แต่แผนการไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อซีเยว่พาสาวใช้มาตามคำขอของอู๋ซื่อที่เรือนพักของกู้หยาง แม่นมจินที่มาดักรอเพื่อพาสาวใช้ไปส่ง กลับปล่อยให้นางยืนรออยู่ที่ข้างเรือน เพื่อจะพาสาวใช้ไปทำธุระก่อน
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!!!” เสียงคำรามราวกับฟ้าร้องดังขึ้นด้านหลังของนาง
เมื่อนายท่านเว่ยเดินเข้ามาพร้อมกลุ่มคนจำนวนไม่น้อย ด้านหลังของนายท่านเว่ยมีอู๋ซื่อที่มองมาทางนางอย่างเรียบเฉย และหลิวชิงที่ก้มหน้านิ่งอยู่กับพื้นไม่กล้าจะมองมาทางนาง
ยังมีแม่นมและสาวใช้ที่นางหลอกล่อมาอยู่ในกลุ่มคนด้วย ซีเยว่มองที่พวกเขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะมีเสียงหยานคางเอ่ยขึ้นมาจากด้านหลังของนางอีกเสียง
“เสียงดังอันใดกันขอรับ” กู้หยางที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยเดินออกมาจากเรือนพักของเขา ซีเยว่มองไปด้วยความตกตะลึง เพราะตอนนี้ตัวเขาอยู่ใกล้นางไม่น้อย
“หึ งามหน้านัก คุณชายกู้ หากท่านพึงใจในบุตรสาวอกตัญญูของข้า เหตุใดในตอนแรกถึงได้ต้องการจะแต่งกับชิงชิงด้วยเล่า”
จบคำต่อว่าของนายท่านเว่ย กู้หยางขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เมื่อครู่มีสาวใช้มาแจ้งให้เขารีบเตรียมตัว เพื่อออกไปพบฮูหยินเว่ย แต่เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
เมื่อเขามองมาที่ซีเยว่ที่ใบหน้าซีดขาว และมองสาวใช้ที่มาแจ้งข่าวก้มหน้าหลบสายตาก็พอจะมองออกว่าเรื่องราวเป็นเช่นใดกันแน่
“หึหึ จวนตระกูลเว่ยครึกครื้นไม่น้อย ข้าได้เปิดหูเปิดตาเสียแล้ว” เขายกยิ้มมุมปากอย่างดูแคลน
ด้วยรู้แล้วว่าการเดินทางมาที่เมืองหลวงเพื่อทวงสัญญาตามคำสั่งเสียสุดท้ายของผู้เป็นปู่ครั้งนี้จะเกิดเรื่องราวไม่น้อย แต่ไม่คิดว่าคนตระกูลเว่ยที่ตกปากรับคำอย่างดีในยามแรกจะกล้าสร้างเรื่องเช่นนี้
“คุณชายกู้ พูดเช่นนี้ก็เห็นจะไม่ถูก เป็นท่านที่ลอบพบกับอาเยว่ที่เรือนพัก หากต้องการแต่งนางเหตุใดถึงไม่เอ่ยออกมาเสียตั้งแต่แรก” อู๋ซื่อรีบเอ่ยออกมาก่อนที่กู้หยางและเว่ยซีเยว่จะได้แก้ตัว
กู้หยาง จ้องมองอู๋ซื่อด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว จนนางต้องก้มหน้าหลบสายตาเด็กรุ่นลูกด้วยความหวาดกลัว ไม่คิดว่ากู้หยางจะมีพลังอำนาจทางสายตามากถึงเพียงนี้
“เจ้าลูกชั่ว สร้างเรื่องไม่เว้นวัน จับตัวนางไปขังไว้เสีย ส่วนเจ้าข้าจะไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว!!!” เขาชี้นิ้วที่สั่นเทาไปที่ใบหน้าของกู้หยาง
