Share

บทที่ 6

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เมื่อเหลียนซวงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็รีบเข้าไปในตำหนัก

“ฮองเฮา เกิดอะไรขึ้นเพคะ...”

เหลียนซวงพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงสายหนึ่งดังออกมาจากม่านอักษรมงคล [1] “ไสหัวไป”

เป็นเสียงของบุรุษ!

เหลียนซวงตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว คิดจะตะโกนเรียกคนเข้ามา

ทันใดนั้นขันทีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาขวางนางไว้อย่างรีบร้อน เสียงที่พยายามกดความโกรธเกรี้ยวเอาไว้กล่าวว่า

“ไม่รู้จักเบิกตาดูซะบ้าง! นั่นคือฮ่องเต้!”

เหลียนซวงตกตะลึงจนพูดไม่ออก

ฝ่ะ ฝ่ะ ฝ่า...ฝ่าบาท? ฮ่องเต้ทรราชผู้ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาผู้นั้น?

มืดค่ำถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดอยู่ ๆ พระองค์ถึงเสด็จมาเล่า!!

ภายในม่าน

ฝ่ามือใหญ่ของบุรุษกดไหล่ข้างหนึ่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งจับข้อมือข้างที่นางถือกริช โน้มร่างอยู่เหนือนาง ราวกับสิงโตที่กำลังโถมเข้าหาเหยื่อ

เดิมเฟิ่งจิ่วเหยียนสามารถลองสลัดให้หลุดได้ แต่เมื่อรู้สถานะของอีกฝ่ายนางจึงไม่ได้ลงมือ

ในความมืดมิด นางไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัด

แต่รังสีฆ่าฟันบนร่างของเขาเข้มข้นยิ่ง

“ฮองเฮา ไม่อธิบายซักหน่อยหรือ?”

น้ำเสียงทุ้มอันราบเรียบของบุรุษทำให้คนรู้สึกกลัวเกรง

หากเป็นสตรีทั่วไปคงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พูดไม่เป็นคำไปนานแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหยียนหายใจอย่างสงบนิ่งไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

“หม่อมฉันพกกริชติดตัวเพื่อปกป้องตนเอง มิได้เจตนาทำให้พระองค์ตกพระทัยเพคะ ”

เดิมทีนางก็ไม่ใช่สตรีที่สุภาพอ่อนโยนเช่นน้องสาว เฟิ่งเวยเฉียง น้ำเสียงนางไม่ได้อ่อนหวานเลยสักนิด แต่กลับราบเรียบราวกับเส้นตรงเส้นหนึ่ง

ฟังดูแล้วไม่เหมือนพูดกับพระสวามีของตน กลับเหมือนพูดกับคนแปลกหน้าที่ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อยเสียมากกว่า

ครั้นแล้วก็ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเย็น ๆ ของบุรุษ

จากนั้นเขาก็แย่งกริชของนางไปแล้วลุกขึ้นนั่ง

ภายในตำหนักไม่ได้จุดโคมไฟ มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาเล็กน้อย แลดูมืดสลัว

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเห็นร่างบุรุษนั่งอยู่ที่ขอบเตียงอย่างเลือนราง เสื้อคลุมตัวนอกคลายออก ดูดิบเถื่อนอยู่หลายส่วน

ดูเหมือนเขาจะกำลังตรวจดูกริชเล่มนั้นอยู่

ภายในม่านเงียบสงัด

เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ลุกขึ้นมานั่งตาม รักษาระยะห่างจากเขา ศัตรูไม่เคลื่อนข้าก็ไม่ขยับ

ทันใดนั้นเขาก็หันมาด้านข้าง กุมกริชจี้ใบมีดไว้ใต้ลำคอของนาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ยังไม่เคลื่อนไหว อีกทั้งยังไม่หลบเลี่ยง

“คนประเภทที่เราฆ่าไปมากที่สุด ก็คือพวกคนอวดฉลาด”

เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบ “ฝ่าบาทคือฮ่องเต้ คนที่ฝ่าบาทฆ่า ล้วนเป็นพวกสมควรตาย”

“ฮ่า ๆ ...” เพิ่งจะสิ้นเสียงตอบ เขาก็พลันหัวเราะออกมาอย่างอหังการ ทำให้ผู้ที่ได้ยินหวั่นเกรงจนตัวสั่นระริก

เขาพลันเบี่ยงกาย กุมคอเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยมือข้างเดียว แล้วดันนางให้ชิดกับผนังเตียงด้านใน

กักตัวนางไว้ บังคับให้นางตอบ

“เช่นนั้น ฮองเฮา เจ้าสมควรถูกฆ่าหรือไม่?”

