เข้าสู่ระบบบทที่ 4
ข้าอยากมีลูก
เหอซีหยางได้เสียรู้ให้กับนางจิ้งจอกสาวผู้เป็นภรรยาเสียแล้ว นางร้ายกาจเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการ เขามิอาจหลุดพ้นออกไปจากพันธนาการของนางได้เลย ในเมื่อนางยั่วยวนเขาถึงเพียงนี้ และยังล่วงรู้ว่าเขามิได้ตาบอดสนิทอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ในยามกลางวันเขาจะมองไม่เห็นนัก เหมือนมีหมอกมาปกคลุมที่ดวงตาตลอดเวลา บางคราก็เกิดภาพซ้อนทับหรือมองสีผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
ทว่าในยามกลางคืนหรือในที่มืด เขาจะมองเห็นได้ชัดกว่าปกติ แม้ไม่เหมือนเดิมในกาลก่อนแต่ก็ชัดเจนกว่าในยามกลางวันมากนัก และเพราะกิจวัตรประจำวันต้องทำในยามกลางวัน ทำให้เขามิอาจจะรับราชการหรือทำอะไรได้สะดวกนัก ทุกคนจึงคิดว่าเขาได้ตาบอดไปเสียแล้ว
แม้จะพยายามตามหาหมอเทวดามารักษา ทว่ากลับไร้ซึ่งความหวัง เขายอมรับแล้วว่าตัวเองคงจะตาบอดสนิทในไม่ช้านี้เป็นแน่
"ไป๋อวี้! เจ้าท้าทายข้าเองนะ ในเมื่อเจ้าอยากมีลูกมากนัก ข้าก็จะช่วยทำให้เจ้าสมหวังเอง"
เหอซีหยางได้กลายร่างเป็นเสือร้ายไปเสียแล้ว เขาลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าถมึงทึง สายคาดเอวที่มัดข้อมือของเขาถูกดึงจนขาดหลุดมือออกมาด้วย ร่างสูงคว้าร่างเปลือยเปล่าของไป๋อวี้เข้ามากกกอด บดจูบริมฝีปากเล็กที่ชอบโต้เถียงกับเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยให้หลาบจำ ขบกัดริมฝีปากล่างของนางอย่างรุนแรงจนมีเลือดไหลซึมออกมา รับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้งไปในโพรงปาก ตวัดลิ้นดูดดุนลิ้นเล็กของนางเป็นพัลวัน ไล้กวาดเลียไปทั่วแนวไรฟันสีขาวสะอาดตา ก่อนจะขบกัดริมฝีปากของนางเป็นการทิ้งท้าย
"อ๊ะ! อื้อ... อ่า"
ไป๋อวี้ยกแขนขึ้นคล้องลำคอหนาด้วยความเต็มใจ หน้าอกเต่งตึงบดเบียดเข้าหาความแข็งแกร่งจากกายสูงอย่างยั่วเย้า ไม่ว่าเขาจะจูบนางอย่างรุนแรงจนรู้สึกเจ็บระบม แต่นางกลับชอบใจมากกว่าจะไม่พอใจในรสสัมผัสที่ดุดันของเขา
เหอซีหยางผละริมฝีปากออกมาเล็กน้อย เขากดรอยยิ้มตรงมุมปากของตน แล้วช้อนร่างที่แสนเบาของไป๋อวี้เข้ามาในอ้อมกอด โยนร่างของนางลงบนเตียงกว้างหลังใหญ่ ที่จะกลายเป็นสมรภูมิรักระหว่างเขากับนางในราตรีนี้