แม่นมจินรีบผ้าสาวใช้เข้ามาจับตัวซีเยว่ ก่อนที่นางจะได้เอ่ยร้องแก้ตัว ปากของนางถูกยัดผ้าไว้จนไม่อาจส่งเสียงลอดออกมาได้
นางมองไปที่อู๋ซื่อและหลิวชิงอย่างโกรธแค้น ในตอนนี้นางรู้แล้วว่าสตรีที่ต้องการให้ตกหลุมพรางเป็นตัวนางเอง ไม่ใช่สาวใช้อย่างที่เอ่ยบอกนางไว้ในตอนแรก
“อื้อ...อื้อ” นางพยายามส่งเสียงร้อง เพื่อให้บิดาสนใจ แต่เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองมาทางนางสักนิด
กู้หยางมองตามซีเยว่ที่ถูกลากตัวออกไป ตัวเขาเดินทางมาอยู่ที่ตระกูลเว่ยได้หลายวันแล้ว เมื่อบิดามารดาเดินทางมาถึงก็จะจัดงานหมั้นทันที เพียงแต่ว่า...เขาไม่เคยเจอซีเยว่เลยสักครั้ง
ตัวเขาถูกอู๋ซื่อรั้งให้พักอยู่ที่จวนตระกูลเว่ยในวันนี้เสียก่อน ด้วยเห็นว่าเพิ่งจะเดินทางมาถึงยังมิทันได้หาที่พักจึงยอมรับปากอย่างว่าง่าย
ไม่คิดว่าเขาจะตกหลุมพรางของคนตระกูลเว่ย ทันทีที่เดินทางมาถึงเมืองหลวง
เว่ยซีเยว่ นางเป็นบุตรอนุของท่านใต้ท้าวเว่ย มารดาของนางเสียไปตั้งแต่คลอดนางออกมา นางถูกเลี้ยงดูมาจากแม่นมจิน ที่เป็นคนของอู๋ซื่อ
นางได้รับการสั่งสอนมาอย่างผิดๆ จนนิสัยของนางร้ายกาจจนไม่มีคุณหนูนางใดในเมืองหลวงจะเทียบได้ บางเรื่องที่นางไม่ได้ทำ บิดาก็ยังเหมารวมไปว่าตัวนางเป็นคนก่อ ด้วยนิสัยของนางที่ขี้อิจฉา โวยวาย และชอบแย่งชิง
ต่างจากหลิวชิง ที่เรียบร้อยอ่อนหวาน ท่าทางของนางไม่ว่าจะทำอันใดก็ดูน่าทะนุถนอมยิ่งนัก
ไม่รู้ว่านานเพียงใดที่ซีเยว่นางถูกคุมขังไว้ให้อยู่เพียงในห้องเก็บฟืน เสียงฟ้าด้านนอกก็ยังคงร้องไม่หยุด สายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้เสื้อผ้าที่นางสวมใส่เปียกชื้นไม่น้อย
ฟ้าด้านนอกมืดสนิทแล้ว แม้แต่อาหารหรือน้ำดื่มก็ไม่มีผู้ใดที่คิดจะเอามาให้นาง เสียงฝีเท้าเบาบางด้านนอกทำให้ซีเยว่ชันตัวขึ้นอย่างมีความหวัง
ประตูห้องเก็บฟืนถูกเปิดออก แสงสว่างจากสายฟ้าที่ผ่าลงมาทำให้เห็นว่าเป็นแม่นมจินที่เดินเข้ามาหานาง พร้อมกับถาดอาหารและน้ำดื่ม
“บ่าว แอบเอามาให้ คุณหนูรองท่านกินรองท้องเสียหน่อย พรุ่งนี้เช้านายท่านคงเรียกท่านเข้าไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นเจ้าค่ะ”
ซีเยว่ มองแม่นมที่เปลี่ยนท่าทีไปจากตอนแรกอย่างแปลกใจ หรือว่าเมื่อครู่ตอนที่นางมาพบก่อนหน้านี้ จะมีคนนอกอยู่ด้วยจึงได้พูดเช่นนั้น เพื่อให้นางยอมรับความผิดไว้
“ท่านพ่อว่าเช่นใดบ้าง แม่นม ท่านพาข้าออกไปเลยได้หรือไม่ ข้าหนาวยิ่งนัก” ปากนางซีดขาว ทั้งยังสั่นเล็กน้อยทำให้แม่นมจินที่เลี้ยงดูนางมาอดที่จะสงสารไม่ได้