เขาตั้งใจพูดช้า ๆ ทีละคำ ราวกับกำลังลงโทษประหารด้วยมีดทื่อ ๆ เพื่อทรมานนักโทษ

เฟิ่งจิ่วเหยียนสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของเขา แม้ไม่ถึงขั้นที่ทำให้หายใจไม่ออก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้นางรู้สึกทรมานได้แล้ว

“ชีวิตหม่อมฉันอยู่ในมือของฝ่าบาท หาใช่หม่อมฉันตัดสินได้ไม่เพคะ”

“เราบอกให้เจ้าพูด!” ใบหน้าของเขาเผยความดุร้ายโหดเหี้ยม แผ่ไอเย็นยะเยือกออกมารอบกายนำให้คนตัวสั่นเทา

“หากให้หม่อมฉันพูดเอง เช่นนั้นก็ไม่ควรฆ่าเพคะ”

คำตอบนี้ของเฟิ่งจิ่วเหยียนช่างตรงไปตรงมานัก

“ไม่ควรรึ?” ดวงตาของเขาเย็นเยือกและมืดมิด “เรากลับได้ยินมาว่า ก่อนพิธีอภิเษกสมรส ฮองเฮาของเราถูกโจรชั่วลักพาตัวไป ร่างกายไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว”

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ตระหนกตกใจแม้แต่น้อย

“เรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาอาจไม่เป็นจริง หม่อมฉันยังบริสุทธิ์หรือไม่ เพียงฮ่องเต้ตรวจสอบก็ย่อมทราบได้”

“ดี เช่นนั้นก็ตรวจสอบดูซักหน่อย”

เมื่อสิ้นเสียง นางก็ถูกจับแยกพลิกให้หงายร่างลงบนเตียง

เรี่ยวแรงของฮ่องเต้ทรราชมากยิ่งนัก

ยังดีที่เป็นนาง

หากเปลี่ยนเป็นเวยเฉียง เกรงว่าจะได้รับบาดเจ็บแล้ว

ทันใดนั้นเองก็มีวัตถุแข็ง ๆ ดุนอยู่ใต้ส่วนท้องของนาง

ที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าคือชายผู้นี้จับมือของนางให้กุมมันเอาไว้ด้วยตัวเอง

สิ่งนั้น....ด้ามกริชที่เย็นเฉียบราวน้ำแข็ง

เขากระซิบด้วยเสียงต่ำปานปีศาจร้ายอยู่ข้างหูของนาง

“เราไม่ชอบความสกปรก ฮองเฮา เจ้าลงมือเองเถิด”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกรุ่นโกรธยิ่ง

ที่แท้เจ้าทรราชก็ไร้มนุษยธรรมถึงเพียงนี้!

นางรู้สึกปิติยินดีอีกครั้งที่เวยเฉียงไม่ต้องมาประสบพบเจอเรื่องเหล่านี้

นางกุมกริชนั้นเอาไว้ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย แต่การสั่นนี้ล้วนมาจากความโกรธ

“ฮองเฮา หากเจ้ายังไม่ลงมืออีก เราไม่ถือสาที่จะเรียกคนมาช่วยเจ้า” เสียงของทรราชดังขึ้น ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเลยแม้แต่น้อย

เฟิ่งจิ่วเหยียนตัดสินใจคลายสายรัดเอวของตนอย่างเด็ดขาด...

----------------------------------------------

[1] เป็นผ้าม่านคลุมเตียงสำหรับคืนเข้าหอโดยจะปักอักษรคำว่า'มงคล'เอาไว้เพื่ออวยพรให้คู่บ่าวสาว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (5)
goodnovel comment avatar
Joom
This novel is unpredictable.
goodnovel comment avatar
Atitan Srikul
น่าติดตามมาก
goodnovel comment avatar
Chin
พระเอกร้ายมาก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 7

    คืนนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่านางต้องถูกเอาเปรียบซักครั้ง เฟิ่งจิ่วเหยียนคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วที่จริงเมื่อเทียบกับโดนฮ่องเต้ทรราชนี่พรากคืนแรกไป ให้ทำเองยังนับว่าดีกว่ามากนักอย่างน้อยก็ไม่ต้องทนถูกคนกดไว้ข้างล่างเฟิ่งจิ่วเหยียนฉีกผ้าจากชายกระโปรงออกมาชิ้นหนึ่ง นำมาปูรองไว้เป็นผ้าพรหมจรรย์[1]หลังจากนั้นก็ใช้มือหนึ่งถลกกระโปรงขึ้นมา อีกข้างพลิกมือจับกริชนั้นถึงแม้นางตัดสินใจแล้วว่าจะทำ แต่ร่างกายยังคงต่อต้านโดยสัญชาตญาณนางปลอบใจตัวเอง คิดเสียว่าโดนแทงหนึ่งทีแล้วกันตั้งแต่เล็กจนโตนางบาดเจ็บมาน้อยหรือไร?จากนั้นนางก็เริ่มออกแรง...เพียงชั่วพริบตานั้นเองพละกำลังสายหนึ่งพุ่งเข้ามาจับข้อมือนางเอาไว้แน่นเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเซียวอวี้แย่งกริชในมือนางไปอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก“ช่างเป็นสตรีที่โง่เสียจริง”เคร้ง!กริชถูกโยนออกไปนอกม่านเตียงอักษรมงคล“เจ้าจะบริสุทธิ์หรือไม่ เราไม่แยแสแม้แต่น้อย”“ในเมื่อเจ้ากล้าแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเป็นฮองเฮาให้ได้ เช่นนั้นก็อย่าแกล้งโง่ไปเลย”“ดังเช่นที่เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าเราอยู่ที่ตำหนักห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 8

