แชร์

Chapter 2 กันยา

ผู้เขียน: ปีศาจชอนซา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-18 23:53:30

หญิงสาวสวมชุดนักศึกษา นั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โซฟาราคาแพง เมื่อเธอจำใจต้องเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยภายในกรุงเทพฯ เพราะบิดาไม่อยากให้เธอไปอยู่ไกลหูไกลตา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วกันยาอยากจะไปเรียนที่ขอนแก่นหรือไม่ก็เชียงใหม่ เพราะที่เธอสอบเอาไว้ก็ติดทุกที่ กันยาเป็นเด็กฉลาดเรียนเก่งหัวดีตั้งแต่เด็ก จึงไม่แปลกที่เธอจะสอบติดทุกที่ที่ไปสอบเอนทรานซ์เอาไว้                                                                                     

"ยัยตัวแสบ เปิดเทอมวันแรกทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิ" ผมไม่เข้าใจว่าทำไมน้องสาวถึงชอบทำหน้ามุ่ย สงสัยเธอคงเคยเอาแต่ใจจนเคยตัวละมั้ง                                                                                              

"อุตส่าห์เลือกเรียนคณะเกษตรศาสตร์หวังจะได้ไปสูดอากาศสดชื่น แต่กลับถูกบังคับให้เรียนที่กรุงเทพฯ เซ็งชะมัดเลย" ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงได้หวงและห่วงฉัน ทั้งที่ฉันก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว

"เถอะน่าพ่อกับแม่คงคิดถึง ถ้าเธอไม่อยู่บ้านหลังนี้ใครจะป่วน สรุปว่าจะขับรถไปเองหรือให้พี่ไปส่ง"

"ก็ใช่สิพี่พูดได้ไง ก็ตัวเองได้เรียนในคณะที่ใช่ แถมยังได้เข้ามหา'ลัยที่ชอบอีก ที่รีบไปเลยกันยาไปเองได้" ที่ฉันพูดจาประชดประชันพี่ชายออกไป เพราะรู้ดีว่าที่ตุลาเลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจสาขาการตลาดนั้น เป็นเพราะว่าเขาชอบ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะเขากำลังจะเจริญรอยตามพ่อของฉัน                            

"บางทีที่มหา'ลัยที่เธอกำลังจะเข้าเรียน อาจจะมีอะไรดีๆ มากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ก็เป็นได้ รีบไปเถอะยัยตัวแสบสายแล้ว" ผมยกยิ้มที่มุมปากพร้อมกับทำสายตากวนๆ ส่งให้กับกันยา ก่อนจะรีบเดินออกจากบ้านตรงไปยังรถสปอร์ตคันหรูแล้วขับออกไปในทันที                                              

"คุณลีโอค่ะช่วยส่งไปส่งกันยาที่ป้ายรถเมล์หน่อยค่ะ"          

"คุณหนูว่าอะไรนะครับ ผมหูฝาดไปใช่ไหม"                                        

"ไม่ฝาดหรอกค่ะกันยาบอกให้คุณลีโอไปส่งที่ป้ายรถเมล์ เพราะว่าวันนี้กันยาจะนั่งรถเมล์ไปเรียนที่มหาลัย understand" ฉันถอนหายใจออกมาอย่างแรง พร้อมกับกลอกตามองบน และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณลีโอถึงมีท่าทางตกใจแบบนั้น ก็แค่นั่งรถเมล์ไปเรียนมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรไม่ใช่เหรอ                                

"ครับคุณหนู"                                                                                               

"เดี๋ยวก่อนค่ะ เรื่องนี้คุณลีโอห้ามบอกคุณพ่อคุณแม่รู้เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นละก็... กันยาจะโกรธและไม่พูดกับคุณลีโออีกเลย" ฉันรีบพูดดักขึ้นพร้อมกับขู่คุณลีโอในตัว เพราะฉันเชื่อว่าเขาต้องรายงานพ่อกับแม่ของฉันอย่างแน่นอน                                                                                

"คุณหนูทำไมไม่ขับรถไปเองครับ หรือไม่ก็ให้ผมไปส่งก็ได้ทำไมต้องไปรถเมล์ด้วย"               