"ข้าไม่คิดจะอ่อนโยนกับสตรีมากเล่ห์เช่นเจ้าหรอกนะไป๋อวี้"
ขณะเอ่ยกางเกงตัวบางพลันถูกดึงลงไปจากสะโพกสอบ เผยให้เห็นท่อนเนื้ออันขรุขระที่มีเส้นเลือดปูดโปนพันอยู่รอบกายแกร่ง ที่เวลานี้ได้ขยายใหญ่จนแม้แต่ไป๋อวี้ยังรู้สึกตกใจ
'นี่มันไซซ์ฝรั่งชัด ๆ เลยนี่ อ๊ากกก! แล้วจะรับไหวไหมล่ะเนี่ย'
ไป๋อวี้คร่ำครวญในใจ ทว่าสีหน้าที่แสดงอาการตกใจ และดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นท่อนเอ็นของเหอซีหยางนั้น ทุกการเคลื่อนไหวได้อยู่ในสายตาของเหอซีหยางอย่างชัดเจน เขากระตุกยิ้มด้วยความพึงพอใจเป็นครั้งแรก
หึ! เป็นนางเองที่ต้องการมิใช่หรือ เหตุผลที่เขาไม่อยากหลับนอนกับนางคราแรกก็เพราะขนาดที่ใหญ่เกินไปของเขานั่นเอง เขาเคยหลับนอนกับหญิงคณิกาคราหนึ่ง ครั้งนั้นสตรีผู้นั้นถึงกับร้องโอดครวญและร้องไห้อ้อนวอนให้เขาหยุดกลางคัน เพราะนางมิอาจทนรับตัวตนที่ใหญ่โตของเขาได้เลย
"คิดจะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว" มุมปากหยักกระตุกยิ้มเหี้ยมเกรียม
"ผู้ใดว่าข้าจะเปลี่ยนใจเล่า ข้าชอบนะเจ้าคะ... ใหญ่ดี"
“ดี! แล้วอย่าได้มานึกเสียใจก็แล้วกัน”
เหอซีหยางเอ่ยเช่นนั้นก็ไม่รีรออีกต่อไป เขาตามมาทาบทับร่างเล็กของนางเอาไว้ พร้อมกับก้มใบหน้าลงมาขบกัดที่ซอกคอขาวผ่องของไป๋อวี้อย่างรุนแรง ดูดดึงจนผิวขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำจากการตีตราจองของเขา
“อื้อ.... อ๊า!”
ไป๋อวี้รู้สึกเจ็บแปลบตรงบริเวณที่แนวไรฟันของเขาขบกัดผิวเนื้ออ่อนของนาง ทว่านางกลับรู้สึกตื่นเต้นและร้อนรุ่มเป็นอย่างมาก รับรู้ได้ว่าเบื้องล่างตรงใจกลางสาวนั้นฉ่ำแฉะเพียงใด
‘นี่ข้า... ชอบการร่วมรักแบบรุนแรงงั้นหรือ’
ไป๋อวี้เองก็ตกใจกับรสนิยมความชอบของตน ยิ่งเหอซีหยางกระทำการรุนแรงกับร่างกายของนางมากเท่าใด นางกลับรู้สึกชมชอบและเสียวซ่านมากขึ้นเท่านั้น ร่างบางบิดเร่าไปมาด้วยความเสียวกระสัน
“อ๊ะ อ๊า อื้อ อ่า... อื้อ ดูดแรงขึ้นอีก”
ไป๋อวี้ร้องครางกระเส่าเสียงดังลั่นห้องหอ พลางสั่งให้คนบนร่างดูดหน้าอกของนางให้แรงกว่านี้อีก นางเสียวจนใกล้จะสุขสมอยู่แล้ว
เหอซีหยางหยัดกายขึ้นมามองสตรีด้านล่างด้วยความสับสนเล็กน้อย นางควรจะร้องอ้อนวอนให้เขาหยุดรุนแรงกับนางมิใช่หรือ เหตุใดนางถึงกลับเอ่ยขอให้เขารุนแรงกับนางขึ้นอีกเล่า นี่นางเป็นสตรีประเภทใดกันแน่?