ใบหน้าของแม่นมที่มองมาทางนางอย่างปวดใจ ทำให้ซีเยว่ เชื่ออย่างสนิทใจว่าแม่นมกลับมาเป็นเช่นคนเก่าที่หวังดีกับนางแล้ว
ถึงนางจะเป็นคนของอู๋ซื่อ แต่ในเมื่อนางเลี้ยงดูซีเยว่มาตั้งแต่นางได้หนึ่งเดือน ย่อมต้องมีความผูกพันไม่น้อย นางบรรจงถอดเสื้อคลุมของนางออกคลุมไปที่ร่างเล็กที่สั่นเทาของซีเยว่
“หากบ่าวขัดคำสั่งนายท่าน คุณหนูก็รู้ว่าบ่าวคงถูกโบยจนตาย อดทนหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” นางสวมกอดซีเยว่พร้อมทั้งลูบหลังให้นางอย่างแผ่วเบา
“อืม ข้าไม่ผิด อย่างไรท่านพ่อก็ต้องให้อภัยข้า” ด้วยที่ผ่านมาไม่ว่านางจะดื้อรั้นเพียงใด นายท่านเว่ยที่สงสารที่นางไร้มารดาก็ยอมปิดตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด
“คุณหนูท่านกินอันใดเสียหน่อยเถิด น้ำชาร้อนๆ จะช่วยให้ท่านอุ่นขึ้น” แม่นมจินประคองถ้วยชาด้วยมือที่สั่นเทาส่งให้ซีเยว่อย่างใส่ใจ
“เหตุใด แม่นมท่านถึงได้มาตามสาวใช้นางนั้นไปเล่าเจ้าคะ” ซีเยว่รับชาไปถือในมือ พร้อมทั้งเอ่ยสิ่งที่สงสัยออกมา
“เอ่อ...บ่าวจะพานางไปสั่งความเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เรื่องแผนการผิดพลาด” แม่นมหลบสายตาที่จ้องมองมาของซีเยว่
“อืม...” นางไม่ได้โง่ถึงขั้นจะเชื่อแม่นมทั้งหมด แต่ยังหาเหตุผลมาหักล้างไม่ได้ว่า เหตุใดถึงกลายเป็นนางที่โดนกล่าวหาเช่นนี้
ซีเยว่ที่หนาวเสียดเข้าไปในกระดูกก็ยกน้ำชาดื่มเพื่อคลายความหนาว เพียงแค่น้ำชาไหลลงลำคอของนาง ความเจ็บปวดก็วิ่งวนไปทั่วทั้งร่างกาย
ถ้วยน้ำชาตกลงสู่พื้น ใบหน้างามจ้องมองแม่นมที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เล็กอย่างไม่เชื่อสายตา
“ทะ ท่าน” นางจับคอของตนเองแน่น เมื่อรู้ตัวว่าถูกพิษเข้าเสียแล้ว
ซีเยว่พยายามล้วงคออย่างหนักแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อไม่มีสิ่งใดออกมา
“คุณหนูรอง ท่านอย่าได้โทษบ่าวเลยเจ้าค่ะ บ่าวต้องทำตามคำสั่ง ไม่เช่นนั้นคนที่ตายคงต้องเป็นตัวบ่าว” แม่นมจินร่ำไห้ตัวโยนออกมา
“...” ซีเยว่ที่กำลังขาดอากาศหายใจ นางล้มไปนอนดิ้นทุรนทุราย สายตาของนางยังมองมาที่แม่นมตลอดเวลา
“พรุ่งนี้นายท่านก็คงเชื่อในคำพูดของคุณหนูเช่นเดิม หากบ่าวไม่ทำเช่นนี้ เรื่องที่ฮูหยินนางทำก็จะถูกเปิดเผย”
