แชร์

6

ผู้เขียน: Scince
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-08 18:46:49

15 หยวน!

ตัวเลขนี้ทำให้ทุกคนในห้องตาเบิกกว้าง โดยเฉพาะหลี่เจียง เงินเดือนกรรมกรระดับเดียวกับเขาในโรงงานได้เพียงเดือนละสามสิบหยวนเท่านั้น ค่าใช้จ่ายสำหรับอาหารการกินของคนสองคนในหนึ่งเดือน หากอยู่อย่างประหยัด สิบห้าหยวนถือว่าเหลือเฟือทีเดียว แต่ทำไมภรรยาถึงไม่บอกเรื่องนี้กับเขา

หลงเข้าใจผิดมาตลอดว่าแม่ยายไม่มีเงิน เป็นแค่คนชนบทคนหนึ่ง จะเอาเงินมากมายมาจากไหน ทั้งบ้านยังหายไปกับน้ำ จะบอกว่าเป็นเงินขายบ้านก็คงจะโกหก 

อีกอย่าง ถ้าบอกว่าภรรยาแอบส่งเงินกลับบ้านก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเงินของทุกคนต้องส่งเข้ากองกลาง เพื่อให้แม่ของเขาเป็นคนจัดสรร แสดงว่าเงินก้อนโตนั้นคือเงินของแม่ยายจริงๆ

ย่าหลี่และหลี่เจียงหันขวับไปมองหลิวซือเป็นตาเดียว สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยคำถาม หลิวซือยืนตัวสั่นเทาอยู่มุมห้อง ใบหน้าซีดเผือดราวกับไม่มีเลือดฝาดแม้แต่น้อย หลบสายตาทุกคน พยักหน้ารับช้าๆ อย่างจำนน

ยายหลิวไม่สนใจปฏิกิริยาของใคร ท่านกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง แต่ไหนแต่ไรเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรี ถ้าหลานไม่อยากมาอยู่กับแม่ มีหรือที่ท่านจะยอมลดศักดิ์ศรีมาอาศัยคนอื่น ถึงอย่างนั้นทันทีที่มาถึงก็จ่ายเงินสำหรับพักอาศัย ด้วยรู้อยู่แล้วไม่ช้าก็เร็วทำดูถูกนี้ต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ไม่พ้นเดือนด้วยซ้ำ

"เงินจำนวนนี้เป็นเงินเก็บที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของสามีผู้ล่วงลับของฉัน บวกกับเงินเก็บที่ฉันหามาทั้งชีวิตจากการเย็บปักถักร้อย มันอาจจะไม่มากมายสำหรับคนในเมืองอย่างพวกคุณ แต่มันมากพอที่จะจ่ายเป็นค่าอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ และเป็นค่าเช่าสำหรับพื้นที่เล็ก ๆ ที่ฉันกับหลานใช้อาศัยหลับนอน เราไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพื่ออาศัยใบบุญแต่เรามาอยู่ที่นี่ในฐานะครอบครัวที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และเราจ่ายค่าครองชีพของเราเอง"

ยายหลิวเน้นย้ำคำว่า จ่าย  อย่างชัดเจน มันคือคำประกาศอิสรภาพที่ทำลายข้ออ้างเรื่องบุญคุณบ้านหลี่จนแหลกละเอียด

"ดังนั้น..." ยายหลิวจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของย่าหลี่ "เลิกเอาเรื่องบุญคุณมาเป็นเครื่องมือเพื่อบีบบังคับให้หลานสาวของฉันต้องไปแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รักเสียที เพราะพวกคุณ...ไม่มีบุญคุณอะไรกับเรามากพอที่จะทำแบบนั้นได้"

ความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบปรากฏขึ้นบนใบหน้าของย่าหลี่และหลี่เจียง พวกเขาถูกปลดอาวุธชิ้นสุดท้ายไปอย่างโหดเหี้ยม ตอนนี้พวกเขาไม่มีความชอบธรรมใด ๆ เหลือพอที่จะบังคับขืนใจสองย่าหลานคู่นี้ได้อีก