“อื้อ... ท่านพี่”
ไป๋อวี้แอ่นกายเข้าไปหาร่างสูงที่หยุดชะงักลง นางคล้องลำคอเขาให้โน้มต่ำลงมาหานาง ก่อนตัวเองจะเป็นฝ่ายช่วยเล้าโลมเขาบ้าง ใบหน้างามซุกไซ้ไปที่ลำคอหนา กดจูบดูดดึงจนผิวอ่อนกลายเป็นสีแดงก่ำ แล้วยังเคลื่อนไปเลียที่กกหูของเขา พร้อมกับขบกัดติ่งหูของเขาไปด้วย
“อ่า... ไป๋อวี้”
เหอซีหยางถึงกลับหลุดครางออกมาด้วยความเสียดเสียว ขนกายของเขาพลันลุกซู่ด้วยความวูบวาบ กึ่งกลางกายก็ยิ่งตั้งตระหง่านราวกับกำลังประกาศศักดาเสียอย่างนั้น
“ท่านพี่... มอบลูกให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ”
“ได้! ในเมื่อฮูหยินต้องการเช่นนั้น”
เหอซีหยางโน้มตัวลงมาที่เบื้องล่างกึ่งกลางกายสาว จับท่อนเอ็นที่มีน้ำสีใสปริ่มออกมาจ่อที่ช่องทางรักของไป๋อวี้ตามคำขอของนาง ฝ่ามืออีกข้างก็บีบเคล้นก้อนเต้าหู้ขาวอวบอั๋นไปด้วย เรียวนิ้วสะกิดเขี่ยเม็ดทับทิมให้แข็งชันขึ้นมา ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปกลืนกินด้วยความหิวกระหายอย่างรุนแรง
เขาดูดดึงเม็ดทับทิมสีหวานของนางด้วยความชอบใจ ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียไปมาทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียมกัน และในจังหวะที่ไป๋อวี้กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนั้น
เหอซีหยางก็ได้กดแทรกตัวตนของตน เข้าไปในช่องทางรักที่คับแน่นของนางในคราวเดียว ท่อนเอ็นร้อนหายเข้าไปในร่องรักของนางจนมิดสุดโคน
“กรี๊ดด!”
ร่างบางสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บแปลบตรงกึ่งกลางกายสาว รูรักของนางพลันบีบรัดตัวตนของเหอซีหยางแน่นด้วยความเกร็ง หยาดน้ำตาสีใสเอ่อคลอขึ้นมาที่หางตาคู่งาม ริมฝีปากเล็กที่เคยร้องครางขบกัดกันแน่น นางพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ร้องไห้ออกมา แม้ว่าจะเจ็บปวดเจียนตายก็ตาม
“อ่า... เจ้ากำลังรัดข้าจนข้าหายใจไม่ออกนะฮูหยิน เจ้าผ่อนคลายหน่อยเถิด”
“ขะ ข้าเจ็บ”
ดวงหน้างามซีดขาวจนแทบไร้สีเลือด นางรู้สึกคล้ายจะเป็นลมเสียให้ได้
“ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา มันจะเจ็บแค่คราแรก หลังจากนั้นเจ้าจะรับรู้ถึงความสุขเอง”
เหอซีหยางเอ่ยปลอบประโลมหญิงสาวใต้ร่าง เขาโน้มหน้าลงไปบดจูบที่เรียวปากบางของนางอย่างดูดดื่ม หวังให้นางลืมความเจ็บปวดนี้ไปเสีย
ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายทานทนไม่ไหวจนทำร้ายนางอย่างแสนสาหัส!