เมื่อเขาเปิดออกดูจึงได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไว้ทั้งหมดผู้เป็นบิดารู้เรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลี้ยงมือสังหาร ยักยอกเงินคลังหลวงร่วมกับตระกูลมู่ แม้แต่เรื่องที่เขาส่งมือสังหารไปจัดการองค์ชายใหญ่หลายหนก็ถูกบันทึกไว้ทั้งหมด“หากยังไม่โง่เขลาจนเกินไปควรหยุดได้แล้ว” ฮ่องเต้มองที่องค์ชายสามอย่างเจ็บปวดเด็กน้อยที่วิ่งตามเขา ร้องเรียกเสด็จพ่อให้สนใจในสิ่งที่เขาทำเมื่อเยาว์วัย ไม่มีอีกแล้ว มีเพียงบุรุษหนุ่มที่ทำสิ่งใดก็ได้ เพื่อให้ได้บัลลังก์มาครอบครององค์ชายสามเมื่อเห็นแววตาของฮ่องเต้ที่มองมาทางเขาอย่างเจ็บปวด จึงสำนึกได้ว่าพระองค์รักเขาไม่น้อยไปกว่าบุตรคนอื่นเลย แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็คงจะสายไปเสียแล้วหากไม่หลงเชื่อเสนาบดีมู่ ที่เป่าหูเขามาตั้งแต่เล็กว่าผู้เป็นบิดารักองค์ชายใหญ่มากกว่า และต่อไปบัลลังก์ก็ต้องเป็นขององค์ชายใหญ่ เขาคงไม่เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนเลือดเย็นเช่นนี้แน่“เสด็จพ่อ ลูกขอโทษ” เขาคุกเข่าลงอยู่ที่แทบเท้าของฮ่องเต้“ลูกขอโทษ ลูกไม่น่าหลงเชื่อคำคนตระกูลมู่ ลูกขอโทษ”เขาเอาแต่พร่ำเพ้อพูดเช่นนั้น และร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ“ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อคำพูดผู้ใด แต่หากเจ้าคิดสักนิดว่
กู้หยางใช้แผนการตลบหลัง ปล่อยให้คนขององค์ชายสามวางใจ เข้ามาภายในจวนของเขาได้อย่างไม่สงสัยซีเยว่เข้าไปอยู่ภายในมิติของนางพร้อมกับแม่นมชุยอย่างว่าง่าย สาวใช้คนอื่นนางให้กลับไปที่เรือนพัก หากได้ยินเสียงใดห้ามออกมาอย่างเด็ดขาด หากจะพาคนทั้งหมดหายเข้าไปในมิติก็ดูจะน่าสงสัยเกินไป ถ้าภายในจวนไม่มีสาวใช้อยู่เลยมู่เสวี่ยนั่งดื่มสุราอยู่ในหอโคมแดง เขารู้ดีว่าองค์ชายสามคงลงมือในคืนนี้“ออกไป วันนี้ข้าต้องการอยู่เพียงผู้เดียว” เขาไล่คณิกาอันดับหนึ่งที่เรียกหาทุกครั้งที่มา ออกไปอย่างไม่ไยดีภายในอกของเขารุ่มร้อนด้วยเรื่องที่จะเกิดกับซีเยว่ จนไม่อาจจะหาความสำราญเช่นปกติได้ จะเข้าไปช่วยนางก็ทำไม่ได้ มู่เสวี่ยได้แต่ดื่มสุราดับอารมณ์ที่ขุ่นมัวของตนเองเป็นอย่างที่คนของกู้หยางว่าไว้ เมื่อมือสังหารที่องค์ชายสามส่งมาลอบเข้ามาภายในจวนกู้ยามดึก ด้วยรู้มาว่าวันนี้กู้หยางจะอยู่หารือร่วมกับองค์ชายใหญ่ที่ตำหนักของพระองค์“...” มือสังหารเข้าไปเรือนนอนของซีเยว่อย่างง่ายดาย“หึ องครักษ์จวนกู้โง่เขลานัก คนลอบเข้ามามากเช่นนี้ ยังมิรู้เรื่องเลย” มือสังหารเอ่ยดูแคลนออกมาเสี่ยวซีและเสี่ยวสือรวมถึงคนอื่นได้แต่หนังตา
