แชร์

บทที่14 ปัญหาหนักอก

ผู้เขียน: เฉินม่านอิ๋ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-28 14:10:57

ขณะที่ท่านเสนาบดีซวีเดินจากไปด้วยความโล่งอก เสิ่นอวี้เจากำลังจะจากไป แต่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังมาจากด้านหลัง นางหันกลับไปมอง ก็พบว่าผู้ที่มาเป็นราชครูซูแห่งราชสำนัก

"อวี้เจา" อีกฝ่ายยิ้มเรียกนาง "คุยกับข้าสักหน่อยได้หรือไม่?"

ราชครูซูแม้จะเป็นขุนนางอาวุโสที่ได้รับความนับถืออย่างสูง แต่กลับมีนิสัยเหมือนกับฮ่องเต้ทุกประการ กล่าวคือแม้จะแก่แต่ก็ยังอย่างประหลาด และยังชอบทำตัวเหมือนบิดา ที่เอ็นดูลูกหลานมากเกินไปเสมอ อีกทั้งเขามักจะเรียกนางด้วยชื่อรองตรงๆ ซึ่งชวนให้อึดอัดไม่น้อย เพราะอย่างไรก็ไม่ใช่ญาติพี่น้องกัน และถือว่าเป็นคนในราชสำนักเหมือนกันด้วย

"ราชครูซู หากท่านมีอะไรจะพูด ก็พูดมาตรงๆ เถิด" เสิ่นอวี้เจาเงยหน้ามองชายชราอาวุโส บอกเผยให้ทราบว่านางรู้จุดประสงค์ของเขาแล้ว "หรือว่าท่านคิดตกแล้ว และตัดสินใจรับข้อเสนอของฝ่าบาท ให้ข้าหาคู่เคียงให้ท่าน?"

ราชครูซูหน้าแดงทันที "อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้า!"

"ข้าก็เดาไปเรื่อย" นางตอบอย่างจริงจัง "หน้าที่หลักของข้าในฐานะแม่สื่อ คือการแก้ปัญหาเรื่องคู่ครองให้เชื้อพระวงศ์ นอกเหนือจากนี้ข้าก็ไม่มีอะไรจะทำ แต่หากจ่ายค่าจ้างเหมาะสม การว่าจ้างข้าเพื่อการแก้แค้นส่วนตัวก็พอเป็นไปได้"

"เจ้าไม่กลัวเสียชื่อเสียงเลยหรือไร! มัวแต่คิดเรื่องเหลวไหล แทนที่จะฝึกฝนวาดภาพ เล่นหมาก หรือจัดการบ้านเรือน!"

เสิ่นอวี้เจาทำหน้าเรียบเฉย ขณะยกเท้าหมุนตัวเตรียมจากไป "ถ้าท่านอาจารย์แค่มาสอนสั่งสองสามประโยค ข้าว่าคงไม่คุ้มเวลาที่จะอยู่ต่อ ท่านอย่าลืมว่าองค์รัชทายาทกำลังรอข้าอย่างร้อนใจ..."

ราชครูซูถึงกับเคราแทบกระดิก รีบสาวเท้าเข้ามาจับแขนนางไว้ "อวี้เจา! รอข้าสักครู่!"

"มีเรื่องอื่นใดที่ท่านร้อนใจหรือ ถึงกลับต้องรั้งข้าไว้โดยมิรักษากิริยาเช่นนี้”

"..." ราชครูซูปล่อยมือนางอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนลดเสียงกระซิบเบาๆ "ข้าจะจ่ายค่าจ้างอย่างสูง ให้เจ้าช่วยเป็นแม่สื่อหาคู่ให้มู่เอ๋อร์ เจ้ายินดีหรือไหม?"