ตอนพิเศษ 2ครอบครัวใหญ่5 ปีผ่านไปจวนตระกูลเหอได้กลายเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ไปเสียแล้ว เนื่องจากฮูหยินน้อยเหอได้ให้กำเนิดบุตรชายหญิงถึง 4 คนด้วยกัน คนแรกเป็นบุตรชายนามว่าเหอเสี่ยวเฟิง คนที่สองเป็นบุตรชายนามว่าเหอหงซวน คนที่สามเป็นบุตรสาวนามว่าเหอไห่อิง ส่วนคนที่สี่เป็นบุตรสาวนามว่าเหอจื่อเหยา โดยที่บุตรทั้งสี่นั้นมีอายุไล่เลี่ยกัน "ท่านพ่อ ท่านพ่อ ฟันดาบกันขอรับ" เหอหงซวนในวัยเกือบ 3 หนาววิ่งเข้ามาหาเหอซีหยาง ในมือยังถือดาบที่ท่านปู่เป็นคนซื้อให้ด้วย"หงซวนอยากเล่นฟันดาบกับพ่อหรือ"เหอซีหยางที่อุ้มบุตรสาวคนเล็กก้มหน้ามาถามบุตรชายคนรอง "ขอรับ!" เด็กน้อยพยักหน้าระรัวแล้ววิ่งรอบตัวผู้เป็นบิดาเหอซีหยางที่เอาเหอจื่อเหยาในวัย 9 เดือนหลับลงแล้วจึงส่งต่อนางให้กับแม่นมเพื่อพาไปนอนในเรือน ส่วนเขาก็หันกลับมาสนใจบุตรชายคนรอง"เช่นนั้นก็เตรียมตัวให้ดีนะ พ่อจะฟันแล้ว"เหอซีหยางคว้าดาบไม้อีกอันขึ้นฟันดาบกับบุตรชาย สองพ่อลูกเล่นฟันดาบกันจนเหน็ดเหนื่อย แต่คนที่เหนื่อยที่สุดดูท่าจะเป็นเหอซีหยางมากกว่า เพราะเหอหงซวนยังคงวิ่งไล่ฟันบิดาอย่างไม่หยุดหย่อน เด็กน้อยสนุกมากจนหัวเราะลั่นออกมาอย่างมีความสุข อี
ตอนพิเศษ 1เรื่องนี้ยอมกันไม่ได้หลายเดือนที่ผ่านมานี้ได้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย เริ่มจากที่มู่ห่าวรันคอยตามเกี้ยวสตรีใจแข็งอย่างซูหนิงเหอ เขาต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองมากมายกว่าจะทำให้นางเปิดใจยอมคบหากับเขาได้ ด้วยความพยายามและปรับปรุงตัวไม่โปรยรอยยิ้มให้กับสตรีอื่น และความหนักแน่นมั่งคงของมู่ห่าวรันทำให้ซูหนิงเหอยอมเปิดใจ "หนิงเหอ อีกหนึ่งเดือนข้าจะกลับไปเมืองสั่วหลิงแล้วนะ เจ้าจะคิดถึงข้าหรือไม่""จะไปนานเลยหรือ" ซูหนิงเหอวางมือจากการบดยาแล้วหันกลับมาสนใจมู่ห่าวรันในใจของนางอดจะรู้สึกวูบโหวงไม่ได้ หลายเดือนที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยอยู่ห่างจากสายตาของนางเกินหนึ่งเดือนเลย จนตอนนี้ฮ่องเต้เริ่มจะไม่พอพระทัยที่เขาอู้งานแล้ว เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งทิศประจิมแต่กลับเอาแต่อยู่ในเมืองหลวงไม่ยอมจากไปไหน"ก็คงเป็นปีเลย ฮ่องเต้ทรงออกคำสั่งให้ข้าย้ายกลับไปประจำยังเมืองสั่วหลิงได้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ก็ส่งจดหมายให้ข้ารีบกลับบ้านเช่นกัน""อื้อ... ข้าคงคิดถึงเจ้า" ดวงหน้างามก้มหน้างุดนี่เป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยคำพวกนี้ออกมา ทำเอามู่ห่าวรันตาโตด้วยความตกใจและดีใจเช่นกัน"เจ้าพูดเช่นนี้ข้าไม่อยากกลับเลย""
