แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
ณ ตำหนักฉือหนิง ที่ประทับของไทเฮา

ไทเฮาได้ยินเรื่องที่จวนตระกูลเฟิ่งแล้วก็มีสีพระพักตร์แช่มชื่น กล่าวกับกุ้ยหมัวมัวที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายว่า

“ตอนงานวันเกิดของข้าปีที่แล้ว เคยเห็นเฟิ่งเวยเฉียงผู้นั้น นิสัยนางอ่อนโยนเกินไป เวลานั้นข้าก็รู้สึกว่านางยากจะรั้งตำแหน่งฮองเฮาได้

“เรื่องในวันนี้กลับแปลกใหม่นัก ถึงกับโต้แย้งคนของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ต่อหน้าธารกำนัล

“ข้าต้องมองนางใหม่เสียแล้ว”

กุ้ยหมัวมัวเป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายไทเฮา เข้าใจความซับซ้อนในวังอย่างลึกซึ้ง นางรินน้ำชาร้อนกรุ่นให้ไทเฮา

“แต่ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อหวงกุ้ยเฟย แม้ฮองเฮาจะปราดเปรื่องกล้าหาญเพียงไหนก็ยากจะรับมือท่านที่อยู่ตำหนักหลิงเซียวผู้นั้นได้ คืนนี้ ยากจะรับประกันว่าหวงกุ้ยเฟยจะไม่ก่อเรื่องนะเพคะ”

เห็นได้ชัดว่านางมีความเห็นแตกต่างจากไทเฮา ไม่คิดว่าฮองเฮาจะมีความสามารถถึงเพียงนั้น

รอยยิ้มบนใบหน้าไทเฮาสลายไป

“เจ้าพูดถูก ข้ายังจำได้ว่า วันที่ซิ่วหว่านเข้าวัง เดิมนั้นฝ่าบาทตั้งใจจะไปหานาง ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ผู้นั้นจะเข้ามาขัดขวาง เชิญฝ่าบาทไปหา

“น่าสงสารก็แต่ซิ่วหว่านเด็กคนนั้น แม้แต่อาหญิงอย่างข้าก็ยังช่วยเหลืออะไรนางไม่ได้”

กุ้ยหมัวมัวทอดถอนใจ

“ฝ่าบาทแบ่งแยกรักชังชัดเจน ในวังหลังจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถแย่งชิงความโปรดปรานจากหวงกุ้ยเฟยมาได้ เกรงว่าคืนนี้ฮองเฮาคงต้องเฝ้าห้องหอที่ว่างเปล่าตามลำพังเสียแล้ว”

ไทเฮาก็คิดแบบนี้เช่นกัน

แม้ฮ่องเต้จะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขนาง แต่นางก็เลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่ ย่อมเข้าใจนิสัยของเขาเป็นอย่างดี

ความยึดติดของเขาลึกล้ำเกินไป นำความรู้สึกติดค้างและความรักที่มีต่อหรงเฟยไปมอบให้ตัวแทนอย่างหลิงเยี่ยนเอ๋อร์จนหมดสิ้น

หากมิใช่เพราะยังคำนึงถึงราชโองการสั่งเสียของอดีตฮ่องเต้ เกรงว่าแม้แต่ตำแหน่งฮองเฮาก็คงยกให้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ไปแล้ว!

……

ถึงฤกษ์มงคล เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมชุดเจ้าสาวลายหงส์ปักดิ้นทอง ศีรษะสวมมงกุฎหงส์ฝังมรกต ขบวนแห่สินเดิมยาวสิบลี้ตามมาด้านหลัง เคลื่อนขบวนมาบนเส้นทางที่ปูด้วยแผ่นหยก

สุดปลายทางคือขั้นบันไดหยกขาวสูงชันที่แกะสลักลวดลายมังกรเก้าตัว

องครักษ์ตีกลองดังหนึ่งครั้งทุกสิบก้าว

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองไม่เห็นทางข้างหน้า มีสาวใช้คอยประคองขึ้นบันได

หลังยืนได้มั่งคงแล้วก็เริ่มดำเนินพิธี

ขณะที่คู่บ่าวสาวคารวะกัน สายลมพัดชายผ้าคลุมศีรษะของนางเลิกขึ้นมา นางจึงมองเห็นใบหน้าของฮ่องเต้ทรราชผู้นั้น