"มู่เอ๋อร์" ที่ออกจากปากของท่านอาจารย์ แท้จริงแล้วหมายถึงบุตรบุญธรรมของเขา นามว่า ซูมู่หลาง ชายหนุ่มที่เพิ่งผ่านวัยยี่สิบปี ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นผู้ใหญ่ของบุรุษในยุคนี้

ก่อนหน้านี้เสิ่นอวี้เจาเคยพบกับซูมู่หลางมาแล้วหลายครั้ง ความประทับใจต่ออีกฝ่ายก็ไม่เลวเลย ใบหน้าของเขาแม้จะไม่ถึงขั้นหล่อเหลาโดดเด่น แต่ก็มีความน่ามองในแบบสง่างาม สิ่งสำคัญคือซูมู่หลางมีท่าทางสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน มีรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ไร้พิษภัยติดอยู่บนใบหน้าเสมอ ซึ่งทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกอบอุ่นใจ

ดังนั้นเมื่อได้ยินท่านราชครูยื่นข้อเสนอ จึงยอมตกลงอย่างง่ายดาย

"มิใช่ปัญหาใหญ่โต ถ้าท่านราชครูเอ่ยปากเอง เช่นนั้นต่อให้ข้าไม่ได้รับค่าตอบแทน ก็จะทำอย่างสุดความสามารถ"

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ หลังจากเห็นว่านางตอบตกลง ใบหน้าของท่านราชครูกลับแสดงความลำบากใจ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็หยุดไว้กลางคันอย่างลังเล เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องปิดบังอยู่

"อวี้เจา เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก..."

"ไม่เคยมีเรื่องใดที่ข้าทำไม่สำเร็จ เพียงแค่สตรีนางนั้นไม่มีความตั้งใจ จะปลีกตัวจากโลกนี้ไปบวชชีเท่านั้น ข้าก็สามารถช่วยจับคู่ให้สำเร็จได้ทุกครั้ง" เสิ่นอวี้เจาหยุดพูดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงแปลกๆ "หรือว่า...คุณชายซูจะชื่นชอบแม่ชีจริงๆ?"

ท่านราชครูรีบส่ายศีรษะเป็นพัลวัน "เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!"

"เช่นนั้นแล้ว...คู่หมายของเขาคือใครหรือ?"

"คือ...องค์หญิงเหม่ยหลิน"

เสิ่นอวี้เจาเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะพยักหน้าอย่างสงบ "คาดไม่ถึงเลยจริงๆ คุณชายซูช่างกล้าหาญมาก"

องค์หญิงเหม่ยหลินคือใคร?

นางคือธิดาคนเล็กของฮ่องเต้ ที่ได้รับความรักและเอาใจใส่มากที่สุด นามว่า ฉู่เหม่ยหลิน ปีนี้เพิ่งอายุสิบหกปี มีความงามล้ำเลิศ แต่เพราะเติบโตมาท่ามกลางการประคบประหงม จากฮ่องเต้และบรรดาเชื้อพระวงศ์ ทำให้นางไม่รู้จักวิธีปฏิบัติตัวต่อผู้คน อีกทั้งยังเอาแต่ใจจนถึงขั้นก่อเรื่องวุ่นวายได้โดยไม่มีใครกล้าขัดขวาง

ฮ่องเต้เคยกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า หากใครกล้ารับธิดาของเราไปเป็นภรรยา คนผู้นั้นต้องมีความกล้าหาญเป็นอย่างมาก

และในที่สุด บุรุษผู้กล้าหาญเช่นนั้นก็ปรากฏตัว

ท่านราชครูได้แต่ถอนหายใจ "จริงๆ แล้วที่มู่เอ๋อร์ชอบพอองค์หญิง ข้าในฐานะผู้ใหญ่ก็ควรอวยพรให้พวกเขา แต่ใครจะคาดคิดว่าจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นระหว่างทาง จนความสัมพันธ์นี้เกือบจะพังทลาย มู่เอ๋อร์...อาจไม่มีโอกาสได้สมหวังในรักครั้งนี้แล้ว!"

"ท่านราชครู โปรดอย่าพูดเพียงครึ่งเดียว ข้าขอถามตรงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายซู?"

"วันนั้นมู่เอ๋อร์ออกไปเที่ยวเล่นกับองค์หญิง ระหว่างทางทั้งสองคนเกิดมีปากเสียงกัน จนไม่พูดคุยกันอีก หลังจากนั้นมู่เอ๋อร์ก็พยายามหาวิธีทำให้องค์หญิงพอใจ แต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ องค์หญิงส่งคนมาบอกว่า หากมู่เอ๋อร์สามารถเก็บดอกชิงหลัวจากเขาฉีเหลียนมาให้ได้ นางจะยกโทษให้"

เสิ่นอวี้เจารู้สึกแปลกใจ"เขาฉีเหลียนนั้นชันมาก อีกทั้งดอกชิงหลัวยังหาได้ยาก คุณชายซูจะไปจริงๆ หรือ?"