"ยังไงซะรถเมล์ก็วิ่งผ่านหน้ามหา'ลัยอยู่แล้วนี่คะ รีบไปเถอะค่ะเดี๋ยวสาย" ฉันขี้เกียจตอบคำถามคุณลีโอ จึงรีบพูดให้มันจบไป จากนั้นฉันจึงรีบขึ้นไปนั่งบนรถสปอร์ตคันหรู ที่มีราคาหลายสิบล้าน บางครั้งฉันก็เคยแอบคิดว่าทำไมพ่อถึงกล้าซื้อรถคันแพงๆ แบบนี้ให้ฉันกับตุลา                       

"จอดตรงนี้ค่ะ เดี๋ยวกันยาจะเดินไปเอง" เมื่อใกล้ถึงป้ายรถเมล์ จะรีบบอกให้คุณลีโอจอดทันที              

"จอดทำไมครับคุณหนูยังไม่ถึงสักหน่อย" ลีโอพูดพร้อมกับทำใบหน้าสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง       

"อีกนิดเดียวเดี๋ยวกันยาเดินไปเองก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณโอไปแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ" ฉันรีบพนมมือขึ้นไหว้แล้วลงจากรถ พร้อมกับก้าวเท้าเดินไปอย่างป้ายรถเมล์ให้เร็วที่สุด พอเข้าไปใกล้ฉันถึงกับฉีกยิ้มออกมา เพราะมีนักศึกษาหลายคนที่กำลังรอรถเมล์                                                      

"ขอนั่งด้วยคนนะคะ" ฉันพูดพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้กับหญิงสาวคนหนึ่ง ที่อยู่ในชุดนักศึกษาถ้าฉันเดาไม่ผิดคงจะเป็นสถาบันเดียวกันกับฉันแน่ จากนั้นฉันจึงหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ เธอ                                                      

ฉันนั่งรอได้สักพัก รถเมล์ก็วิ่งเข้ามาจอด ทุกคนต่างรีบกุลีกุจอขึ้นไปบนรถ พลอยทำให้ฉันรีบวิ่งขึ้นไปบนรถเช่นกัน ก่อนจะหาที่นั่งทุกคนต่างจับจ้องมองมาที่ฉันแปลกๆ                                                                

"ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ"                                                                                        

"นั่งสิที่ตรงนี้ก็ยังว่าง" หญิงสาวในชุดนักศึกษา ยิ้มให้กับกันยาด้วยท่าทางที่เป็นมิตร นี่คือการขึ้นรถเมล์ครั้งแรกของฉัน พอรถแล่นออกมาได้สักพัก บรรยากาศภายในรถก็เริ่มเปลี่ยนไป เพราะผู้คนเริ่มแน่นเบียดกันไปมาจนฉันรู้สึกเริ่มหายใจไม่ค่อยโล่งเลย                                                                                                 

"เก็บค่าโดยสารค่ะ" จากนั้นเสียงกระเป๋ารถเมล์ก็ดังขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ฉัน                  

"ค่าโดยสารเท่าไหร่คะ" ฉันรีบเอ่ยถามกระเป๋ารถเมล์ออกไป เพราะในกระเป๋าสตางค์ของฉันนั้นมีแต่แบงก์พัน                                                 

"สิบบาทจ้า"                                                                                  

"เอ่อ... นี่ค่ะ" ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจหยิบ ธนบัตรแบงก์พันให้กับกระเป๋ารถเมล์ไป เพราะทุกคนบนรถเริ่มโฟกัสมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว

"นี่นังหนู โง่หรือว่าแกล้งโง่กันแน่ใครเขาจะมีทอน หรือเธอคิดอยากจะนั่งรถฟรีก็เลยเอาแบงก์พันมาจ่าย หน้าตาก็ดีทำไมถึงมีมารยาร้อยเล่มเกวียนแบบนี้ก็ไม่รู้"                                                                               

คราวนี้ฉันถึงกลับกลอกตามองบนและถอนหายใจออกมาอย่างแรง ยายป้านี่พูดไม่เพราะเลยสักนิด แถมยังพูดจาให้ฉันเสียหายอีกด้วย แต่ที่ฉันไม่ตอบโต้ออกไป เพราะรู้ดีว่ามีส่วนผิด ที่คิดจะมานั่งรถเมล์แต่กลับไม่หยิบเหรียญมาด้วย                                                                                     

"ถ้าอย่างนั้นก็เอาไปเลยค่ะแบงก์พัน ถ้าไม่มีทอนก็ไม่ต้องทอน"

ฉันไม่ได้พูดจาประชดประชันแต่อย่างใด และที่พูดออกไปนั้นจากใจจริง เพราะถ้าเขาไม่มีทอนฉันก็คงจะหมดปัญญา ที่จะหาค่าโดยสารมาให้เขา ถือว่าให้ทิปก็แล้วกันดีกว่าถูกตราหน้าว่าแกล้งนั่งรถฟรี         

