Share

บทที่ 3

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ณ ตำหนักฉือหนิง ที่ประทับของไทเฮา

ไทเฮาได้ยินเรื่องที่จวนตระกูลเฟิ่งแล้วก็มีสีพระพักตร์แช่มชื่น กล่าวกับกุ้ยหมัวมัวที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายว่า

“ตอนงานวันเกิดของข้าปีที่แล้ว เคยเห็นเฟิ่งเวยเฉียงผู้นั้น นิสัยนางอ่อนโยนเกินไป เวลานั้นข้าก็รู้สึกว่านางยากจะรั้งตำแหน่งฮองเฮาได้

“เรื่องในวันนี้กลับแปลกใหม่นัก ถึงกับโต้แย้งคนของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ต่อหน้าธารกำนัล

“ข้าต้องมองนางใหม่เสียแล้ว”

กุ้ยหมัวมัวเป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายไทเฮา เข้าใจความซับซ้อนในวังอย่างลึกซึ้ง นางรินน้ำชาร้อนกรุ่นให้ไทเฮา

“แต่ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อหวงกุ้ยเฟย แม้ฮองเฮาจะปราดเปรื่องกล้าหาญเพียงไหนก็ยากจะรับมือท่านที่อยู่ตำหนักหลิงเซียวผู้นั้นได้ คืนนี้ ยากจะรับประกันว่าหวงกุ้ยเฟยจะไม่ก่อเรื่องนะเพคะ”

เห็นได้ชัดว่านางมีความเห็นแตกต่างจากไทเฮา ไม่คิดว่าฮองเฮาจะมีความสามารถถึงเพียงนั้น

รอยยิ้มบนใบหน้าไทเฮาสลายไป

“เจ้าพูดถูก ข้ายังจำได้ว่า วันที่ซิ่วหว่านเข้าวัง เดิมนั้นฝ่าบาทตั้งใจจะไปหานาง ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ผู้นั้นจะเข้ามาขัดขวาง เชิญฝ่าบาทไปหา

“น่าสงสารก็แต่ซิ่วหว่านเด็กคนนั้น แม้แต่อาหญิงอย่างข้าก็ยังช่วยเหลืออะไรนางไม่ได้”

กุ้ยหมัวมัวทอดถอนใจ

“ฝ่าบาทแบ่งแยกรักชังชัดเจน ในวังหลังจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถแย่งชิงความโปรดปรานจากหวงกุ้ยเฟยมาได้ เกรงว่าคืนนี้ฮองเฮาคงต้องเฝ้าห้องหอที่ว่างเปล่าตามลำพังเสียแล้ว”

ไทเฮาก็คิดแบบนี้เช่นกัน

แม้ฮ่องเต้จะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขนาง แต่นางก็เลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่ ย่อมเข้าใจนิสัยของเขาเป็นอย่างดี

ความยึดติดของเขาลึกล้ำเกินไป นำความรู้สึกติดค้างและความรักที่มีต่อหรงเฟยไปมอบให้ตัวแทนอย่างหลิงเยี่ยนเอ๋อร์จนหมดสิ้น

หากมิใช่เพราะยังคำนึงถึงราชโองการสั่งเสียของอดีตฮ่องเต้ เกรงว่าแม้แต่ตำแหน่งฮองเฮาก็คงยกให้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ไปแล้ว!

……

ถึงฤกษ์มงคล เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมชุดเจ้าสาวลายหงส์ปักดิ้นทอง ศีรษะสวมมงกุฎหงส์ฝังมรกต ขบวนแห่สินเดิมยาวสิบลี้ตามมาด้านหลัง เคลื่อนขบวนมาบนเส้นทางที่ปูด้วยแผ่นหยก

สุดปลายทางคือขั้นบันไดหยกขาวสูงชันที่แกะสลักลวดลายมังกรเก้าตัว

องครักษ์ตีกลองดังหนึ่งครั้งทุกสิบก้าว

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองไม่เห็นทางข้างหน้า มีสาวใช้คอยประคองขึ้นบันได

หลังยืนได้มั่งคงแล้วก็เริ่มดำเนินพิธี

ขณะที่คู่บ่าวสาวคารวะกัน สายลมพัดชายผ้าคลุมศีรษะของนางเลิกขึ้นมา นางจึงมองเห็นใบหน้าของฮ่องเต้ทรราชผู้นั้น

