“นะ..นายท่านครับได้โปรดไว้ชีวิตของข้าด้วย”
ชายเบื้องหน้ากำลังกอดข้อเท้าเพื่ออ้อนวอนต่อฟอสเตอร์ ใบหน้าของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือด ลมหายใจที่กำลังพ่นออกมานั้นช่างแผ่วเบาเพราะเขาถูกแตะอย่างแรงตรงท้อง หากเดาไม่ผิดซี่โครงของเขามันน่าจะหัก เพราะทุกครั้งที่หายใจมันเจ็บร้าวไปทั้งอก “ไว้ชีวิตอย่างนั้นหรือ? ใครก็ตามที่กล้ายุ่งเกี่ยวกับจูเน่ของข้า..มันผู้นั้นจะต้องตายเท่านั้น ข้ารู้ดีว่านางคือดอกไม้ที่งดงามเย้ายวน แต่ทว่านางคือของข้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น” ใครหน้าไหนก็ตามที่กล้าแตะต้องนางแม้แต่ปลายเล็บ..คนผู้นั้นไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ “จงปลาบปลื้มที่ได้ตายด้วยน้ำมือของข้าเถอะนะ..” ฟอสเตอร์ใช้ท่อนไม้ในมือตีลงไปที่ศีรษะของชายผู้นั้นอย่างแรง ซ้ำๆ จนไม่มีเสียงของลมหายใจเล็ดลอดออกมาอีกเลย.. เขาก้มมองตัวเองก็พบว่าขากางเกงของเขาเปื้อนเลือดเล็กน้อย อีกทั้งกลิ่นคาวเลือดคงจะติดตามเสื้อผ้าไปแล้วแน่ๆ .จูเน่คงไม่ชอบกลิ่นพวกนี้เท่าไหร่นัก เพราะอย่างนั้นเขาจะต้องจัดการกับกลิ่นเลือดพวกนี้ก่อน.. . . จูเน่ปรายสายตามองไปรอบๆ นี่คืองานเทศกาลที่ครึกครื้นมากทีเดียว ผู้คนมากมายกำลังเดินไปมา บนใบหน้าของพวกเขานั้นมีแต่รอยยิ้มที่สนุกไปกับงานเทศกาล บรรยากาศเช่นนี้มันช่างแตกต่างกับเกมต่อสู้อย่างสิ้นเชิง เธอกำลังคาดหวังว่าคงไม่มีอะไรแปลกๆ โผล่มาหรอกใช่ไหม..ขอให้วันนี้เธอได้เที่ยวเล่นกับองค์จักรพรรดิอย่างสบายใจด้วยเถิด.. องค์จักรพรรดิฟอสเตอร์ เขาอ่อนโยนในแบบที่เธอคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่เขาคือองค์จักรพรรดิผู้ปกครองคนนับแสนนับหมื่น แต่เขากลับใส่ใจเธอถึงเพียงนั้น นี่มันช่างรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ และเธอชอบช่วงเวลาเช่นนี้มากๆ เลย แต่หลังจากวันนี้ไปเธอควรไปหาเดม่อนบ้าง เขาถูกองค์จักรพรรดิแย่งชิงเธอไป เพราะอย่างนั้นเขาจะต้องไม่พอใจมากแน่ๆ เธอควรไปหาเพื่อไปง้อเขาสักหน่อย “รอนานรึเปล่าจูเน่..” รอยยิ้มหวานที่เธอส่งให้เขาพลันฝืดเฝื่อนในทันที เมื่อที่ปลายจมูกของจูเน่มันได้กลิ่นคาวเลือดอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะมีกลิ่นน้ำหอมในแบบที่ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ แต่ทว่ามันก็ไม่สามารถกลบกลิ่นคาวของเลือดได้เลย นี่มันคืออะไรกัน เขาหายไปฆ่าคนมางั้นเหรอ เช่นนั้นใครล่ะที่เขาไปจัดการมาในเมื่อแถวนี้มีเพียงชาวเมืองเท่านั้น หรือว่าเขาไปจัดการชายหนุ่มที่เข้ามาทักทายเธออย่างนั้นหรือ? “อา..รอไม่นานเลยค่ะ ว่าแต่ท่านหิวไหมคะ” เธอพยายามชวนเปลี่ยนเรื่อง เพราะจูเน่กลัวว่าหน้าตาของเธอจะแสดงในสิ่งที่คิดออกไปทั้งหมด.. หากเขาไปสังหารชายผู้นั้นจริงๆ เธอคงจะต้องมองเขาใหม่ซะแล้ว เพราะหากเป็นเช่นนั้น ความรู้สึกขององค์จักรพรรดิมันคงไม่ใช่ความรักแล้วล่ะ แต่มันคือ..ความยึดติดที่มากเกินไป..หากเป็นถึงขั้นนั้นเธอคิดว่ามันจะอันตรายมากทีเดียว “อืม..