"ไม่ใช่จะไป แต่ไปแล้ว! เชือกเกิดปัญหา หากไม่ใช่เพราะองครักษ์ช่วยไว้ทัน เกรงว่าเขาคงเสียชีวิตไปแล้ว" ท่านราชครูยกมือขึ้นกุมขมับอย่างอ่อนล้า "โชคดีที่ร่างกายมู่เอ๋อร์ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง แต่ดูเหมือนศีรษะจะกระแทกหินจนสติฟั่นเฟือน กลายเป็นคนอารมณ์ร้อนและขี้โมโห ราวกับเป็นคนละคน"

"..."

เดาได้ไม่ยากเลยว่า ดอกไม้ชิงหลัวไม่ได้ถูกเก็บมา และคนก็กลายเป็นคนบ้า ท่านราชครูกลัวว่าองค์หญิงจะถอยห่างจากความสัมพันธ์นี้ ซึ่งจะยิ่งทำให้มู่เอ๋อร์หมดหวังมากขึ้น

"อวี้เจา เจ้าไปถามความตั้งใจขององค์หญิงได้หรือไม่?"

"ตอนนี้องค์หญิงยังไม่ทราบเรื่องนี้เลยหรือ?"

"ข้ายังลังเลอยู่ว่าควรบอกดีหรือไม่"

เสิ่นอวี้เจากล่าวอย่างเยือกเย็น "ท่านราชครูต้องพูดเรื่องนี้กับองค์หญิง หากนางกล้าแสดงความไม่พอใจแม้เพียงครึ่งคำ ข้าจะสนับสนุนให้ไท่จื่อเสด็จไปเยี่ยมเยือนวังของนางทุกวัน ต่อไปดูสิว่านางจะยังแต่งงานออกไปได้หรือไม่"

"..." นับว่าเป็นวิธีการที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพในเชิงข่มขู่

ดังนั้นเสิ่นอวี้เจาจึงทำลายกฎของตนเองเป็นกรณีพิเศษ โดยรับค่าตอบแทนจากท่านราชครูเพียงส่วนหนึ่ง พร้อมประกาศว่าจะตกลงเรื่องราคาหลังจากจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย นางให้เหตุผลว่าบางครั้งก็ควรมีจิตสำนึกในวิชาชีพ โดยเฉพาะเมื่อเจอเรื่องราวความรัก ที่มีอุปสรรคระหว่างคู่รักที่มั่นคง นับเป็นช่วงเวลาที่หัวใจอันยุติธรรมของนางจะพุ่งพล่านขึ้นในทันที

หลังจากอำลาท่านราชครู นางก็รีบกลับไปยังวังไท่จื่อเพื่อวางแผน

แต่ทันทีที่เข้าประตู ก็เห็นฉู่มู่ฉือซึ่งรออยู่นานพร้อมถาดในมือ ยืนอยู่ในสวนด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก

"เพิ่งอบขนมมาใหม่ ทำขึ้นมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ" กล่าวพลางหยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมาปาไปทางนาง

"ฝ่าบาทช่างไม่เหมือนคนที่ตั้งใจเลี้ยงข้าเลย" นางตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หยิบขนมขึ้นมากินอย่างไม่เร่งรีบ "ใส่น้ำตาลน้อยไป"

"ได้เลย ข้าจะหักเงินเดือนครึ่งเดือนของพวกเขา"

"ขอฝ่าบาทเก็บบุญบารมีไว้บ้าง อย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์เลย"

ฉู่มู่ฉือไม่โกรธ กลับยิ้มลึกยิ่งกว่าเดิม "เช่นนั้นเจ้าก็บอกข้ามาเถิด ว่าไปทำอะไรที่ไหนมา"

"เจียงเฉินยังไม่ได้รายงานต่อฝ่าบาทอีกหรือ? ข้าเพียงไปเข้าเฝ้าฝ่าบาททีท้องพระโรงเท่านั้น"

แน่นอนว่าเจียงเฉิน หากถูกเค้นคงสารภาพออกมาทั้งหมด แต่ไท่จื่อจะเชื่อหรือไม่อีกเรื่อง

"อ้อ? จริงหรือ? ไปว่าราชการกับเสด็จพ่อ หรือเพียงแค่อยากมองดูหวู่อ๋องกันแน่?"