หลี่เซียนฉลาดพอที่จะรู้ว่ากระดานเกมนี้พลิกกลับอย่างสิ้นเชิงแล้ว การดันทุรังต่อสู้มีแต่จะทำให้ตัวเองต้องอับอายขายหน้าไปมากกว่านี้ จึงสูดหายใจลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน แล้วแสร้งปั้นหน้ายิ้มที่ดูฝืดเฝื่อนออกมา

"ไอหยา ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง" เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น "พี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับพวกเราเลยนะคะ ถ้าเป็นอย่างที่คุณป้าว่าจริง ๆ บางทีอาจจะมีความเข้าใจผิดกันเกิดขึ้นก็ได้ เอาเป็นว่า เรื่องนี้เราพักกันไว้ก่อนดีกว่าค่ะ รอให้ทุกคนใจเย็นลงแล้วค่อยหาเวลามาพูดคุยทำความเข้าใจกันใหม่อีกครั้ง"

เธอหันไปพยักหน้าให้แม่และพี่ชาย เป็นการส่งสัญญาณให้ล่าถอย ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงไว้ซึ่งท่าทีของผู้ดีที่ไม่ยอมเสียกิริยาจนวินาทีสุดท้าย

ย่าหลี่จ้องหน้ายายหลิวอย่างอาฆาตแค้น แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ทำได้เพียงกระทืบเท้าอย่างหัวเสียแล้วเดินตามลูกสาวออกไป

ตอนนี้ในห้องจึงเหลือเพียงหลี่เจียงคนเดียว เขายืนนิ่งอยู่กลางห้อง ความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามา ทั้งโกรธที่ถูกหักหน้า ทั้งอับอายที่พ่ายแพ้ให้กับสองยายหลาน 

และที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกเหมือนถูกภรรยาของตัวเองหักหลัง เขามองหน้าหลิวซือที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนจะพูดออกมาเพียงสั้นๆ ว่า

 "คืนนี้คุณกับผมมีเรื่องต้องคุยกัน" แล้วก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ทิ้งระเบิดเวลาลูกใหม่เอาไว้เบื้องหลัง

พายุสงบลงแล้วจริง ๆ แต่ซากปรักหักพังที่มันทิ้งไว้นั้นสาหัสนัก

เสี่ยวเหลียนมองแผ่นหลังของยายหลิวที่ยืนตระหง่านไม่ไหวติง ท่านคือภูผาที่ปกป้องเธอจากพายุร้าย แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองร่างที่กำลังสั่นเทาของแม่ ผู้ที่กำลังจะเผชิญกับพายุลูกใหม่ที่สามีของเธอเตรียมไว้ให้

ชัยชนะในวันนี้...มันคือการจุดไฟสงครามครั้งใหม่ขึ้นมาใช่หรือเปล่านะ

เธอเดินเข้าไปจับมือที่เหี่ยวย่นแต่ยังคงอบอุ่นของยายไว้แน่น "ขอบคุณยายมากนะคะ"

ยายหลิวหันกลับมามองหลานสาว แววตาที่เคยแข็งกร้าวอ่อนโยนลง แต่ยังตำหนิที่เธอไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับท่านตั้งแต่แรก ท่านลูบศีรษะเธอเบาๆ "จำไว้นะเสี่ยวเหลียน ตราบใดที่เรายังยืนหยัดอยู่บนความถูกต้อง เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น" ทว่าสายตากลับจ้อมองไปยังลูกสาวอย่างห้ามไม่อยู่

เสี่ยวเหลียนพยักหน้ารับ แต่ในใจกลับอดคิดไม่ได้

‘ความถูกต้องของเราได้ทำร้ายผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นแม่...และกระดานหมากเกมนี้...มันยังอีกยาวไกลนัก’

เธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงการชนะในศึกแรกเท่านั้น สงครามที่แท้จริงเพื่ออิสรภาพและอนาคตของเธอ...มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง

หลิวซือสงบสติอารมณ์แล้วก็เดินออกไป ความรู้สึกและโกรธมันสะสมปนเปกันไป แต่ดูเหมือนว่าความโกรธจะมีมากกว่า 