องค์ชายใหญ่เดินเข้าไปหาพ่อบ้านเว่ยที่ตกตะลึงอยู่หน้าวังอย่างร้อนใจ“เกิดเรื่องใดขึ้น อาเยว่นางเป็นอันใด”“เอ่อ...ฮูหยินกู้นางตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเว่ยเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ห๊ะ!!! คราวหลังเจ้าก็พูดให้เร็วกว่านี้” องค์ชายใหญ่รีบร้อนตามกู้หยางไปที่จวนตระกูลเว่ยทันทีเสี่ยวซีที่รออยู่ด้านนอกวังหลวงก็รีบร้อนติดตามผู้เป็นนาย เพื่อบอกกล่าวเรื่องน่ายินดีให้เขาได้รู้ก่อนที่จะร้อนใจจากคำพูดของพ่อบ้านเว่ยแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว กู้หยางใช้วิชาตัวเบาทะยานไปตามหลังคาบ้านเรือนโดยไม่สนใจสายตาของชาวเมืองที่มองมาด้วยความใคร่รู้ ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่วรยุทธ์สูงเช่นนี้ เห็นแต่เพียงแผ่นหลังที่หายไปของเขาเข้าไปภายในจวนตระกูลเว่ยเสี่ยวซีที่ตามมาทันกู้หยาง ก่อนจะเดินเข้าห้องโถง จึงได้บอกเรื่องสำคัญที่ได้รู้มา แต่ว่ายังมิทันได้บอกเรื่องตั้งครรภ์ของซีเยว่ กู้หยางก็พุ่งตัวเขาไปตามทิศที่สาวใช้นางบอกตำแหน่งของซีเยว่แล้ว“อาหยางเจ้ามาเสียที่ ข้า...” เว่ยหมิงที่เห็นกู้หยางกำลังพุ่งตัวเข้ามาภายในห้องโถง ก็ต้องชะงักนิ่งมีเพียงสายลมที่พัดผ่านตัวเขา พร้อมกับร่างที่หายไปแล้วของกู้หยาง“อาเยว่!!!” เขาร้
ตอนนี้ภายในจวนของเขาสงบยิ่งนัก ทั้งเรื่องสัญญาหมั้นหมายของบุตรสาวบุตรชายก็ดูจะราบรื่นไปเสียทุกสิ่ง ไหนจะเรื่องหน้าที่การงานของเขา มายามนี้ยังได้ข่าวดีที่ตนจะได้เป็นท่านตาแล้วอีกด้วย“ตกรางวัลให้คนทั้งจวน!!!” เขาร้องบอกพ่อบ้านเว่ย พร้อมทั้งให้เงินค่าตรวจท่านหมอไปเสียหนักอึ้ง ก่อนจะให้พ่อบ้านเว่ยไปส่งท่านหมอที่โรงหมอ และส่งคนไปรอแจ้งกู้หยางที่หน้าวังหลวงซีเยว่นางยังตกตะลึงไม่หาย ได้แต่นั่งนิ่งอึ้งอยู่บนเตียงตั่ง เสียงพูดแสดงความยินดีรอบข้างนางไม่ได้ยินเลยว่าทุกคนเอ่ยพูดเช่นไร“ข้าท้องรึเจ้าคะ ข้าจะมีลูกรึ” นางมองไปที่อู๋ซื่อ หลิวชิง เว่ยหมิงและแม่นมชุยอย่างไม่อยากเชื่ออยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ว่ามาจากที่ใดมากมาย“อาเยว่!!!” หลิวชิงร้องออกมาด้วยความตกใจ นางเพิ่งจะเห็นน้องรองนางร้องไห้ก็วันนี้เอง“อาเยว่ อย่าร้อง ประเดี๋ยวเด็กในท้องเจ้าจะขี้แยเอา” อู๋ซื่อเอ่ยเย้านางออกมา“จริงเจ้าค่ะ” แม่นมชุยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่นางก็ลอบปาดน้ำตาทิ้งอย่างเงียบๆด้วยท่าทีของซีเยว่ยามเมื่อรู้ว่านางตั้งครรภ์ช่างเหมือนกับถานเหยามารดาของนางไม่มีผิดเพี้ยนเช่นนี้แล้ว จะให้แม่นมชุยไม่ร้องไห้ออกมาได้
