อยู่กินกันมาหลายปี มีลูกชายด้วยกัน1คน เขาเป็นบอดี้การ์ดให้เศรษฐี ส่วนเธอเป็นแค่แม่ค้าขายข้าวแกง วันหนึ่งTV เผยแพร่ข่าว ลูกสาวเศรษฐีพันล้านแต่งงาน เจ้าสาวสวยเจ้าบ่าวก็หล่อช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน นลินดายืนนิ่งราววิญญาณหลุดจากร่าง สายตาจับจ้องที่หน้าจอTV เจ้าบ่าวคนนั้นคือสามีของเธอเอง
View Moreแนะนำตัวตัวก่อนนะ ฉันชื่อขิง นลินดา อายุ22ส่วนสูง157 หนัก42ผู้หญิงตัวเล็กๆผิวสองสีค่อนไปทางคล้ำ ผมดำยาวถึงเอว ฉันไม่มีพ่อไม่มีแม่หรอก ตั้งแต่จำความได้ฉันก็อาศัยอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า มีเพื่อนร่วมชะตากรรมหลายคน แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดสนิทม๊ากกมาก ไปไหนไปกันมีแค่คนเดียวเธอชื่อ มิว มุทิตา อายุ22เท่ากัน สูง165 หนัก50 ผิวขาว ผมดัดลอนสีน้ำตาลยาวกลางหลัง
และนั่นผู้ชายคนนั้น เขาชื่อพีร์ พีรวิช อายุ23 หนุ่มหล่อผิวขาวใส ตาตี่ตี่ ลุคโอปป้าเกาหลีเกาใจ ปากหยักชมพูระเรื่อ ไม่ใช่แค่ปากนะที่ดูชมพูตรงอื่นก็ชมพูเหมือนกัน สูงโปร่ง180 เขาเป็นสามีของฉันเอง
พวกเรา3คนสนิทกันตั้งแต่เด็ก เพราะอยู่บ้านเด็กกำพร้าด้วยกัน พวกเราเรียนจบแค่มัธยมปลาย จากทุนที่บ้านสงเคราะห์มีให้ พอจบปุ๊บฉันกับพีร์ก็แต่งงานกันทันที จะเรียกงานแต่งก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะพวกเราแค่จดทะเบียนสมรสกัน และให้แม่ครูที่บ้านสังเคราะห์ผูกแขนอวยพรให้ ตอนเย็นก็มีงานเลี้ยงหมูกะทะในหมู่เพื่อนๆ10กว่าคน ทำไมถึงรีบหน่ะเหรอ ก็เพราะฉันท้องหน่ะสิ ความรักของฉันกับเขามันทั้งรักทั้งผูกพันธ์กันมาหลายปี จนไม่รู้ว่าพวกเราเริ่มรักกันตอนไหน รู้อีกทีก็ขาดกันไม่ได้แล้ว ตอนนี้เรามีลูกชายด้วยกัน1คน ชื่อน้องธามอายุ3ขวบ
ฉันกับมิวเปิดร้านขายข้างแกงอยู่ในตึกแถว2ชั้นในตลาด ชั้นล่างขายข้าวแกง ชั้น2มี2ห้องนอน มิวอยู่ห้องหนึ่ง ชั้นกับพีร์และน้องธามอยู่ด้วยกันอีกห้องหนึ่ง แต่พีร์ไม่ค่อยกลับมาบ้านหรอก เพราะเขาเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้าสัวอิทธิชัย ทำงานไม่เป็นเวลา
" แม่ครับ พ่อจะมาหาน้องธามไหมครับ "เสียงเรียกของลูกชายดึงสติเธอคืนมา
" มาหาสิครับ วันนี้วันเกิดน้องธามนะ เดี๋ยวเย็นๆแม่พาไปซื้อเค้กกับของกินอร่อยๆนะครับ เดี๋ยวเลิกงานพ่อก็มานะ "
" ครับ" ธามไทเดินไปเล่นของเล่นต่อ เขาเป็นเด็กดีไม่กวนแม่เวลาแม่ขายของ
นลินดาหยิบมือถือออกมาโทรหาพีรวิช รออยู่นานจนสายเกือบตัดไปเขาก็กดรับสาย
" ฮัลโหลขิง มีอะไรรึเปล่า "
