ในวัย 13 ปี… เขากลายเป็นคนที่แตกสลายโดยสมบูรณ์
ภาพในความทรงจำตีกลับมาอีกครั้ง...
เสียงของพ่อตวาดดังลั่นเป็นสิ่งที่เด็ก 13 ปีไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต...
เสียงของแม่กรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมาณ...
เลือดไหลเป็นสายลงบนพื้นไม้...
และร่างของเขาถูกเหวี่ยงกระแทกกับโต๊ะอย่างแรง เสียงนั้นดังสะท้อนในหัวของเขาเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง
ภพสะดุ้งเฮือก ลืมตาโพลง หัวใจเต้นระรัวจนเหมือนจะระเบิดออกมา
"ไม่ ไม่เอาแล้ว... พอเถอะ..."
เขาอยากกรีดร้องออกมาดิ้นพราดอยู่บนเตียง ร่างกายสั่นเทาเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ
ป้าได้ยินเสียงผิดปกติ เธอรีบเข้ามาดูเขา และพบว่าเขากำลังกระตุกอยู่บนเตียง
"ภพ! ใจเย็นๆ นะลูก ป้าอยู่ตรงนี้!"
มือของป้ากอบกุมมือของเขาไว้แน่น น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างเงียบงัน เขาต้องฝืนใจมีชีวิตอยู่ ทั้งที่หัวใจของเขาแทบจะตายไปแล้ว
แม้จะเจ็บปวดแค่ไหน แม้จะร้องไห้ในใจมากเท่าไร แต่ไม่มีวันไหนที่ภพมีน้ำตา เขากัดฟันเผชิญหน้ากับทุกความเจ็บปวด... เพราะเขาไม่อยากให้แม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว แม่คือคนเดียวที่เหลืออยู่ของเขา แม่คือคนที่เสียสละทุกอย่างเพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ เขาต้องเข้มแข็ง... เพื่อให้แม่เข้มแข็งด้วย แม้ว่าทุกครั้งที่มองตัวเองในกระจก เขาจะเห็นเพียงเงาสะท้อนที่แตกร้าวของตัวเองก็ตาม
ใบหน้าของภพได้รับความเสียหายหนักเกินไป แพทย์ต้องทำศัลยกรรมให้เขาหลายครั้ง พวกเขาพยายามต่อกระดูกที่แตกละเอียด เย็บบาดแผลที่ฉีกขาด และค่อยๆ ฟื้นฟูโครงหน้าให้กลับมาเหมือนเดิม แต่มันก็ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว รอยเย็บมากมายฝากร่องรอยไว้บนผิวของเขา แม้จะจางลงไปบ้างเมื่อเวลาผ่านไป... แต่เขารู้ว่า... มันจะไม่มีวันหายไปหมด และเขาต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต
"พี่ภพไม่เป็นไรนะ... กนกจะอยู่ข้างพี่เอง"
ท่ามกลางความมืดและเสียงในหัวที่คอยหลอกหลอนเขาทุกคืน
มีเพียงเสียงเดียวที่แตกต่างออกไป
เสียงของเด็กชายที่เขาจำหน้าไม่ได้ อ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยความมั่นคง
มันดังซ้ำๆ ในใจของเขา
"พี่ภพไม่เป็นไรนะ...กนกจะอยู่ข้างพี่เอง..."
เสียงนี้... กลายเป็นสิ่งเดียวที่ปลอบโยนหัวใจที่แตกสลายของเขาเขากุมหน้าอกตัวเองแน่น พยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่ไม่มีเสียง
แต่ถึงแม้ร่างกายจะค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาได้...หัวใจของเขากลับยังไม่เคยสมบูรณ์ มันเหมือนมีบางอย่างขาดหายไป
มันเหมือนเขากำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลาบางคืน… เขาฝันถึงเด็กชายคนนั้น ในความฝัน มีเพียงเงารางๆ เสียงที่กระซิบข้างหู และมือเล็กๆ ที่จับมือเขาไว้แน่นแต่ทุกครั้งที่พยายามมองให้ชัดขึ้น... ภาพนั้นกลับเลือนหายไปเหมือนหมอกควัน
เขาตื่นขึ้นมากลางดึก หัวใจเต้นแรง และมีเพียงความรู้สึกเดียวที่ยังคงเหลืออยู่
กนก
ภพรักพยายามค้นหาคำตอบ เขาถามแม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"เขาเป็นใครเหรอครับแม่?"
"ลูกชายของคูรเพชร... ที่เคยช่วยดูแลหนูกับแม่ไง" แป้นเห็นแววตาของลูกชายที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เธอถอนหายใจเบาๆ
"ลูกจำหน้าเขาไม่ได้เลยเหรอ?"
"ไม่เลยครับ..." พบรักส่ายหน้าเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน
"แต่เขา..."
มันไม่ใช่แค่ความอยากรู้
ไม่ใช่แค่ความผูกพันในวัยเด็กที่หลงเหลืออยู่
มันเป็นบางสิ่งที่ฝังลึกในหัวใจของเขา
"ผมอยากเจอเขาครับแม่"
แสงแดดยามเช้าส่องกระทบผิวของภพขณะที่เขายืนมองท้องฟ้าผ่านกระจกหน้าต่างเครื่องบิน เสียงประกาศจากกัปตันแจ้งว่าเที่ยวบินกำลังเข้าสู่เขตน่านฟ้าประเทศไทย
หัวใจของเขาเต้นแรงกว่าปกติ
เขากำลังจะกลับบ้าน...
แต่ "บ้าน" ที่เขาจากมาเมื่อสิบปีก่อน ไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป
ชีวิตกว่าครึ่งหนึ่งในต่างแดน ดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยรู้สึกแปลกแยก กลับกลายเป็นสถานที่ที่เยียวยาร่างกายและจิตใจของเขา ห้าปีแรก
เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางทีมแพทย์ที่คอยรักษา เย็บแผล พักฟื้น และฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้าให้กลับมาทำงานได้อีกครั้งจากเด็กชายที่ไม่สามารถพูดได้เลยสักคำ ต้องผ่านการฝึกพูดทีละน้อย...
จากเด็กชายที่แทบลืมวิธีแสดงสีหน้า ต้องยืนหน้ากระจกและเรียนรู้ใหม่...
จากเด็กชายที่มีแผลเป็นเต็มใบหน้า ต้องค่อยๆ เฝ้ามองตัวเองเปลี่ยนแปลงไปหลังการผ่าตัดครั้งแล้วครั้งเล่า
มันเป็นการเดินทางที่แสนเจ็บปวดและยาวนานแต่เขาก็ผ่านมาได้
ห้าปีหลัง เขาเข้าเรียนที่อเมริกา เรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมใหม่ พยายามปรับตัวและเติบโต เขาเลือกเรียนด้านโปรแกรมมิ่ง และใช้มันเป็นเครื่องมือสร้างโลกของตัวเอง คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่ไม่ตัดสินใคร มันไม่สนว่าผู้ใช้มีบาดแผลแบบไหน มันไม่สนว่าผู้ใช้เคยผ่านอะไรมาบ้าง
รอให้ใครสักคนป้อนคำสั่ง และมันจะทำงานอย่างที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้และนั่นทำให้เขาหลงใหลมัน...เขาจบไฮสคูลเร็วกว่าปกติ และไม่ได้เลือกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยต่อ เขาใช้เวลาเรียนรู้งานและพัฒนาทักษะของตัวเองจนสามารถทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ แบบ Work from Home ชีวิตของเขา... สามารถอยู่ที่ไหนก็ได้ ตราบใดที่ยังมีอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง
แต่เขาเลือกที่จะมาหาใครคนนึง ไม่ใช่เพราะหวังให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา แต่เพราะเขาอยากเฝ้ามอง อยากแน่ใจว่าอีกฝ่ายยังปลอดภัยและมีความสุขแม้เขาจะไม่เคยเห็นหน้ากนกมาก่อน แต่หัวใจของเขากลับมั่นใจว่าต้องเจอคนๆ นี้ให้ได้
แป้นเฝ้ามองลูกชายที่ดูจะเปลี่ยนไปหลังจากกลับมาเมืองไทยเขาเงียบขึ้น ละเมียดละไมกับความคิดของตัวเองมากขึ้น
และในที่สุด… ภพรักก็พูดออกมา
"แม่ครับ... ผมอยากเจอน้อง"
แป้นชะงักไป เธอหันไปมองลูกชาย ราวกับพยายามไตร่ตรองความหมายของคำพูดนั้น
"ลูกแน่ใจเหรอ?"
"ครับ" พบรักตอบเสียงหนักแน่น
เธอถอนหายใจเบาๆ ความกังวลท่วมท้นในใจ
เธอรู้ว่าคุณเพชรจะต้องเป็นห่วงลูกชายของเขามากแค่ไหนกนกอาจลืมอดีตไปแล้ว... แต่ถ้าภพปรากฏตัวขึ้น อดีตเหล่านั้นอาจกลับมาอีกครั้ง
เมื่อได้พบอีกครั้ง วันที่ภพรักได้เจอหน้ากนกเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปี เขาไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกอย่างไรมันไม่ใช่รักแรกพบ... แต่มันเป็นบางอย่างที่ฝังลึกลงไปในหัวใจ
เหมือนสายใยที่เคยถูกผูกไว้ตั้งแต่นานมาแล้ว
เหมือนการรอคอยที่ไม่มีคำอธิบาย
เหมือนบางอย่างในตัวเขาถูกเติมเต็มโดยไม่รู้ตัว
เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มองเด็กหนุ่มที่เติบโตขึ้น
รอยยิ้มของกนก...
แววตาของกนก...
ทุกอย่างยังคงเป็นคนที่เขาคิดถึงเสมอมา
และในเสี้ยววินาทีที่สบตากัน... น้ำตาก็ร่วงลงโดยที่เขาไม่อาจห้ามได้
แต่เขาไม่กล้าเข้าไปทักทาย ไม่กล้าแม้แต่จะทำให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา เขาทำเพียงแค่ มองจากระยะไกล เดินผ่านร้านหนังสือที่กนกชอบไป นั่งเงียบๆ ในคาเฟ่ที่กนกมักมาอ่านหนังสือ ดูแลในมุมที่กนกไม่เคยรับรู้ มันอาจฟังดูแปลก แต่แค่ได้เห็นอีกฝ่ายใช้ชีวิต แค่ได้รู้ว่ากนกปลอดภัย มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน