Home / LGBTQ+ / เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง / ตุ๊กตาหมีสีเหลือง

Share

ตุ๊กตาหมีสีเหลือง

last update Last Updated: 2025-05-03 18:30:58

ขณะที่พวกเขานั่งกินข้าวกันอยู่ที่โรงอาหาร บรรยากาศในช่วงบ่ายคล้อยยังคงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยจอแจของนักศึกษา คนเดินผ่านไปมาถือถาดอาหาร บ้างนั่งจับกลุ่มคุยกัน บ้างจดจ่ออยู่กับจอโทรศัพท์

จู่ๆ รุ่นพี่ต่างคณะก็เดินเข้ามาหากนก พร้อมกับยื่นกล่องของขวัญขนาดใหญ่ให้โดยไม่พูดอะไรนัก กนกเงยหน้ามองงงๆ พลางรับของมา ก่อนที่พี่คนนั้นจะเดินจากไปท่ามกลางสายตาสงสัยของเพื่อนๆ

“มิวกับพราวแซวเขาว่า เดี๋ยวนี้ฮอตมาก มีคนเอาของมาให้ตลอดเลยนะ”

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก” กนกตอบเรียบๆ พลางมองกล่องของขวัญในมือ

“หรือจะเป็นพี่รหัสที่กำลังจะซิ่วไปเรียนที่อื่น?” มิวตั้งข้อสันนิษฐาน

“ไม่รู้อะ” กนกส่ายหน้า

พราวเบิกตากว้าง มือเกาะโต๊ะพลางเขย่าเบาๆ “แต่กล่องใหญ่มากอ่ะ! อยากดูแล้ว!”

“เดี๋ยวเลิกเรียนก่อน ค่อยมาดูกัน” กนกหัวเราะกับท่าทางกระตือรือร้นของพราว

“เย้ๆ” พราวแทบกระโดด

มิวส่ายหน้าอย่างระอา “พราวเวอร์มาก อะไรจะดีใจขนาดนั้น ไม่ใช่ของตัวเองสักหน่อย”

“ก็นกเป็นเพื่อนเราอะ ขอเห่อแทนหน่อยไม่ได้หรือไง” พราวเถียง ก่อนจะทำหน้ามุ่ย “อีกอย่างนะ ชั้นยังไม่เคยได้อะไรจากพี่รหัสเลย ขนาดพี่แววท็อปภาคยังไม่เคยขนชีทมาให้เหมือนที่กนกได้เลย”

กนกหัวเราะน้อยๆ “พราวอ่านกับเราก็ได้ ถ้าเป็นชีทติว เดี๋ยวเราถ่ายให้”

“เย่ๆ กนกเพื่อนรัก!” พราวโถมตัวเข้ากอดกนกทันที

“เห้ย! จะกอดทำไมเนี่ย!” กนกดิ้นหนี

“ก็ชั้นรักแกอะ!”

“ไม่ต้องกอด!”

“แกเขินเหรออออ กนกเขินชั้นเหรอออ~” พราวแซวไม่หยุด

เสียงหัวเราะดังขึ้นระหว่างที่ทั้งสองไล่หยอกกันไปตามทางเดิน พราวพยายามคว้าตัวกนก ในขณะที่กนกวิ่งหนีพลางหัวเราะไปด้วย รอยยิ้มและเสียงแซวเติมเต็มบรรยากาศรอบข้าง ทำให้แม้แต่คนที่เดินผ่านไปมาต้องเหลียวมองด้วยความเอ็นดู ก่อนที่ทั้งคู่จะหยุดลงหน้าประตูโถงเรียนรวม หายใจหอบเล็กน้อยแต่ยังยิ้มให้กันอย่างสนุกสนาน

หลังเลิกเรียน เวลายังไม่ถึงเย็นสนิท พวกเขานัดกันไปกินข้าวก่อนแยกย้าย

“กินร้านไหน” มิวถาม

“นี่เราต้องกินอีกแล้วหรอ เพิ่งสี่โมงเอง” พราวบ่น

“หรือแกจะไม่กิน?” มิวหันไปมองพราว ก่อนจะหันไปถามกนก “กนกกินไหม?”

“กินๆ แล้วเดี๋ยวซื้อขนมไปเพิ่มด้วย วันนี้ว่าจะทำงานบ้านที่หอ รีบกลับไปอ่านนิยายที่ค้างอยู่” กนกตอบยิ้มๆ

“ตลอดอะ นายนี่” มิวถอนหายใจ

“แล้วพราวไม่กินหรอ”

“กินยำก็ได้ เรายังไม่ค่อยหิว”

“นั่งตรงโน้นนะ มีพัดลม”

“อืมๆ”

หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว พราวที่เฝ้าจ้องกล่องของขวัญมานานก็ทนไม่ไหว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ กนก “เปิดเลยน้า ชั้นอยากรู้ว่ามันคืออะไร”

“ถ้าเป็นขนมล่ะก็…”

“แกก็จะแบ่งของกนกไปใช่ไหมล่ะ?” มิวหรี่ตาใส่

“มิวอ่า… แต่กนกแบ่งเพื่อนได้อยู่แล้วเนอะ ถ้าขนมเยอะขนาดนี้แกกินไม่หมดหรอก เนอะๆๆ” พราวยิ้มแป้น

กนกส่ายหน้า ก่อนจะค่อยๆ แกะห่อของขวัญออก เมื่อกระดาษหลุดออก เผยให้เห็นตุ๊กตาหมีสีเหลืองตัวเก่า—เก่าจนเหมือนผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน

หัวใจเขาเต้นสะดุด รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่ที่ปลายความทรงจำ

“…เหมือนเราเคยเห็นมันมาก่อน…”

แต่ยังไม่ทันที่กนกจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น จู่ๆ ความปวดแปลบก็แล่นเข้าสู่ศีรษะ รุนแรงจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับ

“โอ๊ย…”

ภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัว แสงไฟสีส้มสลัว ห้องเก่าๆ เสียงกระซิบบางเบาที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ลมหายใจของกนกเริ่มขาดห้วง ราวกับอากาศรอบตัวถูกสูบออกไป หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างไร้จังหวะ ความร้อนวูบขึ้นมาจากภายในแต่กลับรู้สึกเย็นเยียบตามปลายนิ้ว เหงื่อเย็นผุดขึ้นตามไรผม มือสั่นระริกจนแทบควบคุมไม่ได้ เท้าชาเหมือนถูกตรึงกับพื้น ความกลัวที่ไม่มีรูปร่างค่อยๆ คืบคลานเข้ามา กดทับจนรู้สึกเหมือนกำลังจมหายไปในความมืดที่มองไม่เห็น

“เฮ้ย! กนก เป็นอะไร!” มิวรีบเข้าประคองกนกที่ยกมือกุมขมับอย่างเครียดเกร็ง ส่วนพราวตกใจทำอะไรไม่ถูก

“พราว! โทรหาห้องพยาบาลเร็ว!” พราวพยายามกดหมายเลข แต่ปลายนิ้วที่สั่นเทาทำให้กดผิดซ้ำไปซ้ำมา ใจเต้นระรัวเหมือนกลองรัวเร็ว

“กนก!..”

“กนก!”

เสียงรอบข้างเริ่มพร่าเลือน ความกดดันที่มองไม่เห็นบีบรัดเข้ามา กนกสะอื้นจนตัวโยน หายใจไม่ทั่วท้องและมือกำเสื้อแน่นเกร็ง เมื่อเห็นว่าขณะที่พราวตัวสั่นด้วยความตกใจ มิวรีบตะโกนให้คนช่วยแจ้งห้องพยาบาล  ทั้งโรงอาหารเริ่มแตกตื่น ทุกสายตาหันมามองเหตุการณ์ตรงหน้า และไม่นาน พวกเขาก็มาถึงห้องพยาบาล

พราวเดินไปเดินมาหน้าเคาน์เตอร์ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล ฝีเท้าที่ก้าวไปมาสะท้อนถึงอารมณ์ที่ปั่นป่วนอยู่ภายใน

"แกจะเดินอีกนานไหม…" มิวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ขยับมือกดขมับเบาๆ "เราปวดหัว"

พราวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเม้มปากแน่น น้ำตารื้นขึ้นคลอหน่วย "กนก…"

แค่พูดชื่อเพื่อนออกมา เสียงก็สั่นจนแทบไม่เป็นคำ

มิวถอนหายใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงพราวเข้ามากอดลูบหลังเบาๆ "มันไม่ได้เป็นอะไรหรอก อาจจะเครียดช่วงนี้"