รูปงามผิวพรรณขาวผ่อง สีหน้าอ่อนโยน ลักษณะไม่คล้ายมัจจุราชผู้เกรี้ยวกราดในคำเล่าลือ

สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ในใจกลับลอบสงสัย

บุรุษผู้นั้นก็มองนางเช่นกัน แต่เพียงชั่วพริบตาก็เสมองไปทางอื่น เป็นคนที่รักษามารยาทคนหนึ่ง

พิธีอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้กับฮองเฮา ไม่เพียงกราบไหว้ฟ้าดิน แต่ยังต้องเซ่นไหว้บรรพบุรุษ

สองชั่วยามผ่านไป เฟิ่งจิ่วเหยียนยังทนไหว แต่ขาของเหลียนซวงชาไปหมดแล้ว

ครั้นเข้าไปในห้องหอ

รอจนทุกคนถอยออกไปข้างนอก เหลียนซวงก็เอ่ยกับเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างทนไม่ไหว “คุณหนู ฝ่าบาทไม่เหมือนที่บ่าวคิดไว้เลยเจ้าค่ะ ดูแล้วก็ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น!”

นางนึกว่าฮ่องเต้ทรราชจะมีหน้าตาดุร้ายถมึงทึง ตีหน้าเย็นชาตลอดเวลาเสียอีก

สิ้นเสียง หมัวมัวที่ค่อนข้างมีอาวุโสคนหนึ่งก็เดินเข้ามา นางได้ยินคำพูดของเหลียนซวงแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมเย็นชาก็ยิ่งเข้มงวดกว่าเดิม

“ช่างมีตาแต่ไร้แววเสียจริง! คนที่มาวันนี้คือรุ่ยอ๋อง เป็นตัวแทนมาร่วมพิธีแทนฝ่าบาท!”

“อะไรนะ?!” เหลียนซวงพลันพูดไม่ออก

นางได้ยินผิดไปใช่หรือไม่?

พิธีอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้กับฮองเฮายังสามารถให้คนอื่นมาแทนได้ด้วย?

เฟิ่งจิ่วเหยียนก็รู้สึกว่าเหลวไหลเช่นกัน

เหลียนซวงรีบถามหมัวมัวผู้นั้น “เหตุใดจึงให้รุ่ยอ๋องมาร่วมพิธีแทนล่ะเจ้าคะ? ฝ่าบาทเล่า?”

หมัวมัวผู้นั้นวางของในมือเสร็จก็ตอบอย่างไม่มีน้ำอดน้ำทนเท่าใดนัก

“วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของหรงเฟย ฝ่าบาทจึงเสด็จไปเซ่นไหว้”

นางกล่าวจบก็เดินออกไปจากตำหนัก

สมองของเหลียนซวงดัง ‘ตูม’ ประหนึ่งจะระเบิดออกมา

“คุณหนู นี่...ฝ่าบาทเขาทำ ทำเช่นนี้กับท่านได้อย่างไรเจ้าคะ!”

วันครบรอบวันตายมีทุกปี แต่พิธีอภิเษกสมรสเช่นนี้ชั่วชีวิตมีเพียงหนเดียวนะ!

นอกจากนี้ ฮ่องเต้ทำเช่นนี้ ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักไม่มีใครตักเตือนบ้างเลยหรือ?

เทียบกับท่าทางไม่พอใจของเหลียนซวงแล้ว ปฏิกิริยาของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งเป็นพิเศษ

นางไม่สนใจการแย่งชิงความโปรดปราน ที่แต่งเข้าวังหลวง หนึ่งเพราะจำต้องแต่งงานแทนเพื่อปกป้องตระกูลเฟิ่ง สองเพื่อเป็นฮองเฮา แล้วแก้แค้นให้เวยเฉียง

ด้วยเหตุนี้ ฮ่องเต้จะปฏิบัติต่อนางเช่นไรล้วนไร้ความหมายสำหรับนาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนกำชับ “ฝ่าบาทคงไม่มาแล้ว พวกเราพักผ่อนกันเถอะ”

“เจ้าค่ะ”

เหลียนซวงเพิ่งช่วยถอดเครื่องประดับบนศีรษะให้นางเสร็จ ก็มีคนมารายงานว่า

“ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จกลับวังแล้ว ในไม่ช้าก็จะมาหาพระองค์แล้วเพคะ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนมุ่นคิ้ว กวาดสายตามองปิ่นปักผมบนโต๊ะเครื่องแป้ง

หรือต้องปักเข้าไปใหม่?

ฮ่องเต้ทรราชผู้นี้ ในเมื่อไปเซ่นไหว้ผู้ล่วงลับ ไยจึงไม่พักอยู่ข้างนอกเสียเลย?

กลับมาเอาเวลานี้ รีบกลับมาเข้าหอหรืออย่างไร
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (26)
goodnovel comment avatar
Datchanee Nakkayasith
สนุกมากค่ะ
goodnovel comment avatar
Kalookpook Bhornwalai
สนุกเนื่อรื่องมีให้ลุ้นตลอด
goodnovel comment avatar
Kalookpook Bhornwalai
น่าติดตามมาก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1418

    เซียวอวี้เป็นห่วงความปลอดภัยของเฟิ่งจิ่วเหยียน แม้รุ่ยหลินจะขวางม้าไว้ ก็ไม่อาจทำให้เขาสั่นคลอนแม้แต่น้อยเขาใช้ขากระแทกข้างท้องม้า ทำให้ม้ายกกีบเท้าขึ้นและพุ่งออกไปทันทีรุ่ยอ๋องมิได้หลบหลีกแม้แต่น้อยในช่วงเวลาสำคัญ หร่วนฝูอวี้ก็พุ่งเข้ามา และดึงเขาออกไปทว่า ถึงแม้ไม่มีหร่วนฝูอวี้ ม้าที่เซียวอวี้ขี่ก็วิ่งเบี่ยงออกไป เฉียดผ่านตำแหน่งที่รุ่ยอ๋องยืนอยู่เดิมพอสมควรม้าเตะฝุ่นจนฟุ้งกระจายทั่วบริเวณท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของทุกคน เสียวอู่ตาไวมือไว กระโดดขึ้นหลังม้าไปแต่แรก โดยนั่งอยู่ด้านหลังของเซียวอวี้ ทั้งสองคนขี่ม้าตัวเดียวกันเฉินจี๋กับเหล่าองครักษ์เงาก็รีบตามไปอย่างรวดเร็วรุ่ยอ๋องมีสีหน้างงงัน ไม่อาจเรียกสติกลับมาได้เป็นเวลาเนิ่นนานหร่วนฝูอวี้จึงเรียกเขา“รุ่ยหลิน เมื่อครู่ท่านบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว!”เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่า ฮ่องเต้ฉีทรงห่วงใยเฟิ่งจิ่วเหยียนมากเพียงใดรุ่ยอ๋องค่อย ๆ หันมา มองไปที่หร่วนฝูอวี้เขามองใบหน้าที่พุพองของนาง ได้แต่เจ็บปวดใจจึงยกมือขึ้น อยากจะสัมผัสหร่วนฝูอวี้เอียงศีรษะทันที เพื่อหลบมือของเขา“รีบจัดหาที่พักให้พวกมนุษย์โอสถเหล่านั้น ฮองเฮาทร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1417

    ตำแหน่งเดิมที่หยวนตั๋วถูกมัดอยู่ ตอนนี้เหลือเพียงเชือกเท่านั้น รุ่ยอ๋องตำหนิตนเอง “เป็นความผิดของข้าเอง!” เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่โทษใครเลย ตอนนั้นสถานการณ์ซับซ้อน ไม่มีผู้ใดสามารถรับประกันได้ว่าทุกอย่างจะราบรื่น อีกทั้ง ยากที่จะคาดเดาได้ว่า หยวนตั๋วจะถูกช่วยเหลือ นางนั่งยอง ๆ ลงไปเพื่อตรวจสอบร่องรอยรอบด้าน พบรอยเท้าซึ่งไม่ใช่ของรุ่ยอ๋อง และยังมีรอยเท้าของคนอื่นอีกหลายรอย เห็นได้ชัดว่า ทันทีที่เขาจากไป ก็มีกก็มีคนมาช่วยหยวนตั๋ว เมื่อสังเกตจากทิศทางของรอยเท้า พบว่ามุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยเสียงลุ่มลึก “คงจะเป็นชาวแคว้นตงซาน” ตอนนี้ยังไม่สายที่จะตามทัน นางรีบขึ้นหลังม้า กำชับรุ่ยอ๋องก่อนจากไป “คุ้มกันพวกฝ่าบาทกลับไปก่อน!” พลันตวัดแส้ม้าออกไปทันที รุ่ยอ๋องยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น คิ้วขมวดแน่น ให้ฮองเฮาไล่ตามไปเพียงลำพัง จะดีหรือ? อย่างไรก็ตาม เขาย้อนกลับไปก่อนดีกว่า ระหว่างทางเขาได้พบกับหลิวหวาและองครักษ์อื่น ๆ รวมถึงพวกจางฉี่หยาง “ท่านอ๋อง!” หลิวหวาเป็นคนแรกที่แสดงความเคารพ ก่อนหน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1416