ดูเหมือนว่าคำสั่งครั้งนี้หมายมาเอาชีวิตซีเยว่นางโดยตรงด้วย หากไม่มีนางเรื่องทำเกลือ เรื่องทำหน้าไม้ แม้แต่เรื่องยาที่ส่งให้กองทัพก็คงไม่เกิดขึ้น องค์ชายสามจึงคิดที่จะกำจัดนางไปด้วยเลยแต่เรื่องนี้มู่เสวี่ยไม่รู้มาก่อน หากเขารู้ความคิดขององค์ชายสามที่สั่งการคนของพระองค์ คงจะเอ่ยห้ามไว้แล้ว ด้วยหากกู้หยางตายลง อย่างไรก็สามารถเก็บซีเยว่ ดึงนางมาเป็นคนของตนได้เมื่อไม่มีองค์ชายใหญ่ให้ต้องคอยคุ้มกัน กู้หยางก็ได้ลงมืออย่างเต็มที่ วรยุทธ์ของเขาทั้งหมดที่เก็บซ่อนไว้จึงได้เผยออกมา อย่าว่าแต่องครักษ์ขององค์ชายสามเลยที่ตกตะลึงกับความรุนแรงและพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายเขาคนของสำนักจืออวี้ และองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ต่างก็ล้วนแต่ตกตะลึง“พาคนที่บาดเจ็บล่วงหน้าไปโรงหมอที่เมืองหน้าก่อน ข้าจะตามไปภายหลัง” เขาสั่งการกับองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ที่ต่างได้รับบาดเจ็บกันไม่น้อยคนที่อยู่กับกู้หยางมีเพียงเสี่ยวซีแล้วเสี่ยวสือที่จะทำหน้าที่บังคับรถม้าทั้งสองคันเท่านั้น“เจ้าว่า อาหยางจะจัดการมือสังหารเรียบร้อยแล้วหรือยัง” องค์ชายใหญ่เอ่ยถามซีเยว่ที่นั่งหน้าเครียดออกอย่างร้อนใจซีเยว่คำนวณเวลาก็เห็นว่าด้านนอกผ่าน
เสนาบดีมู่เมื่อได้ยินคำว่าเมืองเจียงซานใบหน้าของเขาก็ซีดขาวลงทันที ด้วยข่าวที่ซื้อมาจากสำนักจืออวี้มิใช่เรื่องที่องค์ชายใหญ่เดินทางไปทำเกลือ แล้วทำออกมาได้สำเร็จอีกด้วย เช่นนี้แล้วองค์ชายสามจะเอาสิ่งใดไปสู้ได้“ใต้เท้าเว่ย บุตรีของเจ้าสร้างประโยชน์ไม่น้อยเลย” ฮ่องเต้ตรัสชมออกมา“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ บุตรีกระหม่อมมีความรู้ตื้นเขิน หากมิได้องค์ชายใหญ่ ท่านเจ้าเมืองกู้และบุตรเขยของกระหม่อม ก็คงมิอาจทำเกลือออกมาได้” เว่ยหมิงคุกเข่าก้มหน้านิ่ง“เหอะ” ฮ่องเต้ได้แต่มองเว่ยหมิงด้วยความหมั่นไส้ เพียงประโยคถ่อมตัวประโยคเดียวของเขา ก็สร้างความชอบให้กับผู้ที่เขาเอ่ยออกมาได้ครบทุกคน“รอให้เดินทางกลับมาจากเจียงซานก่อน เจิ้นจะตกรางวัลให้อย่างงาม” ขุนนางไม่น้อยต่างมองมาทางเว่ยหมิงด้วยความอิจฉา ไม่รู้ว่าเขาทำบุญด้วยอันใดถึงได้มีบุตรสาวและบุตรเขยมากความสามารถเช่นนี้ภายในตำหนักขององค์ชายสาม เสียงขว้างปาข้าวของตกแตกดังลั่นไปทั่วทั้งตำหนัก“เดรัจฉาน!!! เหตุใดพวกมันถึงไม่ตายไปเสีย”เสนาบดีมู่และมู่เสวี่ย ที่นำความมาบอกกล่าว หวาดกลัวว่าจะถูกลูกหลงจนต้องหลบอยู่ที่มุมห้อง“โปรดระงับโทสะก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย”