ด้านน้ำพั้นซ์เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอนของตัวเองอย่างร้อนใจ เพราะก่อนหน้านี้ซีเซียได้ส่งข้อความบอกเธอว่ามาถึงที่นี่แล้ว เธอจึงตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไหร่ซีเซียจะมาช่วยเธอให้เป็นอิสระจากการถูกขังไว้ในห้องแบบนี้เสียที ทว่าพอได้ยินเสียงกึกกักๆคล้ายว่ากลอนประตูไม้หน้าห้องกำลังถูกเปิดออกจากคนข้างนอก น้ำพั้นซ์ก็ยิ้มออกมาได้จนแก้มแทบปริ และไม่รอช้าสองขาเรียวเล็กเดินกรูไปยังประตูห้องทันที และเมื่อประตูไม้คู่บานเล็กถูกผลักเข้ามาจากคนด้านนอก ก็ทำให้สองสาวสบตากันพร้อมเอ่ยเรียกชื่อกันและกันทันที
"เซีย/พั้นซ์"
หมับ!
เห็นเช่นนั้นน้ำพั้นซ์ก็ก้าวขาออกจากห้องแล้วกอดหมับคนที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวทันทีด้วยความดีใจ ด้านซีเซียก็กอดตอบทันทีเช่นเดียวกัน ไม่นานสองสาวก็ผละกอดออกจากกัน แล้วเป็นน้ำพั้นซ์ที่เอ่ยพูดขึ้นก่อน
"ขอบใจนะเซียที่มาช่วยเรา"
"ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง"
ด้านสองหนุ่มใหญ่ที่ยืนมองอยู่ด้านหลังของซีเซีย ไม่ได้อยู่ในสายตาของน้ำพั้นซ์เลย เพราะมัวแต่ดีใจที่ซีเซียมาช่วย น้ำพั้นซ์จึงให้ความสำคัญแค่ซีเซียที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้น กระทั่งซีเซียเอ่ยพูดขึ้น
"อาศิกับอาเตก็มาด้วยนะ มัวแต่ดีใจอยู่นั่นแหละ ไม่คิดจะสวัสดีผู้ใหญ่หน่อยเหรอ"
ได้ยินเช่นนั้นน้ำพั้นซ์จึงเบนสายตามองไปด้านหลังของซีเซียทันที ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตัวสูงทั้งสองคน ทว่าคนที่ทำให้เธอต้องหยุดสายตามองแค่ที่เขา คือคนที่เป็นอาแท้ๆของซีเซีย
...โห! หล่อจังเลยแฮะ
คำพูดนี้ดังก้องขึ้นมาในหัวของน้ำพั้นซ์ทันทีเมื่อได้เห็นอาแท้ๆของซีเซียตัวเป็นๆครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาเธอเห็นเขาแค่ในวีดีโอคอลผ่านสายของซีเซียแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ในวีดีโอคอลว่าหล่อแล้ว ตัวจริงหล่อยิ่งกว่าเป็นสิบๆเท่า จนเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะอายุย่างเข้าเลขสี่แล้ว
...น่ารักชะมัด