เสิ่นอวี้เจาอดไม่ได้ที่จะรำคาญ กับน้ำเสียงแปลกประหลาดของเขา รู้สึกอยากถอดรองเท้าปาใส่ แต่ก็อดกลั้นตอบด้วยความจริงใจ "ข้าจะไปสนใจราชการได้อย่างไร? แน่นอนว่าไปดูหวู่อ๋องโดยเฉพาะ"

ที่จริงนางแอบมองฉู่หยุนชิงหลายครั้งในท้องพระโรง ชายหนุ่มผู้สง่างามเหมือนหยกช่างน่าหลงใหล

"..." สายตาของฉู่มู่ฉือคมกริบเหมือนคมมีด "ดูเหมือนท่านเสิ่นจะมีความสุขมาก ข้าแนะนำให้หาภรรยาให้เขาเร็วๆ ดีหรือไม่ อย่างไรเสียน้องห้าก็โตจนเกือบเกินวัยแล้ว"

‘นั่นไม่มีทางแน่นอน หากข้าไม่ได้ฉวยโอกาสเอาตัวเขามาก่อน ใครก็อย่าหวังว่าจะเข้าใกล้องค์ชายห้าได้’

แม้จะคิดเช่นนั้น แต่เสิ่นอวี้เจาไม่เอ่ยออกมา นางเพียงหลบไท่จื่อแล้วเดินไปยังส่วนตัว "ฝ่าบาทเองก็ยังไม่แต่งงาน เหตุใดต้องกังวลเรื่ององค์ชายห้าด้วยเล่า?"

"หัวใจข้าขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว"

เสิ่นอวี้เจาทำเหมือนไม่ได้ยิน "ข้าจะพยายามเต็มที่ หาผู้หญิงที่เหมาะสมมาเป็นพระชายาให้ฝ่าบาท"

"ถ้าเจ้าหาไม่ได้ ข้าจะเพิ่มชื่อเจ้าเข้าไปเอง"

"ฝ่าบาท ข้าขอร้องอย่าจู้จี้เลยนัก ขึ้นชื่อว่ามีคนยอมแต่งกับท่าน ก็นับว่าเป็นวาสนาแล้ว"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่16 สติฟั่นเฟือน

    ตั้งแต่นั้นมา ความหวาดกลัวที่ฉู่เหม่ยหลิน มีต่อฉู่มู่ฉือก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกัน ภาพลักษณ์ของเสิ่นอวี้เจาในสายตานางกลับยิ่งดูสูงส่งมากขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นความชื่นชมในระดับสูงสุดเช่นทุกวันนี้เรื่องจริงพิสูจน์แล้วว่า ทุกครั้งที่ฉู่มู่ฉือรังแกน้องสาว เสิ่นอวี้เจามักจะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอ"ฝ่าบาทอย่าก่อเรื่อง มิใช่ว่าท่านต้องการชักใยด้ายแดง เพื่อนำทางให้องค์หญิงที่หลงทาง รู้จักกลับตัวกลับใจหรือ?""ข้าไม่ได้กำลังเตือนนางอยู่หรือ?""ขอฝ่าบาทโปรดวางถ้วยน้ำชาเสียก่อน ทรงอย่าทำท่าเหมือนกำลังจะสาดน้ำใส่เลย"ใบหน้าของฉู่มู่ฉือหนาเท่ากับกำแพงเมืองสิบชั้น แม้วิธีการบีบบังคับของเขาจะถูกเปิดโปง แต่ก็ยังคงไม่แสดงอาการลำบากใจ กลับหัวเราะอย่างสดใสแทน"เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องสำคัญกันเถอะ เหม่ยหลินบอกพี่สามมา หากคนรักของเจ้ากลายเป็นคนเสียสติ เจ้ายังจะรักเขาอยู่หรือไม่?"