"แต่มันบอกว่าช่วงนี้มีคนคอยตามมัน…" พราวกระซิบเสียงสั่น

มิวเงียบไปชั่วครู่ คำพูดของกนกย้อนกลับมาในหัว เขาเองก็เคยรู้สึกเหมือนมีใครบางคน หรืออะไรบางอย่างคอยจ้องมองอยู่ตลอดเวลาแต่เขาเลือกที่จะไม่พูดออกมา…ไม่อยากให้ใครต้องกังวลมากไปกว่านี้

"อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก" มิวพูดขึ้นในที่สุด พยายามทำให้เสียงของตัวเองฟังดูปกติที่สุด พราวไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่กอดแขนมิวแน่นขึ้นเล็กน้อย

.

.

.

และไม่นานหลังจากนั้น เสียงเปิดประตูดังขึ้น หมอเดินออกมาจากห้องพยาบาล ทั้งสองรีบตรงเข้าไปหาในทันที…

"คนไข้ปลอดภัยนะครับ…น่าจะเกิดจากสภาวะเครียดสะสม ส่งผลให้เกิดอาการเกร็งและปฏิกิริยาทางร่างกาย อย่างที่พวกคุณเห็น"

พราวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะรีบถามเสียงสั่น "งั้นแปลว่า…ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ?"

 "ครับ ตอนนี้ให้พักอีกสักสิบนาที ร่างกายน่าจะฟื้นตัวขึ้น แล้วสามารถกลับไปพักที่หอได้"

"ขอบคุณมากครับหมอ" มิวเอ่ยแทนทุกคน ขณะที่พราวปล่อยโฮแล้วซุกหน้าลงกับไหล่มิว กอดเขาแน่นด้วยความโล่งใจ เมื่อได้รับอนุญาต ทั้งสองจึงรีบเข้าไปหาเพื่อนที่ห้องพยาบาล

กนกฟื้นแล้ว แต่ยังดูซึมๆ คงเพราะฤทธิ์ยาคลายเครียด ทำให้เปลือกตาหนักและร่างกายอ่อนแรงกว่าปกติ

มิวเดินไปนั่งข้างเตียง จับแขนเพื่อนเบาๆ "ไหวไหม? หมอให้ยาแล้วดีขึ้นหรือยัง"

"อืม…ดีขึ้นแล้ว" กนกพยักหน้าช้าๆ 

"ถ้าไม่ไหว เราพาไปแอดมิทโรงพยาบาลไหม?"

"ไปให้น้ำเกลือหน่อยไหมกนก?" สีหน้าของเธอยังไม่คลายกังวล

กนกส่ายหน้าช้าๆ "ไม่ๆ เราโอเค…แค่เหนื่อย…คงไม่ค่อยได้นอนมั้ง"

"อืม…งั้นกลับหอกันเถอะ" มิวพยุงกนกขึ้นช้าๆ

ลมยามเย็นพัดผ่านเบาๆ แต่บรรยากาศรอบตัวกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย พราวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นบางอย่างให้กนก ตุ๊กตาหมีตัวนั้น

"นี่…แกยังอยากเก็บมันไว้ไหม?" กนกมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาสั่นไหวเหมือนกำลังชั่งใจ เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว

"แกช่วยเอาไปวางไว้ที่เตียงให้หน่อยสิ…ตอนนี้เราไม่อยากเห็นมัน แต่…เรารู้สึกว่า…" เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำต่อ "มันเหมือนเคยเห็นมาก่อน…แค่ไม่อยากทิ้ง" แต่พอเผลอไปสบตากับตุ๊กตาหมีสีเหลืองซีดๆ ในมือของพราว หัวใจเขาก็เหมือนถูกบีบรัด ความรู้สึกหนักอึ้งกดทับลงมาจนลมหายใจติดขัด

"อึก…!"

อาการหายใจไม่ออกเริ่มเล่นงานอีกครั้ง ลมหายใจของกนกขาดห้วง เหงื่อเย็นซึมขึ้นตามไรผม มือกำเสื้อตัวเองแน่นราวกับพยายามควบคุมร่างกายที่สั่นระริก

"กนก!" มิวรีบเข้ามาพยุง เขามองหน้าเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

 "แกไหวไหม!?"