ด้านเตชินท์ก็ไม่ต่างกัน พอเห็นตัวจริงของน้ำพั้นซ์ใกล้ๆ คำพูดชื่นชมคนตัวเล็กก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขาทันที แม้จะเคยเห็นเธอมาแล้วครั้งนึงเมื่อสี่ปีก่อนตอนที่เขากับเพื่อนแอบพากันมาซุ่มดูหลานสาวที่นี่ แต่ตอนนั้นเขาเห็นคนตัวเล็กในระยะไกล และแม้จะเห็นเธอผ่านรูปผ่านวีดีโอที่นักสืบส่งมาให้ดู และเห็นผ่านสายวีดีโอคอลของหลานสาว แต่ก็สู้เห็นตัวจริงของเธอไม่ได้เลย ยิ่งได้มองใกล้ๆยิ่งน่าหลงใหลจนหยุดมองไม่ได้เลย
"อะแฮ่ม! จะจ้องตากันอีกนานไหมคะ"
ทว่าอยู่ๆเสียงของซีเซียก็ดังขัดขึ้นมา จึงทำให้น้ำพั้นซ์ได้สติรีบเบนสายตากลับมามองซีเซียทันที แต่เตชินท์กลับไม่ได้มองหลานสาวเลย เขายังคงมองแต่คนตัวเล็ก และใช้สายตาสังเกตร่างกายของเธอทุกส่วน ก็เห็นว่าเธอตัวเล็กกว่าหลานสาวของเขาอีก แต่เล็กกว่านิดเดียวเท่านั้่น เพราะเดิมทีหลานสาวของเขาก็เป็นคนตัวเล็กอยู่แล้ว
"สวัสดีค่ะ"
น้ำพั้นซ์เอ่ยสวัสดีพร้อมกับพนมมือน้อยๆไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคน ก่อนจะหันมาถามซีเซียในสิ่งที่อยากรู้ทันที
"ตาว่าไงบ้างเซีย"
"ตายอมปล่อยพั้นซ์ออกจากห้องแล้ว แต่เรื่องที่คาดโทษเอาไว้ยังเหมือนเดิม"
ได้ยินเช่นนั้นน้ำพั้นซ์ก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ เพราะอย่างน้อยคนเป็นตาก็ยอมปล่อยเธออกจากห้องก่อนครบสามวัน ไม่งั้นเธอคงได้อุดอู้อยู่แต่ในห้องจนอึดอัดตายแน่นอน
"แล้วนี่ตากับยายไปไหนเหรอ" น้ำพั้นซ์เอ่ยถามซีเซียขณะที่สายตามองไปยังเก้าอี้ไม้สักตัวยาวที่คนเป็นตากับยายชอบนั่งเล่นกันเป็นประจำ แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นท่านทั้งสองแล้ว
"ไปงานศพที่วัดน่ะ"
"อ๋อ แล้วตาบอกไหมว่าจะกลับเมื่อไหร่" น้ำพั้นซ์ถามต่อทันที ซึ่งเธอรู้อยู่แล้วว่าที่วัดมีงานศพของญาติผู้ใหญ่บ้าน แต่สิ่งที่เธออยากรู้คือคนเป็นตาจะกลับจากงานศพเมื่อไหร่
"เห็นบอกว่าจะกลับดึกๆนะ อยู่ฟังพระสวดแล้วกินข้าวที่งานด้วย"
ได้ยินเช่นนั้นน้ำพั้นซ์ก็หลุดยิ้มออกมาทันที ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปน้ำเสียงใสแจ๋ว
"งั้นเดี๋ยวเรามานะ ไปบ้านไอไข่ดำก่อน" พูดจบน้ำพั้นซ์ก็เตรียมจะเดินไป ทว่า...