รูปงามผิวพรรณขาวผ่อง สีหน้าอ่อนโยน ลักษณะไม่คล้ายมัจจุราชผู้เกรี้ยวกราดในคำเล่าลือ

สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ในใจกลับลอบสงสัย

บุรุษผู้นั้นก็มองนางเช่นกัน แต่เพียงชั่วพริบตาก็เสมองไปทางอื่น เป็นคนที่รักษามารยาทคนหนึ่ง

พิธีอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้กับฮองเฮา ไม่เพียงกราบไหว้ฟ้าดิน แต่ยังต้องเซ่นไหว้บรรพบุรุษ

สองชั่วยามผ่านไป เฟิ่งจิ่วเหยียนยังทนไหว แต่ขาของเหลียนซวงชาไปหมดแล้ว

ครั้นเข้าไปในห้องหอ

รอจนทุกคนถอยออกไปข้างนอก เหลียนซวงก็เอ่ยกับเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างทนไม่ไหว “คุณหนู ฝ่าบาทไม่เหมือนที่บ่าวคิดไว้เลยเจ้าค่ะ ดูแล้วก็ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น!”

นางนึกว่าฮ่องเต้ทรราชจะมีหน้าตาดุร้ายถมึงทึง ตีหน้าเย็นชาตลอดเวลาเสียอีก

สิ้นเสียง หมัวมัวที่ค่อนข้างมีอาวุโสคนหนึ่งก็เดินเข้ามา นางได้ยินคำพูดของเหลียนซวงแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมเย็นชาก็ยิ่งเข้มงวดกว่าเดิม

“ช่างมีตาแต่ไร้แววเสียจริง! คนที่มาวันนี้คือรุ่ยอ๋อง เป็นตัวแทนมาร่วมพิธีแทนฝ่าบาท!”

“อะไรนะ?!” เหลียนซวงพลันพูดไม่ออก

นางได้ยินผิดไปใช่หรือไม่?

พิธีอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้กับฮองเฮายังสามารถให้คนอื่นมาแทนได้ด้วย?

เฟิ่งจิ่วเหยียนก็รู้สึกว่าเหลวไหลเช่นกัน

เหลียนซวงรีบถามหมัวมัวผู้นั้น “เหตุใดจึงให้รุ่ยอ๋องมาร่วมพิธีแทนล่ะเจ้าคะ? ฝ่าบาทเล่า?”

หมัวมัวผู้นั้นวางของในมือเสร็จก็ตอบอย่างไม่มีน้ำอดน้ำทนเท่าใดนัก

“วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของหรงเฟย ฝ่าบาทจึงเสด็จไปเซ่นไหว้”

นางกล่าวจบก็เดินออกไปจากตำหนัก

สมองของเหลียนซวงดัง ‘ตูม’ ประหนึ่งจะระเบิดออกมา

“คุณหนู นี่...ฝ่าบาทเขาทำ ทำเช่นนี้กับท่านได้อย่างไรเจ้าคะ!”

วันครบรอบวันตายมีทุกปี แต่พิธีอภิเษกสมรสเช่นนี้ชั่วชีวิตมีเพียงหนเดียวนะ!

นอกจากนี้ ฮ่องเต้ทำเช่นนี้ ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักไม่มีใครตักเตือนบ้างเลยหรือ?

เทียบกับท่าทางไม่พอใจของเหลียนซวงแล้ว ปฏิกิริยาของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งเป็นพิเศษ

นางไม่สนใจการแย่งชิงความโปรดปราน ที่แต่งเข้าวังหลวง หนึ่งเพราะจำต้องแต่งงานแทนเพื่อปกป้องตระกูลเฟิ่ง สองเพื่อเป็นฮองเฮา แล้วแก้แค้นให้เวยเฉียง

ด้วยเหตุนี้ ฮ่องเต้จะปฏิบัติต่อนางเช่นไรล้วนไร้ความหมายสำหรับนาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนกำชับ “ฝ่าบาทคงไม่มาแล้ว พวกเราพักผ่อนกันเถอะ”

“เจ้าค่ะ”

เหลียนซวงเพิ่งช่วยถอดเครื่องประดับบนศีรษะให้นางเสร็จ ก็มีคนมารายงานว่า

“ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จกลับวังแล้ว ในไม่ช้าก็จะมาหาพระองค์แล้วเพคะ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนมุ่นคิ้ว กวาดสายตามองปิ่นปักผมบนโต๊ะเครื่องแป้ง

หรือต้องปักเข้าไปใหม่?