ข้ากำลังหิวพอดีเลย เช่นนั้นไปหาอะไรกินกันแล้วกลับกันเถอะ ข้าจะไปส่งเจ้าเอง” ขอให้สิ่งที่เธอกำลังคิดในใจนั้นมันคือเรื่องเข้าใจผิดด้วยเถอะ เพราะหากมันเป็นเรื่องเข้าใจถูกขึ้นมา..มันจะลำบากใจเอานะสิ เราเที่ยวเล่นกันต่ออีกหน่อยจนถึงช่วงเย็น องค์จักรพรรดิก็ทรงมาส่งเธอที่คฤหาสน์ เวลล์ “ข้าไปก่อนนะจูเน่ อย่าลืมที่เจ้าสัญญาเอาไว้ล่ะว่าเจ้าจะไปหาข้าบ่อยๆ” เธอพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้เขา “แล้วพบกันนะเพคะ” เธอก้มหน้าลงก่อนจะโบกมือเพื่อเป็นการอำลา สิ่งที่เธอได้รับกลับมาจากองค์จักรพรรดิคือรอยยิ้มที่อบอุ่นราวกับแสงแดดในยามเช้า.. เธอยืนมองรถม้าขององค์จักรพรรดิเคลื่อนตัวออกไปจนสุดสายตา..จูเน่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “หายไปนานเลยนะครับท่านหญิง” อีวานเดินเข้ามาหาพร้อมกับสวมผ้าคลุมไหล่ให้จูเน่ “เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปสืบนั้นเป็นอย่างไรบ้าง” อีวานปรายสายตามองหน้าท่านหญิงของเขา ก่อนที่เขาจะจับมือเธอแล้วจุมพิตลงไปที่ด้านหลังของฝ่ามือ “เรื่องนั้นท่านหญิงก็ทรงไปพบเจอองค์จักรพรรดิมาแล้วนี่ครับ เรื่องความสัมพันธ์ที่ท่านให้ข้าไปสืบมาก็ตามนั้นเลย..ทรงหลงรักพระสหายในวัยเด็กอย่างลึกซึ้งถึงขนาดที่นางคณิกาทุกคนที่ถูกเรียกเข้าไปในพระราชวังจะต้องมีเส้นผมสีทองเท่านั้น..” เธอรู้ดีว่าองค์จักรพรรดินั้นทรงช่ำชองในเรื่องเช่นนั้นแต่ทว่าการที่เขาคัดเลือกคณิกาที่มีเส้นผมสีทองนั้นมันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ เช่นกัน เพราะมันหมายความว่าทุกครั้งที่เขากระทำเรื่องเช่นนั้นกับหญิงคณิกา เขานึกถึงใบหน้าของเธอในช่วงเวลาแบบนั้นงั้นสิ นี่มันช่างน่าขนลุกอยู่เหมือนกัน “มีข่าวรายงานมาอีกด้วย ว่าในช่วงที่ท่านหญิงฝึกหนัก สหายของท่านที่อคาเด็มมี่นั้นหายตัวไปอย่างลึกลับหลายคนทีเดียว และสหายที่หายตัวไปนั้นคือบุรุษที่เข้ามาใกล้ชิดกับท่าน” หรือว่านี่คือเหตุผลที่จูเน่ตัวจริงพยายามเว้นระยะห่างกับองค์จักรพรรดิ เพราะเขามีความคิดที่มันออกจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย “นั่นมันหมายความว่า..พระองค์ทรงหึงหวงบุรุษทุกคนที่เข้ามาใกล้ข้าอย่างนั้นหรือ?” “ใช้คำว่าหึงหวงดูเหมือนจะน้อยไปหน่อยนะครับ..นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ท่านหญิงหลีกเลี่ยงพระองค์มาตลอดก็เป็นได้” อีวานเองก็คิดเหมือนกันอย่างนั้นสินะ เช่นนั้นตอนนี้เธอควรทำไง..ในเมื่อเธอดันไปหลงหน้าหล่อๆ ของเขาแล้วโบ๊ะบ๊ะกับเขาไปแล้ว..แล้วมันดันดีมากจนลบออกจากความคิดไม่ได้อีกด้วยให้ตายสิ เป็นเรื่องแล้วไง.. “เช่นนั้นจากนี้ไปท่านหญิงก็จะหลีกเลี่ยงพระองค์อย่างที่เคยทำมาใช่ไหมครับ” ทำแบบนั้น..ได้ที่ไหนกันล่ะ จูเน่คนเก่านั้นไม่ยุ่งเกี่ยวและพยายามหลีกหนีมาโดยตลอด แต่กับเธอนั้น..