"เฮ้ย! นี่เธอจะบ้าหรือเปล่า ทุกวันนี้เงินทองยิ่งหายาก นี่ค่ะ ค่าโดยสารของเราสองคน" หญิงสาวที่ใส่ชุดนักศึกษานั่งข้างๆ ฉันได้จ่ายธนบัตรแบงก์ยี่สิบให้กระเป๋ารถเมล์ไป                                                              

"คราวหน้าอย่าให้ฉันได้เจออีกนะแบงก์พันเนี่ย" กระเป๋ารถเมล์พูดพร้อมกับเบ้ปากแล้วยังมองมาที่ฉันอย่างเหยียดๆ อีกด้วย                                          

"ขอบใจมากนะ เอาไว้คราวหน้าเดี๋ยวเราคืนเงินให้"                                           

"ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง เหมือนว่าเธอจะเข้าเรียนที่เดียวกันกับเราหรือเปล่า" หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักเอ่ยถามฉันขึ้นมา เธอถือว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากเลยทีเดียว แต่ทำไมแววตาถึงได้ดูเศร้าตลอดเวลาก็ไม่รู้

"อืม... เราเรียนคณะเกษตรศาสตร์สาขาวิชาพืชสวน เพิ่งเข้าปีหนึ่งแล้วเธอล่ะ"                                                         

"อืม.... คณะเดียวกัน สาขาเดียวกัน ปีเดียวกันอีกด้วย สงสัยวันนี้เราจะมีโชคชะตาเดียวกัน แถมยังนั่งรถมีคันเดียวกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะเราชื่อองุ่น"                                                                                                              

"เราชื่อกันยา ยินดีที่ได้รู้จักสรุปนับจากวินาทีนี้เราเป็นเพื่อนกัน เธอโอเคหรือเปล่า ตกลงจะเป็นเพื่อนกับเราไหม"                                           

"โอเคยัย แบงก์พัน"                                                                                    

ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! เสียงหัวเราะของนักศึกษาสาวสองคน ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่อทั้งคู่เจอกันก่อให้เกิดมิตรภาพดีๆ โดยที่ทั้งสองได้ตกลงเป็นเพื่อนกันบนรถเมล์ แถมเธอยังเรียกกันยาว่ายัยแบงก์พันอีกด้วย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เพื่อนรัก (เผลอ) รักเพื่อน I love you my friend   Chapter 78 ตอนพิเศษ

    "เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น มันใช้การได้ฉันรับประกัน และที่สำคัญมันพร้อมที่จะเข้าไปสำรวจในถ้ำของเธอแล้วกันยา" ผมพูดพร้อมกับโน้มตัวกันยาให้นอนลงราบกับเตียง จากนั้นผมจึงรีบจัดการกับชุดที่ตัวเองสวมใส่ ซึ่งผมใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที ร่างกายของผมก็ล่อนจ้อน เผยให้เห็นมวลกล้าม พร้อมทั้งเจ้ามังกรตั้งลำเขื่องนั้นด้วย กางเกงของหญิงสาวพร้อมทั้งกางเกงชั้นในของเธอ ถูกชายหนุ่มรั้งลงต่ำ จากนั้นเขาได้ดึงลงให้พ้นจากขาเรียวของเธอ ลงไปรวมกับชุดของเขาอย่างไม่เป็นระเบียบ "อื้ม..อ้า สะ สิงโต" เสียงหวานครางเรียกชื่อชายหนุ่มออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น เมื่อเขาจับลงไปที่ต้นขาของเธอแล้วง้างออก ชายหนุ่มมุดใบหน้าลงไปเชยชมกลีบกุหลาบงามบานเบ่งด้วยความสุขในอุรา เมื่อเขากำลังจะนำพาหญิงตรงหน้าให้ไปแตะขอบฟ้าด้วยกัน จากนั้นเพลงรักก็เริ่มบรรเลงขึ้น ปลายลิ้นร้อนแตะลงไปที่เม็ดสีแดงระเรื่อ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความเสียวซ่าน จนก้นของเธอกระตุกขึ้นลง เพื่อเด้งรับกับปลายลิ้นร้อนอย่างอัตโนมัติ "อื้ม สิงโต ฉะ ฉาน ฉันว่ามัน