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่15 ทาบทามองค์หญิง

    ในตำหนักจวี้ซิ่วกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกระถางธูปรูปทรงสัตว์มงคล ลอยอ้อยอิ่งในอากาศ ชุดน้ำชาเบญจรงค์ลายครามที่บรรจุชาเขียว สาวใช้เพิ่งชงใหม่ยังคงส่งไอร้อนล่องลอย ขณะที่ฉู่เหม่ยหลิน องค์หญิงในฉลองพระองค์สีแดงสดงดงามน่าหลงใหล ยิ้มแย้มพลางยกถาดขนมมาให้แขกที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ"ท่านพี่สาม พี่หญิงเสิ่น" ฉู่เหม่ยหลินกล่าวทักทายอย่างนุ่มนวล สายตาเปล่งประกายความเย้ยหยันเล็กน้อย เมื่อมองไปยังฉู่มู่ฉือ "ท่านทั้งสองมาเยี่ยมข้าพร้อมกัน ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจยิ่งนัก"ฉู่มู่ฉือนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เนื้อดีโดยไม่รอคำเชิญ สายตาที่ทอดมองน้องสาวเต็มไปด้วยความยียวน "ข้าได้ยินข่าวว่าเจ้า'สนใจ' ลูกชายตระกูลซู น่าสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว"ฉู่เหม่ยหลินยิ้มมุมปาก ขณะวางถาดขนมลงบนโต๊ะ "ข่าวลือนั้นจริงเท็จเพียงใด ยังไม่ถึงคราวที่พี่สามจะต้องมากังวลใจ กระนั้น ข้ากลับสงสัยมากกว่า ว่าท่านพี่มีธุระอันใดถึงได้มาเยือนที่นี่ได้ หรือเพียงเพราะแค่ต้องการความรื่นรมย

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่14 ปัญหาหนักอก

    ขณะที่ท่านเสนาบดีซวีเดินจากไปด้วยความโล่งอก เสิ่นอวี้เจากำลังจะจากไป แต่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังมาจากด้านหลัง นางหันกลับไปมอง ก็พบว่าผู้ที่มาเป็นราชครูซูแห่งราชสำนัก"อวี้เจา" อีกฝ่ายยิ้มเรียกนาง "คุยกับข้าสักหน่อยได้หรือไม่?"ราชครูซูแม้จะเป็นขุนนางอาวุโสที่ได้รับความนับถืออย่างสูง แต่กลับมีนิสัยเหมือนกับฮ่องเต้ทุกประการ กล่าวคือแม้จะแก่แต่ก็ยังอย่างประหลาด และยังชอบทำตัวเหมือนบิดา ที่เอ็นดูลูกหลานมากเกินไปเสมอ อีกทั้งเขามักจะเรียกนางด้วยชื่อรองตรงๆ ซึ่งชวนให้อึดอัดไม่น้อย เพราะอย่างไรก็ไม่ใช่ญาติพี่น้องกัน และถือว่าเป็นคนในราชสำนักเหมือนกันด้วย"ราชครูซู หากท่านมีอะไรจะพูด ก็พูดมาตรงๆ เถิด" เสิ่นอวี้เจาเงยหน้ามองชายชราอาวุโส บอกเผยให้ทราบว่านางรู้จุดประสงค์ของเขาแล้ว "หรือว่าท่านคิดตกแล้ว และตัดสินใจรับข้อเสนอของฝ่าบาท ให้ข้าหาคู่เคียงให้ท่าน?"ราชครูซูหน้าแดงทันที "อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้า!""ข้าก็เดาไปเรื่อย" นางตอบ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่13 ขุดหลุมฝังตนเอง

    "เจ้าควรลืมเหตุการณ์นั้นไปเสีย มิเช่นนั้น..." น้ำเสียงของนางเย็นชาและอำมหิต "ข้าจะทำให้เจ้าสูญเสียลูกหลานทั้งหมด และจากนั้นชีวิตของเจ้าจะมีแต่ความว่างเปล่า""ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้วขอรับ!"เสิ่นอวี้เจาหยิบสร้อยไข่มุกขึ้นสวมด้วยท่าทีดูแคลน ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ด้วยความสง่างามอย่างไม่แยแส ทิ้งให้เจียงเฉินยืนถอนหายใจอยู่เพียงลำพังยามเหมา, ท้องพระโรงเฉิงเฉียนฮ่องเต้ทรงฉลองพระองค์มังกรสีทอง ประทับบนพระที่นั่งมังกรอย่างสง่างาม ขณะฟังเหล่าขุนนางรายงานราชการ พระเนตรทรงมองไปทางเสิ่นอวี้เจา ผู้ยืนอยู่เบื้องล่างของขั้นบันไดหินอ่อนเป็นระยะ'อวี้เจา อวี้เจา? เจ้าได้ยินความคิดข้าหรือไม่? นี่เจ้ามาประชุมราชการนะ ห้ามกินของว่างเช่นนี้ มันทำให้ข้าเสียสมาธิมาก'เสิ่นอวี้เจาไม่ได้สังเกตพระเนตรของฮ่องเต้ นางเพียงหยิบขนมไส้เม็ดบัวออกมาจากแขนเสื้อ เคี้ยวกินอย่างเปิด