ทุกครั้งที่โทรหาเขา เขาก็จะถามแบบนี้ ต้องมีอะไรถึงโทรหาได้เหรอ เธอรู้ว่าเขาเป็นบอดี้การ์ด การโทรหาเขาบางทีอาจจะรบกวนเวลาทำงานของเขา แต่เธอส่งข้อความไปหาเขาตั้งแต่เช้า เขาก็ไม่อ่านไม่ตอบเธอ ลูกก็ถามหาเขาหลายรอบแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดครบ3ขวบของน้องธาม เธออยากรู้ว่าเขาจะมาหาลูกกี่โมง ถึงได้โทรหาเขา อย่าบอกนะว่าเขาลืมวันเกิดลูก
" ฉันแค่จะโทรมาถามว่าจะกลับบ้านตอนไหน ลูกถามหา ฉันส่งไลน์ไปถามตั้งแต่เช้า พี่ก็ไม่ตอบ "
" ขิงก็รู้ว่าพี่ทำงานไม่ค่อยมีเวลา "
เธอนิ่งไปชั่วครู่ ไม่มีเวลาเธอฟังคำนี้จนชินชาตั้งแต่เขาทำงานกับเจ้าสัว นลินดาถอนหายใจเฮือกใหญ่
" แต่วันนี้เป็นวันเกิดน้องธาม ลูกรอพี่มาเป่าเค้กด้วยกัน "
พีรวิชได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกผิด เขาลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดลูกชายตัวน้อยของเขา เขาไม่ได้กลับบ้านไม่ได้เห็นหน้าลูกมาเป็นอาทิตย์แล้ว ด้วยอาชีพบอดี้การ์ดเจ้านายไปไหนก็ต้องประกบติด อาทิตย์ก่อนเจ้าสัวไปดูงานที่ใต้เขาก็ต้องตามไปด้วยพึ่งจะกลับมาเมื่อวาน
" คงจะเป็นดึกๆหน่อย ตอนเย็นพี่ต้องไปรับคุณหนูมาริที่สนามบิน ตามคำสั่งของเจ้าสัว "
เจ้าสัวสั่งให้เขา ไปรับลูกสาวสุดรักสุดหวงที่เรียนจบปริญญาจากอเมริกามาหมาดๆ บอกให้เขาดูแลอารักขาเธอให้ดี ทั้งยังย้ายเขาให้ไปเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเธออีก เขาไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับนลินดา กลัวว่าเธอจะคิดมาก
" เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัว เจ้าสัวรักและห่วงมาก เลยให้พี่กับบอดี้การ์ดอีกหลายคนไปรอรับ พี่ไม่แน่ใจว่าจะได้กลับกี่โมง ถ้าน้องธามรอไม่ไหว ก็ให้ขิงพาลูกเป่าเค้กไปก่อนได้เลย เดี๋ยวเสร็จงานแล้วพี่จะรีบไป "
ความจริงแล้ว เจ้าสัวให้เขาไปรับมาริษาแค่คนเดียว เขาแค่ไม่อยากให้เธอคิดมากเลยโกหกไปแบบนั้นเธอยิ่งเป็นคนคิดมากขี้น้อยใจอยู่
วันนี้ขายดีตอนบ่ายๆก็ก็หมดเกลี้ยง นลินดากับมุทิตาช่วยกันเก็บร้านล้างถ้วยล้างจานเสร็จ จึงไปอาบน้ำแต่งตัวพาน้องธามไปซื้อเค้ก
" ไหน คนหล่อของน้ามิวอยากได้เค้กแบบไหนครับ "
" ธามอยากได้เค้กเบ็นเท็นครับ "
มุทิตาถามหลานตัวน้อย ที่พอมาถึงร้านเค้กก็มองหาเค้กเบ็นเท็น การ์ตูนตัวโปรด
" นั่นไงครับ เค้กเบ็นเท็น แบบนี้ชอบไหม " นลินดาชี้เค้กที่แต่งหน้าด้วยรูปตุ๊กตาเบ็นเท็นให้ลูกดู
" ชอบครับ " ธามไทยิ้มแฉ่งโชว์ฟันขาว
เมื่อได้เค้กแล้วก็แวะซื้อของกินที่ธามไทชอบและซื้อของสดไปปิ้งย่างนิดหน่อยจากนั้นก็พากันกลับบ้าน