เธอไม่พอใจที่ผู้เป็นแม่พูดเรื่องเงิน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เงินเดือนถูกเก็บไว้ในกองกลางก็จริง แต่ก็มักจะมีเงินเล็กๆน้อยๆที่ได้จากการทำงานล่วงเวลาแล้วแอบเก็บเอาไว้บ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็ไม่ใช่คนโง่เสียทีเดียว และรู้ด้วยน้ำน้ำหนักในใจของตัวเองกับคนบ้านหลี่แล้วเธอมาเป็นอันดับท้ายๆ

โชคดีที่วันนี้อารองกับภรรยาของเขาไปทำงาน ไม่อย่างนั้นคงถูกสองผัวเมียรุมอีกเป็นแน่ 

ถ้าลำดับความสัมพันธ์แล้ว ถึงหลี่เซียนจะปากร้าย แต่ก็ถือว่าเข้ากับเธอได้ดีกว่าอารองและภรรยา ตั้งแต่ที่แม่และลูกสาวของเธอย้ายมาอยู่ พวกเขาก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้อนรับ

ประท้วงโดยการไปทำงานแต่เช้า เย็นมาก็กินมาจากที่โรงงานเลย ช่วงพักกลางวันยิ่งไม่ต้องพูดถึง จะมีก็แต่ หลี่เทียน ลูกชายของพวกเขาที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับจ้าวเสี่ยวเหลียน ที่จะชวนลูกสาวเธอคุยบ้าง แต่ส่วนมากแล้วเขาจะขลุกอยู่ที่ร้านเกม รอพ่อกับแม่เลิกงานมาถึงจะกลับบ้าน แล้วบอกว่าตัวเองอ่านหนังสืออยู่แต่ในห้องทั้งวัน

ย่าหลี่เองก็เข้าข้างหลานชาย เพราะเขาเปนหลายชายคนแรก ทังยังเป็นหลานชายคนเดียวในบ้าน จึงได้รับความรักจากทุกคนอย่างท่วมท้น และเพราะคลอดหลานชายให้บ้านหลี่ สะใภ้รองเลยเป็นลูกสะใภ้คนโปรด ไม่ต้องทำงานบ้านอะไร เลิกงานมาสามารถกลับเข้าห้องพักผ่อน 

ต่างจากหลิวซือที่เลิกงานมาต้องทำงานบ้าน ช่วงที่ลูกสาวกับแม่มาอยู่ก็สบายหน่อย เพราะทั้งสองคนทำแทนทุกอย่าง ในขณะที่คนอื่นไปทำงานกันหมด ไม่เว้นแม้แต่ย่าหลี่ที่ยังคงทำงานที่โรงงานทอผ้า และจะเกษียรในสามปีข้างหน้านี้

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   64

    เช้าวันถัดมา เสี่ยวเหลียนก็รีบตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะมาช่วยยายหลิวจัดเตรียมของไหว้ ปล่อยให้สามีนอนอยู่บนเตียงเมื่อคืนทั้งเธอและเขาต่างเปิดประสบการณ์และทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำแต่ไม่กล้า เรียกได้ว่าอิ่มเอมทั้งสองฝ่าย แต่ต้องมาเสียใจทีหลังเพราะปวดระบมไปทั้งร่าง“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ออกมานอกห้องก็เห็นตะเกียงถูกจุดอยู่“อรุณสวัสดิ์” ยายหลิวทักทายหลานสาว“ทำไมไม่เปิดไฟละค จะเปิดจุดตะเกียงอีกทำไม” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินไปเปิดไฟในบ้านอีกด้วย“เห็นว่ายังเช้ามืดอยู่ กลัวว่าแสงไปจะเข้าไปในห้องรบกวนการนอนของผู้พัน”“เขาไม่เรื่องมากขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าให้กับความเอาใจใส่ของท่านที่มีต่อหลานเขย“แกน่ะไม่เคยคิดอะไรเผื่อใครต่างหากล่ะ ช่วงที่พวกเราเดินทางมาซูโจวผู้พันแทบไม่ได้พักผ่อนเลยเพราะมัวแต่เฝ้าของ กลับมาเหนื่อยๆ ก็มาเจอเรื่อง