    เฟิ่งจิ่วเหยียนดูไม่เหมือนพระมเหสีที่ถูกพระสวามีทอดทิ้งอย่างเย็นชาแม้แต่น้อย นางสวมชุดอย่างฮองเฮา แลดูสูงศักดิ์ดั่งพญาหงส์ที่เดินดินนัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง ม่านตาสีอ่อนเผยให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่มิอาจเอื้อมราวกับหยกผิวพรรณของนางหาได้ซีดขาวอมโรคเหมือนดังที่สตรีในเมืองหลวงนิยมกันไม่ แต่เป็นผิวที่อิ่มเอิบและเปล่งปลั่งดังกลีบกุหลาบรูปลักษณ์งดงามแฝงด้วยความสูงศักดิ์น่าเกรงขาม งามล้ำดั่งเทพธิดาในวังจันทราเหล่าผู้คนในวังหลังล้วนคุ้นเคยกับการเห็นสนมนางในที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหรงเฟยดี พอวันนี้ได้พบกับความงามพิลาสล้ำของฮองเฮาก็ตาลุกวาวราวกับจะเปล่งแสงได้ไม่เสียทีที่เป็นหญิงงามผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง รูปโฉมงดงามล่มเมืองเช่นนี้ หาใช่ปุถุชนคนธรรมดาจะเทียบเคียงได้ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าสู่ยุทธภพเพียงลำพัง นางก็ใช้ชีวิตแปลงโฉมหน้ามาโดยตลอดสำหรับนางแล้วหน้าตาที่งดงามคือภาระ โดยเฉพาะในค่ายทหารอาจารย์หญิงมักบอกว่าใบหน้างามนี้ของนางช่างเสียเปล่ายิ่งนัก วัน ๆ ล้วนแต่ถูกนางใช้อย่างส่งเดชเหลียนซวงที่เดินติดตามอยู่ด้านหลังฮองเฮาก็พลันรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วยเมื่อเดินจนถึง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 9

    รุ่ยอ๋องไม่อาจทำใจได้จึงเอ่ยปากโน้มน้าว“ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ออกจะโหดร้ายต่อฮองเฮาไปซักหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”ทว่าเซียวอวี้กลับสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงภาพแผ่นหลังอันน่าเกรงขามที่ยากจะต่อกรได้สายลมพัดโชยโบกสะบัดเสื้อของบุรุษผู้นี้ เขาย่างก้าวเดินลงบันได สายตาทอดมองไปไกลโพ้น กวาดตามองทัศนียภาพของอุทยานหลวงและสนามม้าหลวงไว้ในสายตา รวมทั้งภาพของสตรีที่ขี่ม้าอยู่เมื่อครู่นี้ด้วยภาพเงาร่างของหญิงสาวที่ขี่ม้าในความทรงจำ ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้......เพราะได้รับความตื่นตระหนก ไทเฮาจึงเสด็จกลับตำหนักฉือหนิงก่อนเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็กลับตำหนักหย่งเหอของตนตามกฎระเบียบแล้วฮองเฮายังต้องรับการคารวะจากเหล่าสนมนางในแต่สนมนางในที่มาถึงก่อนแล้วกลับมีเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่หากไม่อ้างว่าป่วย ก็อ้างว่ายุ่งกับภารกิจในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ไม่มีใจจะมานั่งเสแสร้งรับหน้าพวกนาง จึงส่งพวกนางไม่กี่คนที่มาให้กลับไปเสียผ่านไปไม่นานก็มีคนมาถ่ายทอดคำพูดของฮ่องเต้“ฮองเฮา ฝ่าบาทได้ทรงทราบถึงคุณงามความดีที่เมื่อเช้าพระองค์ได้ทรงช่วยไทเฮาเอาไว้แล้ว ทรงพระราชทานหยกสมปรารถนาให้คู่หนึ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 10

    ดูเหมือนว่ารุ่ยอ๋องจะเพิ่งออกมาจากตำหนักฉือหนิง เขาก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน“น้องชายขอคารวะพี่สะใภ้”การที่เขาเรียกนางเป็นพี่สะใภ้ไม่ใช่ฮองเฮา แสดงให้เห็นว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้เหลียนซวงที่ชำเลืองมองรุ่ยอ๋องตกอยู่ในภวังค์รุ่ยอ๋องช่างรูปงามเสียจริง! หน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกมารยาทงามสง่า ลักษณะเช่นนี้ดีกว่าฮ่องเต้ทรราชที่เอาแต่ฆ่าคนตั้งมากหากผู้ที่คุณหนูแต่งด้วยคือ...เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เหลียนซวงก็รีบหยุดความคิดที่ไร้สาระนี้ทันทีกฎระเบียบในวังเคร่งครัดยิ่งนัก ไม่อาจเทียบกับในค่ายทหารที่สามารถพูดคุยกับบุรุษอย่างไรก็ได้เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะจากไป รุ่ยอ๋องพลันเอ่ยปากแสดงความเป็นห่วงออกมา“การประหารเมื่อวานนี้พี่สะใภ้ได้รับความตระหนกหรือไม่? ”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่จดจ่ออยู่กับความคิดตอบกลับอย่างกลัวพิกุลจะร่วงว่า “ไม่”“เมื่อวานยามที่พี่สะใภ้ปราบพยศม้าตัวนั้น ข้าบังเอิญเห็นเข้าพอดี ท่านฝีมือดียิ่ง ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดสตรีที่มีทักษะการขี่ม้า พี่สะใภ้เริ่มต้นจากเรื่องนี้ดู บางทีอาจจะได้รับความโปรดปราน”น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องอ่อนโยนนุ่มนวลราวก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 11