ฮ่องเต้ทรราชผู้นี้ ในเมื่อไปเซ่นไหว้ผู้ล่วงลับ ไยจึงไม่พักอยู่ข้างนอกเสียเลย?

กลับมาเอาเวลานี้ รีบกลับมาเข้าหอหรืออย่างไร
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (26)
goodnovel comment avatar
Datchanee Nakkayasith
สนุกมากค่ะ
goodnovel comment avatar
Kalookpook Bhornwalai
สนุกเนื่อรื่องมีให้ลุ้นตลอด
goodnovel comment avatar
Kalookpook Bhornwalai
น่าติดตามมาก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1653

    เพื่อความไม่ประมาท ตงฟางซื่อจึงตรวจสอบแมงมุมยักษ์ตัวนั้นอย่างละเอียดเดิมทีเขาแค่พูดเล่นเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าภายในจุดศูนย์กลางค่ายกล กลับมีเจ้าสิ่งนี้อยู่จริง ๆเมื่อครู่คนอื่นถือคบไฟอยู่ เขายืนดูอยู่ข้าง ๆ จึงไม่ได้สังเกตอย่างละเอียดตอนนี้เข้ามาใกล้แล้ว ถึงเห็นชัดว่า แมงมุมยักษ์ตัวนี้มีเปลือกนอกทำจากโลหะ ส่วน “อวัยวะภายใน” ที่อยู่ด้านในทำจากไม้ส่วน “ปาก” ที่ซ่อนสมุดบันทึกไว้นั้น ตอนนี้ยังมองไม่เห็นกลไกหลังจากตงฟางซื่อหยิบสมุดบันทึกออกมา ก็ส่งให้เฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วหันไปตรวจดูแมงมุมยักษ์ตัวนั้นด้วยตัวเองต่อโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดหน้าแรกของสมุดบันทึก มีอักษรสามตัวเขียนไว้ว่า “ถานไถหมิ่น”คิดว่า นี่คงเป็นชื่อของเจ้าของสมุดบันทึก และก็คือหญิงสาวในภาพวาดฝาผนังนั่นด้วยผ่านทางสมุดบันทึกเล่มนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงได้เข้าใจที่มาที่ไปทั้งหมดเมื่อห้าร้อยกว่าปีก่อน ในยุคสงครามและความวุ่นวายตระกูลถานไถในเวลานั้น ยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่สงบเงียบแห่งหนึ่ง ทว่ากลับถูกสังหารกวาดล้าง เหลือเพียงเด็กไม่กี่คนที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบของตระกูลถานไถหมิ่นก็คือหนึ่งในนั้นนางได้รู้จักกับฮ่อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1652

    กลุ่มคณะเดินผ่านทางเดินยาว ด้านหน้าก็ปรากฏประตูอีกบานหนึ่งประตูนี้ไม่ได้สูงใหญ่เท่าประตูสำริดด้านนอก แค่มีขนาดเท่ากับประตูทั่วไป บนประตูมีสลักกลไกอยู่สามอัน ซึ่งถูกเปิดไว้หมดแล้วเห็นชัดว่า เป็นถานไถเหยี่ยนที่เคยมาก่อนหน้านี้และเปิดไว้เขาเดินอยู่ข้างหน้า และผลักประตูบานนั้นเปิดออกไปทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนยังคาดเดาอยู่ว่า หลังประตูคงจะเป็นหลุมบริวารอีกหลุมหนึ่ง แต่กลับพบว่า หลังประตูคือโลกอีกใบหนึ่งโลกที่สว่างเจิดจ้าราวกับกลางวัน...นอกจากถานไถเหยี่ยนแล้ว คนอื่น ๆ ก็เผยให้เห็นสีหน้าตกตะลึงไม่มากก็น้อยเมื่อก้าวเข้าประตูบานนี้ ราวกับเข้าสู่อีกห้วงมิติหนึ่งท้องฟ้าสีครามก้อนเมฆสีขาวมองดูสุดลูกหูลูกตา เบื้องล่างเป็นทุ่งหญ้ากว้าง ไม่ไกลนัก ก็เป็นบ้านไม้หลังหนึ่งทุกสิ่งที่ตามองเห็น ล้วนดูเหมือนจริงอย่างมากทว่าหากดูอย่างละเอียดจะพบว่า ส่วนใหญ่เป็นภาพลวงตาท้องฟ้าคือหลังคาโค้งที่สร้างขึ้นภายในห้อง ซึ่งถูกวาดขึ้นด้วยปลายพู่กันอันประณีตของจิตรกรส่วนที่ไกลออกไปดูเหมือนมองดูสุดลูกหูลูกตา แท้จริงแล้วก็คือภาพวาดบนผนังทั้งสี่ด้านบางทีอาจจะใช้ผงสีที่เรืองแสง ทำให้ทั่วทั้งสถานที่สว่าง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1651