้ทางด้านพีรวิชมารออยู่ที่สนามบิน สักพักมือถือก็ดังขึ้น เขากดรับสายทันที
" ฉันมาถึงแล้ว รออยู่ตรงทางออก นายอยู่ตรงไหน "
พีรวิชมองไปรอบๆก่อนจะหยุดสายตาลงที่ผู้หญิงสูงโปร่งหุ่นเพียวบาง แต่สัดส่วนอวบอัดส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน ส่วนสูงดูจากสายตาน่าจะประมาณ170 ผิวขาวใสเนียนกริบ ใส่เสื้อครอปแขนยาวเอวลอยโชว์หน้าท้องเนียนขาว กางเกงยีนส์แบรนด์ดัง ใส่แว่นตาดำ จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากฉาบไปด้วยลิปสติกสีแดงสด เขาจ้องมองเธออยู่นานจนเธอรู้สึกตัวหันมาจ้องมองเขากลับ เขาตกอยู่ในห้วงภวังค์เหมือนถูกมนต์สะกด ยิ่งเวลาเธอเยื้องย่างเดินราวกับนางฟ้าบนสรวงสวรรค์ งดงามราวกับหลุดออกมาจากเอไอ กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนที่เธอมายืนอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
" นายใช่ไหมที่ป๊าให้มารับ " พีรวิชรู้สึกตัวรีบตอบกลับไปทันที
" ใช่ครับ ผมชื่อพีรวิชเรียกสั้นๆว่าพีร์ก็ได้ครับ เจ้าสัวส่งผมมารับคุณหนู ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมเป็นบอดี้การ์ดของคุณหนูครับ"
" งั้นก็นำฉันไปที่รถได้แล้ว"
เมื่ออยู่บนรถมาริษาก็สั่งให้พีรวิชขับรถพาไปที่ผับแห่งหนึ่ง พีรวิชกลัวว่าถ้าเจ้าสัวรู้เรื่องเขาต้องโดนลงโทษแน่ๆเพราะสั่งให้เขาไปรับเธอมาแล้วรีบพากลับบ้าน แต่มาริษาก็เอาแต่ใจเหลือเกินเหวี่ยงวีนจนเขาต้องขับรถพาที่ผับจนได้
" นายก็อยู่แถวๆนี้แหละ มีอะไรเดี๋ยวฉันเรียกเอง ฉันจะไปสังสรรค์กับเพื่อนหน่อย ไม่เจอกันนาน อยากดื่มอะไรก็สั่งเลยแล้วมาเก็บเงินที่ฉัน"
พีรวิชจึงหาที่นั่งอยู่โต๊ะไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เธอนั่งอยู่ สายตาคอยจับจ้องมองเธออยู่ตลอด โต๊ะที่เธอนั่งมีทั้งเพื่อนผู้หญิงผู้ชาย เธอทั้งดื่มทั้งเต้นโยกตัวไปมาเข้ากับจังหวะเพลง ดูเซ็กซี่เร่าร้อนจนเขาละสายตาจากเธอไม่ได้เลย
นลินดา มองดูลูกที่สัปหงกครั้งแล้วครั้งเล่า ห้าทุ่มแล้วพีรวิชก็ยังไม่มา ก่อนหน้าเธอบอกให้ลูกเป่าเค้กเลยไม่ต้องรอ แต่ลูกก็ยืนยันว่าอยากให้พ่ออยู่ด้วย รอไปรอมาสุดท้ายทนง่วงไม่ไหวผล็อยหลับไป
" พีร์ยังไม่มาเหรอ นี่ก็ดึกแล้ว น้องธามรอจนหลับไปแล้วด้วย เค้กก็ยังไม่ได้เป่าเลย"
" ฉันว่าเขาไม่มาแล้วหล่ะ ฉันปลุกน้องธามมาเป่าเค้กดีกว่า จะได้เข้านอน "
" แกโทรหาเขายัง "
" โทรแล้ว แต่เขาไม่รับ ช่างเถอะ "