"เดี๋ยวก่อน นี่มันค่ำแล้วนะไม่ต้องไปหรอก" ซีเซียเอ่ยรั้งพร้อมกับจับแขนน้ำพั้นซ์เอาไว้ ซึ่งซีเซียก็รู้ดีว่าไอไข่ดำคือใคร และรู้ด้วยว่าน้ำพั้นซ์จะไปบ้านไข่ดำทำไม
"แต่เราเป็นห่วงไอเงิน ไม่รู้ป่านนี้ไอไข่ดำมันให้อาหารไอเงินยัง เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องพาไอเงินไปลงกัดที่บ้านพี่แสนอีก" น้ำพั้นซ์เอ่ยตอบอย่างนึกเป็นห่วงปลากัดตัวโปรดของเธอที่ตั้งชื่อให้มันว่าไอเงิน เพราะเธอได้ฝากเลี้ยงปลากัดลูกรักของเธอเอาไว้กับเด็กแถวบ้านอายุประมาณสิบสี่ปีที่ชื่อว่าไข่ดำ
"นี่ยังคิดจะไปกัดปลาอีกเหรอ ไม่กลัวตาจับได้แล้วส่งไปอยู่กับแม่หรือจับแต่งงานหรือไง" ซีเซียเอ่ยดุไปทันที แม้ว่านี่คือสิ่งที่เธออยากให้เป็นไปก็ตาม เพราะจะได้ทำตามแผนที่วางไว้กับอาของเธอ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยดุประหนึ่งเตือนน้ำพั้นซ์พอเป็นพิธี
"กลัวสิ แต่เดี๋ยวเราจะรีบไปรีบกลับก่อนตาจะกลับมา เราไปก่อนนะ" พูดจบน้ำพั้นซ์ก็รีบเดินจ้ำอ้าวลงไปข้างล่างทันที ไปคว้ามอเตอร์ไซค์Finoสีขาวคันโปรดของเธอ แล้วขับออกไปยังบ้านไข่ดำที่อยู่ซอยถัดไป แม้ตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดแล้ว แต่ก็มีไฟถนนและไฟตามบ้านเรือนของช้าวบ้านส่องสว่างตลอดทาง
ซึ่งทุกอิริยาบถของน้ำพั้นซ์เมื่อครู่ ตกอยู่ในสายตาคู่คมของเตชินท์ที่มองเธอตั้งแต่อยู่ในบ้านและเดินตามมาดูเธอตรงระเบียงบ้านจนกระทั่งเธอขับรถออกไปจากรั้วบ้าน เขาใช้สายตามองนิ่งๆโดยไม่คิดจะเอ่ยห้ามหรืออะไรทั้งนั้น ทว่าในใจกลับนึกหมั่นเขี้ยวในความซุกซนของเธอไม่น้อย ที่เป็นเด็กไม่รู้จักหลาบจักจำเอาเสียเลย
"เห็นไหมคะอาเต หนูบอกแล้วว่ายังไงพั้นซ์ก็ต้องแอบไปเล่นปลากัดอีกแน่ พรุ่งนี้อาเตเตรียมทำตามแผนของพวกเราได้เลยค่ะ ถ้าอาเตพูดกับตาให้เป็น หนูรับรองว่าตาต้องยอมยกพั้นซ์ให้อาเตเลี้ยงแน่นอนค่ะ" ซีเซียพูดอย่างมั่นอกมั่นใจในแผนการของตัวเอง ประหนึ่งสอนคนเป็นอาไปในที โดยมีคนรักหรือศิลายืนอยู่ข้างๆเธอไม่ห่างกาย
"หึ เดี๋ยวนี้รู้จักสอนอาเก่งนะเรา" พูดจบเตชินท์ก็ยื่นมือหนาไปวางบนศรีษะเล็กของหลานสาว แล้วโยกเบาๆอย่างเอ็นดู
"งั้นพวกเราลงไปกินข้าวกันเถอะค่ะ หนูหิวแล้ว"
"น้องเซียพาไอศิไปกินข้าวก่อนเลยครับ อาจะรอกินข้าวเป็นเพื่อนหนูพั้นซ์"
"หึ ไม่ทันได้เป็นอะไรกันก็คลั่งรักซะแล้วเหรอมึง ถึงต้องรอกินข้าวพร้อมกัน" ศิลาที่เงียบอยู่นานก็อดแซวเพื่อนไม่ได้