    ขณะที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะเอ่ยบางอย่าง เซียวอวี้จับมือนางไว้ทันที เพื่อห้ามไว้อย่างเงียบ ๆเซียวอวี้ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว มองตรงไปยังถานไถเหยี่ยน“ถานไถเหยี่ยน เจ้าไม่จำเป็นต้องยุยงให้เรากับฮองเฮาผิดใจกัน“ตอนนี้เราไม่ฆ่าเจ้า ไม่ใช่เพื่อมาฟังคำพูดเหลวไหลไร้ประโยชน์ที่เจ้าพูดเหล่านี้“จุดศูนย์กลางค่ายกลของ ‘ใยแมงมุม’ หาเจอแล้วหรือไม่”“ใยแมงมุม” นี้เป็นทั้งโชคและหายนะเซียวอวี้ไม่ต้องการให้มันกลายเป็นอาวุธตอบโต้ของแคว้นอื่นดังนั้น เขาจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับมัน หากสามารถควบคุม และใช้มันได้เพียงคนเดียว ก็จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่หากทำไม่ได้ เช่นนั้นเขายอมทำลายมันทิ้งดีกว่า!ส่วนเรื่องการหา “จุดศูนย์กลางค่ายกล” บางทีก็ยังต้องการตัวถานไถเหยี่ยนเพราะถึงอย่างไร “ใยแมงมุม” ก็เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของตระกูลถานไถสร้างขึ้นมาถานไถเหยี่ยนเป็นคนที่คุ้นเคยกับ “ใยแมงมุม” มากที่สุดในใต้หล้านี้เสียวอู่กระจ่างในทันทีไม่แปลกใจที่ศิษย์พี่นำกองกำลังนับหมื่นเข้ามา รวมถึงเรื่องการยิงธนูเมื่อครู่ ก็ไม่ได้สังหารถานไถเหยี่ยนในทันทีถานไถเหยี่ยนพลันยกยิ้มมุมปากเขามองมายังเซียวอวี้กับเฟิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1650

    ด้านหลังของเซียวอวี้คือกองกำลังนับหมื่นเฟิ่งจิ่วเหยียนชะงักไปชั่วครู่นี่จะยกทัพกลับราชสำนักแล้วหรือ?ถานไถเหยี่ยนมองมาที่เซียวอวี้ ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับเย้ยหยัน“ฮ่องเต้ฉี หรือว่าในใจของท่าน ทั้งใต้หล้านี้ ยังไม่สำคัญเท่าสตรีผู้หนึ่งหรือ?“ท่านไม่ควรมาปรากฏตัวที่นี่“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ...”เซียวอวี้ยิงธนูออกไปดอกหนึ่งด้วยความแน่วแน่ถานไถเหยี่ยนไม่ได้หลบ ธนูดอกนั้นปักลงข้างหน้าเท้าของเขา ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ชุ่นเขามองเซียวอวี้อย่างเย็นชา และชี้กระบี่ไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮ่องเต้ฉี ท่านเทียบฮ่องเต้ซวี่หยางไม่ได้จริง ๆ“ข้าควรจะตัดสินใจเรื่องนี้ให้ท่านแต่แรก”เฟิ่งจิ่วเหยียนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “เจ้าอยากฆ่าข้า ก็เพื่อฝ่าบาทงั้นหรือ?”สายตาของถานไถเหยี่ยนเปลี่ยนเป็นมืดมน“ยังต้องถามอีกหรือ?“เมื่อเห็นฮ่องเต้ฉีปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เจ้ายังไม่เข้าใจหรือว่า สำหรับเขาแล้ว เจ้าคืออุปสรรคที่ใหญ่หลวงเพียงใด!”เสียวอู่ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาขวางด้านหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน“ศิษย์พี่สะใภ้ ท่านถอยไปยืนข้างหลัง ระวังคนบ้าผู้นี้!”ตงฟางซื่อก็ลืมตาขึ้นจากตาที่เคยหรี่ “วา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1649