นลินดาส่งข้อความไปบอกโยธา ว่าวันนี้เธอไม่อยู่ห้องทั้งวัน จะกลับช่วงเย็นๆ เธอจะไปช่วยมุทิตาย้ายห้อง แล้วอยู่เล่นกับเพื่อนสักพัก ตั้งใจจะทำสุกี้กินกันด้วยมุทิตาขนของย้ายห้องไปอยู่ใกล้ๆที่ทำงาน เพราะทนเดินทางไกลขึ้นรถหลายต่อ อีกทั้งฝ่ารถติดไม่ไหว เลิกงานกว่าจะกลับถึงที่พักก็ดึก แทบหมดแรง นลินดากับมุมิตาช่วยกันจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง ห้องพักใหม่กว้างกว่าที่เดิมนิดหน่อย และราคาก็แพงกว่าด้วย แต่ใกล้ที่ทำงานเดินไปไม่ไกลก็ถึงแล้ว ตลอดเวลาที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ เสียงมือถือของนลินดาก็มีเสียงข้อความเตือนเข้าตลอด มุทิตารู้เรื่องระหว่างเธอกับโยธานานแล้ว " เล่นส่งข้อความมาถามทุกช.มแบบนี้ ฉันว่าแกกลับเถอะ ไว้วันหลังค่อยมาหาฉันใหม่ "" ฉัน "" เอาน่า ฉันเข้าใจ ข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้แหละ ฉันว่าฉันดูคนไม่ผิดหรอก น้องเขารักแก ดูหวงแกมากด้วย ไป กลับได้แล้วเดี๋ยวฉันเดินไปส่งแกปากทาง ป่านนี้หมอนั่นชะเง้อรอแกคอยาวเป็นยีราฟแล้วมั้ง "" คงไม่รอหรอก ฉันบอกเขาแล้วว่าจะกลับเย็นๆ "" เหรอ " มุทิตาหันมามองหน้าเพื่อนยิ้มกรุ้มกริ้ม เธอดีใจที่เพื่อนรักมีผู้ชายดีๆมารักเธอดูแลเธอ ตอนแรกที่เธอยังไม่ย้ายห้องมา ยอ
เกศรานึกถึงอังกูรขึ้นมา ก็รีบโทรหาเขาขอให้เขาช่วย แต่ถูกปฏิเสธ เธอได้แต่โมโหทั้งที่เธอช่วยเขายักยอกเงินบริษัทแท้ๆ พอเธอเดือดร้อนกลับไม่ช่วยทางด้านอังกูรเวลานี้เขากำลังเก็บข้าวของออกจากบริษัท ก่อนหน้าบดินทร์เอาเอกสารมาให้เขาเซ็นโอนขายหุ้น10เปอร์เซ็นของเขา ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด แลกกับการที่โยธาจะไม่เอาเขาเข้าคุกข้อหายักยอกเงินบริษัท เขาจำต้องยอมรับรีบเซ็นขายหุ้นทันที ใครจะไปยอมติดคุกหล่ะ คนกำลังเครียดๆคู่ขาเก่าก็โทรมา ใครจะไปช่วย เขาก็พึ่งรู้ได้ไม่นาน ว่าที่เธอโดนปลดออกเพราะดันไปมีเรื่องกับผู้หญิงของท่านประธาน ก็สมควรแล้ว ตอนนี้ตัวใครตัวมันละกันโยธาพานลินดาขับรถกลับห้อง วันนี้เขามีพรีเซนต์งานกลุ่มตอนบ่าย จะโดดก็ไม่ได้จึงต้องส่งเธอกลับห้องก่อน นลินดากลับเข้าห้องได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตู" ลืมอะไรเหรอ "โยธาส่งถุงขนมให้เธอ เธอก็เปิดออกดู เป็นขนมไข่นกกระทามันม่วงก้อนกลมๆใหญ่ๆสีม่วงน่ากิน อีกถุงเป็นกล้วยทอดใส่งาดำด้วย" เมื่อกี้ผ่านไป เห็นว่าทอดร้อนๆน่ากินเลยซื้อมาให้ กินขนมดูซีรี่รออยู่ห้องอย่าออกไปไหนหล่ะ เลิกเรียนแล้วจะรีบกลับ "" อือ" จุ๊บ โยธาจุ๊บเหม่งเธอ1ที ก่อนจะคร่อมมอไซ