 "หรือเราทิ้งมันไปดี…"

"ระ…เรา…" กนกพยายามตั้งสติ แต่แค่เห็นตุ๊กตาตัวนั้นอยู่ตรงนี้ก็เหมือนถูกฉุดให้จมลงไปในความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้

มิวคว้าตุ๊กตาหมีแล้วโยนมันไปที่มุมห้องอย่างหงุดหงิด "พอ! วันนี้เราจะอยู่กับกนกเอง"

"แกกลับไปก่อนแล้วกันพราว วันนี้เรานอนห้องกนก เดี๋ยวตุ๊กตานี่ก็วางไว้มุมห้องไปก่อน อย่าเพิ่งสนใจมัน"

"แล้ว…แล้วแกจะกลับไปเอาของที่ห้องไหม?"

"เออ เดี๋ยวไปเอาเสื้อผ้า กับการบ้าน"

"โอเค…"

เธอมองกนกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตัดใจเดินออกไป

 "กนก…ไปนอนได้แล้ว ไม่ต้องคิดมาก" กนกมองมิวแล้วพยักหน้าเบาๆ แต่ในใจยังเต็มไปด้วยคำถาม…

ตุ๊กตาหมีตัวนั้น…ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   อยากดูแล

    ลมยามเช้าพัดผ่านใบมะพร้าว แสงแดดสีอ่อนตกกระทบผิวของภพขณะที่เขายืนมองสวนกว้างเบื้องหน้า ต้นมะพร้าวเหล่านี้… ยังคงยืนต้นแข็งแรงเหมือนเมื่อสิบปีก่อน แต่เจ้าของสวนกลับไม่ใช่เด็กชายวัยสิบสามอีกต่อไป เขากลายเป็นชายหนุ่มที่เติบโตจากบาดแผลในอดีตแป้นเฝ้ามองลูกชายเธอเงียบๆ ตั้งแต่เขากลับมา เขาเปลี่ยนไปมาก ภพไม่ได้เป็นเด็กที่พูดเก่งเหมือนเมื่อก่อน เขาเงียบขึ้น ละเมียดละไมกับความคิดของตัวเอง และเลือกที่จะไตร่ตรองทุกอย่างก่อนพูด เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับคอมพิวเตอร์ นั่งทำงานแบบ Work from Home หรือบางวันก็มาช่วยแม่ดูแลสวน แต่แป้นรู้… ว่าในดวงตาของลูกชาย ยังมีบางอย่างที่ค้างคาใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง…"ผมคิดว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยที่ไทยครับแม่"แป้นเงยหน้าขึ้นจากตะกร้ามะพร้าวที่กำลังคัดแยก เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะวางมือลง"ลูกจะไหวเหรอ ทั้งเรียนแล้วก็ทำงาน?"ภพนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างๆ"ผมอยากเรียนเพิ่มเติมครับ และเก็บเงินไปด้วย" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง "แม่จะได้เหนื่อยน้อยลง ถ้าผมมีงานเพิ่มข

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   แตกสลายโดยสมบูรณ์

    ในวัย 13 ปี… เขากลายเป็นคนที่แตกสลายโดยสมบูรณ์ภาพในความทรงจำตีกลับมาอีกครั้ง...เสียงของพ่อตวาดดังลั่นเป็นสิ่งที่เด็ก 13 ปีไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต...เสียงของแม่กรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมาณ...เลือดไหลเป็นสายลงบนพื้นไม้...และร่างของเขาถูกเหวี่ยงกระแทกกับโต๊ะอย่างแรง เสียงนั้นดังสะท้อนในหัวของเขาเหมือนแผ่นเสียงตกร่องภพสะดุ้งเฮือก ลืมตาโพลง หัวใจเต้นระรัวจนเหมือนจะระเบิดออกมา"ไม่ ไม่เอาแล้ว... พอเถอะ..."เขาอยากกรีดร้องออกมาดิ้นพราดอยู่บนเตียง ร่างกายสั่นเทาเหมือนคนกำลังจะจมน้ำป้าได้ยินเสียงผิดปกติ เธอรีบเข้ามาดูเขา และพบว่าเขากำลังกระตุกอยู่บนเตียง"ภพ! ใจเย็นๆ นะลูก ป้าอยู่ตรงนี้!"มือของป้ากอบกุมมือของเขาไว้แน่น น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างเงียบงัน เขาต้องฝืนใจมีชีวิตอยู่ ทั้งที่หัวใจของเขาแทบจะตายไปแล้วแม้จะเจ็บปวดแค่ไหน แม้จะร้องไห้ในใจมากเท่าไร แต่ไม่มีวันไหนที่ภพมีน้ำตา เขากัดฟันเผชิญหน้ากับทุกความเจ็บปวด... เพราะเขาไม่อยากให้แม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว แม่คือคนเดียวที่เหล

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ความชัดเจนในใจ

    แป้นกลับมาหาหมอเพชรอีกครั้งในวันถัดมา สีหน้าของเธอดูจริงจังกว่าครั้งก่อน ราวกับต้องการบอกอะไรบางอย่างที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าควรพูดหรือไม่"คุณเพชรคะ ฉันอยากขอคุยด้วยอีกหน่อย" หมอเพชรเงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้า สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงลังเลและความหนักใจเธอพยักหน้าให้แป้นนั่งลง รอให้เธอพูดในเวลาที่พร้อมสีหน้าของแป้นฉายความกังวลจนเด่นชัดแต่ก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา"พอดีว่าที่ฉันมาหาคุณเพชรครั้งนี้... ก็เพราะภพนั่นแหละค่ะ"หมอเพชรชะงัก มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นโดยไม่รู้ตัว"ภพเหรอ?" เธอถามกลับด้วยสีหน้าเริ่มตึงเครียด"ค่ะ ตอนนี้ภพกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยแล้ว เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่นี่""ภพเรียนจบเร็วมากค่ะ""ช่วงสามปีที่รักษาตัว เขาใช้เวลาทุกวันดูแลตัวเองให้หายดี และหลังจากนั้น... เขาก็เข้าเรียน High School ที่สหรัฐฯ และจบเร็วกว่ากำหนด" หมอเพชรพยักหน้าเบาๆ เธอไม่เคยคิดเลยว่าเด็กชายคนนั้นจะเติบโตขึ้นมาอย่างเข้มแข็งได้ขนาดนี้"แล้วเขาไม่เรียนต่อมหาวิท

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เรื่องราวของภพ

    “ป้าๆ ของภพเข้ามาช่วยดูแลค่ะ”เสียงของแป้นยังสั่นเครือ ขณะที่เธอเล่าถึงช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสที่สุดในชีวิต"ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสูงมากค่ะ ทั้งต้องทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าเพราะกระดูกผิดรูป แล้วยังต้องเยียวยาจิตใจของภพ ทั้งช่วงรักษาและหลังการรักษา ใช้เวลาเกือบสามปีเลยค่ะ"สามปี... ที่ต้องดูแลบาดแผลทั้งภายนอกและภายใน"ฉันเจ็บจนปวดใจตอนที่ลูกฟื้นขึ้นมา แต่ใบหน้าเขาบูดเบี้ยว เป็นแผล และพูดไม่ได้"เสียงของแป้นแผ่วลง ราวกับกำลังย้อนกลับไปในความทรงจำที่เธออยากลืมมากที่สุด"แต่เด็กคนนี้เข้มแข็งและอดทนมาก เขาไม่ร้องไห้เลย พยายามฝืนยิ้มและให้กำลังใจฉันตลอด"หมอเพชรนิ่งฟัง หัวใจหนักอึ้งภพ... ต้องเจ็บปวดมากแค่ไหนกันนะ ถึงเลือกจะไม่ร้องไห้?การไม่ร้องไห้… ไม่ใช่เพราะเขาไม่เจ็บปวด แต่มันอาจหมายความว่าเขา เจ็บปวดเกินกว่าที่จะร้องออกมาได้"ญาติฝั่งพ่อเขา... โกรธมากเมื่อรู้ว่าพ่อภพค้ายา และทำร้ายลูกตัวเอง" แป้นพูดช้าๆ ดวงตาว่างเปล่า ราวกับย้อนกลับไปอยู่ในอดีตที่เธอพยายามหนีมา "พวกเขาขอเป็นเจ้าของไข

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   การกลับมา

    เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ราวกับต้องการให้ทุกอย่างค่อยๆ ฟื้นตัวเองทีละเล็กทีละน้อย กนกเริ่มพูดมากขึ้น บางวันเด็กชายจะกลับมานั่งข้างเธอ แล้วเล่าเรื่องราวในโรงเรียนให้ฟังด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เพชรรู้ดีว่า… มันคือพัฒนาการที่สำคัญ"แม่ครับ วันนี้ผมได้รู้จักเพื่อนใหม่ด้วยนะ""แม่ครับ วันนี้มีคนแกล้งเพื่อนผม ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี"ทุกคำพูด ทุกการแบ่งปัน เพชรดีใจเสมอที่กนกมีเพื่อนคุย แม้ว่าลูกจะยังคงเงียบขรึมกว่าคนอื่น แต่เขาก็กำลังก้าวเดินต่อไปในแบบของตัวเองอย่างไรก็ตาม…เขายังกลัวเธอเองก็กลัวเช่นกันเธอกลัวว่า... ความทรงจำจะย้อนกลับมา แม้โรงเรียนของกนกจะอยู่ไม่ไกล ส่วนใหญ่เด็กในละแวกนี้จะเดินกลับบ้านด้วยกัน ผ่านเส้นทางที่ตัดผ่านสถานีอนามัยที่เธอทำงานอยู่แต่ระหว่างทางนั้น... กนกต้องเดินผ่านบ้านสวนมะพร้าวของแป้น แม้ว่าบ้านหลังนั้นก็แทบไม่มีใครอยู่ แต่มันยังคงเป็นสถานที่ที่บรรจุเรื่องราวที่พวกเขาพยายามลืมถ้ากนกมองมันเข้าไปล่ะ?ถ้าสถานที่นั้นกระต

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เติบโตใหม่

    สิบกว่าปีผ่านไป ชีวิตของกนกค่อย ๆ ดีขึ้น เขาเติบโตมาพร้อมกับหนังสือที่กลายเป็นเพื่อนแท้ เป็นที่หลบภัย และเป็นโลกทั้งใบของเขา หมอเพชรยังคงยืนยันเสมอว่า การเรียนไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับลูก หากแต่เป็นสุขภาพใจ "การเรียนของลูกช้ากว่าเพื่อนก็ไม่เป็นไรนะ กนก เราใช้เวลาของเราได้เต็มที่" คำพูดของพ่อทำให้กนกรู้สึกอุ่นใจ แม้จะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่เขาจะค่อย ๆ เปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆการเรียนแบบโฮมสคูลทำให้กนกมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น แม้จะไม่ได้เข้าสังคมเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แต่ก็ทำให้เขาได้ค้นพบว่าตัวเองรักอะไร เขาชอบอ่านนิยายของแม่ และสนใจประวัติศาสตร์กับสารคดีของพ่อ ทุกอย่างซึมซับเข้ามาในตัวเขาโดยไม่รู้ตัว เด็กชายตัวเล็กที่เคยหลบซ่อนตัวเองในเงามืด เริ่มมีแววตาที่สดใสขึ้นจนกระทั่งอายุ 17 ปี กนกก็เอ่ยปากกับแม่เป็นครั้งแรกถึงเรื่องการเข้าเรียนในโรงเรียนจริง"แม่ครับ..." เสียงของเขาเบาแต่มั่นคง "ผมอยากลองไปโรงเรียนดู"หมอเพชรที่กำลังอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้น นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มอ่อนโยน "แน่ใจแล้วเหรอลูก?"กนกพยักหน้า แม้ในใจยังมีความกังวล"ถ้าไม่ไหว ก