ได้ยินเช่นนั้นเตชินท์ก็ยักไหล่ให้เพื่อนอย่างไม่ยี่หระโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เห็นเช่นนั้นศิลากับซีเซียจึงได้แต่ยิ้มพลางส่ายหน้าให้กับคนคลั่งรัก จากนั้นทั้งคู่ก็เลือกไม่สนใจเตชินท์ แล้วเดินโอบเอวพากันลงไปกินข้าวในครัวข้างล่างหรือใต้ถุนบ้าน
...ซึ่งการเลี้ยงปลากัดมันไม่ได้ผิดอะไรเลยถ้าหากน้ำพั้นซ์จะเลี้ยงเอาไว้ดูเล่นเพราะความชอบส่วนตัว หรือเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงเหมือนหมาแมวทั่วไป แต่น้ำพั้นซ์กลับเลี้ยงปลากัดเอาไว้เพื่อเล่นพนันกับฝั่งตรงข้าม หรือการเล่นพนันดีๆนี่เอง ซึ่งวิธีการเล่นปลากัดก็คือ เอาปลาของเราไปกัดกับปลาของฝั่งตรงข้ามหรือปลาของใครก็ได้ที่อยากจะกัดกับปลาของเรา และเดิมพันด้วยเงินหลักร้อยถึงหลักพัน ส่วนใหญ่เงินเดิมพันปลากัดก็จะประมาณนี้ ไม่ได้เดิมพันเยอะเป็นหลักแสนหลักล้านเหมือนพวกบ่อนวัวหรือพวกเล่นวัว ถ้าปลาของใครกัดชนะก็ได้เงินที่ตกลงเดิมพันกันไว้ ปลาของใครกัดแพ้ก็ต้องเป็นฝ่ายเสียเงินเดิมพัน อีกอย่างบ้านของคนชื่อแสนที่เป็นที่มั่วสุมของนักเล่นปลากัด ส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น น้ำพั้นซ์นับว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวในหมู่บ้านที่เล่นปลากัด ด้วยเหตุผลเหล่านี้ตาบุญถึงไม่ชอบและสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด เพราะที่มั่วสุมแบบนั้นมันอันตราย ไม่เหมาะกับเด็กผู้หญิงเป็นอย่างยิ่ง แต่คนดื้อรั้นอย่างน้ำพั้นซ์ก็ไม่เคยจะเชื่อฟัง แม้จะเคยโดนตาบุญตีอยู่หลายครั้งเรื่องนี้ แต่น้ำพั้นซ์ก็ไม่เคยหลาบจำ อย่างเช่นครั้งนี้ที่ตาบุญลงโทษด้วยการจับขังไว้ในห้องแถมยังคาดโทษไว้อีก แต่น้ำพั้นซ์ก็ไม่รู้จักหลาบจักจำสักที ยังคิดที่จะไปเล่นปลากัดอีกเหมือนเดิม และแน่นอนว่าทุกเรื่องที่เกี่ยวกับน้ำพั้นซ์เตชินท์รู้หมดทุกเรื่อง...
หนึ่งเดือนต่อมาช่วงเวลาหนึ่งเดือนมานี้มีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นมากมาย งานแต่งของศิลากับซีเซียก็เพิ่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆ คราแรกเตชินท์กับศิลาได้คุยกันไว้เล่นๆว่าอยากจัดงานแต่งพร้อมกันสองคู่ ทว่าก็ไม่สามารถแต่งพร้อมกันได้เพราะฤกษ์ดีของศิลากับซีเซียที่หาไว้แล้วดันไม่ใช่ฤกษ์ดีของเตชินท์กับน้ำพั้นซ์ ฤกษ์ดีไม่ตรงกันจึงไม่สามารถแต่งพร้อมกันได้ ซึ่งฤกษ์ดีหรือฤกษ์แต่งงานของเตชินท์กับน้ำพั้นซ์คืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ...ทว่าเจ้าตัวน้อยก็ดันมากำเนิดในท้องของน้ำพั้นซ์ก่อนงานแต่งเหมือนคู่ของศิลากับซีเซีย แม้จะเป็นการท้องก่อนแต่ง แต่ทุกคนก็ต่างร่วมยินดีกับทั้งสองคู่ตอนนี้น้ำพั้นซ์ตั้งครรภ์ได้สี่สัปดาห์แล้ว ส่วนซีเซียก็ตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์ อายุครรภ์ห่างกันแค่เดือนเดียว ส่วนสองหนุ่มใหญ่พอเจอหน้ากันก็ขิงใส่กันแทบทุกวัน ว่าต่างฝ่ายต่างน้ำยาดีสามารถทำให้สาวๆติดท้องได้เร็ว ทั้งที่อายุก็จะเข้าเลขสี่อยู่แล้วแต่ก็ยังมีน้ำยา"มาอีกแล้วเหรอมึง บ้านช่องตัวเองไม่อยู่ อยู่แต่บ้านกูเนี่ย" เมื่อเห็นเพื่อนกับหลานสาวมาบ้าน เตชินท์ก็เอ่ยทักเพื่อนไปอย่างกวนๆตามประสาเพื่อนรักเพื่อนสนิท"มึงพูดแบบน
วันต่อมาวันนี้เตชินท์กับน้ำพั้นซ์ได้เดินทางกลับกรุงเทพ มาถึงบ้านก็ช่วงค่ำเหมือนเดิม ทว่าวันนี้ศิลากับซีเซียได้พากันมานอนที่บ้านด้วยในเวลาห้าทุ่มกว่าๆ สองหนุ่มใหญ่ต่างหลับไหลอยู่ภายในห้องนอนของตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าข้างกายของพวกเขาตอนนี้ไร้ซึ่งร่างบางหรือเมียตัวน้อยของพวกเขา"มาแล้วจ้า~ มาม่าร้อนๆ ฝีมือไอพั้นซ์""หืม~ หอมอ่ะพั้นซ์ วางเลยๆ เราหิวจะแย่แล้ว""นั่งข้างล่างดีกว่าไหมเซีย กินหม้อเดียวกันจะได้กินถนัดหน่อย""ได้ดิ"หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อย สองสาวก็นั่งลงบนพื้นภายในห้องครัว น้ำพั้นซ์วางมาม่าหม้อเล็กที่เธอเพิ่งต้มเสร็จใหม่ๆกำลังร้อนๆน่ากินลงบนพื้น จากนั้นสองสาวก็ไม่รอช้า จับตะเกียบคีบเส้นมาม่าในหม้อแล้วเป่าก่อนจะป้อนเข้าปากตัวเอง เคี้ยวตุ่ยๆอย่างเอร็ดอร่อย ให้สมกับความหิวกลางดึกโดยไม่ได้นัดหมาย ในเมื่อต่างคนต่างหิวพวกเธอก็เลยตัดสินใจมาต้มมาม่ากินกันสองคนในครัวแบบนี้ด้านเตชินท์ที่ลุกขึ้นมาจะเข้าห้องน้ำกลางดึก ทว่าเมื่อไม่เห็นเมียเด็กข้างกาย เขาจึงเดินไปดูในห้องน้ำแต่ก็ไม่เจอ เลยเดินออกมาดูนอกห้อง ก็พบกับศิลาที่เปิดประตูออกมาจากห้องนอนพอดี ก่อนจะเป็นศิลาที่เอ่ยถามขึ้น"มึงจะไป
วันต่อมาวันนี้น้ำพั้นซ์พาเตชินท์ไปหาแม่ของเธอที่อาศัยอยู่ในตัวอำเภอเพื่อแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันไว้ หรือพาลูกเขยไปไหว้แม่ยายนั่นเอง หลังจากอยู่คุยกับคนเป็นแม่จนถึงช่วงบ่ายแก่ๆก็พากันกลับ โดยระหว่างทางกลับก็แวะตลาดสดเพื่อซื้อกับข้าวเย็นขณะที่ทั้งคู่เดินอยู่ในตลาดก็ดันมาเจอดิวที่มาเดินตลาดเช่นกัน โดยเป็นดิวที่เอ่ยทักขึ้นก่อน"มาซื้อกับข้าวเนาะพั้นซ์" (มาซื้อกับข้าวเหรอพั้นซ์) ดิวถามพลางหลุบตามองมือของน้ำพั้นซ์ที่มีมือของเตชินท์จับอยู่ เห็นเช่นนั้นดิวก็รู้สึกปวดใจ แต่ลึกๆก็ยินดีกับน้ำพั้นซ์ที่ได้คนเพรียบพร้อมอย่างเตชินท์คอยดูแล เทียบกับเขาที่ไม่มีอะไรเลย ก็คงเป็นได้แค่พี่ชายที่ดีให้เธอต่อไป"อือ แล้วนี่พี่ดิวจะขับรถกลับบ้านยังไงอ่ะ กับข้าวเต็มมือขนาดนี้" น้ำพั้นซ์เอ่ยตอบก่อนจะถามกลับเมื่อเห็นดิวซื้อของเต็มไม้เต็มมือทั้งสองข้าง คงจะพากลับลำบาก"พี่นั่งสองแถวมา ไม่ได้ขับรถมาเอง" (พี่นั่งสองแถวมา ไม่ได้ขับรถมาเอง)น้ำพั้นซ์ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าให้ดิวอย่างเข้าใจ เธออยากจะเอ่ยปากชวนดิวกลับด้วยกันแต่ก็ไม่กล้า กลัวคนข้างๆจะไม่พอใจอีก"ถ้าไม่ได้ขับรถมาเอง งั้นก็กลับด้วยกันสิ"ทว่าเสียงทุ้มข
สองวันต่อมาวันนี้เตชินท์หาเวลาว่างพาน้ำพั้นซ์กลับใต้มาหาคนเป็นตากับยาย แต่ซีเซียกับศิลาไม่ได้มาด้วย เนื่องจากซีเซียนั้นท้องอยู่ จึงไม่สามารถนั่งรถเดินทางไกลๆได้เพราะจะเสี่ยงอันตรายต่อครรภ์อ่อนๆเตชินท์กับน้ำพั้นซ์เดินทางมาถึงใต้ช่วงเวลาตะวันใกล้ตกดินพอดี หลังจากที่น้ำพั้นซ์พูดคุยและกอดหอมคนเป็นตากับยายด้วยความคิดถึงจนหนำใจแล้ว ทุกคนก็พากันลงไปทานข้าวเย็นข้างล่างตรงใต้ถุนบ้าน ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ เสียงรถมอเตอร์ไซค์ของดิวที่ขับเข้ามาในบ้านก็ดึงความสนใจของทุกคนให้หันไปมอง ด้านดิวเมื่อจอดรถเสร็จก็เดินมุ่งตรงมาทางทุกคนทันที ก่อนจะเอ่ยทักทายน้ำพั้นซ์ไป"หลบมาถึงนานแล้วเนาะพั้นซ์" (กลับมาถึงนานแล้วเหรอพั้นซ์)"ถึงสักพักแล้วล่ะ" น้ำพั้นซ์เอ่ยตอบดิว ก่อนจะหันมามองคนตัวโตข้างๆที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเขามองมาแววตาเต็มไปด้วยคำถาม แต่เขาก็เงียบ เธอเองก็เลยไม่รู้จะพูดอะไร กระทั่งเสียงคนเป็นยายดังขึ้น"รู้ได้ไงว่าเจ้าพั้นซ์มันกลับบ้าน ได้ข่าวไวจริงนะเอ็ง""กะพั้นซ์โทรบอกผม ไม่ให้ผมโร้พรือล่ะยาย" (ก็พั้นซ์โทรบอกผม ไม่ให้ผมรู้ได้ไงล่ะยาย"ด้านน้ำพั้นซ์ตอนนี้นั่งก้มหน้างุด เพราะ