  • เพื่อนรัก (เผลอ) รักเพื่อน I love you my friend   Chapter 77 The End

    น้ำเสียงของใบหม่อนดังมาก่อนตัว จนทำให้กันยาถึงกับเอามือขึ้นมาป้องปาก เพราะที่บ้านของไผ่เปิดไฟเอาไว้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไผ่หันหน้าจอสมาร์ตโฟน ไปทางต้นเสียงของหญิงสาวพอดี จึงมองเห็นใบหม่อนได้อย่างถนัด เมื่อเธอกำลังเดินเข้ามาหาไผ่พร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบอกเอาไว้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผู้หญิงที่ไผ่พูดถึง ที่เขาบอกกับสิงโตว่าเป็นภรรยานั้น คงต้องเป็นใบหม่อนอย่างแน่นอน "ฉันพูดกับสิงโต ไม่มีสาวที่ไหนหรอกน่า" ไผ่รีบพูดแทรกขึ้นราวกับคนที่กำลังกลัวเมีย เมื่อใบหม่อนเห็นว่าเป็นสิงโตเธอจึงไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก "แค่นี้นะสิงโต... กูค้าง" "อืม... เชิญมึงไปทำธุระของมึงต่อให้เสร็จ กูไม่กวนละ" "ต่อให้มึงโทรมาอีกกูก็ไม่รับ แค่นี้นะเมียกูนอนรอแล้ว โชคดีเพื่อน" พูดจบไผ่ก็ตัดสายทันที ในขณะที่กันยายืนน้ำตาไหลอาบแก้มสองข้าง เมื่อเธอกำลังรู้สึกเสียใจ ที่เข้าใจ

  • เพื่อนรัก (เผลอ) รักเพื่อน I love you my friend   Chapter 76 บทส่งท้าย 3

    "รับสักทีสิ ไอ้เชี้ยไผ่ มึงทำอะไรอยู่เนี่ย คนยิ่งร้อนใจมันก็ยิ่งลีลา" ผมพูดออกมาอย่าอารมณ์เสีย เมื่อกดวิดีโอคอลหาไผ่แต่มันไม่ยอมรับสาย "ทำไม... ถึงต้องหาตัวช่วยเลยเหรอ ต่อให้ไผ่มาเป็นพยานฉันก็ไม่มีทาง ที่จะเออออห่อหมกกับพวกนายหรอกนะ ในสายตาของนายฉันคงเป็นผู้หญิงที่โง่ ถึงคิดที่จะหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า" ฉันยังคงพูดจากระแทกแดกดันออกไป เพราะฉันคิดว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่เราสองคนจะดึงดันคบกันต่อไป "พูดจบหรือยังยัยตัวแสบ ยังไม่แก่ก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งเสียแล้ว" "นายว่าฉันบ่นเก่งเหรอ ฉันกำลังพูดความจริงอยู่ต่างหาก...ชิ! ถ้าไม่มีอะไรจะพูดฉันขอตัวเข้าบ้านก่อน" ฉันเริ่มขี้เกียจที่จะต่อปากต่อคำกับสิงโตแล้ว เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งดูแย่ เมื่อเขามองฉันเป็นเพียงเหมือนยายแก่ขี้บ่นคนหนึ่งเท่านั้น "เดี๋ยวก่อน ฉันขอโทรหาไผ่อีกเพียงแค่ครั้งเดียว ถ้ามันไม่รับจริงๆ

  • เพื่อนรัก (เผลอ) รักเพื่อน I love you my friend   Chapter 75 บทส่งท้าย 2

    ซึ่งเขาและครอบครัวกลับปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ แม่ขวัญกับพ่อเสือก็น่าจะบอกความจริงกับฉัน ทำไมทุกคนต้องเห็นดีเห็นงามกับสิงโตด้วย ฉันเองก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ เพราะชีวิตนี้ต้องเดินต่อไป แม้ว่าจะไม่มีสิงโตอยู่ข้างๆ ก็ตามที ~เวลาสิบเก้านาฬิกา~ ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แล้วมานั่งลงที่เตียงนอน กลิ่นอาหารที่โชยเข้ามาภายในห้องนั้นทำให้ฉันรู้สึกหิว แต่ก็พยายามฝืนร่างกายไม่ให้เผลอไปกับกลิ่นที่ได้รับ เพราะฉันรู้ดีว่ามันคงเป็นฝีมือของสิงโตอย่างแน่นอน เขาคงตั้งใจที่จะอยู่ให้ฉันหิวแล้วเปิดประตูออกไป แต่ขอบอกไว้เลยว่าไม่มีทาง ต่อให้ฉันต้องหิวจนตายก็จะไม่ยอมเปิดประตูออกไปกินอาหารที่เขาทำ เพราะฉันยังจดจำทุกถ้อยคำของใบหม่อนไม่เคยลืม ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น แต่ฉันก็ไม่ได้คิดที่จะลุกขึ้นไปเปิด ฉันไม่รู้หรอกนะว่าความอดทนของคนเรามันมีขีดจำกัดมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ฉันต้องการคืออยากให้สิงโต ออกไปให้พ้นๆ จากไร่กุหลาบสัก

  • เพื่อนรัก (เผลอ) รักเพื่อน I love you my friend   Chapter 74 บทส่งท้าย

    "ทำไมที่นี่ ถึงมีแต่คนมาพักใจ หรือเป็นเพราะว่าผู้ชายส่วนมากไม่รู้จักพอ คุณย่ารู้เปล่าคะ ว่ากันยาเจ็บปวดแค่ไหน คุณย่าอยู่บนฟ้าสบายดีไหมคะ ทำไมกันยาถึงรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจังเลย กำไลของคุณย่าสองวงนี้มันได้อยู่ด้วยกันแล้วนะคะ แต่ไม่รู้ว่ากันยากับสิงโตจะใช่คู่ครอง ที่คุณย่าเคยหมายปองเอาไว้หรือเปล่า เราอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กันก็ได้ค่ะ" ฉันพูดออกมาพร้อมกับมองไปที่เจดีย์เก็บอัฐิคุณย่า เพราะก่อนสิ้นลมหายใจคุณย่าได้กำชับทุกคนเอาไว้ ท่านอยากมาอยู่ที่ไร่กุหลาบนี้เพราะมันสงบดี และที่สำคัญที่ไร่กุหลาบนี้ มันเป็นสถานที่เดียวที่มีความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณปู่กับคุณย่าหลงเหลือ ก่อนที่ท่านจะเดินออกไปจากชีวิตของคุณย่า โดยไม่หันกลับมามองแม้แต่หางตา เมื่อคุณปู่มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาในหัวใจ ในขณะที่คุณย่าเองไม่มีใคร นางยอมปิดประตูหัวใจตราบจนสิ้นลมหายใจ สิงโตขับรถมาที่ไร่กุหลาบ เขาจอดรถเอาไว้แล้วรีบตามหากันยา เพราะเข้าไปในบ้านแล้วไม่พบเธอ ชายหนุ่มจึงเดินออกมาที่ไร่ และก็พบว่า

  • เพื่อนรัก (เผลอ) รักเพื่อน I love you my friend   Chapter 73

    "ไม่เป็นไรหรอกครับแค่นิดหน่อยเอง แม่เลี้ยงกวางกมลมีบุญคุณกับผมมากมาย ต่อให้ชดใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด การที่ผมช่วยคุณกันยามันเป็นเพียงค่าเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อย่าคิดมากเลยครับ" อ้ายคำปันพูดออกมาจากใจ เพราะสิ่งที่เขาทำไปนั้นไม่ได้หวังผลตอบแทน "แพนด้าลงมาพอดี หยิบเงินมาในเก๊ะมาให้พ่อสักหมื่นสิลูก" "ได้ค่ะพ่อ" แพนด้าพูดพร้อมกับเดินไปหยิบ ธนบัตรมาหนึ่งปึก แล้วส่งให้บิดาของเธอ "รับไปสิอ้ายคำปัน" อัครเดชพูดพร้อมกับส่งธนบัตรให้กับชายตรงหน้า แต่เขาก็มีท่าทีที่ไม่อยากรับมันเลยสักนิด "นายครับมันเยอะเกินไปผมรับไม่ได้หรอก" อ้ายคำปันรีบปฏิเสธออกไปทันที เพราะเขาซื้อของไปแค่พันกว่าบาทเอง "ความจริงฉันต้องให้อ้ายคำปันมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ที่ช่วยกันยาเอาไว้ รับไว้เถอะ คิดว่าเป็นทุนการศึกษาให้ลูกก็แล้วกัน" "ขอบคุณมากครับนาย" อ้ายคำปันยกมือไหว้ด้วยความจำใจ "ไม่เป็นไรหรอกฉันคิดว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับน้ำใจที่อ้ายคำปันมีให้กับกันยา"

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status