    น้ำกระเซ็นตามจังหวะคนที่ถูกยกขึ้น จนเกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมไหวเฟิ่งจิ่วเหยียนใช้มือทั้งสองข้างปิดร่างกายส่วนหน้าไว้ทันทีทว่าด้านหลังของนาง กลับเปิดเปลือยไปทั้งกายร่างกายไม่ได้อ้อนแอ้นเกินเหตุ สายตาของเซียวอวี้ทอดมองไปยังบริเวณบั้นเอวของเฟิ่งจิ่วเหยียนบั้นเอวของนางไม่มีรอยช้ำใด ๆ จากฝ่ามือซ้ำยังเกลี้ยงเกลา และแน่นกระชับคิ้วคมของเซียวอวี้มุ่นเข้าหากัน ม่านตาทอแววเยือกเย็นไม่เลือนหายฝ่ามือของเฟิ่งจิ่วเหยียนร้อนผ่าว บริเวณหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มเมื่อครู่เพราะความฉุกละหุก นางจึงใช้ลมปราณสลายเลือดคลั่งแต่เนื่องจากเป็นระยะเวลาสั้น ๆ จึงเสียพลังภายในไปไม่น้อยในตอนนี้นางจึงอ่อนแรงแต่ฮองเต้ทรราชไม่ล้มเลิกความสงสัยที่มีง่าย ๆวินาทีต่อมา เขาก็รวบเอวของนางด้วยฝ่ามืออันใหญ่ นิ้วโป้งทาบลงตรงบั้นเอวของนาง แล้วออกแรงกด...“อื้อ!” เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกเจ็บแปล๊บถึงขั้วกระดูก จึงส่งเสียงอื้ออึงในลำคอออกมาอย่างอดไม่ได้ต่อมานางก็ไม่กล้าแสดงอาการอะไรออกมา เพียงอดกลั้นไว้ชายหนุ่มด้านหลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ“บาดเจ็บที่เอวหรือ?” นางส่ายหน้า “เปล่า เหตุใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 12

    ณ ห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้กำลังตรวจตราราชสารอยู่พลันหยุดชะงัก นัยน์ตาทอแววเยือกเย็น“นางอยากได้ตราประทับทอง?”ขันทีผู้มากราบทูลพลันสะอึก“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท พระนางเสด็จมาขอเข้าเฝ้าอยู่นอกตำหนัก เพื่อตราประทับทอง”แต่ว่าตราประทับทองอยู่กับหวงกุ้ยเฟยเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าฮองเฮาตั้งใจจะหาเรื่องหรอกหรือ!เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาตามหน้าผากของขันที เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกฝ่าบาทบันดาลโทสะใส่บนม่านกั้นหลังบัลลังก์มังกร สะท้อนเกิดเป็นร่างเงาใบหน้าของเซียวอวี้เลือนราง ดวงตาคู่เรียวยาวดุจเหยี่ยว ทอแววคมกริบอันตราย“ไปบอกนาง หากยังไม่เจียมตัวเช่นนี้ต่อไป เราจะปลดนางลงจากฮองเฮาเสีย”“บ่าวน้อมรับคำบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”……บริเวณนอกห้องทรงพระอักษรสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียบนิ่ง  ไม่โกรธไม่ยินดี ราวกับละทางโลกไปแล้วยามที่ขันทีตรงหน้าบอกกล่าวคำตรัสของฮ่องเต้เสร็จ จึงโน้มน้าวนางเสริม “ฮองเฮา เชิญท่านกลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ“หวงกุ้ยเฟยเป็นผู้ใช้ตราประทับทองมาโดยตลอด ฝ่าบาทมิอาจยึดคืนกลับมาจากนางได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ“นอกเสียจากว่าหวงกุ้ยเฟยไม่ต้องการมันแล้ว”เหลียนซวงได้ยินถ้อยคำนี้ พลันโมโหโทโสแ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 13

    ณ ตำหนักหลิงเซียว หวงกุ้ยเฟยกำลังเจ็บปวดทรมาณเพราะอาการปวดหัวภายในตำหนัก หมอหลวงกำลังฝังเข็มคลายอาการให้นางบนเก้าอี้พระที่นั่งทำจากไม้จันทร์แดงนอกตำหนัก มีจักรพรรดิผู้ทรงอำนาจ นั่งขมวดคิ้วอยู่บนนั้น“คนที่ส่งไปตำหนักหย่งเหอล่ะ!”สิ้นคำพูดเพียงเสี้ยววิ  ข้าหลวงผู้นั้นก็พรวดพราดเข้ามาอย่างลุ้มลุกคลุกคลาน“ฝ่าบาท! ฮองเฮาทรงตรัสว่า ยานั้นเหลืออยู่ไม่มาก ไม่สามารถให้ได้…”ดวงตาของเซียวอวี้ทอแววคมกริบ ราวใบมีด ให้ความรู้สึกเหมือนความตายมารออยู่ข้างหลัง“ไปเรียกฮองเฮามา!”เมื่อจักรพรรดิพิโรธ ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าชักช้าไม่นานหลังจากนั้น ข้าหลวงและขันทีที่ถูกส่งไปครั้งที่สองก็กลับมาขันทีคุกเข้าบนพื้นทูลรายงานอย่างกระอึกกระอัก“ฝ่าบาท พระนาง…ทรงพักผ่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพล้ง!เซียวอวี้สะบัดชายเสื้อ ปัดแก้วชาบนโต๊ะแตกกระจายเขาผุดตัวลุกขึ้น กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น“เตรียมขบวนรถม้าไปที่ตำหนักหย่งเหอ”ส่วนด้านในตำหนัก หวงกุ้ยเฟยเจ็บปวดแทบเป็นแทบตาย พร่ำร้องเรียกหา “ฝ่าบาท” ไม่หยุดก่อนที่ฮ่องเต้จะเสด็จก็กลับเข้ามาในตำหนัก แล้วปลอบโยนนาง“สนมรักอดทนไว้นะ เราจะกลับมาในอีกไม่ช้า”ฮ่อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 14