เธอดันไปโดดใส่เขาในครั้งแรกที่พบเจอกันเลยนะสิ นี่สินะที่มีคนเคยบอกเอาไว้ว่าคนหล่อมากๆมักจะเป็นภัย “ไม่ทันแล้วอีวาน” จูเน่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ และนั่นทำให้อีวานถึงกับแค่นหัวเราะออกมา “นั่นคือคนที่ท่านหญิงไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วยมากที่สุดเลยนะครับ” แล้วเขามาบอกตอนนี้มันทันไหม “เมื่อวานข้าพบเจอองค์จักรพรรดิโดยบังเอิญ..มันไม่ได้เกิดจากความตั้งใจเลยแม้แต่นิดเดียว..ไม่สิมันก็มีความตั้งใจปะปนอยู่นิดหน่อย” ทำไมยิ่งพูดออกไปมันถึงยิ่งแย่กันนะเนี่ย ตอนนี้เธอไม่กล้ามองหน้าของอีวานเลยด้วยซ้ำ อีวานถอนหายใจออกมาเบาๆ “ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้วเช่นนั้นเราควรจะหาทางแก้ปัญหา..มากกว่าที่จะมาโทษกัน”ฟาเบียนยกยิ้มก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเบาๆ“แค่การยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย เลดี้ไม่ต้องมาที่นี่ด้วยตัวเองก็ได้ครับ”ดูเหมือนว่าดยุคนิกซ์จะสร้างเรื่องอีกแล้ว หมอนั่นอุตส่าห์ไปลากจูงเลดี้อารีเอนที่ไม่เคยมาเหยียบที่นี่เลยสักครั้ง ให้มาที่นี่ได้ ไม่ใช่เพื่อการยกเลิกสัญญาหมั้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทว่าที่อารีเอนมาที่นี่ในวันนี้เพื่อต้องการพาเพื่อนรักอย่างดยุคนิกซ์มาหาจีเซลอา..อยู่ๆ เขาก็รู้สึกอยากจะสังหารใครสักคนให้รู้แล้วรู้รอดไป ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ ดยุคมายุ่งเกี่ยวพัวพันอยู่รอบๆ สิ่งของของเขา ไม่ว่าจะมองทางไหนมันก็น่าหงุดหงิดทั้งนั้น!!“ข้าย่อมต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง เพื่อพูดคุยกันให้แน่ชัด เพราะว่าข้ามั่นใจว่าท่านเคาน์เองก็ไม่เคยเห็นด้วยกับการหมั้นหมายในครั้งนี้เช่นเดียวกัน หากจะยกเลิกการหมั้นหมายก็ดูเหมือนว่าเราทั้งคู่จะเกิดความสบายใจขึ้นมา”ฟาเบียนประทับตราลงไปบนหนังสือยกเลิกการหมั้นหมาย“..ข้าประทับตราลงไปแล้ว และหวังอย่างยิ่งว่าหลังจากนี้เราจะไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องพบเจอกัน และเจ้าคงไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้ว..”ฟาเบียนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม เขากำลังบอกอารีเอนในใจว่าเธอไม่ควรมาเหยียบท
ในใจของเดเมี่ยนอยากจะเอ่ยถามออกไป ว่าจีเซลจะส่งของพวกนี้กลับมาทำไมกันสิ่งใดที่เขาส่งมอบให้เธอไปแล้ว เขาไม่เคยคิดที่จะทวงคืนเลยสักหน่อย..“เป็นอะไรไปคะท่านดยุค สีหน้าของท่านในวันนี้ไม่ดีเลย”อาเรียคือเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา เราทั้งคู่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยเด็ก“ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้ข้าจะพบเจอกับสตรีที่ถูกใจมากล่ะ นางน่ารักแล้วก็เป็นสตรีในแบบที่ข้าชอบเลย แต่มีเรื่องแย่นิดหน่อยตรงที่นางเป็นสาวใช้ที่เจียมตัวมากๆ ..