหมอเฉินและสั่งงานองครักษ์เรียบร้อยแล้วไม่เห็นนางอยู่ในห้องจึง
สิบวันก่อนงานพิธีมงคลสมรสพระราชทานพิเศษจากฝ่าบาท ได้มีราชโองการส่งมาที่จวนท่านอ๋องถึงสองฉบับ“ด้วยองค์การแห่งฟ้า ฮ่องเต้มีรับสั่งประทานรางวัลให้กับท่านอ๋องเวยห่าวหรานที่ทำความดีความชอบปราบกบฏและสร้างความสัมพันธ์สองแคว้นต้าหมิงและเสิ่นตู ประทานทองคำยี่สิบหีบ ผ้าไหมทอมือชั้นดีเมือยเจียง หยางยี่สิบพับ เงินหนึ่งหมื่นตำลึง และเพื่อเป็นของขวัญวันสมรส ประทานเรือนพระราชทานหนึ่งหลังพร้อมโฉนดที่ดิน ม้าศึกสามสิบตัว พลเรือนบ่าวไพร่อีกหนึ่งร้อยคนพร้อมเบี้ยหวัดตลอดสองปี จบราชโองการ ”“เวยห่าวหรานรับราชโองการ”“ท่านอ๋อง พระชายายินดีด้วยกับงานสมรส”“ขอบคุณกงกง”ถุงเงินเล็กๆแต่หนักถูกส่งให้เฉินกงกงโดยหวังเจาที่ยื่นให้พวกเขาเมื่อทั้งคู่รับราชโองการมา บรรดาของพระราชทานทยอยขนเข้ามาที่ลานหน้าห้องโถงจวนท่านอ๋อง“เรื่อนพระราชทานตั้งอยู่ใกล้วังหลวง ฝ่าบาทคงไม่ยอมปล่อยให้พระองค์อยู่ไกลจากฝ่าบาทเลยนะเพคะ”“แต่เดิมข้ากับฝ่าบาทสนิทกันอยู่แล้ว แม้ว่าเหล่าขุนนางหลายคนจะพยายามยุยงส่งเสริมให้พระองค์กับข้าผิดใจกันก็ไม่เป็นผล เจ้ารู้เหตุผลหรือไม่”“เพราะท่านพี่ไม่เคยคิดหวังในราชบัลลังก์ ฝ่าบาทจึงได้ครองราชย์แทนใช่หรื
“ไม่จริง!! เพราะเจ้าโผล่มาทำให้ท่านอ๋องหวั่นไหวต่างหาก เดิมทีเขาก็ต้องเป็นคู่หมายของข้าอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทจะส่งเขาไปรับข้าถึงเสิ่นตูหรือ”“หึ ดูท่าเจ้าจะเข้าใจผิดตั้งแต่ตอนนั้นเลยสินะองค์หญิง ข้าจะบอกความจริงอีกอย่างให้เจ้ารู้เอาไว้นะ ข้ากับลี่อินได้หมั้นหมายกันก่อนที่ข้าจะไปรับเจ้าที่เสิ่นตูแล้ว”หยงฮวานั้นเรียกได้ว่าเกิดอาการตกใจสุดขีดจนหน้านางเริ่มไร้ความรู้สึกไปเลยก็ว่าได้เมื่อนางค่อยๆหันไปมองผู้ที่กำลังพูดเรื่องนี้กับนางด้วยเสียงที่เรียบ“ท่าน…ท่านอ๋อง ตรัสว่าอย่างไรนะ พระองค์กับนาง….”“ข้ากับลี่อินได้ตกลงหมั้นหมายกันก่อนที่ข้าจะเดินทางไปรับเจ้าที่เสิ่นตู เดิมทีหน้าที่นี้มิใช่ของข้า แต่เพราแผนการชั่วขององค์ชายสี่ที่ต้องการล่อข้าออกจากเมืองหลวงเพื่อนำเจ้ามาสร้างปัญหาในราชสำนัก เขาจึงกราบทูลฝ่าบาทให้ข้าเป็นผู้ไปรับเจ้ามา แทนที่จะเป็นองค์ชายสามอย่างไรเล่า”“ที่แท้ท่านอ๋องกับบุตรของเสนาบดีหมั้นหมายกันมาก่อนแล้ว พวกเขามีบุตรด้วยกันก็ไม่แปลกแต่นางนี่สิ”“เหตุใดจึงยังไม่ยอมรับอีก ข้าอับอายแทนนางเหลือเกิน”“หึ ฮ่าๆ ที่แท้ทั้งหมดนั่น ตลอดเวลาที่ข้ามาที่นี่ข้าล้วนแต่คิดไปเองข้าหลงนึ