จวนตระกูลเหอ ทุกอย่างได้ดำเนินไปในทางที่ควรจะเป็นแล้ว บ้านเมืองกลับมาสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง การปราบกบฏชินอ๋องในครั้งนี้ถือเป็นการกวาดล้างขุนนางกังฉินด้วย และยังมีการมอบรางวัลให้กับขุนนางผู้ภักดี ตัวอย่างเช่นเหอหมิงเจ๋อที่ได้ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย "ยินดีกับท่านพ่อด้วยเจ้าค่ะ" ไป๋อวี้เข้ามาแสดงความยินดี ในวันนี้ที่จวนได้จัดงานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ ขึ้นมาโดยมีไป๋อี้ซวน ไป๋ฮวา ซูหนิงเหอ มู่ห่าวรัน และอี้เฉินที่มาอย่างไรก็ไม่ทราบได้ "ฮ่ะฮ่า ขอบใจมากนะอวี้เอ๋อร์ และขอบใจทุกคนที่มาฉลองให้กับตาเฒ่าเช่นข้าด้วย" เหอหมิงเจ๋อเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี "ยินดีด้วยขอรับท่านอัครเสนาบดี จอกนี้ข้าขอดื่มให้ท่าน" อี้เฉินลุกขึ้นยืนแล้วเป็นฝ่ายดื่มคารวะเขาก่อน "ฮ่าฮ่าฮ่า ขอบใจ ๆ" บรรยากาศภายในงานเลี้ยงเป็นไปอย่างสนุกสนานครื้นเครง ทุกคนต่างดื่มกินกันอย่างสำราญใจ เสียงพูดคุยดังขึ้นเป็นระยะสลับกับเสียงหัวเราะดังลั่นของมู่ห่าวรัน และคำพูดหยอกล้อของไป๋อี้ซวนที่ชวนให้ผู้คนหัวเราะตามไปด้วย แต่คนที่ถูกเอ่ยถึงกลับเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำไปตาม ๆ กัน แม้งานเลี้ยงจะสนุกสนานเพียงใดก็ต้องมีวันเลิกรา เมื่อเวล
บทส่งท้ายฟิ้ว! ฉึก!เมื่อสุยเฟยหรงพุ่งตัวออกมาจากที่กำบังของตน เขาก็ถูกไป๋ฮวาที่ยืนอยู่บนกำแพงยิงธนูเข้าใส่ทันที ร่างสูงบนหลังม้าเสียหลักจนพลัดตกจากหลังม้า ร่างของสุยเฟยหรงกระแทกกับพื้นอย่างแรง ลูกธนูปักเข้าหน้าอกของเขา อีกเพียงนิดเดียวก็จะถูกหัวใจของเขาอยู่แล้ว"อ๊ากกก สารเลว! ลอบกัดข้า!" เขากัดฟันกรอดด้วยความแค้นใจ เขาเสียรู้ให้กับอี้เฉินเสียแล้ว"เจ้าชอบใช้วิธีลอบกัดมิใช่หรือ พอโดนกับตัวรู้สึกอย่างไรบ้างเล่า" อี้เฉินกระโดดลงมาจากหลังม้าแล้วตรงเข้าสังหารทหารคุ้มกันของสุยเฟยหรงอย่างรวดเร็ว ข้างกายเขายังมีตงเป่าและทหารข้างกายผู้ชาญศึกที่รู้ใจเป็นอย่างดีเข้าห้ำหั่นฝ่ายกบฏด้วย เหตุการณ์ตรงนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก ทางด้านสุยเฟยหรงพยายามจะขึ้นมาหลบหนี ทว่าอี้เฉินกับไป๋ฮวาย่อมไม่ยินยอม นางที่ยืนดูเหตุการณ์ด้านบนยิงธนูเข้ามาสกัดการหลบหนีของสุยเฟยหรง ก่อนที่อี้เฉินจะตรงเข้ามาฟาดฟันดาบใส่ร่างของสุยเฟยหรงอย่างโหดเหี้ยมเพลงดาบของเขาทั้งดุดันและรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงชั่วพริบตาเดียวศีรษะของสุยเฟยหรงก็ได้ตกกระเด็นไปกับพื้น เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง"เฮ้! ท่านแม่ทัพอี้สังหารชินอ๋องได้แล