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   63

    หลังจากที่ซ่งเฉวียพาแม่ของเขากลับไปแล้ว จางเสวี่ยอวี้ก็ตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับภรรยาอย่างจริงจัง เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็ไปรวมกับสหายยังจุดนัดพบเนื่องจากว่าเขาเดินทางล่วงหน้ามาก่อนสหายหลายวัน คำนวณเวลาดูแล้วคงเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน สหายในกองทัพก็น่าจะเดินทางมาถึงยังจุดนัดพบ“วันนี้คุณใจร้อนเกินไปนะครับ” เขาพูดกับคนในอ้อมกอด ตอนนี้เธอกำลังอ้อนเขาเหมือนแมวน้อยก็ไม่ปาน“ฉันรู้ค่ะ แต่บอกตามตรงว่าพอรู้ว่าย่าซ่งถูกทุบตี ภายในใจฉันก็รู้สึกไม่ยินยอม” เธอตอบอย่างเอาแต่ใจ“อืม แค่รอยฟันเด็ก ไม่ได้เหมารวมว่าแม่ของเขาจะเป็นคนทำนะครับ”“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆนะคะ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนั้นด้วย ทั้งยังเป็นใต้ร่มผ้าที่คนอื่นไม่สังเกตเห็นอีกด้วย ถ้าวันนี้เราไม่เห็นหรือเรากลับมาช้ากว่านี้ ท่านจะมีชีรอดจนถึงสิ้นปีหรือเปล่า คนเต็มบ้านทำไมไม่มีใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าท่านจะความจำเสื่อมฉันว่าก็

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   62

    ตอนนี้เวลาหกโมงเย็น คนที่ออกไปหาปลาก็ทยอยกลับเข้าบ้าน รวมถึงคนบ้านซ่งด้วยเหมือนกัน ผู้นำหมู่บ้านกลับเข้าบ้านมาก่อนลูกชายไม่นาน วันนี้ท่านมีประชุมในตัวเมืองเลยกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน“แค่คนแก่คนเดียวทำไมคุณถึงดูแลไม่ได้ คนอื่นต้องลงเรือหาปลากันทั้งวัน ตากแดดตากลม นี่ให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกดูแลแม่แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้” พี่ใหญ่ซ่งด่ากราด เนื่องจากกลับมาถึงบ้านแล้วภรรยาบอกข่าวร้ายว่าแม่เขาหนีออกจากบ้านอีกแล้ว“ใจเย็นๆ น่าพี่ใหญ่” ซ่งเฉวียน ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผิวคล้ำเพราะออกเรือหาปลาทุกวันตบไหล่พี่ชาย ด้วยกลัวว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้ใหญ่“แกจะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไงเจ้าสาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนทำพลาด เดือนนี้กี่ครั้งแล้วที่แม่หายตัวไป”“เอาน่า ลองแยกกันหาดูอีกทีแล้วกันครับ พ่อเอาปลาไปขายให้ส่วนกลางก่อนที่ปลาจะตายแล้วไม่มีราคา” ซ่งเฉวียนบอกกับผู้เป็นพ่อ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   61

    ข่าวเรื่องสองยายหลานกลับบ้านมาตอนนี้ดังไปทั่วทั้งหมู่บ้านสายน้ำแล้ว เสี่ยวเหลียนไม่มีเวลาสนทนากับใคร เธอวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดบ้าน หน้าที่รับแขกเลยเป็นของยายหลิวและหลานเขย“ไอหยา…วาสนาเสี่ยวเหลียนนี่ดีจริงๆ เลยนะ ได้สามีเป็นคนเมือง”“นั่นน่ะสิ แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่กันแล้วเหรอ”“จะเป็นไปได้ยังไง มีผู้ชายที่ไหนแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงบ้างล่ะ”“แกลืมไปหรือเปล่า ก็ลูกสาวนางหลิวไง แม่เสี่ยวเหลียนก็แต่งพ่อเสี่ยวเหลียนเข้าบ้านมาไม่ใช่เหรอ”“ฮ่าๆ จริงสิเนอะ เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”แต่แล้วรองเท้าจากที่ไหนไม่รู้ลอยมากลางวงสนทนา จางเสวี่ยอวี้ปฏิกิริยาเร็ว เขาใช้ถาดขึ้นมากันเอาไว้ ไม่ให้ยายหลิวถูกลูกหลง กลายเป็นว่ารองเท้ากระทบกับถาด ลอยไปฟาดปากคนที่หัวเราะอย่าพอเหมาะพอเจาะจนหุบปากไม่ทัน