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   โลกใบใหม่ของกนก

    หลังจากวันนั้น… หนังสือกลายเป็นสิ่งเดียวที่กนกยอมเปิดรับจากที่เคยเหม่อลอยทั้งวัน ไม่พูด ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ตอนนี้เด็กชายค่อยๆ ใช้เวลานั่งกับหนังสือได้นานขึ้นทีละนิด แม้ว่าจะยังไม่กลับไปเป็นเด็กสดใสเหมือนเดิม… แต่อย่างน้อยตอนนี้ เขาก็มีบางสิ่งให้ยึดเหนี่ยวหมอเพชรนั่งมองลูกชายตัวเล็กของเธอที่กำลังเปิดหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ แม้ว่ากนกจะยังไม่ได้อ่านออกทั้งหมด แต่เขาก็จ้องมันอย่างตั้งใจ มือเล็กๆ ค่อยๆ ลูบผ่านหน้ากระดาษราวกับกำลังพยายามเข้าใจบางสิ่ง เธอไม่รู้ว่าเด็กชายกำลังคิดอะไร บางครั้งกนกจะนั่งนิ่งเป็นชั่วโมง มองภาพในหนังสือโดยไม่พูดอะไรเลย แต่เธอไม่เร่งเขาอีกแล้ว… เธอปล่อยให้เขาค่อยๆ ดำดิ่งเข้าไปในโลกของตัวเอง โลกที่เขาเลือกจะอยู่ และเธอก็จะอยู่ตรงนี้ รอให้เขากลับออกมาเอง"แม่ครับ"วันหนึ่ง… หลังจากผ่านไปหลายสัปดาห์ กนกเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่เขาถืออยู่ หมอเพชรสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนรีบขานรับ"ว่าไงครับลูก?" เด็กชายเงียบไปครู่หนึ่ง… ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะหน้ากระดาษ"แม่ช่วยอ่านให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ?"

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เหม่อลอย

    เหม่อลอยสองสัปดาห์หลังจากนั้นภายในบ้านหลังเดิม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่บรรยากาศกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กนกนั่งนิ่งอยู่บนพื้นไม้ข้างหน้าต่าง ดวงตากลมโตจ้องออกไปด้านนอก แต่ไร้ประกาย เขาไม่พูดอะไร ไม่ส่งเสียง ไม่แม้แต่จะขอให้แม่กอดเหมือนทุกครั้งที่เคยทำเด็กชายวัยห้าขวบ ที่ครั้งหนึ่งเคยวิ่งเล่นไปรอบบ้าน หัวเราะเสียงดังจนได้ยินไปถึงท้ายสวน... ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงเงาของตัวเอง"กนก ลูกอยากออกไปเดินเล่นกับพ่อไหมครับ?"เสียงของพ่อดังขึ้นเบาๆ เขานั่งยองๆ ลงตรงหน้าลูกชาย ยิ้มให้ แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ กนกไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองพ่อ เขาแค่กะพริบตาช้าๆ ราวกับได้ยินคำพูดนั้น แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร"งั้นออกไปนั่งกับพ่อข้างนอกดีไหม?"เด็กน้อยนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆพ่ออุ้มกนกออกมานั่งที่แคร่ไม้หน้าบ้าน อากาศเย็นสบาย สายลมพัดผ่านเบาๆ กลิ่นดินชื้นหลังฝนตกทำให้ทุกอย่างดูสงบลงแต่กนกก็ยังคงนั่งนิ่งไม่มีค

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เริ่มใหม่

    สามีของหมอเพชรขมวดคิ้ว "หมายความว่า...เขาลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว?"แพทย์พยักหน้า "ใช่ครับ สมองของเขาเลือกที่จะ 'ลืม' เพื่อป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ทั้งหมด"เขาเปิดเอกสารก่อนจะอธิบายต่อ "บางครั้ง ความทรงจำอาจไม่ถูกลบออกไปโดยสิ้นเชิง มันอาจคงอยู่ในรูปแบบของ ‘ความรู้สึก’ หรือ ‘ภาพที่คุ้นเคย’ กนกอาจจำบางส่วนได้ เช่น คนบางคน หรือเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่ชัดเจน แต่เขาจะไม่สามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดได้"แพทย์เว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวต่อ "และหากกนกต้องเจอกับสถานการณ์ หรือสิ่งกระตุ้นที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในวันนั้น เขาอาจจะจำได้อีกครั้ง และมันอาจกระตุ้นให้เกิดอาการตื่นตระหนก หรือปวดหัวรุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้"หมอเพชรเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่อยากให้ลูกต้องเผชิญกับความเจ็บปวดซ้ำๆ"แล้วตอนนี้... อาการของเขาจะเป็นยังไงต่อไปคะ?"แพทย์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบ "ตอนนี้เด็กอาจมีอาการที่คล้ายกับอยู่ในความทรงจำของตัวเอง หรืออยู่ในโลกที่สมองของเขาสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวเอง เขาอาจมีช่วงเวลาที่เหม่อลอย รู้สึกสับสน หรือตอบส

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status