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาล่วงเลยผ่านไปเร็วเหมือนโกหก หนึ่งเดือนมานี้ทุกคนต่างดำเนินชีวิตไปตามปกติ ด้านน้ำพั้นซ์ก็เริ่มปรับตัวเข้ากับที่อยู่ใหม่ได้แล้ว และใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับเตชินท์ได้อย่างมีความสุข แม้ที่ผ่านมาจะมีการงอนง้อหรือง้องอนกันบ้าง แต่มันก็เป็นเรื่องปกติของคู่รักอยู่แล้ว และอีกหนึ่งข่าวดีที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งเดือนนี้คือซีเซียได้ตรวจพบว่าเธอนั้นท้องจริงๆ แต่ระยะครรภ์แค่เพียงสามสัปดาห์เท่านั้น หรือเธอเพิ่งจะตั้งครรภ์หลังจากที่กลับจากใต้นั่นเอง20:35 น.ณ ร้านเหล้าเปิดใหม่"ขอบใจนะไอเตไอศิที่มาประเดิมร้านให้กู ว่าแต่สองสาวน้อยนี่ใครวะ สวยจัด" เสียงเบียร์ เพื่อนสมัยเรียนมหาลัยของเตชินท์และศิลาเอ่ยพูดขึ้น โดยไม่ลืมที่จะถามถึงสาวน้อยข้างกายของทั้งสองคนที่สวยและน่ารักไม่แพ้กันเลย"เมียกู!/เมียกู!" เตชินท์กับศิลาเอ่ยตอบพร้อมกันทันทีด้วยน้ำเสียงแข็ง ต่างก็รู้สึกไม่ชอบใจเบียร์เท่าไหร่ที่มาชมเมียของพวกเขาต่อหน้าต่อตา ตามประสาคนหวงเมีย จนเบียร์ต้องเอ่ยความบริสุทธิ์ใจออกไป"กูก็แค่ชมเมียพวกมึงเฉยๆ อย่ามาทำหน้าแบบนี้ใส่กูดิ ว่าแต่ไม่คิดจะแนะนำเมียพวกมึงให้เพื่อนอย่างกูรู้จักหน่อยเหรอวะ
เมื่อทั้งสี่คนกลับมาถึงบ้าน ศิลาก็ขอตัวพาซีเซียกลับบ้านของเขา ตามที่เคยตกลงกันไว้ว่าถ้าหากเตชินท์มีเมียเมื่อไหร่ก็จะยอมปล่อยซีเซียให้ไปอยู่บ้านของศิลาและเมื่อศิลาพาซีเซียกลับไปแล้ว เตชินท์ก็เดินขึ้นไปชั้นบน น้ำพั้นซ์ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินตามไปทันที พลางเอ่ยถามออกไป"อาเตจะไปไหนคะ""ห้องทำงานครับ อามีประชุมออนไลน์" เตชินท์เอ่ยตอบโดยที่ยังเดินไปข้างหน้า ไม่ได้หันกลับมามองคนตัวเล็กเลย เพราะเขากำลังแกล้งเมินเธออยู่ แต่เขาก็มีประชุมออนไลน์จริงๆ ถึงแม้เขาจะหายงอนเธอแล้ว แต่เขายังอยากที่จะแกล้งงอนเธอต่อ เพราะแค่อยากให้เธอง้อเขาอีก อยากใจละลายใจระทวยกับการง้อของเด็กก็เท่านั้นด้านน้ำพั้นซ์พอได้ยินคนตัวโตบอกว่ามีประชุมออนไลน์ สองเท้าเล็กก็หยุดชะงักกับที่ โดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็เลือกที่จะเดินไปอีกทาง เพราะไม่อยากตามไปรบกวนเขาในเวลาทำงานน้ำพั้นซ์เดินมานั่งตรงประตูด้านข้างของบ้าน ดวงตากลมโตทอดมองไปยังสระน้ำสีฟ้าใสดูสะอาดตา พอได้อยู่คนเดียวโดยไม่มีซีเซียหรือคนคอยคุยด้วย ภายในใจก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกคิดถึงตากับยาย คิดถึงบ้าน คิดถึงทุกอย่างที่ใต้ ทว่าอยู่ๆโทรศัพท์ในกระเป