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   60

    ยายหลิวพอรู้ว่าหลานสาวและหลานเขยจะไปส่งที่ซูโจวก็ทั้งดีใจและเกรงใจ ดีใจที่จะได้พาหลานสาวกลับไปไหว้ บอกกล่าวบรรพบุรุษตระกูลหลิว และเกรงใจหลานเขย เพิ่งกลับมาจากทำงานต่างเมืองแท้ๆ ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว“ลำบากหลานเขยแล้ว” ยายหลิวพูดขึ้น ขณะที่หลานเขยช่วยท่านยกกระเป๋าขึ้นไปบนรถไฟ“ไม่เป็นไรครับ”จางเสวี่ยอวี้ยิ้มรับ วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเมื่อคืนได้ปลดปล่อยเต็มที่หลังจากที่กักเก็บลูกๆ มานาน ต่างจากจ้าวเสี่ยวเหลียนที่แทบไม่อยากจะขยับตัว“ของีบหน่อยนะคะ” ขึ้นบนรถไฟได้ เธอก็หลับมาตลอดทางยายหลิวส่ายหน้าให้กับความขี้เซาของหลานสาว แต่เพราะเธอเป็นคนเมารถ ท่านเลยเข้าใจปว่าหลานสาวน่าจะเมารถไฟด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเมาอย่างอื่นที่สามีมอบให้ต่างหากล่ะตลอดการเดินทาง จางเสวี่ยอวี้ดูแลสองยายหลานเป็นอย่างดี จองตั๋วนอนให้จะได้โดยสารสะดวก ทั้งยังเป็นคนดูแลความเรียบร้อย เรียกได้ว่ามีเขาอยู่ ยายหลิวสบายตลอดทั้งทางใช้เวลาเดินทางห้าวันก็มาถึงซูโจว ชายหนุ่มมองไปรอบๆ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ เนื่องจากมีคลองขนส่งตลอดทั้งเส้นทาง ผู้คนสัญจรทางเรือมากกว

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   59

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยื้อให้ยายอยู่ด้วยกันจนกระทั่งถึงเดือนกันยายน อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย ถึงเวลาที่ท่านจะต้องกลับซูโจวแล้วจริงๆ“ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยละคะ รอให้ถึงวันชาติฉันกับพี่เสวี่ยอวี้จะได้ไปส่งยายได้” หญิงสาวต่อรอง“กลับวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกัน จะยื้อต่อไปอีกทำไม” ยายหลิวส่ายหน้า มือก็สาละวนอยู่กับการจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางช่วงหลังแต่งงานเธอไม่ได้กลับบ้านเพื่อไปไหว้ครอบครัวเดิม เพราะครอบครัวของเธอก็คือยายหลิว ในเมื่อยายอยู่กับตัวเองที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องกลับส่วนหลิวซือเองก็ได้ติดอะไร ด้วยรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวเลือกอยู่ข้างใคร และเธอเองก็ถือว่าตัวเองทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่ ส่งลูกสาวขึ้นเรือลำเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วเรียบร้อยจะว่าไปจ้าวเสี่ยวเหลียนเองก็ถือว่าโชคดีกว่ามาก แม้ว่าแรกเริ่มจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่หลังจากเลือกที่จะตกลงปลงใจกับจางเสวี่ยอวี้แล้ว ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขณะที่สองยายหลานคุยกันอยู่นั้น จางเสวี่ยอวี้ก็กลับมาจากปฏิบัติงานนอกพื้นที่พอดี ที่ยายหลิวยอมใจอ่อนอยู่ต่อนานนับเดือนขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนหลานสาว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status