    ตงฟางซื่อผลักเซียวอวี้อย่างแรง “ฝ่าบาท พวกเขามาแล้ว!” ดวงตาของเซียวอวี้มองอยู่ข้างบน ครั้นตงฟางซื่อตะโกนเช่นนั้น พลันเลื่อนสายตาลงมา จากนั้นเขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคย เป็นจิ่วเหยียนของเขา ไม่ผิดแน่! แต่นางไม่ควรกลับมาอีก แววตาของเซียวอวี้เผยความยินดีของการได้พบกันอีกครั้ง และความกังวลในความปลอดภัยของนาง สายตาของเขามีเพียงเฟิ่งจิ่วเหยียน จึงไม่เห็นว่ารุ่ยอ๋องก็มาด้วย พวกเขาขี่ม้าเข้ามา “ไป!” เฟิ่งจิ่วเหยียนยกแส้ม้าขึ้น ห้อตะบึงไปหาเซียวอวี้ด้วยความเร็วสูง จากนั้น นางไม่พูดให้มากความ และไม่แม้แต่จะหยุด ก้มตัวลงและยื่นมือออกไปทันที เซียวอวี้ยื่นมือออกไปตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็ถูกเฟิ่งจิ่วเหยียนดึงขึ้นบนหลังม้า นั่งลงอย่างมั่นคงที่ด้านหลังของนาง เวลานั้น เขากอดเอวนางไว้แน่น พลางซุกศีรษะลงที่คอของนาง “ไยจึงกลับมา เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่อันตรายมากเพียงใด...” เฟิ่งจิ่วเหยียนกระตุ้นม้าไปข้างหน้า ด้านหลังเป็นเพลิงไฟพวยพุ่งเหมือนกระแสน้ำหลาก นางไม่มีเวลาเอ่ยกับเซียวอวี้มากนัก “จับให้แน่น!” ในเวลาเดียวกัน รุ่ยอ๋

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1415

    ครั้นหร่วนฝูอวี้นำกู่ราชาเข้าสู่ร่างกายของตนเอง ไม่ว่านางหรือหยวนตั๋ว ต่างก็ทนทรมานอย่างยิ่งยวด ความเจ็บปวดแทรกซึมเข้าสู่ไขกระดูก เหมือนกระดูกทั้งร่างแตกสลายและประกอบขึ้นใหม่ เนื้อหนังคล้ายจะถูกยืดออก มีสิ่งลึกลับนับไม่ถ้วนแทรกผ่านช่องว่างนั้น ทำให้เจ็บปวดจนยากจะทนไหว หร่วนฝูอวี้รู้สึกว่าผิวหนังใกล้จะระเบิดอย่างรวดเร็ว คันมาก และเจ็บแสบเหมือนเข็มทิ่ม นางอดไม่ได้ที่จะเกา พลางร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เฟิ่งจิ่วเหยียนและรุ่ยอ๋องต่างก็รีบรุดไปข้างหน้า หร่วนฝูอวี้กลับงอตัว หันหลังให้พวกเขา และตะโกนอย่างแข็งกร้าว “อย่าเข้ามา!” พวกเขาทั้งสอง ต่างก็เป็นคนที่นางให้ความสำคัญที่สุด นางไม่ต้องการให้พวกเขาเห็นตนเองในสภาพนี้ รุ่ยอ๋องหยุดชะงัก ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก สีหน้าปวดร้าวอย่างยิ่ง ลำคอของเขาเหมือนจะเต็มไปด้วยดินตะกอน ไม่สามารถพูดอะไรได้ ทำได้เพียงมองหร่วนฝูอวี้อย่างหมดหนทาง เฟิ่งจิ่วเหยียนปลดถุงใส่น้ำออกจากเอว รีบรุดไปข้างหน้า เพื่อช่วยบรรเทาอาการคันเจ็บปวดบนผิวหนังของหร่วนฝูอวี้ โดยราดน้ำใส่หน้า และแขนของนาง... ด้วยระย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1414

    ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเผยให้เห็นไอพยาบาทที่ไม่อาจบรรยายได้ ราวกับนางอยู่ในสนามรบ ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา ทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น หยวนตั๋วสูญเสียพละกำลังเพราะฝ่ามือนั้น หร่วนฝูอวี้ตามมาทันที ใช้แส้รัดรอบคอของเขา แล้วดึงกลับมา ใบหน้าของหยวนตั๋วเขียวคล้ำ พยายามเอื้อมมือไปปลดแส้ที่รัดคอออก ทว่าครู่ต่อมา เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตัดมือทั้งสองของเขาออก เลือดพิษสาดกระเซ็นทั่วพื้นทันที มีบางหยดกระเด็นใส่ใบหน้าของนาง แต่นางไม่แสดงอาการใด ๆ แม้แต่กะพริบตาก็ไม่ หร่วนฝูอวี้ตื่นตกใจ “ถอยออกไป! เลือดของเขามีพิษ!” เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ดี ทว่านางไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแล้ว เพราะนางรู้ว่าเลือดของเขามีพิษ จึงไม่ตัดมือเขาระหว่างต่อสู้กันในเมือง ด้วยกลัวว่านางและเซียวอวี้จะสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ แต่ตอนนี้ เซียวอวี้ถูกข่วนเข้าแล้ว นางยังจะต้องกลัวอะไรอีก หยวนตั๋วเจ็บปวดมาก จนพูดไม่ออก หร่วนฝูอวี้รัดคอจนเขาหมดสติ แต่ไม่ได้ฆ่าเขา เพราะหากต้องการล่อกู่ราชาออกมา จะปล่อยให้เขาตายไม่ได้ นางมองเฟิ่งจิ่วเหยียน สตรีทั้งสอง มีแววตาที่เด็ดเดี่ยวเป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1413

    เพลิงโหมเผาไหม้เมือง หยวนตั๋วควบคุมมนุษย์โอสถเหล่านั้นปิดกั้นที่ประตูเมือง ล้อมเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้ไว้ หยวนตั๋วยืนอยู่นอกเมือง เอ่ยอย่างเย็นชา “มนุษย์โอสถไม่กัดพวกท่าน แต่สามารถขวางทางรอดของพวกท่านได้ “หลังจากวันนี้ พวกท่านจงสูญสลายเป็นเถ้าถ่าน ไปพร้อมกับเมืองนี้!” เอ่ยจบเขาก็เดินจากไป ไฟที่อยู่ข้างหลังโหมกระพือรุนแรง เปลี่ยนก้อนเมฆบนฟ้าเป็นสีแดงฉาน ภายในประตูเมือง ฝูงมนุษย์โอสถเสมือนผีร้าย ปิดล้อมเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้เหมือนน้ำป่า ไม่ช้าก็ปิดกั้นทางออกไว้สนิท เซียวอวี้ยังไม่ได้กลายเป็นมนุษย์โอสถ เพียงรู้สึกตัวร้อนผ่าว เขาผลักเฟิ่งจิ่วเหยียนออก “รีบไป!” เขารู้ว่า ลำพังนางคนเดียว จะหนีออกไปได้แน่นอน ทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่อาจทอดทิ้งเขา นางพยายามจะแบกเขาไว้บนหลัง แต่เพลิงแผดเผาเมืองฝานหลู จนกลายเป็นเตาเผา ควันหนาทึบ ทำให้นางมองเห็นไม่ชัดเจน ทันใดนั้น มีคนคว้าจับแขนของนางไว้ “ฝ่าบาทปล่อยเป็นหน้าที่ข้าเอง!” นางจำเสียงนี้ได้ว่า เป็นของตงฟางซื่อ ตอนที่ไฟลุกลาม ตงฟางซื่อก็ตื่น เขาสงสัยว่าไฉนตน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status