โยธาพานลินดาไปวัด เธอซื้อข้าวซื้อขนมที่น้องธามชอบกินไปทำบุญให้ลูก หลังทำบุญกรวดน้ำเสร็จ ก็ไปที่เจดีย์เก็บกระดูกลูกโยธาเอารถบรรทุกดินคันใหญ่สีแดงวางไว้ นลินดาเอาดอกไม้สีขาววางไว้ในกระบะรถอีกที" พี่รูปหล่อเอารถบรรทุกมาให้ครับ แม่หนูบอกว่าหนูชอบสีแดง พี่เลยซื้อคันสีแดงมาให้ พี่กับแม่ของหนูช่วยกันเลือกเลยนะ ชอบไหมครับมาเอาไปเล่นนะ " " น้องธามแม่มาหาแล้วครับ หนูอยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง คิดถึงแม่รึเปล่า แม่คิดถึงหนูทุกวันเลยครับ หนูมัวแต่เล่นอยู่เหรอ ถึงไม่มาหาแม่ในฝันเลย ฮือ ฮือ "พูดไปก็น้ำตาไหลไป ในที่สุดก็ไม่อาจจะกลั้นเอาไว้ ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้น โยธารั้งตัวนลินดาให้มาซบอกผ่านไปซักพัก เสียงของหล่นตุ๊บ ทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกัน นลินดาหันไปมองทั้งน้ำตา ภาพตรงหน้าคือพระรูปหนึ่งที่คุ้นหน้า พีรวิชพีรวิชตั้งใจเอาขนมมาวางไว้ที่เจดีย์ของลูก แต่ภาพตรงหน้าที่เห็น มันทำให้เขาแขนขาอ่อนแรง จนปล่อยถุงขนมหลุดมือไม่รู้ตัว นลินดาเมียเก่าของเขา ยืนซบอกผู้ชายคนหนึ่งร้องไห้อยู่ เขาอยากจะดึงเธอมากอด อยากปลอบใจเธอเช็ดน้ำตาให้ แต่เขาก็รู้ตัวว่าวันนี้เขาไม่สิทธิ์อีกแล้วหลายเดือนก่อน บริษัทประสบปั
โยธาก้าวเข้าไปในบ้านตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่า อัญจรีเห็นโยธาก็ดีใจวิ่งเข้าไปหา แต่โยธาส่งสายตาเหี้ยมเกรียมไปให้ จนเธอเบรคแทบไม่ทัน " มาแล้วเรอะพ่อตัวดี กว่าจะอัญเชิญมาได้ "" มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ผมจะได้รีบกลับ "" กลับไปอยู่ห้องเช่าเท่ารูหนู กับผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นหน่ะรึ "" คุณย่าให้คนตามสืบเรื่องของผม""อย่าคิดว่าทำอะไรแล้วฉันจะไม่รู้ ผู้หญิงดีๆไม่เอา ดันไปเอาผู้หญิงผัวทิ้งลูกตาย "โยธากัดฟันกรอด ข่มอารมณ์เดือดดาลเอาไว้สุดๆ" ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของผม "" ถ้าเรื่องส่วนตัวของแกหมายถึงสะใภ้เปรมศิริ ฉันก็ต้องยุ่ง ฉันก็เคยบอกแกไปแล้วนี่ว่าแกต้องแต่งงานกับหนูแอนนี่ ฉันไม่มีวันยอมรับสะใภ้ไร้ศักดินาเข้าตระกูลเด็ดขาด "" ทำไมครับ จะกีดกันผมกับเธอเหมือนที่กีดกันพ่อกับแม่ผมเหรอ "" ใช่ แล้วแกก็ต้องทำตามที่ฉันสั่งด้วย "" คุณย่าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ว่าผมจะตามคำสั่ง ในอดีตพ่อของผมไม่ฟังคุณย่ายอมตัดขาดจากตระกูล เพื่อเลือกจะอยู่กับแม่ ผมก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน "" ไม่ได้ แกเป็นทายาทคนเดียวของเปรมศิริ แกจะทำอะไรตามใจไม่ได้ แกต้องคิดถึงหน้าตาของตระกูล ""
วันต่อมา โยธาพานลินดาไปสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยR เป็นมหาลัยระบบเปิด เรียนเก็บหน่วยกิตอยู่บ้าน ถึงเวลาสอบก็ไปสอบที่มหาลัย เป็นมหาลัยยอดนิยมของคนที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย มหาลัยR อยู่เยื้องๆกับมหาลัยA สมัครเรียนเสร็จก็พาเธอไปคาเฟ่เขาสั่งชาเขียวนมสดกับเค้กส้มให้เธอ ส่วนตัวเขากินเอสเพรสโซ่ ออกจากร้านมองไปฝั่งตรงข้ามเห็นรถเข็นบนทางฟุตบาทขายข้าวโพดอบเนยเธอมองแว่บเดียว แต่ไม่รู้โยธาเห็นได้ยังไง เขาจูงมือเธอข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ซื้อข้าวโพดอบเนยหอมฉุยแก้วใหญ่ให้เธอ เธอมองหน้าเขา เขาก็ยิ้มหวานให้แล้วยังเอามือมาปัดปอยผมที่ปรกหน้าเธอไปทัดหูให้อีก นี่เธอแค่มองเฉยๆยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าจะกินนะ เขาก็จูงมือเธอมาซื้อแล้ว เธอก็ตักป้อนเขาไปคำหนึ่งแล้วกินเองอีกคำหนึ่ง ก่อนที่เขาจะจูงมือเธอข้ามถนนไปขึ้นรถบดินทร์ยืนมองโยธา ตั้งแต่จูงมือนลินดาข้ามไปซื้อข้าวโพดอบเนยฝั่งนั้น แล้วจูงมือกันข้ามมาฝั่งนี้ จนกระทั่งทั้งคู่ขับรถออกไปแล้ว เขาก็แทบไม่เชื่อสายตา เมื่อกี้เขาเห็นโยธายิ้มด้วย ทำงานอยู่กับโยธามาหลายปีไม่เคยเห็นเขายิ้มสดใสแบบนี้มาก่อน ส่วนมากมีแต่ยิ้มเหี้ยมเกรียม แต่การกระทำของโยธาเมื่อกี้มันช่างอ่อนโยนขัด
รันตีหยิบมือถือออกมาโทรหาหัวหน้าแม่บ้าน สักพักหัวหน้าก็มาพานลินดาออกไป" เดี๋ยวก่อน หลังทำแผลเสร็จ เธอก็เก็บข้าวของกลับบ้านไปซะ พรุ่งนี้เป็นต้นไปก็ไม่ต้องมาทำงานที่นี่ ฉันจะโทรไปรายงานพฤติกรรมของเธอกับบริษัทซับเอง "นลินดาหันกลับมามองรันตี เธอไม่โทษรันตีหรอก เพราะยังไงอนันต์ก็สำคัญกับบริษัทมากกว่าเธอ แค่ไล่แม่บ้านออกไปแค่คนเดียว พรุ่งนี้แม่บ้านคนใหม่ก็จะถูกส่งมาแทนที่เธอ ไม่ได้มีผลอะไรกับytcอยู่แล้ว อนันต์ส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้เธออย่างไม่ปกปิด แววตาฉายชัดความรังเกียจ ฮึ! รังแกคนด้อยกว่าคงจะสนุกสินะ เหยียบย่ำคนอื่น คงเป็นงานอดิเรกที่พวกคนรวยเขาชอบเล่นกัน นลินดาใช้ทิชชู่ซับเลือดจนแห้ง แล้วรีบเก็บของใส่กระเป๋าผ้าออกมาทันที" ขิงทำแผลก่อนค่อยไปเถอะนะ "" ไม่เป็นไรค่ะหัวหน้า ฝากลาพี่โมด้วย ฉันคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วหล่ะ อ้อนี่เป็นขนมที่ฉันซื้อมาฝากให้พี่โมด้วย ฉันต้องไปแล้ว "บดินทร์ขับรถไปรับโยธาที่มหาลัย ตอนเช้าเขาไปดูงานที่โรงงาน เสร็จแล้วก็แวะมารับโยธาเข้าบริษัทด้วยกัน เมื่อมาถึง รันตีกับรินลณีเลขาของเขาก็รีบมาต้อนรับ" เรียบร้อยดีไหม ห้องประชุมพร้อมนะ เอกสารทุกอย่างเตรียมเอาไว้แล้
Comments