    ณ ตำหนักฉือหนิงไทเฮาดูใจดีมีเมตตา  ทว่าทุกคำที่เอื้อนเอ่ยออกมากลับมีแบบแผนเป็นขั้นเป็นตอน“ฮองเฮา ตอนนี้เจ้าถือครองตราประทับทองอยู่ในมือ ไม่ว่าจะจัดการเรื่องอันใดในวังหลัง ก็คงสะดวกยิ่งขึ้น“อาทิเช่นรายชื่อของนางสนมอุ่นเตียง คงถึงเวลาจัดการให้เป็นระบบระเบียบแล้ว“กลุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เหล่านางสนมที่เข้าวังมาเนิ่นนานแล้วคงมิอาจรีรอได้อีกต่อไป“โดยเฉพาะ ‘คนเก่า ๆ’ เฉกเช่นเสียนเฟยและหนิงเฟย อย่าได้ปล่อยให้พวกนางเหน็บหนาวหัวใจเชียว“หากเจ้าทำให้ฝ่าบาทมอบความเมตตาแก่ทุกคนอย่างทั่วถึง นางสนมเหล่านั้นจักเคารพเจ้าเป็นแน่ และจะเชื่อฟังเจ้าแต่เพียงผู้เดียว“เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จะสามารถควบคุมวังหลังได้ง่ายกว่าเดิม…”เฟิ่งจิ่วเหยียนผงกหัวตอบรับ“เสด็จแม่พูดถูกเพคะ“คราที่หม่อมฉันยังอยู่ในจวน ก็ได้ฟังท่านแม่พร่ำสอนอยู่บ่อยครั้ง หากภายในเรือนสงบสุข ประมุขย่อมจัดการเรื่องภายนอกได้อย่างสบายใจ นี่คือหลักการเป็นภรรยา”ไทเฮาพยักหน้าอย่างปลื้มใจ“ในเมื่อฮองเฮาทราบถึงหลักการนี้ ข้าก็สบายใจ”เมื่อออกมาจากตำหนักฉือหนิง เหลียนซวงก็รีบกล่าวเตือนเฟิ่งจิ่วเหยียน“พระนาง ไทเฮ

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1226

    เหล่าองครักษ์ลับตามมาช่วยได้ทัน ล้อมเซียวอวี้ไว้ในพื้นที่ที่ปลอดภัย“คุ้มกันฝ่าบาทกลับไปก่อน!”พวกเขามีเพียงไม่กี่คน ไม่สามารถจัดการกับคนเป่ยเยี่ยนเหล่านี้ได้ขณะนี้เอง หยิ่นเอ้อร์ที่จับองค์หญิงเซี่ยนอี๋เป็นตัวประกันไว้ก็กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น “บอกให้พวกเขาหยุดซะ”องค์หญิงเซี่ยนอี๋ไม่รู้ว่าคนผู้นี้คือใคร ทว่านางมั่นใจ ต้องเป็นคนของแคว้นหนานฉี ที่มาช่วยฮ่องเต้ฉีเป็นแน่นางกัดริมฝีปาก“พวกเจ้าจะจับข้าไปก็ไร้ประโยชน์! การสังหารเขา คือคำสั่งของเสด็จพ่อข้า!”นางพูดความจริงแววตาของหยิ่นเอ้อร์พลันเย็นชาจากนั้น เขาก็ลากองค์หญิงเซี่ยนอี๋มาที่ลานกว้าง ให้นางปรากฏตัวท่ามกลางอันตรายเหล่ามือธนูเห็นเช่นนั้น จึงลังเลหากยิงองค์หญิงตาย โทษของพวกเขาก็คงหนักทว่าขณะนี้เอง หัวหน้ามือธนูก็ส่งเสียงอย่างเด็ดขาด“ยิงต่อไป! ห้ามหยุด!”เขามองไปยังองค์หญิงเซี่ยนอี๋ด้วยแววตาไร้ความรู้สึกองค์หญิงแล้วอย่างไร ต่อให้เป็นองค์ชาย ก็ไม่สามารถมาขัดขวางการจับตัวฮ่องเต้ฉีไปได้ยิ่งไปกว่านั้น เพราะคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ ก็ทำให้ฝ่าบาททรงฆ่าองครักษ์ไปหลายคนแล้วในเมื่อคิดว่าชีวิตของพ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1225

    เมื่อเห็นองครักษ์ถูกหักคอตายต่อหน้า องค์หญิงเซี่ยนอี๋ก็ตกตะลึงพอได้ยินอีกว่าพิษของผงสลายเส้นเอ็นถูกถอนแล้ว นางยิ่งทำอะไรไม่ถูกต่างกล่าวกันว่าฮ่องเต้หนานฉีพระองค์นี้ได้ทั้งบุ๋นและบู๊ ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ก็ได้นำทัพด้วยตนเอง ในการศึกครั้งเดียวได้ตัดศีรษะของแม่ทัพฝ่ายศัตรูไปนับไม่ถ้วนครั้งนี้ที่แคว้นเป่ยเยี่ยนสามารถจับเขามาได้เพราะใช้วิธีการต่ำช้า อาศัยตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง ทำให้เขาถูกพิษผงสลายเส้นเอ็นตั้งแต่แรกทว่ายามนี้ฮ่องเต้หนานฉีฟื้นพลังภายในกลับมาได้แล้ว เช่นนั้นย่อมส่งผลเสียต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก!องค์หญิงเซี่ยนอี๋ถอยหลังตามสัญชาตญาณ แล้วให้องครักษ์เข้าไปจัดการ“จับเขา! ต้องจับเขาให้ได้...ไม่สิ ปิดประตูห้องลับ! ปิดประตู!”นางลนลาน พยายามวิ่งไปทางกลไกองครักษ์บางคนเองก็นึกถึงจุดนี้ได้เช่นกัน แต่ทว่าพวกเขาก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งเซียวอวี้โจมตีองครักษ์หลายคนจนล้มลงไปแล้วออกมาจากห้องลับกลับเป็นองครักษ์พวกนั้นที่ถูกขังอยู่ในห้องลับองครักษ์ด้านนอกเห็นแนวโน้มไม่ดี จึงกางค่ายกลแหฟ้าข่ายดินไว้หลายชั้นนานแล้วไม่กี่อึดใจ เหล่าองครักษ์ก็ล้อมจากด้านนอกเข้ามาด้านใน แม้แต่บนขื่อก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1224

    พู่หยกที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมอบให้เซียวอวี้ นางจำมันได้ทว่าไม่ใช่ชิ้นตรงหน้านี้ทว่าสร้อยเงินที่ผูกไว้นั้นกลับคุ้นตานักนี่ก็เป็นเพราะสร้อยเงินเส้นนั้น หยิ่นลิ่วถึงได้มั่นใจ ว่านี่คือพู่หยกของฝ่าบาทเฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบมันมาวางไว้บนมือ แล้วมองดูอย่างละเอียดพู่หยกชิ้นนั้นที่นางให้ ด้านบนไม่ได้สลักอะไรไว้มากนัก เป็นเพียงหยกที่ถูกขัดเงาอย่างประณีต สะอาดสะอ้านเท่านั้น ทว่าชิ้นที่ในมือนี้ ด้านบนมีร่องรอยแกะสลักที่หยาบอย่างยิ่งนี่ไม่ใช่ผลงานของช่างฝีมือแน่นอน กลับเหมือนชิ้นงานฝึกของผู้ที่เพิ่งเริ่มเรียนมากกว่าอีกทั้งรอยแกะสลักยังใหม่มากด้วยหลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนดูแล้วนางก็แน่ใจ“เป็นการแกะสลักด้วยกริช“กริชเป็นมีดที่มีรูปร่างเล็กชนิดหนึ่ง ส่วนปลายคมมากพอที่จะแกะสลักหยกได้ ทว่าส่วนปลายของมันสั้น กว้างไม่มากพอ เปลืองเวลาอย่างยิ่ง ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของการแกะสลักหยกชิ้นใหญ่“มีบางคนที่ใช้กริชแกะสลักอย่างประณีตได้ ทว่ากริชไม่เหมาะ...”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองภาพที่ถูกแกะสลักไว้ นางค่อย ๆ คลายคิ้วที่ขมวดทันใดนั้นนางก็วางพู่หยกลงด้วยแววตาคม แล้วลุกขึ้นสั่งทุกคน“ไปตรวจสอบจวนองค์หญิงทั้งหมด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1223

    จวนองค์หญิงเซี่ยนอี๋เซียวอวี้ต้องการยาถอนพิษผงสลายเส้นเอ็น ทว่าของสิ่งนี้ทำได้เพียงอาศัยคนอื่นตัวเขาอยู่ในคุก ไม่อาจหามาได้โชคดีที่สาวใช้นามอาจือนั่นไม่โง่ นางเอายาถอนพิษมาได้จริง ๆ“ฮ่องเต้หนานฉี บ่าวไม่รู้ว่ายาถอนพิษนี้ได้ผลจริงหรือไม่ ท่านลองใช้ดูก่อนดีหรือไม่? หากใช้ไม่ได้ บ่าวจะไปหามาให้ท่านใหม่เพคะ”อาจือมุ่งมั่นอยากจะปีนป่ายขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงส่ง จะได้เป็นคนที่เหนือกว่าผู้อื่นเพื่อที่จะได้ยาถอนพิษนี้มา นางใช้เงินที่ใช้เวลาสะสมมาเป็นเวลาหลายปีนั่นเป็นเงินที่นางค่อย ๆ สะสมทีละเล็กละน้อย เพื่อเตรียมไว้เป็นสินเจ้าสาวในอนาคตเซียวอวี้เปิดกล่องยาแล้วใช้เข็มเงินตรวจพิษดูก่อนอย่างระมัดระวัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหา เขาค่อยกินยาลงไปจากนั้นเขาก็ตั้งใจเข้าณาณ ปรับกำลังภายในเดิมอาจือยังอยากจะถามเขาว่ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง ทว่าเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้นางจึงได้แต่ถอยออกไป จะได้ไม่รบกวนเขาระหว่างเดินกลับตำหนักบรรทมขององค์หญิง อาจือก็คิดไปต่าง ๆ นานานางคาดหวังการมาถึงของฮองเฮาแคว้นหนานฉียิ่งกว่าใครได้ยินว่าสตรีนางนี้เก่งกาจมาก สามารถเล่นงานกองทัพเป่ยเยี่ยนให้อยู่ในกำมือได้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1222