นางปฏิเสธข้าทุกอย่าง แถมยังบอกกับข้าอีกว่าห้ามข้าลดตัวลงไปหานาง”เดเมี่ยนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ และนั่นทำให้อาเรียหัวเราะออกมาเบาๆ“ที่แท้คนทึ่มเช่นเจ้าก็มีความรักแล้วอย่างนั้นสินะ”“นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะอาเรีย เมื่อคืนนี้ข้าแทบข่มตานอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดถึงใบหน้าของนาง ข้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลย..มันแบบว่าเหมือนอยู่ๆก็มีมือที่มองไม่เห็นมาบีบเคล้นหัวใจของข้า”ดูท่าว่าเดเมี่ยนจะเป็นเอามากแล้ว“แต่อีกฝ่ายคือสาวใช้นะเดเมี่ยน นางเฉลียวฉลาดที่ปฏิเสธความรู้สึกของเจ้าตั้งแต่เริ่มแรก สิ่งที่นางกระทำนั้นถูกต้องที่สุดแล้ว"เรื่องนั้นเขารู้..เดเมี่ยนรู้ดีเลยล่ะ ว่าเขาและ
“ต้องงดเว้นการกระทำเรื่องอย่างว่าไปพักหนึ่งเลยนะคะท่านเคาน์..และจากนี้ไปต้องทายาอย่างสม่ำเสมออีกทั้ง..ครั้งหน้าจะรุนแรงเช่นนี้ไม่ได้แล้วนะคะ”สตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตึงเครียดเล็กน้อย นางขยับแว่นตาของตัวเองแล้วส่งใบสั่งยาให้แก่สตรีที่กำลังนั่งหน้าแดงอยู่บนเตียง“อีกนานแค่ไหนถึงจะทำได้ หรือจนกว่านางจะหายดี”ช่างน่า..เหลือเชื่อจริงๆ ที่เขากล่าวถ้อยคำน่าอายพวกนั้นออกมา จีเซลอยากจะมุดหน้าหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด“อย่างน้อยๆ ก็หนึ่งถึงสองสัปดาห์ค่ะ หากท่านเคาน์อยากให้นางหายไวๆ ท่านก็จะต้องเน้นย้ำให้นางทายาอย่างสม่ำเสมอ..หากไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อนนะคะ”ถึงแม้ว่าจะจ่ายค่าจ้างให้อย่างงาม แต่ทว่าการถูกเรียกตัวมากลางดึกเช่นนี้หมออย่างเธอก็ไม่ถูกใจนักหรอกนะ“..หนึ่งถึงสองสัปดาห์เลยอย่างนั้นหรือ หากเจ็บมากขนาดนั้นเจ้าก็ควรจะร้องขอให้ข้าหยุดสิ”อยากจะแหม..หากเธอร้องขอไป เขาจะยินยอมหยุดให้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นเช่นนั้นเขายังไม่ยอมหยุดให้เลย“ขอโทษด้วยนะ..ครั้งหน้าข้าจะไม่ทำรุนแรงมากขนาดนั้นเลย”ส่วนหนึ่งมันมาจากความโกรธด้วย เขาโกรธที่ดยุคแสดงออกมากเกินไปว่าหม
จีเซลพึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นพวกชอบความรุนแรง เธอเป็นพวกชอบเสพติดความเจ็บปวดงั้นเหรอวะ ถึงได้เชื่อและยินยอมให้เขาอุ้มมาจนถึงห้องเช่นนี้เธอควรจะปฏิเสธออกไปสิ แค่เห็นหน้าหล่อๆ กับโจ้ยใหญ่ๆ ของเขา เธอก็ยอมเขาไปซะหมด จะบ้าตาย!!“รอตรงนี้นะ ข้าจะไปตามสาวใช้มาให้ แล้วก็..เจ้าควรเจอหมอหน่อย”เขาวางเธอลงในอ่างน้ำอุ่นที่ปกติเธอจะเห็นเขานั่งอยู่ในนี้พร้อมกับบ่นเธอตลอดเวลา แต่วันนี้พอเธอเข้ามานั่งในอ่างน้ำอุ่นเช่นนี้มันก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันแฮะและในขณะที่จีเซลกำลังจมอยู่ในความคิดนั้น อันนาก็เดินเข้ามา..“พระเจ้าช่วย..นี่ฝีมือของท่านเคาน์อย่างนั้นหรือ?”อันนาไม่อยากจะเชื่อว่าภาพเบื้องหน้ามันคือความจริง บนลำคอของจีเซลเต็มไปด้วยรอยกุหลาบมากมาย ที่ไหล่ของนางมีรอยฟันกัด และที่บนเนินอกก็มีรอยฟันเช่นเดียวกันจีเซลส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับอันนา“ต้องทำรุนแรงขนาดนี้เลยงั้นหรือ? มาเถิดข้าจะล้างตัวให้เจ้าเอง”“ข้าไม่เป็นไรอันนา..”อันนาใช้ผ้าเช็ดไปตามแขนของจีเซล“ถูกบังคับรึเปล่า ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเจ้านายแต่ทว่าทำเช่นนี้มันก็เกินไปหน่อย”จีเซลส่ายหน้า“ข้าไม่ได้ถูกบังคับสักหน่อย เรื่องนี้เป็นข้าเองที่เรียกร้อง