ท่านอ๋องมองหน้าหยงฮวาที่ต้องการคำตอบจากเขา เขาเพียงตอบด้วยเสียงเรียบๆ“หากว่าเจ้าไม่เริ่มใช้แผนสกปรกก่อน ข้าก็คงไม่ตลบหลังเช่นนี้ หยงฮวา”“ท่านมันโหดเหี้ยมเลือดเย็นเกินกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ หลอกใช้ความรักของข้าที่มีต่อพระองค์ทำเรื่องเลวร้ายนี่ขึ้นมา”“เลวร้ายงั้นหรือ ความรักงั้นหรือหยงฮวา เจ้าควรจะรู้เอาไว้นะว่าเรื่องนี้มันเริ่มต้นเมื่อใด เจ้าเริ่มวางแผนวางยาข้าแต่ไม่สำเร็จ ข้าไม่ยอมรับและจับแผนการชั่วครั้งนั้นได้ เจ้าไม่ยอมแพ้และยังให้คนปล่อยข่าวลือทั่วเมืองหลวงว่าข้าอยู่ในห้องนอนกับเจ้าทำเจ้าเสื่อมเสีย" "ส่งจดหมายให้พี่ชายของเจ้าที่เสิ่นตูเพื่อให้เกิดข้อพิพาท กดดันฝ่าบาทให้บีบบังคับข้าแต่งงานกับเจ้า สุดท้ายข้าก็ยอมให้เจ้าเป็นพระสนม เจ้ายังไม่พอใจถึงกับวางแผนชั่วนี่ตลบหลังบีบบังคับข้าจนถึงที่สุดเอาความสัมพันธ์สองแคว้นมาเป็นเดิมพันเพื่อให้ข้าแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็นพระชายา เจ้าคิดว่าแผนชั่วช้าพวกนี้กับการกระทำของข้านั่น มันเทียบกันได้หรือไม่”เสี่ยงก่นด่านางเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ“หน้าไม่อาย คนเข้าไม่ได้รักแต่นางก็พยายามอยากได้เขาจนเขาหมดหนทาง สมน้ำหน้าแล้ว”“ถึงกับกล้าเอาแผ่นดินมาเดิมพัน นาง
หยงฮวาตกใจกับคำที่หลุดออกจากปากนางไป ท่านอ๋องทำเพียงหยักยิ้มที่มุมปากขึ้นเหมือนเยาะเย้ยนาง ใบหน้าเย็นชาเลือดเย็นที่คุ้นเคยนั่นส่งมาให้นาง แล้วตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่ตำหนักของนางนั่นคืออะไรกัน“ได้ยินหรือไม่ นางหลุดปากออกมาเอง”“นี่มันเรื่องอะไรกัน”“พระสนม เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่”“ไม่เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันมิได้เอ่ยเช่นนั้น หม่อมฉันหมายความว่า แม่นมเองก็บอกหม่อมฉันว่าท่านอ๋องตรัสว่าหากหม่อมฉันฟื้นขึ้นมา ท่านอ๋องจะแต่งตั้งหม่อมฉันเป็นพระชายาเพคะ หม่อมฉันพูดผิดเพคะ”“งั้นหรือ พระสนม ถ้าเช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้คืออะไร”ท่านอ๋องพยักหน้าให้หวังเจานำขวดยาออกมาให้นางดู แม่นมถึงกับทรุดตัวลงกับพื้นทันที นางจำขวดยาสองขวดนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะนางเป็นผู้ฝังเองกับมือ หยงฮวาหันไปมองหน้าแม่นม บัดนี้ใบหน้านั้นขาวซีดราวกับถูกยาพิษอีกครั้ง“นี่มัน….นี่คือสิ่งใดเพคะ หม่อมฉันไม่รู้ว่าท่านอ๋องต้องการบอกอะไรกับหม่อมฉัน”“เจ้าไม่รู้งั้นหรือ เจ้าอาจจะไม่รู้ แต่คนข้างหลังเจ้านั่น นางอาจจะรู้ดีก็ได้เพราะว่านางเป็นผู้เอาไปฝังไว้ข้างสระบัวหลังตำหนักของเจ้านี่”“ทะ…ท่านอ๋องเพคะ ไม่…ไม่ใช่นะเพคะ นั่นมันคื