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่12 เจ้าคนสารเลว

    ในความทรงจำของเสิ่นอวี้เจา เจ้าคนสารเลวนี่ไม่เคยทำอะไรดีๆ เลยสักครั้ง รู้แค่จะเอาหนอนตัวอ้วนมาโยนใส่เสื้อของนาง หรือเอาเถ้าถ่านไปใส่รองเท้า หรือบางทีก็ยืนอ่านจดหมายรักของนางเสียงดังๆ ต่อหน้าฝูงชน...กล่าวโดยรวมแล้ว หากเขาปรากฏตัวขึ้นที่ใด ที่นั่นก็ต้องเกิดเหตุเภทภัยเสมอส่วนเรื่อง "ตามใจ" อะไรนั่น ก็ไม่เคยเห็นเลยสักครั้งเดียวฉู่มู่ฉือไม่ได้โกรธ แต่ยิ่งกว่านั้นเขาเพียงหัวเราะเบาๆ พร้อมลูบไล้ตัวนางอย่างอ้อยอิ่ง ปลายนิ้วไล่ผ่านลำคอขาวเนียนลงมาที่ไหปลาร้าบอบบาง แล้วเลื่อนไปถึงทรวงอกที่โค้งงอน..."คนเลว!" เสิ่นอวี้เจาฟาดมือของเขาด้วยเสียง "เพียะ" อย่างไม่ลังเล แต่ทันทีที่คำพูดหยาบคายหลุดจากปาก นางก็รู้ตัวว่ามันไม่เหมาะกับความสง่างามของขุนนางหญิง จึงรีบกระแอมเปลี่ยนน้ำเสียงทันควัน "อะแฮ่ม...หม่อมฉันเองก็ชั่วช้าเช่นกัน ดังนั้นการใกล้ชิดกับฝ่าบาทมากเกินไปเช่นนี้ นับว่าไม่อาจให้อภัยได้ หม่อมฉันควรกลับห้องเสียที"หางตาของฉู่มู่ฉือยกขึ้นเล็กน้อย

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่11ขวัญผวาฉายาดวงพิฆาต

    ด้วยคำเตือนก่อนหน้านี้ของเสิ่นอวี้เจา เหล่าคุณหนูล้วนรู้ว่าไท่จื่อชอบสตรีที่กล้าหาญและตรงไปตรงมา พวกนางจึงพยายามแสดงท่าทีที่งดงามที่สุด ดวงตายั่วเย้า มือหยกกวักเรียก แต่แล้วคุณหนูจากตระกูลเฉียนที่ดูจะกระฉับกระเฉงเกินไป กลับสะบัดสะโพกใหญ่อันอวบอิ่มของนางเข้าใกล้ฉู่มู่ฉือในใจที่ร้อนรุ่มดั่งไฟเผา ฉู่มู่ฉือขบฟันแน่น ยกมีดผลไม้บนโต๊ะขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ ใครจะคาดคิดว่าเสิ่นอวี้เจาจะตบหลังมือเขาอย่างรวดเร็ว มีดจึงลื่นหลุดจากมือและบินออกไป ทันใดนั้น ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็ได้เห็นหายนะความผิดพลาด ในยามที่ฉู่มู่ฉือโกรธเกรี้ยว มีดที่หลุดมือพุ่งตรงไปหาขาซ้ายของคุณหนูเฉียนเสียงกรีดร้องดังก้องเหมือนหมูถูกเชือดเจียงเฉินกลับรู้สึกสงบในทันที เขารู้ดีว่าหากมีการนองเลือดเล็กน้อย การแสดงเลือกคู่ในวันนี้อาจต้องจบลง การเสียสละคนหนึ่งเพื่อให้คนอื่นมีความสุข นับเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า อีกทั้งคุณหนูเฉียนมีรูปร่างที่อ้วนท้วม การเสียเลือดเพียงเล็กน้อยคงไม่ทำให้นางอ่อนแอลง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status