บทที่ 41ร่วมแรงร่วมใจต้านศัตรูเรื่องเสบียงถูกทำลายยังไม่สามารถแก้ไขได้ ทหารเกินกว่าครึ่งที่ดื่มน้ำจากแม่น้ำก็มีอันต้องเจ็บป่วยเป็นจำนวนมาก บางคนอาการหนักถึงขั้นท้องเสียอย่างรุนแรงจนตาย ส่วนอาการที่เบาสุดก็ถ่ายท้องจนไม่มีเรี่ยวแรง หลังจากสืบสวนจึงได้ทราบว่าแม่น้ำถูกปนเปื้อนด้วยยาพิษ! จากการคาดคะเนของชินอ๋องนั้น ต้นแม่น้ำอยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวงซึ่งเวลานี้เป็นกองทัพของมู่ห่าวรันที่คุมเชิงอยู่ ฉะนั้นคนที่วางยาพิษในแม่น้ำจะต้องเป็นฝั่งของมู่ห่าวรันเป็นแน่ น่าเจ็บใจยิ่งนัก เขาคาดไม่ถึงเลยว่ามู่ห่าวรันจะเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ได้ "จะทำอย่างไรต่อไปดีเพคะ ทหารของเราถูกพิษเกินกว่าครึ่ง เสบียงก็ถูกเผาจนเกือบวอดวายไปหมดแล้ว" พระชายาเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ"กองทัพของเรามีถึงเรือนแสน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะตีเมืองหลวงไม่แตก สั่งให้ทหารทุกนายเตรียมตัว ในยามจื่อข้าจะนำทัพออกรบด้วยตัวเองทุกทิศทาง อย่างไรจะต้องตีเมืองหลวงให้ราบเป็นหน้ากลองภายในคืนนี้ให้ได้!" สุยเฟยหรงประกาศเสียงกร้าว "พ่ะย่ะค่ะชินอ๋อง"ทหารคนสนิทรับคำแล้วออกไปถ่ายทอดคำสั่งของชินอ๋องด้วยความฮึกเหิม พวกเขารอเวลาที่จะได้ขยี้คนเมืองหล
บทที่ 40หลอกใช้ไป๋อวี้หยิบขวดน้ำปรุงขึ้นมาถือตรงหน้าของซุนหงเสีย อีกฝ่ายมีท่าทีตกใจแล้วพยายามยกมือขึ้นมาปิดปากปิดจมูกของตนเอาไว้แน่น ท่าทางเช่นนี้ของนางบ่งบอกว่าสิ่งที่คิดนั้นถูกต้องแล้ว"เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วยสินะที่ต้องการให้ข้าตาย น้ำปรุงขวดนี้ที่เจ้าให้ข้าในวันแต่งงานคือตัวกระตุ้นให้พิษกลืนวิญญาณให้ออกฤทธิ์ใช่หรือไม่!"ถ้าไม่ได้ซูหนิงเหอที่มาช่วยไป๋อวี้คัดเลือกน้ำปรุงและเครื่องประดับ นางคงจะโง่อีกนานที่ไม่รู้ว่าคนร้ายที่ตามหาจนแทบพลิกแผ่นดินนั้นอยู่ใกล้ตัวแค่เอื้อม โจวเย่ถงที่ต้องการฆ่านางนั้นยังไม่น่าแปลกใจเท่าซุนหงเสียเลย ไป๋อวี้อยากจะรู้เหตุผลว่านางทำไปเพราะอะไร เหตุใดถึงอยากจะฆ่านางนัก!"จะ เจ้าเอาน้ำปรุงนั่นโยนทิ้งไปเลยนะ" ซุนหงเสียเอ่ยสั่งเสียงดัง นางรีบถอยหลังไปยืนอยู่ด้านหลังห้องขังด้วยความหวาดกลัว"หึ ๆ เจ้าเองก็กลัวเป็นเหมือนกันหรือ""ขะ ข้าไม่รู้เรื่องนะ น้ำปรุงนั่นเป็นชินอ๋องที่ทรงมอบให้ข้า" "เจ้าจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร อย่ามาเล่นงิ้วทำตัวว่าตัวเองถูกหลอกใช้เลย มันน่าขัน" ไป๋อวี้ตอกกลับอย่างเย็นชา"อวี้เอ๋อร์ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้านะ เป็นชินอ๋องที่หลอกใช้ข้า เขาบ