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“ไม่ว่าจะเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่หรือความลวงที่ยิ่งใหญ่ ล้วนทำเพื่อกษัตริย์ที่ตนภักดีทั้งสิ้น“ที่ถานไถเหยี่ยนกำหนดตนเองว่าเป็น ‘ความลวงที่ยิ่งใหญ่’ คือการแสดงความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ไม่ต่างจากการบอกฝ่าบาทว่า ‘ข้าคือขุนนางของท่าน จะวางแผนครองใต้หล้าเพื่อท่าน”เสียวอู่รู้สึกเหมือนกระจ่างขึ้นมาในทันทีไม่คิดเลยว่า คำกล่าวง่าย ๆ และสั้น ๆ เพียงไม่กี่ตัวอักษร กลับซ่อนความหมายลึกซึ้งไว้มากมายเพียงนี้!“ทว่า... คำพูดนั้นมาจากใจจริงหรือไม่?“ถานไถเหยี่ยนจะทำเพื่อศิษย์พี่ได้อย่างไร?”“นี่ต้องเป็นแผนล่อศัตรูของเขาเป็นแน่!”เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น“ดังนั้นข้าถึงบอกว่า ฝ่าบาททรงกำลังเดิมพัน”ตงฟางซื่อบอกความคิดเห็นของเขา“ข้าเชื่อคำพูดนั้น”เสียวอู่เบิกตากว้าง คล้ายกับจะบอกว่าเขาบ้าไปแล้ว ถึงเชื่อคำพูดหลอกลวงของถานไถเหยี่ยนตงฟางซื่อเอ่ยอย่างช้า ๆ“เมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน เคยมีคนผู้หนึ่งนามว่าจางจื่อที่ทำงานรับใช้แคว้นฉิน ช่วยแคว้นฉินเตรียมพร้อมกำลังพล ก่อนจะพิชิตแคว้นอื่นทีละแคว้น“เรื่องที่ถานไถเหยี่ยนทำ โดยพื้นฐานแล้ว ก็ไม่แตกต่างจากเขา“หากปฏิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1648

    เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบาย: “ในวลี ‘อยู่เหนือกว่าคน’ ตัวอักษร ‘ซ่าง’ หมายถึง ด้านบน หรือตำแหน่งข้างหน้า หากนำขีดแรกของตัวอักษรสามตัวคือ ‘ไจ้[1]’ ‘เหริน[2]’ และ ‘จือ[3]’ มารวมกัน ก็จะได้ตัวอักษรหนึ่งตัว” เสียวอู่ได้ยินดังนั้น จึงรีบใช้กิ่งไม้ เขียนลงบนพื้นทันทีขีดขวาง ขีดลากซ้าย และจุด...แต่เขายังไม่ค่อยเข้าใจว่า จะได้เป็นตัวอักษรใดในเวลานั้น ตงฟางซื่อก็ใช้กระบี่ ลากออกมาเป็นตัวอักษรหนึ่ง“คือตัว ‘ต้า[4]’”เสียวอู่มองดูแล้ว พลันกระจ่างในทันทีใช่จริงด้วย!“ศิษย์พี่สะใภ้ แล้ววลีที่ว่า ‘มองคนเป็นคน’ล่ะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบเฉยยังไม่ทันรอให้นางเอ่ย ตงฟางซื่อก็เดาได้แล้วเขาถาม: “คือตัว ‘เหว่ย[5]’ ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“ข้าก็เดาว่าเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”“ตัว ‘เหริน’ กับ ‘เหวย[6]’ รวมกัน ก็จะกลายเป็นตัวอักษร ‘เหว่ย’”เสียวอู่ถึงกับนิ่งงัน“ศิษย์พี่สะใภ้ ตัว ‘ต้า’ ข้าพอเข้าใจ แต่ตัว ‘เหว่ย’ ได้มาจากที่ใดกัน? มันดูไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรือ?”ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็ไม่อาจโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อได้เฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งจะขับเข็มพิษออกมา ร่างกายยังคงพักฟื้น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status