“จีเซลนั่นเจ้าอยู่ตรงนั้นรึเปล่า?”เดเมี่ยนไม่ได้แค่เรียกเท่านั้นแต่เขายังเดินเข้ามาเพื่อตามหาเธออีกต่างหาก ทว่าในขณะที่จีเซลกำลังตกใจ ฟาเบียนกลับแสยะยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี“จีเซล..”เสียงฝีเท้านั้นดูเหมือนจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จีเซลพยายามจะผลักใบหน้าของท่านฟาเบียนออก แต่ทว่าเขากลับไม่ยินยอมละใบหน้าออกไปจากตรงนั้นเลยหัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ จีเซลไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอควรจะรับมือกับเรื่องเช่นนี้อย่างไรดี“จีเซล!!”“ขะ..ข้าอยู่ตรงนี้ค่ะ”เธอตัดสินใจกล่าวออกไปเพื่อตอบรับ เดเมี่ยนที่กำลังเดินเข้ามา และดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเพราะว่าเขาหยุดเดินก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ“เจ้าอยู่ตรงไหนกัน ข้าจะเข้าไปหา..พอดีว่าถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับแล้ว”จะกลับ..ก็กลับไปสิวะ จะมาล่ำลาอะไรกันอีก ฟาเบียนจิ๊ปากอย่างหัวเสีย“มะ..ไม่เป็นไรค่ะ ท่านดยุคไม่ต้องเข้ามาก็ได้ ในเมื่อท่านจะกลับแล้ว เช่นนั้นก็ลาก่อน..อ๊า!!”ปลายนิ้วของฟาเบียนสอดลึกเข้าไปด้านใน เขาลุกขึ้นก่อนจะถอดกางเกงของตัวเองออก เธอเปียกไปหมดแล้วที่ด้านล่าง ถึงแม้ว่ามันจะคับแคบแต่ทว่าเธอต้องฝึกฝนเอาไว้สิ..“จีเซล..นั่นเจ้าเป็นอะไรรึเปล่า น้ำเสียง
ฟาเบียนไม่รู้ว่าเขาควรจะรับมือกับความรู้สึกไม่พอใจที่เกิดขึ้นมาในใจอย่างไรดี..จีเซลมักทำให้เกิดความไม่เข้าใจขึ้นมาในใจของเขาอยู่บ่อยครั้งและแน่นอนว่าครั้งนี้มันดูเหมือนว่าจะรุนแรงมากกว่าทุกครั้งอย่างชัดเจนสายตาของดยุคนิกซ์ที่มองมายังจีเซลมันบอกได้เลยว่าหมอนั่นพึงพอใจในตัวของจีเซลมากทีเดียว..แถมยังส่งมอบเครื่องประดับให้มามากมายเช่นนั้นอีกดวงตาของเธอพร่ามัวไปหมด เมื่อริมฝีปากของเขาประกบแนบลงมาซ้ำๆ แผ่นหลังของเธอแนบชิดลงไปบนต้นไม้ขนาดใหญ่ แรงถาโถมของท่านเคาน์ในยามนี้มันมากมายกว่าทุกครั้งที่เธอเคยสัมผัส มันมีทั้งแรงปรารถนาและ..แรงโกรธผสมปนเปกันไปมาอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อนปลายลิ้นชื้นไล้ผ่านกลีบปากของเธอราว กับฟาเบียนต้องการจะยั่วเย้าให้รอยจูบของเรามันลึกซึ้งมากกว่าเดิม เขาแย่งชิงเครื่องประดับพวกนั้นออกมาจากมือของเธอ ก่อนจะโยนมันทิ้งลงไปบนพื้น แล้วใช้เท้าเหยียบย่ำอย่างไม่ไยดีแน่นอนว่าจีเซลตกใจกับการกระทำของเขามากทีเดียว เขามาทำลายสิ่งที่ท่าน เดเมี่ยนมอบให้เธอทำไมกันแต่ยังไม่ได้ทัน ที่จะถาม ริมฝีปากของเขาก็แนบชิดลงมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อความอุ่นสัมผัสกัน การจูบก็ยิ่งเพิ่มความหนักหน่