    ครั้งนี้ องค์ชายสี่รู้สึกผิดหวังถึงขีดสุด ยังมีความโกรธแค้นที่ล้นพ้น ล้วนพุ่งเป้าไปยังเสด็จพ่อของเขา “ตาเฒ่าไม่รู้จักตาย!ทหารสามพันนายก็นับว่าน้อยอยู่แล้ว ล้วนยังเป็นพวกคนแก่เฒ่าเจ็บป่วยพิการ!เห็นได้ชัดว่ากำลังเย้ยหยันเขา! องค์ชายสี่โกรธจนแทบหายใจไม่ทัน มือเกาะขอบโต๊ะไว้ กำหมัดแน่น แทบอยากจะบุกเข้าวังเดี๋ยวนี้เลย เฟิ่งจิ่วเยียนล่วงรู้เรื่องนี้ในไม่ช้า องค์ชายสี่เชิญนางมาที่จวน เพื่อขอคำปรึกษา“ทหารสามพันนายนั่น ข้าดูมาแล้ว ล้วนไร้ประโยชน์ พึ่งพาพวกเขา...ไปกระทำการนั้น เห็นทีจะมิได้ “ไม่แน่เสด็จพ่อไม่วางใจในตัวข้า จึงป้องกันข้าไว้?”องค์ชายสี่รำพึงรำพันอยู่มากมาย ก็ถูก ยามคนตกอยู่ในห้วงแห่งความหวาดกลัวและร้อนรน ย่อมมิอาจอดกลั้นต่อการพร่ำวาจา เพื่อระบายอารมณ์ตนเองให้ผ่อนคลายลง เขาพูดจบก็ดื่มน้ำชาไปหลายคำ เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก ตรงข้ามกับเฟิ่งจิ่วเยียน นางนิ่งสงบ ราวกับฟ้าพังทลายก็หาใช่เรื่องใหญ่อะไรท่วงท่ามั่นใจของนาง ทำให้องค์ชายสี่มีความหวังขึ้นมาเขาวางถ้วยน้ำชา แล้วโน้มกายถาม “มีแผนการอันใดหรือไม่ ที่จักให้เสด็จพ่อให้กำลังพลเพิ่มขึ้น?”เฟิ่งจิ่วเยียนกลับ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1221

    ดูภายนอก เฟิ่งจิ่วเหยียนเหมือนมาเพียงลำพัง ความจริง ทั้งภายในภายนอกจวนองค์ชายสี่ ถูกเหล่าองครักษ์ลับล้อมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เห็นฮองเฮาออกมาอย่างปลอดภัย เหล่าองครักษ์ลับค่อยวางใจลงครั้นกลับถึงโรงพักแรม อู๋ไป๋ก็เร่งร้อนเอ่ยถาม “นายท่าน องค์ชายสี่บอกหรือไม่ ยามนี้ฝ่าบาทถูกคุมขังอยู่ที่ใด?”เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องมองแผนที่ในมือ สีหน้าสงบเยือกเย็น “ไม่มีตำแหน่งที่ชัดเจน” นางก็หาได้ถาม ต่อให้ถาม อีกฝ่ายก็มิอาจตอบตามสัตย์จริง เว้นเสียแต่ องค์ชายสี่จะโง่เขลาจริง ๆหลังจากนั้นนางก็พูดต่อ “ทว่ามั่นใจได้ ฝ่าบาทอยู่ในเมืองหลวง ไม่มีอันตรายถึงชีวิต”หยิ่นลิ่วปรากฏตัวอย่างกะทันหัน เอ่ยถามอย่างร้อนรน “ยามนี้ไม่มีอันตราย ทว่าผ่านไปหลายวันล่ะ? ฮองเฮา ต้องรีบสืบหาตำแหน่งที่อยู่ของฝ่าบาทให้ได้โดยไว…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองเขา “องค์ชายสี่เป่ยเยี่ยนต้องการพระราชบัลลังก์ ก็จำต้องรักษาชีวิตฝ่าบาทไว้ให้มั่น“จากนี้ไปพวกเราแบ่งทหารออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งออกตามหาฝ่าบาทในเมืองหลวงต่อไป อีกส่วนหนึ่งช่วยองค์ชายสี่ยึดอำนาจก่อการกบฏ”“ก่อกบฏ?” หยิ่นลิ่วกับอู๋ไป๋มองตากันเรื่องนี้เป็นเรื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1220

    เดิมองค์ชายสี่ยึดถือหลักทำดียิ่งมากยิ่งดี จึงให้เฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ต่อ พลางฟังนางก่อน นางมีแผนการที่ดีอันใดเฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งลง พูดอย่างคล่องแคล่ว“ยามนี้องค์ชายเจ็ดยกทัพบุกแคว้นหนานฉี กองทัพพร้อมเพรียงมิใช่น้อย”ได้ยินนางพูดถึงองค์ชายเจ็ด องค์ชายสี่รีบพูดขัด“ศึกครั้งนี้มีอันเกี่ยวพันเป็นเรื่องใหญ่ เสด็จพ่อตรัสชัดเจน หากผู้ใดคิดส่อเจตนาไม่ซื่อ พึงตายสถานเดียว”เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายศีรษะ“ข้าหาได้มีใจคิดร้ายไม่”“ที่ข้าอยากพูดก็คือ เหล่าทัพหลักล้วนมุ่งมั่นหมายทำศึกตัดสินแพ้ชนะ จึงเป็นอันว่า แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง เป่ยเยี่ยนทอดทิ้งอย่างสิ้นเชิง ไม่มีทางส่งทัพไปหนุนได้อีก“เท่าที่ข้ารู้ ทหารเป่ยเยี่ยนที่ยังหลงเหลืออยู่ในแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง มิอาจต้านทานการโต้กลับจากแคว้นซีหนี่ว์”“แล้วอย่างไรเล่า?” สายตาองค์ชายสี่จับจ้องเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยความสนใจเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างสั้น ๆ “หากเป็นข้า ข้าจะขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้เยี่ยน ขออาสานำทัพไปตีแคว้นซีหนี่ว์ แย่งชิงแผ่นดินแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง“เช่นนี้ ทั้งไม่ส่งผลกระทบใดต่อการศึกขององค์ชายเจ็ด ทั้งยังสามารถหาภารกิจมาใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1219

    จากการจับจ้องขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ อาจือก็รู้สึกกลัวว่าจะถูกจับได้อยู่บ้างทว่านางไม่อาจบอกความจริงได้เด็ดขาดมีเพียงฮ่องเต้ฉีที่จะช่วยให้นางหลุดพ้นจากสถานะต่ำต้อย หรือถึงขั้นว่า ในอนาคตนางสามารถเข้าไปในวังหลวงของหนานฉี และเป็นพระสนมสิ่งเหล่านี้ ไม่อาจให้องค์หญิงเซี่ยนอี๋ทำลายได้อย่างแน่นอนอาจือคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง “ตึง” เพื่อแสดงความซื่อสัตย์และภักดี“บ่าวทำทุกอย่างล้วนคำนึงถึงองค์หญิง!“หาก...หากองค์หญิงไม่เชื่อบ่าว เช่นนั้นก็หาคนอื่นไปพบฮ่องเต้ฉีแทนก็ได้เพคะ!”หากเปลี่ยนคนกลางคัน ฮ่องเต้ฉีจะต้องเกิดความสงสัยเป็นแน่องค์หญิงเซี่ยนอี๋ไม่มีทางทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ทว่าอาจือผู้นี้ ไม่รู้เพราะเหตุใด ถึงทำให้นางรู้สึกเหมือนมีความคิดที่ซับซ้อนสุดท้าย ความทะนงตนขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ก็มีอำนาจเหนือกว่าที่นี่คือจวนขององค์หญิง อาจือแค่สาวใช้ต่ำต้อยคนหนึ่ง จะสร้างความวุ่นวายอะไรได้?อีกอย่างสาวใช้คนนี้ก็เชื่อฟังมาตลอด ไม่กล้าหักหลังนางเด็ดขาด......ช่วงกลางดึก อาจือฉวยโอกาสขณะที่องค์หญิงเซี่ยนอี๋บรรทมอยู่ ใช้ทางลับมาที่ห้องลับนางยังคงทำได้เพียงยื่นศีรษะออกมา เมื่อเห็นฮ่อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1218

    องค์ชายเจ็ดทรงนำทัพออกศึกแล้ว ยามดึกเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าไปค้นหาที่จวนขององค์ชาย ก็ไม่มีองครักษ์เฝ้าอยู่มากนักค้นหาติดต่อกันสามคืนแล้ว ก็ยังไม่มีเบาะแสใดเลยพวกอู๋ไป๋ก็ไปค้นหาที่จวนขององค์ชายองค์อื่น ๆ ทว่าก็ไม่มีข่าวดีเช่นเดียวกันทางด้านวังหลวงจนถึงตอนนี้ก็ยังสืบหาไม่พบสถานที่ที่เหมาะสมกับการคุมขังคนหยิ่นลิ่วไปสืบหาในจวนองค์ชายสี่ ก็แอบได้ยินองค์ชายสี่ทรงเอ่ยตัดพ้อกับที่ปรึกษา“เสด็จพ่อทรงโปรดปรานน้องเจ็ด ข้าจะแย่งชิงได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ยังมีฮ่องเต้ฉีคอยแนะนำข้า ตอนนี้แม้แต่จะพบฮ่องเต้ฉีก็ยังไม่อาจทำได้เลย!”หยิ่นลิ่วจับจุดสำคัญนี้ได้ จึงรีบกลับไปที่โรงพักแรมเพื่อทูลรายงาน“ฮองเฮา มิต้องสงสัยเลยว่า องค์ชายสี่ผู้นี้จะต้องทราบว่าฝ่าบาททรงถูกขังอยู่ที่ใด!”เมื่อเทียบกับหยิ่นลิ่ว เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นยิ่งกว่านางต้องการยืนยันอีกครั้ง “องค์ชายสี่ทรงเอ่ยคำพูดเช่นนี้จริงหรือ”หยิ่นลิ่วมั่นใจอย่างยิ่งอู๋ไป๋เริ่มรู้สึกร้อนใจ“นายท่าน ข้าน้อยจะไปจับตัวองค์ชายสี่ และสอบสวนอย่างลับ ๆ !”ด้วยการทรมานอย่างหนัก องค์ชายสี่แห่งเป่ยเยี่ยนไม่มีทางที่จะไม่บอกความจริงเฟิ่งจิ่วเหยียนยกม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status